bc

ราตรีสีเทา

book_age18+
221
FOLLOW
1K
READ
drama
like
intro-logo
Blurb

‘ ผู้หญิงกลางคืน ‘ คำๆนี้คงจะเหมาะกับคนอย่างฉันที่สุดแล้ว ผู้หญิงที่ดูไร้ค่าไร้ราคาและไร้ศักดิ์ศรีในสายตาของทุกคน ผู้หญิงที่สังคมไม่ยอมรับต่ออาชีพที่ไร้เกียรติ ผู้หญิงที่ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาใครได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพียงเพราะผู้หญิงอย่างฉันใช้ร่างกายในการหาเลี้ยงชีวิตและครอบครัว ร่างกายที่ฉันเชื่อว่ามันเป็นสิทธิ์ของฉัน ร่างกายที่หากมันทำให้น้องสาวที่กำลังเรียนได้มีอนาคตที่ดีกว่าทุกวันนี้ แม่ที่กำลังป่วยได้มีโอกาสรักษาอย่างเช่นคนอื่น ฉันก็ไม่คิดที่จะสนใจคำพูดใครในโลกนี้ แค่คนในครอบครัวฉันอยู่สบายก็พอ... ฉันไม่เคยอ้อนวอนร้องขอให้ใครในโลกนี้มาเห็นใจกับสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ เพราะฉันรู้ว่าทุกคนต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น และเหตุผลข้อเดียวของฉันก็คือ..... “ครอบครัวที่ฉันรัก”

chap-preview
Free preview
งานในมาเลย์
ในโลกนี้มีผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพที่จะดำเนินชีวิต  มีทั้งสีขาวสีดำ  มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด  ส่วนฉันนะเหรอ!....คงจะบอกใครต่อใครไม่ได้ว่าอาชีพของฉันนั้นเป็นสีขาวหรือสีดำ  เพราะแท้ที่จริงแล้วมันคือ ‘สีเทา’ ‘เมียเช่า’ นี้คือคำที่ใครต่อใครใช้เรียกขานคนแบบฉัน ฉันเริ่มก้าวขาเข้ามาในอาชีพนี้ตั้งแต่ฉันอายุได้ 18 ปี  เมียเช่าที่ต้องคอยดูแลแขกชาวต่างชาติที่มาพักในเมืองไทยครั้งละนานๆนั่นแหละ  ถ้าถามถึงหน้าที่เมียเช่านะเหรอก็เหมือนๆกับหน้าที่ของภรรยาทั่วไปที่ต้องปฏิบัติต่อสามี  คอยดูแลเอาใจใส่  ไปเที่ยวด้วยกัน  กินข้าวด้วยกัน ทำทุกๆอย่างร่วมกันเหมือนดั่งสามีภรรยาทั่วไป   แต่หน้าที่หลักที่คนเป็นเมียเช่าแบบฉันต้องทำและต้องทำมันให้ออกมาให้ดีที่สุดก็คือ ....ให้ความสุขกับสามีชั่วคราว  ‘เซ็ก’ ดูๆไปอาชีพเมียเช่าก็เหมือนจะดีอยู่หรอกนะในเรื่องเงิน  แต่ฉันกำลังจะเปลี่ยนงานเพราะเงินที่ได้รับมันไม่เพียงพอต่อความต้องการของฉัน   เงินคำเดียวที่เป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของฉันและครอบครัว  เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่ฉันจะเอาไปดูแลแม่ที่ป่วยนอนรอการรักษา  เอาไปให้น้องสาวที่รอเงินจากฉันเพื่อไปโรงเรียน   ถ้าเงินจะเอามาแค่เลี้ยงปากท้องของฉันคนเดียวนั่นคงจะไม่จำเป็นเลยที่ฉันต้องเอาร่างกายมาแลก  หากฉันยังไม่ตายก็จะขอทำให้แม่กับน้องสบายเท่าที่จะทำได้  เพราะมันคงเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ฉันคนนี้จะทำได้ ด้วยอาชีพเมียเช่าที่มันมีรายได้ไม่แน่นอน  แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่เป็นที่สนใจอันดับต้นๆของโลกก็ตาม   แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าลืมว่ามันมีช่วง Low season และ High season   ในช่วง High season รายได้มันก็ดีอยู่หรอกเพราะแขกที่มากระเป๋าก็จะหนักหน่อย   ทิปที่ให้ก็จะเยอะพอควร   เงินรายเดือนที่ได้หลังจากหักค่านายหน้าแล้วก็ยังเยอะพอจะจุนเจือเลี้ยงปากท้องของทุกคนรวมถึงฉันได้   แต่เมื่อไหร่ที่ถึงช่วง Low season ฉันนี่แทบจะร้องไห้เพราะแขกที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่สนใจใช้บริการเมียเช่า  เนื่องจากมันมีราคาค่าตัวแพงกว่าผู้หญิงที่ให้บริการแบบคืนเดียวไม่มีการผูกมัด    หากฉันอยากให้แม่หายป่วยสักทีทางเดียวที่ฉันจะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้คือฉันต้องทำงานที่มันได้เงินมากกว่านี้  ความบังเอิญเมื่อพี่ฝนที่ไปทำงานที่มาเลเซียกลับมาที่ไทย เราเคยเป็นเมียเช่าด้วยกันก่อนที่พี่ฝนจะไปเอาดีด้านโคโยตี้ในต่างแดน  และรู้มาว่าเงินดีมากพอที่จะส่งกลับที่บ้านให้มีกิน “เงินดีแน่นอนอีนุช สวยอย่างมึงนี้เดือนละไม่ต่ำว่าสองแสน ยอมให้แขกมันจับนม  จับนั่นจับนี่ มึงได้ไม่อั้นแน่” พี่ฝนว่าขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิด “หรือถ้ามึงจะออกไปกับแขกก็จะถูกทางร้านหักไปสี่สิบเปอร์เซ็นต์  แต่ต่อให้หักแล้วก็ยังเงินดีกว่าเมียเช่าที่ต้องรอช่วง High season อยู่ดี” “...............” ฉันยังนิ่งเงียบและคิดต่อสิ่งที่พี่ฝนบอก  มันน่าสนใจมาก เพราะมันก็ไม่ต่างไปจากอาชีพที่ฉันทำอยู่ในตอนนี้ แค่มันต้องลักลอบไปที่มาเลเซีย และมันก็ไกลจากแม่และน้องสาว “เขาจะให้มึงทำงานสิบห้าวัน พักร่างกายอีกสิบห้าวัน  เราลักลอบเข้าไปต้องกลับมาหาดใหญ่ทุกสิบห้าวัน ไม่งั้นจะโดนจับ” “ดีเหมือนกัน ฉันก็จะได้กลับมาหาแม่” ฉันพูดเมื่อสิ่งที่คิดมีทางออก “กลับมาได้ กูอยากให้มึงไปทำ เป็นเมียเช่าก็ไม่มีอะไรดี ถ้ามึงไปทำให้แม่มึงหาย หรือพอมีเงินเก็บค่อยเลิกก็ได้  ถ้าแขกติดดีรับลองมึงได้ทิปไม่อั้น!!” “ฉันไปพี่ พี่พาฉันไปทำนะ” และฉันก็ตัดสินใจไปทำงานโคโยตี้ที่มีเงินหลักแสนรออยู่  เงินแสนที่จะทำให้ฉันได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ ทั้งรักษาแม่และส่งน้องเรียนหนังสือ  ไม่มีใครในโลกนี้ที่ฉันต้องสนใจว่าเขาจะมองฉันยังไง ใครจะด่าว่าว่าฉันเป็นกระหรี่ที่ใช่ร่างกายหากิน หรือใครจะมองว่าฉันไม่มีปัญญาหาเงินด้วยวิธีทั่วไปก็ตาม อย่างที่บอกนี่มันร่างกายของฉัน   สิทธิ์เป็นของฉัน!!  ฉันตายเพราะไม่มีศักดิ์ศรีแต่จะไม่ยอมให้แม่และน้องต้องอดตายแน่ ++++++++ ความจนมันน่ากลัว... และความจนก็เป็นตัวแปรเดียวที่ทำให้ทุกชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อความอยู่รอด อยู่ที่ว่าใครจะเลือกเดินแบบไหน  วิธีการที่ฉันเลือกแล้วว่าจะเดินแบบนี้ ฉันนั่งมองโทรศัพท์หลังโทรไปหาแม่และน้อง ฉันชอบถามไถ่ว่าพวกเขากินข้าวกับอะไร  กำลังทำอะไร ถามว่ามีเงินใช่ไหม กินยาหรือยัง เป็นชีวิตประจำวันที่อย่างน้อยได้ยินเสียงก็มีแรงที่จะต่อสู้กับโลกใบนี้  ใครจะเลวกับฉันยังไงก็ได้.. ขอแค่คนในครอบครัวยังรักฉันก็พอ  “ไอ้นุช..ไอ้นุช..อีนุชโว้ย” ฉันที่สะดุ้งตกใจกับคำที่พี่ฝนตะโกนเรียกเสียงดัง  ฉันมัวแต่มองเหม่อไปบนท้องฟ้าและความว่างเปล่าที่เริ่มจะมืดสลัว  มัวแต่คิดถึงคนที่บ้านจนเผลอใจลอยไปไกล “ห๊ะ! มีอะไรเหรอพี่ฝน  เรียกสะตกอกตกใจหมดเลย” ฉันว่าพลางพร้อมกับหันไปหาพี่ฝนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปหาดใหญ่กันแล้ว  แกเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง” พี่ฝนพูดพร้อมๆกับเดินมานั่งลงข้างๆฉัน “พร้อมแล้วพี่  หนูเก็บของหมดแล้วไม่น่าจะเหลืออะไรแล้วละ” ฉันพูดพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้าที่เงียบเหงา  ยิ่งดูก็ยิ่งทำให้ใจเศร้าสลดเพราะฉันคิดถึงแม่ คิดถึงน้องสาว คิดถึงกับข้าวบ้านๆที่เรามักจะนั่งกินบนพื้นด้วยกัน  คิดถึงสิ่งเหล่านั้นแล้วพาลให้น้ำตามันไหลออกมาสะดื้อๆ “อื้อ! พร้อมแล้วก็ดี แต่แกโอเคนะ ตัดสินใจดีแล้วนะ  ที่ต้องถามซ้ำเพราะมันเสี่ยงโดนจับ แต่เรื่องเงินมันดีแน่นอน!!” “แน่พี่ ฉันว่ามันคงดีที่สุดแล้วละ” ฉันตอบรับทั้งที่น้ำตามันยังไหลออกมาอาบแก้ม “ถ้างั้นก็ไม่ต้องร้องไห้ เพราะมันคือสิ่งที่เลือกแล้ว  ชีวิตคนเรา....สุดท้ายก็แค่ตาย  มึงทำดีแล้วที่เลือกจะทำให้ชีวิตแม่น้องสุขสบาย” พี่ฝนพูดพร้อมกับกอดฉันไว้  มันเหมือนกับเป็นการปลอบใจว่าสิ่งที่ฉันคิดมันถูกแล้ว วันรุ่งขึ้นฉันออกเดินทางมาที่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะขึ้นเครื่องบินไปลงที่สนามบินหาดใหญ่  นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้นั่งเครื่องบินและมันก็สร้างความตื่นเต้นให้กับฉันอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้างเดินไปทางไหนถึงจะถูก  คนที่ฉันต้องขอบคุณที่สุดก็คือพี่ฝน   พี่ฝนเป็นพี่ที่น่ารักคอยแนะนำฉันและทำให้ฉันไม่ต้องรู้สึกอับอายกับอาการเด๋อๆด๋าๆต่อหน้าเจ้าหน้าที่พนักงานสนามบิน   ที่สำคัญตั๋วเครื่องบินนี้ก็ได้พี่ฝนนี่แหละที่จ่ายให้ฉัน ไม่อย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นรถทัวร์ที่มีราคาถูกกว่าเกินครึ่งอย่างแน่นอน “นุช  เดี๋ยวปิดเครื่องโทรศัพท์ด้วยนะเครื่องจะออกแล้ว”   ก็เป็นพี่ฝนอีกเช่นเคยที่ต้องคอยบอกให้ฉันรู้ว่าจะต้องทำอะไรถึงแม้ว่าแอร์โฮสเตสบนเครื่องจะแนะนำแล้วแต่พี่ฝนก็ไม่วายจะย้ำเตือนฉันอีกครั้ง “ค่ะพี่  ตื่นเต้นจังไม่เคยเห็นก้อนเมฆใกล้ๆเลยสักครั้ง  ครั้งนี้ได้เห็นสักที”  ฉันมีอาการดีใจที่ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกจนอดไม่ได้ที่จะบรรยายมันออกมาให้คนข้างๆได้รับรู้ “....................”  พี่ฝนเพียงหันมายิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่แววตาก็สื่อให้รู้ว่าแกเอ็นดูฉันไม่น้อย เมื่อเครื่องบินได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าความตื่นเต้นในตอนแรกก็ค่อยๆคลายกลายเป็นความรู้สึกคิดถึง  ‘คิดถึงบ้าน’   เข้ามาแทนที่    ‘หวังว่าการตัดสินใจของฉันในครั้งนี้จะทำให้ครอบครัวของฉันสบายสักทีนะ’  ฉันได้แต่คิดในใจและนั่งยิ้มอยู่คนเดียว   เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงฉันก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่  พี่ฝนพาฉันขึ้นมานั่งบนรถยนต์ที่เพื่อนของแกมารอรับอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทุกอย่างมีพี่ฝนจัดการดูแลให้เสร็จสรรพ ฉันเห็นรถที่เขาพามารับ รถที่มันมีป้ายสีสดอยู่ด้านหน้า รถที่สวยงามในสายตาของฉัน  รถที่ฉันไม่เคยมีเลยสักคัน ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดในใจ  ‘สักวันฉันจะมีแบบนี้ให้ได้’  ความคิดที่ไม่ได้รู้สึกอิจฉาแต่เป็นความคิดที่ฉันรู้สึกว่าฉันเห็นพี่เขาเป็นไอดอล  เป็นแบบอย่างว่าสักวันจะมีให้เหมือนกับเขา “นุช  นี่พี่กระแตนะเพื่อนพี่เอง  ระหว่างที่รอนุชทำพาสปอร์ตเราจะพักที่บ้านของพี่กระแตกัน”  พี่ฝนหันมาแนะนำเพื่อนและบอกที่หมายที่เราจะต้องไป “สวัสดีคะพี่กระแต นุชขอรบกวนพี่กระแตด้วยนะคะ”  “หวัดดีน้อง  ไม่รบกวนอะไรเลยไม่ต้องเกรงใจพี่นะยังไงสะเราก็เหมือนพี่น้องกันเดี๋ยวก็ต้องไปทำงานด้วยกันอยู่แล้ว”  ผู้หญิงที่จมูกโด่งใบหน้าคมผิวขาวนวลซึ่งจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากหันมาพูดกับฉัน “ขอบคุณมากคะพี่กระแต  ขอบคุณพี่ฝนด้วยที่เอ็นดูนุช”  ฉันเอ่ยขอบคุณสองสาวรุ่นพี่ออกไปเพราะความรู้สึกของฉันมันเป็นแบบนั้นจริงๆ หลังจากที่เราคุยกันเพลินรถยนต์ส่วนตัวที่เรานั่งมาก็มาถึงบ้านชั้นเดียวหลังหนึ่ง  มันไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ในแถบชานเมืองจังหวัดสงขลา  ที่นี่อากาศเย็นสบายไม่ค่อยร้อนเหมือนพัทยาที่ฉันเคยอาศัย   จะว่าไปอากาศที่นี่ก็คล้ายๆกับบ้านที่ฉันเกิดมาไม่น้อยก็มันเป็นภาคใต้เหมือนกันนี่ “นุชนอนห้องนี้นะ ที่นี่มีแค่พี่กับฝนอยู่เวลาออกมาจากมาเลย์  ปกติก็ไม่มีใครอยู่หรอก” ฉันยิ้มรับเมื่อรู้ข้อมูลจากพี่ฝนก่อนแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ซื้อไว้เพื่อการพักผ่อน เป็นบ้านที่ใช้พักร่างกายช่วงสิบห้าวันที่ออกจากมาเลเซีย “เก็บของเสร็จแล้วอย่าลืมเตรียมเอกสารให้พร้อมนะ  พรุ่งนี้เราจะไปที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวกัน  จะได้ทำพาสปอร์ตให้เสร็จเร็วๆ”  พี่กระแตบอกฉันก่อนจะเดินออกไป “ค่ะพี่”  ฉันรับคำพี่กระแตแล้วหันมายกของเข้าห้อง ฉันเดินเข้ามาในห้องนอนมองดูรอบๆก็เห็นว่าห้องน่าอยู่มีแต่ของดีๆ  ที่นอนหนานุ่มมีเตียงสวยงามรองรับ   ไม่เหมือนที่นอนเก่าของฉันที่มีแต่ฟูกนอนไม่มีเตียงกับเขาหรอก   ฉันจัดของจนเสร็จและหันมาจัดเตรียมเอกสารต่อเพื่อที่จะไปทำพาสปอร์ตแบบท่องเที่ยวเพื่อข้ามด่านไปยังประเทศมาเลเซีย   หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมฉันไม่ทำพาสปอร์ตแบบไปทำงานละจะลักลอบเข้าไปแบบนักท่องเที่ยวทำไม   ก็ที่นั่นเขาไม่รองรับคนที่มาทำงานกลางคืนขืนฉันบอกเจ้าหน้าที่ไปตรงๆฉันก็อดไปทำงานที่อยากทำกันพอดี  ฉันจึงต้องลักลอบแบบนี้ไงละ

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.4K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook