EP.3

2537 Words
                                                                                               EP.3                 เช้าวันเสาร์พี่เธนส์มาหาผมจริง ๆ อย่างที่พี่ไม้บอก ส่วนพี่ไม้ออกจากบ้านไปก่อนที่ผมจะตื่นซะอีก ทำให้ตอนนี้ทั้งบ้านมีแค่ผมกับพี่เธนส์เท่านั้น                 “พี่เธนส์สวัสดีครับ ชาไม่คิดว่าพี่จะมาจริง ๆ” ผมทักทายพี่เธนส์และเริ่มจัดโต๊ะสำหรับข้าวเช้า                 “ไอ้ไม้บอกว่าชามีเรื่องให้ช่วย สำคัญมากด้วย พี่เลยมา”                 “มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกครับ ชาแค่หาคนมาช่วยวาดรูปส่งอาจารย์แค่นั้นเอง” ผมพุดยิ้มๆ                 “อ๋อ พี่ว่ามันก็สำคัญอยู่นะ” พี่เธนส์ว่าแล้วยิ้มขำๆส่งมา ผมหัวเราะแหะๆเพราะรู้ว่าพี่เธนส์หมายถึงฝีมือวาดรุปที่แสนห่วยแตกของผม                 “แต่ชาจำเก่งนะครับ คนเราเก่งไม่เหมือนกันสักหน่อย”                 “พี่รู้แล้ว พี่แซวเล่นน่ะ ว่าแต่จะให้พี่วาดที่ไหนล่ะ”                 “พอดีชาต้องไปดูแลปเตรียมไว้เรียนวันจันทร์ด้วยครับ พี่เธนส์จะไปดูอาจารย์ใหญ่ที่ตึกเลยมั้ยครับ”                 “อะไรนะ” พี่เธนส์ทำหน้าสงสัยและเบิกตาเหมือนตกใจเล็กน้อย                 “อาจารย์ใหญ่ที่บริจาคร่างกายให้เราเรียนไงครับ พี่เธนส์ไม่ต้องกลัวครับเห็นแค่กระดูกครับ”                 “เอางั้นก็ได้ แล้วไอ้ไม้มันไปไหนล่ะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”                 “พี่ไม้ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ บอกแค่ว่าไปคุยงานกับลูกค้า ชาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน” ผมพูดแล้วดึงเก้าอี้ออกมานั่ง ส่วนพี่เธนส์ดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผมมานั่งเช่นกัน เรานั่งกินข้าวเช้าด้วยกันเงียบๆ แต่ผมรู้สึกว่ามื้อเช้าวันนี้อร่อยกว่าทุกวันที่ผ่านมา มหาวิทยาลัย                 ผมพาพี่เธนส์มาห้องแลปที่มีอาจารย์ใหญ่อยู่ซึ่งเป็นห้องที่ผมต้องเตรียมแลปเพื่อเรียนวันจันทร์พอดี ผมหาเก้าอี้ให้พี่เธนส์นั่ง ส่วนผมก็หันไปวุ่นกับการเตรียมแลปให้เพื่อน เพราะเป็นเวรที่เวียนมาพอดี                 “พี่เธนส์ไม่ต้องวาดสวยมากก็ได้นะครับเพราะเดี๋ยวอาจารย์จะจับได้ จริงๆมันควรเป็นงานที่ชาทำเอง”                 “งั้นพี่สอนชาวาดดีมั้ย”                 “ชากลัวว่าถึงพรุ่งนี้ก็จะยังไม่เสร็จน่ะสิครับพี่เธนส์”                 “หึๆ” พี่เธนส์ขำหึๆในลำคอ ผมเลยปลีกตัวออกมาเตรียมแลปต่อและแอบมองพี่เธนส์ในตอนที่ตั้งใจวาดรูป ผมรู้สึกขอบบคุณพี่ไม้ที่ขอให้พี่เธนส์มาช่วย รู้สึกขอบคุณลูกค้าคนนั้นของพี่ไม้ที่ทำให้พี่ไม้ไม่ว่างมาช่วยผมวันนี้ และรู้สึกขอบคุณอาจารย์ที่ให้งานนี้มา                 “อ้าว! ไอ้ชา มาไงวะ”                 “เชี่ย!!” ผมสะดุ้งเฮือกจนเกือบทำเชื้อที่เลี้ยงไว้หกใส่ตัวเอง ไอ้โจ้ ให้เพื่อนเวร                 “กูแค่ทักมึงนะ มึงจะด่ากูทำไม”                 “กูไม่ได้ด่า มึงก็รู้ว่ากูขี้ตกใจ มึงนี่ กูเกือบทำเชื้อหกใส่ตัวเอง ถ้ากูป่วยกูเอามึงตายแน่”                 “มึงจะเอากูจนตายเลยเหรอ”                 “ลามกจริงนะมึงนี่ แล้วมาทำไม วันนี้เวรกูเตรียมแลป อย่าบอกว่าลืมนะ เวรมึงอาทิตย์หน้านู่น ไสหัวกลับหอไป” ผมบอกและโบกมือไล่ไอ้โจ้ไปด้วย โจ้เป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด ไปไหนไปกันตลอดตั้งแต่สมัยปี 1 แต่จริงๆเรารู้จักกันผ่านๆตั้งแต่สมัย ม.ปลายแล้ว ผมเจอมันวันรายงานตัวพอคุยกันเลยรู้ว่าเรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกัน นั่นทำให้ผมดีใจจนน้ำตาแทบไหลเพราะมีเพื่อนที่รู้จักมาเรียนด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมน้ำตาจะไหลเพราะมีคนอย่างมันเป็นเพื่อนแทน                 “กูมาประชุมชมรม แล้วมึงมีอะไรให้กูช่วยมั้ย กูว่าจะมาถ่ายรูปอาจารย์ใหญ่ไปวาดส่งอาจารย์”                 “”ไม่เป็นไร กูเก่ง กูเตรียมเองได้ มึงมาช่วยเดี๋ยวแลปกูจะพังเปล่าๆ”                 “จ้า มึงเก่งจ้า ว่าแต่นั่นใครน่ะ ที่นั่งอยู่หน้าห้อง”                 “ใคร”                 “ก็นั่นไง ที่นั่งวาดรูปอยู่ เพื่อนเซคเดียวกันเหรอ” ผมฟังมันพูดแล้วเริ่มคิดแผนชั่วขึ้นมา                 “ไหน ใคร ไม่มี กูอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เช้าแล้ว มึงตาฝาดหริอเปล่า”                 “เชี่ย ตาฝาดอะไรล่ะ กูเห็นนั่งวาดรูปอยู่หน้าอาจารย์ใหญ่อยู่เนี่ย”                 “ก็กูไม่เห็น กูอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เช้าแล้ว” ผมเน้นเสียงคำว่าคนเดียวจนโจ้หน้าถอดสี มันเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองแต่ดันมาเรียนสายสุขภาพที่ต้องคลุกคลีอยู่กับอาจารย์ใหญ่เป็นบางครั้ง ห้องที่ผมเตรียมแลปอยู่ค่อนข้างใหญ่และผมกับไอ้โจ้ก็ยืนอยู่หลังห้อง ทำให้พี่เธนส์ที่นั่งวาดรูปอยู่ไม่ได้ยิน                 “ชา มึงอย่ามาหลอกกู กูเห็นจริงๆ เนี่ย ยังนั่งอยู่หน้าห้องอยู่เลย”                 “เค้าอยากให้มึงเห็นคนเดียวหรือเปล่า” ผมพูดลอยๆด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ และนั่นทำให้ไอ้โจ้กระโดดมาเกาะหลังผมทันที                 “เชี่ยชา กูโดนแล้ว ช่วยกูด้วย” โจ้หลับหลังผมแล้วเขย่าผมไปมาจนข้าวเช้าผมแทบพุ่งออกมาเลยทีเดียว                 “มึงเลิกเขย่ากู ไอ้โจ้! เดี๋ยวเชื้อหก”                 “มึงไม่เห็นเหมือนกูนี่ เชี่ยยยย เค้าหันมามองกูอ่ะ ช่วยกูด้วย ไอ้ช๊า!!!”                 “ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะจนน้ำตาไหลตอนที่พี่เธนส์หันมาทางพวกเราอาจจะเพราะได้ยินเสียงโวยวายของโจ้ ส่วนเจ้าตัวแทบจะกรี๊ดออกมาอยู่แล้ว                 “ชา เพื่อนเหรอ”                 “ครับพี่เธนส์ เพื่อนชาเอง”                 “ชา มึงคุยกับผีด้วยเหรอ!” โจ้ตะโกนเสียงดังแล้วทำหน้าตกตะลึงเหมือนเห็นคุณริว จิตสัมผัส ผมหัวเราะแล้วดึงแขนโจ้ให้เลิกหลบหลังผมเสียที                 “ผีอะไรล่ะ นี่พี่เธนส์เพื่อนพี่ไม้ กูขอให้พี่เค้ามาช่วยกูวาดรูป มึงนี่กลัวผีจนสมองหยุดทำงานรึไง”                 “ไอ้ชา มึงหลอกกูเหรอ เชี่ยนี่ มึงก็รู้ว่ากูกลัว...” โจ้หยุดประโยคแค่นั้นแล้วกลอกตามองไปรอบห้อง                 “มึงนี่นะ ตัวอย่างกับยักษ์กลัวอะไรไม่เข้าท่า พี่เธนส์ครับนี่โจ้เพื่อนชาครับ” ผมบอกพี่เธนส์แล้วดึงไอ้โจ้มาหาพี่เธนส์ที่หน้าห้อง                 “สวัสดีครับพี่ พี่ไม่ใช่ผีแน่นะครับ” ไอ้โจ้ไหว้พี่เธนส์และเอื้อมมือไปแตะตัวพี่เธนส์เบาๆ                 “ไม่ใช่ครับ พี่มาช่วยชาวาดรูป” พี่เธนส์พูดนิ่งๆขณะรับไหว้โจ้                 “มึงให้พี่เค้าวาดรูปให้มึงเหรอ”                 “ก็กูวาดรูปไม่เป็น”                 “กูจะบอกอาจารย์ให้หักคะแนนมึง โทษฐานที่มึงหลอกกูว่าพี่เค้าเป็นผี” โจ้พูดแล้วผลักหัวผมเบาๆ ผมเลยผลักคืนด้วยความหมั่นไส้                 “ทีงานชิ้นก่อนมึงยังลอกกูไปส่งอาจารย์เลย เนรคุณจริงๆนะมึงนี่”                 “แต่กูเขียนเองทุกตัวอักษรเลยนะ”                 “เขียนตามกูทุกตัวอักษรน่ะสิ ทีมึงจะรู้จักหาวิธีเอาตัวรอดเลย กูก็ต้องช่วยตัวเองให้รอดบ้างดิวะ”                 “มึงช่วยตัวเองให้รอดเหรอ”                 “เออ”                 “เชี่ย ช่วยตัวเองแล้วรอดเหรอวะ งี้กูก็เป็นอมตะเลยดิ ก็กูช่วยตัวเองทุกวัน”                 “ไอ้โจ้! มึงนี่ หัดอายบ้างเถอะ!” ผมตะโกนบอกมันแล้วผลักหัวมันจนเซ พอหันมาเห็นสายตาของพี่เธนส์มองมานั่นทำให้ผมหน้าร้อนอย่างไม่มีเหตุผล คำว่าช่วยตัวเองลอยอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด ผมอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี                 “อ้าว แล้วมึงจะเขินทำเตี่ยไร ทำอย่างกับเป็นไม่เคยช่วยตัวเอง”                 “มันใช่เรื่องที่กูจะต้องบอกมึงมั้ย มึงเป็นบ้าเหรอ พูดแต่เรื่องลามกเนี่ย ฮะ!!” ผมทุบไหล่ไอ้เพื่อนหน้าด้านดังอั้ก จนมันร้องเหมือนจะตาย พอเงยหน้าขึ้นมาผมก็เห็นพี่เธนส์อมยิ้มบางๆมาให้                         “ชา” ผมได้ยินเสียงเรียกเบาๆและแรงที่เขย่าตัวผมน้อยๆ ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดและขยับตัวหนีในทันที ก่อนจะเข้าสู่ห้วงภวังค์อีกครั้ง                 “ชา ตื่นเร็ว”                 “อือออออ”                 “ชา เย็นแล้วนะ เราไม่กลับบ้านหรือไง พี่วาดรูปเสร็จแล้ว”                 “อืออออ พี่ไม้ ขอนอนอีกนิดเดียว...” ผมพึมพำบอกแล้วซุกหน้าลงกับโต๊ะด้วยความงัวเงีย                 “พี่ไม้ที่ไหนล่ะชา นี่พี่เธนส์เอง” พอได้ยินคำว่าพี่เธนส์ผมก็ผงกหัวขึ้นมาทันทีจนคอลั่นดังก๊อก เพราะนอนซบกับโต๊ะอย่างผิดท่าพอขยับตัวทันทีจึงทำให้ร่างกายประท้วงขึ้นมา                 “โอ๊ย!” ผมร้องลั่นแล้วเอามือกุมต้นคอตัวเองพลางทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด                 “เป็นอะไรมั้ย” ผมค่อยๆเงยหน้ามองพี่เธนส์ที่ทำหน้าเหมือนกำลังเป็นห่วงผมอยู่ ผมหลบสายตาของพี่เธนส์แล้วส่ายหน้าเบาๆ                 “ทำอะไรไม่ค่อยระวังเหมือนเดิมเลยนะชา หันหลังมาเร็วพี่เดี๋ยวพี่ดูให้”                 “…ครับ” ผมค่อยๆหมุนตัวไปด้านหลัง พี่เธนส์แตะเบาๆที่ต้นคอของผม สัมผัสเย็นเยียบจากมือของเขาทำให้ผมใจเต้นจนเหมือนจะตายตรงนี้เสียให้ได้                 “ทำไมชาหูแดงล่ะ”                 “...เอ่อ... ชาคงร้อนมั้งครับพี่เธนส์ ชาหายเจ็บแล้วครับ” พอพูดแบบนั้นพี่เธนส์ก็หยุดนวดต้นคอให้ผมทันที ผมหันกลับมาแล้วเงยหน้ามองพี่เธนส์อีกครั้งและเอ่ยขอบคุณเบาๆ                 “ขอบคุณครับ”                 “ไม่เป็นไร คราวหลังระวังหน่อยนะ ชาเสร็จงานแล้วใช่มั้ย พี่วาดรูปให้ชาเสร็จแล้ว เรากลับกันเลยมั้ย”                 “ครับ ขอบคุณพี่เธนส์มากเลยครับที่ช่วยชา” ผมเอื้อมมือไปรับกระดาษที่พี่เธนส์ส่งให้แล้วคลี่ออกดูจึงเห็นรูปโครงกระดูกมนุษย์ที่วาดออกมาได้สมส่วนและถุกต้องตามตำแหน่งที่มันควรจะอยู่ ผมยิ้มตื่นเต้นเพราะรู้สึกว่ามันสวยมากจนเสียดายที่จะต้องเอาไปส่งให้อาจารย์                 “สวยมากเลยครับพี่เธนส์ ขอบคุณมากนะครับ หวังว่าอาจารย์จะจับไม่ได้ว่าชาไม่ได้วาดเอง”                 “ไม่เป็นไรหรอก เก็บของแล้วกลับกันเถอะชา”  ผมพยักหน้ารับแล้วเก็บกองการบ้านที่หอบมานั่งทำระหว่างรอพี่เธนส์แล้วเดินไปช่วยพี่เธนส์เก็บของอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินไปรอหน้าลิฟท์ ผมกดเรียกลิฟท์ขึ้นมาชั้นบนแล้วรอจนมันมาถึงก่อนจะเดินนำเข้าไป พี่เธนส์เดินมาเข้ามาก่อนประตูลิฟท์จะปิดลง ผมลอบมองพี่เธนส์ที่ก้มหน้ากดมือถืออยู่ ผมชอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่เธนส์เพราะรู้สึกว่ามีเสน่ห์และสมส่วนเหมือนภาพวาด เราปล่อยให้ความเงียบทำงานไปเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่ๆพี่เธนส์ก็ขยับตัวมายืนซ้อนข้างหลังผม ผมสะดุ้งตกใจแล้วหันหน้าไปหาพี่เธนส์จนจมูกเราชนกันอย่างไม่ตั้งใจ พอได้เห็นหน้าที่เธนส์ระยะประชิดแบบนี้ทำให้หัวใจผมเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอกได้จริงๆ                 “พ...พี่เธนส์...” ผมพูดตะกุกตะกักเมื่อพี่เธนส์ยกแขนขึ้นมาเหมือนจะโอบตัวผมไว้                 “ชาลืมกดชั้น” พี่เธนส์พูดแค่นั้นแล้วถอยออกไป ผมหันไปมองที่ปุ่มกดทั้งหลายบนแผงควบคุมก่อนจะพบว่าพี่เธนส์เพิ่งกดลิฟท์ไปชั้น 1 ให้ ไอ้ชาเอ๊ยยยย แอบมองเขาจนลืมกดลิฟท์                 “ขอโทษครับ” ผมยิ้มแหยๆส่งก่อนจะแอบด่าตัวเองในใจ ไอ้จังหวะจมูกชนกันเมื่อกี้เกือบทำผมหัวใจวายจริงๆ ผมอายได้ไม่นานเท่าไหร่ลิฟท์ก็หยุดที่ชั้น 1 ผมปล่อยให้พี่เธนส์เดินนำไปแล้วเดินตามออกมาก่อนจะพบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวมกางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อเชิ้ตรัดรูปสีขาวและรองเท้าผ้าใบที่ดูราคาแพง ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนเล็กน้อย ใบหน้าสวยได้รูปแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆแต่ก็สังเกตเห็นได้ เธอคลี่ยิ้มให้พี่เธนส์ก่อนพี่เธนส์จะเดินเข้าไปวางมือบนศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน                 “รอนานมั้ย” พี่เธนส์เอ่ยถามผู้หญิงคนนั้น เธอส่ายหน้าน้อยๆแล้วยิ้มกว้าง                 “ไม่นานหรอก เราเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง เธนส์ล่ะ เหนื่อยหรือเปล่า”                 “เธนส์แค่มาวาดรูปให้น้องเพื่อนเฉยๆ ไม่เหนื่อยหรอก”                 “น้องที่อยู่ข้างหลังเธนส์เหรอ” ผู้หญิงคนนั้นชะโงกหน้ามามองผม แต่เหมือนสมองผมหยุดสั่งงานชั่วคราว ผมไม่สามารถขยับตัวหรือตอบสนองอะไรได้เลย                 “ใช่ ชาน้องไอ้ไม้ที่เธนส์เล่าให้เน่ฟังบ่อยๆ”                 “อ๋อ หน้าตาน่ารักเชียว สวัสดีจ้ะ พี่ชื่อเนเน่ ได้ยินเธนส์พูดเรื่องเราบ่อยๆ ได้เจอซักที”                 “…ครับ สวัสดีครับ ผมชื่อต้นชา เรียกชาก็ได้ครับ” ผมยกมือไหว้พี่เนเน่แล้วรีบก้มหน้าเพื่อซ่อนสายตาเสียใจไว้                 “เน่เป็นแฟนพี่เอง แต่ชาคงยังไม่เคยรู้จัก”                 “ครับ... ชาไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เธนส์มีแฟน” ผมพูดเบาๆแล้วก้มหน้าอีกครั้ง                 “พอดีชานึกขึ้นได้มาลืมเตรียมของบางอันให้เพื่อน พี่เธนส์กลับก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวชาขึ้นไปเตรียมแลปต่ออีกนิดแล้วจะกลับครับ”                 “ให้พี่รอมั้ย” พี่เธนส์ถามเบาๆแล้วเขยิบเข้ามาใกล้ ผมส่ายหน้าแรงๆขณะที่ยังพยายามก้มหน้าต่อไป                 “เป็นไรครับ เดี๋ยวชาจะเข้าไปเอางานที่หอไอ้โจ้ด้วยพี่เธนส์กลับก่อนเลยครับ ชาเกรงใจ”                 “งั้นกลับดีๆล่ะ พี่ไปก่อนนะ”                 “ครับ ขอบคุณพี่มาช่วยวันนี้ครับ สวัสดีครับพี่เนเน่” ผมยกมือไหว้ทั้งสองคนและหมุนตัวกลับไปหน้าลิฟท์อย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสายตาของพี่เธนส์ที่มองมา พอเข้ามาในลิฟท์ผมก็ทรุดตัวลงกับพื้นปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อครู่ไหลลงมาอย่างไม่คิดจะกลั้น ที่ผ่านมาพี่เธนส์ก็มีแฟนมาบ้าง มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่เธนส์จะมีแฟน เพียงแต่ทุกคนที่ผ่ามาผมไม่เคยเห็นพี่เธนส์มองใครด้วยสายตาอ่อนโยนแบบนั้น ไม่เห็นเห็นพี่เธนส์สัมผัสใครได้อ่อนโยนแบบนั้น ที่สำคัญผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่สดใสขนาดนั้นของพี่เธนส์มาก่อน. เหมือนเธอคือความสดใสทั้งหมดที่พี่เธนส์มี และผมเจ็บจนบรรยายออกมาไม่ได้                 ผมรู้สึกแพ้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา             เหมือนความหวังทั้งหมดที่ผมมีถูกกระชากออกไปจากมือต่อหน้าต่อตา...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD