ตอนที่ 1 หนูน้อย 1
บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ใต้ถุนสูง ในชนบทหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุตรดิตถ์ มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน แวดล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านที่มีลักษณะเดียวกัน ต้นไม้ขึ้นหนาตา พืชผักสวนครัวรายรอบบ้านตามแบบหลักเศรษฐกิจพอเพียง พืชสวนครัวรั้วกินได้ ครอบครัวเล็ก ๆ นี้ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 6 คน พ่อแม่ ตายาย และลูกสาว 2 คน คือ ลูกเกด คนโต และ ซ่อนกลิ่น คนเล็ก
และเวลานี้เป็นเวลาเย็นย่ำ กลิ่นหอมฉุยของอาหารที่โชยแตะจมูกก็เรียกให้เด็กหญิงตัวเล็กแทบจะลอยมาตามลมก็ว่าได้
“ยายจ๋า ยายจ๋า ยายกำลังทำอะไรจ๊ะ” ลูกเกด หนูน้อยวัยประมาณ 7 ขวบยื่นหน้าเข้าไปถามผู้เป็นยาย
“ยายกำลังทำกับข้าวลูก” ผู้เป็นยายตอบอย่างเอ็นดู
“หอมจังเลยจ้ะยาย อะไรล่ะ” หนูน้อยถามต่อ
“หมูทอดของโปรดของหลานไงจ๊ะ นี่หนูถอยไปห่าง ๆ ลูก ประเดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่หรอก” ยายตอบพลางสาละวนกับการทำกับข้าวมื้อเย็นให้ครอบครัวรับประทานต่อ
“แล้วตากำลังทำอะไรล่ะ เล่นอะไรคะ หนูเล่นด้วยได้หรือเปล่า” หลานน้อยถามพลางเดินไปหาตาทางชานเรือนที่เป็นปูนยื่นออกไปจากนอกตัวบ้านเป็นที่ไว้สำหรับตากผ้า ซักผ้า ล้างถ้วยล้างจาน แต่คราวนี้ตาทำอะไรแปลก ๆ เหมือนกำลังเล่นอะไรสักอย่าง
“ไม่ได้หนู ตากำลังขูดมะพร้าวให้ยายเอาไปคั้นกะทิ ทำกับข้าวลูก” ตาตอบพลางหัวเราะ
“เหรอคะ ให้หนูช่วยได้ไหม หนูอยากเล่นด้วยจ้ะ” ลูกเกดอาสาอย่างแข็งขัน
“ตาทำใกล้เสร็จแล้วลูก ไปเล่นกับน้องเถอะไป๊” ผู้เป็นตาตอบพลางทำเสียงเข้ม
หนูน้อยจำต้องเดินก้มหน้าหงอย ๆ เข้าไปหาน้องในบ้าน น้องสาวของเธออยู่ในวัย 3 ปี กำลังน่ารักน่าชัง เป็นที่รักที่เอ็นดูของคนในครอบครัว
เมื่อเดินผ่านประตูไม้เข้าไปในบ้าน น้องสาวอยู่บนตักแม่ กำลังนั่งดูดขวดนม แลดูอารมณ์ดี ลูกเกดจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วพูดกับน้อง
“ไหน ๆ ยิ้มปากกระโถนหน่อย” ลูกเกดเอ่ยยิ้ม พลางทำท่าล้อยิ้ม ๆ “ยิ้มหน่อย ๆ ๆ”
ไม่นาน หนูน้อยซ่อนกลิ่น ก็ยิ้มออกมา
“น่ารักจังเลย” ผู้เป็นพี่เอ่ย พลางเล่นกับน้องต่อ การยิ้มปากกระโถน คือ การยิ้มยิงฟันเห็นทุกซี่ในปาก ทั้งฟันบนและฟันล่าง ทำให้เป็นที่น่าเอ็นดูสำหรับคนในบ้านมาก ๆ ประกอบกับ หนูน้อยซ่อนกลิ่นนั้น มีลักยิ้มเป็นรอยบุ๋มอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง ทำให้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
กำลังเล่นกับน้องอยู่เพลิน ๆ สักพัก ก็ได้ยินเสียงยายเรียกดังลั่นมาว่า
“อ้าว กับข้าวเสร็จแล้ว มากินข้าวกัน”
พ่อซึ่งกำลังนั่งดูลูกทั้งสองคนเล่นกันอยู่ก็จัดการพาสองหนูน้อยคุมมากินข้าวในครัว
“โอ้โฮ น่ากินจัง” ลูกเกดเอ่ยขึ้น “ยายจ๋า หนูอยากกินหมูทอด” ลูกเกดอ้อนต่อ
“เอ้านี่ เดี๋ยวยายทำให้” ผู้เป็นยายฉีกหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเอาน้ำหมูทอดคลุกขยำกับข้าวแล้วส่งให้หลานคนโตกิน ในขณะที่แม่กำลังวุ่นวายจัดการมื้อเย็นให้น้องคนเล็ก
ลูกเกดจัดการเอาข้าวใส่ปากได้คำนึง แล้วกว่าจะเคี้ยวข้าวหมดคำก็นานมาก นานจนโดนบ่นเบา ๆ
“หมดหรือยังลูก เคี้ยวเอื้องอยู่นั่นแหละ”
ลูกเกดทำเป็นเคี้ยวเร็วขึ้นเพื่อจะได้ไม่โดนบ่นไปมากกว่านี้ แต่ก็ยังไม่วายไม่ยอมกินต่อให้หมดจาน จนตาต้องใช้วิธีหลอกล่อ
“อ้าว เครื่องบินจะมาแล้ว เครื่องบินจะเข้าปากแล้ว อ้ำ ๆ ๆ” เรียกได้ว่ากว่าจะกินข้าวหมดแต่ละคำ ตากับยายแทบจะต้องหลอกล่อด้วยตัวสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ กันเลยทีเดียว
พอกินข้าวมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยผู้เป็นแม่บอกลูกคนโตว่า “หนูช่วยแม่เอากับข้าวใส่ตู้หน่อยลูก”
ลูกเกดเดินทำตามคำบอก แต่ยังอดมิวายถามไม่ได้ “ทำไมเราต้องเก็บกับข้าวที่เรากินไม่หมดใส่ตู้ด้วยล่ะจ๊ะ ทำไมเราไม่ทิ้งล่ะ ก็เรากินแล้วนี่นา”
“ลูกเอ๊ย กับข้าวกินไม่หมดเก็บเข้าตู้ก็จะได้ประหยัด เอามาอุ่นกินในมื้อต่อ ๆ ไปได้ ส่วนข้าวสวยนี่ ถ้ายังไม่หมด เราก็เอามาอุ่นเป็นข้าวเย็น ประหยัดไปได้อีกมื้อเลยนะ” แม่สอนลูกน้อยยิ้ม ๆ
“เข้าใจแล้วค่ะ” ลูกเกดตอบ