ตอนที่ 4 เด็กของนที

1795 Words
“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เสียงของเพื่อนใหม่ดังขึ้น ตอนนี้ข้าวหอมและอบเชยยืนอยู่ที่โรงอาหารของคณะในช่วงพักกลางวัน กำลังลังเลกันอยู่ว่าจะกินอะไรดี เพราะยังลองชิมไม่ครบทุกร้าน “ไปร้านนั้นกัน ฉันอยากกินขนมจีน” ข้าวหอมเอ่ยตอบ “อืม” ตกลงกันเสร็จสองสาวพากันเดินไปยังล็อกที่ห้าของร้านในโรงอาหาร สั่งขนมจีนสองชาม แล้วหาโต๊ะว่างนั่งลงตรงข้ามกัน นับตั้งแต่เปิดเทอมข้าวหอมและอบเชยก็จับคู่นั่งเรียนด้วยกันตลอด ตอนทำกิจกรรมก็อยู่ด้วยกันไม่ห่าง จึงทำให้สนิทกันเร็ว อีกอย่างสถานะทางบ้านของสองสาวก็คล้ายคลึงกันมาก พ่อมีภรรยาสองคน อบเชยเป็นลูกคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สองเช่นเดียวกับเธอ พ่อของข้าวหอมเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ มีทรัพย์สินมากมาย แต่ท่านแต่งงานมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ส่วนมารดาของเธอนั้น ถ้าพูดให้ถูกก็มีสถานะเป็นเพียงภรรยาน้อยเท่านั้น ผู้เป็นพ่อนั้นรักและรู้สึกผิดกับแม่ของเธอมากที่ปกปิดเรื่องมีลูกมีเมียอยู่แล้ว จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดเธอออกมาถึงได้พาเข้าบ้าน ทว่าเมียเอกที่จดทะเบียนสมรสนั้นไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงยื่นข้อเสนอให้สองแม่ลูกและยายของเธออาศัยในบ้านหลังเล็กซึ่งอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน ห้ามเหยียบเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เด็ดขาด พอเริ่มเรียนหนังสือข้าวหอมก็มีโอกาสได้เข้าไปเล่นกับพี่สาวที่อายุห่างกันเพียงหนึงปีอยู่บ้าง แม่ใหญ่ซึ่งเป็นภรรยาเอกของพ่อ ต่อหน้าก็ดูเหมือนจะรักเธอดี แต่พอจันจิโตพอรู้ความก็ถูกมารดาเป่าหูและให้ท้ายมากลั่นแกล้งและพูดจาดูถูกเธอกับแม่สารพัด จนกระทั่งเมื่อแปดปีก่อน แม่ของเธอก็โชคร้าย ลาลับจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร สร้างความเศร้าโศกให้กับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ยาย และพ่อเป็นอย่างมาก หลังจากแม่เสียชีวิต ข้าวหอมก็ถูกเลี้ยงดูโดยผู้เป็นยายนับตั้งแต่นั้นมา มีเพียงบางวันที่จะได้ไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนในบ้านหลังใหญ่ พอพูดถึงเรื่องนี้ อบเชยน่าจะโชคดีกว่าเธอมาก อย่างน้อยภรรยาเอกก็ยังทำใจยอมรับได้ และให้อยู่ในบ้านด้วยกันอย่างพร้อมหน้า “มื้อหน้าแกต้องให้ฉันเลี้ยงนะ” ข้าวหอมเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างเกรงใจ ถ้าได้เลี้ยงคืนจะได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย “โอเค ตามนั้น” สองสาวนั่งกินขนมจีนกันได้ไม่นาน ก็มีนักศึกษาหนุ่มสองคนถือจานข้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหัวโต๊ะ ทำเอาข้าวหอมและอบเชยต่างหันมองอย่างพร้อมเพรียง แล้วเสียงทุ้มของคนแปลกหน้าก็ดังขึ้น “น้องข้าวหอมใช่ไหมครับ” “เอ่อ ค่ะ พี่รู้จักหนูได้ยังไงคะ” ข้าวหอมทำหน้างุนงง ไม่ต่างจากอบเชยที่จ้องมองเธออย่างเป็นคำถาม สลับเงยหน้ามองหนุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ หัวคิ้วขมวดแทบจะชนกัน “พวกพี่ไปนั่งดูตอนรับน้องน่ะครับ น้องข้าวหอมน่ารักโดดเด่นมาก เลยอยากทำความรู้จักกันไว้” “เหอะ เหอะ” อบเชยขำเสียงแห้งโดยเบือนหน้าไปทางอื่น คงคิดจะเข้ามาขายขนมจีบเพื่อนเธอล่ะสิท่า “ที่นั่งข้างน้องยังว่าง พวกพี่ขอนั่งด้วยนะครับ” ข้าวหอมกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรว่าไม่สะดวกใจจะให้นั่งด้วย ทว่าเธอไม่ทันได้ตอบกลับก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน “โทษทีว่ะ ที่ไม่ว่างแล้ว” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังมาพร้อมกับหนุ่มหล่อร่างสูงเดินเข้ามา ในมือของเขาถือจานข้าว มืออีกข้างถือขวดน้ำดื่มมาด้วย ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างข้าวหอมอย่างถือวิสาสะ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองชะงักไปพร้อมกับสายตาเลิ่กลั่กปนหวาดวิตกอย่างสับสน ที่จู่ ๆ หนุ่มรุ่นพี่ปีสามอย่างนทีโผล่เข้ามา “พี่นั่งด้วยนะ” นทีเอ่ยกับข้าวหอมด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ค่ะ” ริมฝีปากหยักของคนที่เพิ่งมาถึงเผยรอยยิ้มให้เธอ ก่อนจะหุบยิ้มทำหน้าขรึม ดวงตาดุจ้องไปยังเด็กปีสองที่ยืนอยู่ “นี่เด็กพี่นทีเหรอครับ” “เออ” เสียงเข้มสั้น ๆ แต่ได้ใจความดังขึ้นพร้อมกับสายตาเอาเรื่อง ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขนพองไม่ต่างจากเห็นผี และรู้ดีว่ากลุ่มของนทีนั้นขึ้นชื่อเรื่องความไม่เกรงกลัวใคร จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปหาเรื่อง และยุ่งกับผู้หญิงที่ห้าหนุ่มนั้นควงอยู่ “ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าเด็กพี่ พวกเราขอตัวก่อน” “รีบไปเร็วไอ้สัส จะจีบใครก็หัดเช็กดูดี ๆ ซะบ้าง กูไม่อยากโดนตีนนะเว้ย” เพื่อนอีกคนที่มาส่งบ่นพึมพำ รีบพากันเดินออกไปจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว เกือบพากันมาซวยแล้วไหมล่ะ เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญออกไปแล้วอบเชยก็หลุดเสียงขำ ก่อนจะเอียงคอมองเพื่อนสาวกับหนุ่มที่นั่งข้างกัน กระตุกยิ้มส่งสายตาจ้องจับผิด “ทำไมแกมองแบบนั้น” ข้าวหอมเอ่ยถาม ก่อนหน้านี้หญิงสาวรู้สึกแปลกประหลาดกับคำว่าเออของหนุ่มรุ่นพี่ เขาเอ่ยไปแบบนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาน่ะสิ แต่เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย แล้วเพื่อนก็ยังมาใช้สายตาแบบนั้นมองมาอีก พลันทำให้อกข้างซ้ายส่งเสียงเต้นผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เปล่า” อบเชยเปล่งเสียงสูงพร้อมกับไหวไหล่ใส่คนที่นั่งตรงข้าม ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ใครจะไปกล้าถามต่อหน้ารุ่นพี่กันล่ะ รออยู่สองต่อสองกับเพื่อนก่อนเถอะ แล้วค่อยสัมภาษณ์ก็ยังไม่สาย “พี่นทีคะ เมื่อกี้ที่พี่ตอบสองคนนั้นไป…” ข้าวหอมหันไปถามคนนั่งข้างกัน อยากรู้มันหมายความว่าอย่างไร “พี่ก็ช่วยเราไง เพิ่งมาเรียนใหม่อย่าไปหลงกลไอ้พวกนั้นที่เข้ามาจีบเชียวล่ะ” เขาว่าพลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะของคนตัวเล็ก ปากหยักเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับมือที่ขยับอยู่บนผมเบา ๆ หญิงสาวย่นคอลงเล็กน้อย คลี่ยิ้มขึ้นอย่างโล่งใจ ดีที่ไม่เผลอมโนไปไกล “แล้วพี่ล่ะ จีบเพื่อนหนูรึเปล่า” จู่ ๆ คนที่ไม่อยู่ในสายตาอย่างอบเชยก็โพล่งคำถามขึ้น ทำเอาข้าวหอมใจเต้นลุ้นระทึกรอฟังคำตอบไปด้วย “พี่กับข้าวหอมเคยรู้จักกันมาก่อน” “ใช่ ๆ” ข้าวหอมรีบพยักหน้ายืนยัน “อีกอย่างพี่ก็เป็นรุ่นพี่ของพวกเธอ รุ่นพี่คอยดูแลรุ่นน้องก็ไม่เห็นแปลก” “ตอบไม่ตรงคำถาม” อบเชยทำปากมุบมิบส่ายหน้าไปมาเบา ๆ หนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อคนนี้ดูมีพิรุธ แต่เธอก็จะทำเป็นแกล้งเชื่อตามที่เขาบอกมาแล้วกัน “ขนมจีนเจ้านี้อร่อยนะ อาหารตามสั่งร้านที่เจ็ดก็อร่อย” นทีหันไปเอ่ยกับคนตัวเล็ก ร้านอาหารร้านค้าในมหาวิทยาลัยมีมากมาย ถ้ามีโอกาสก็อยากพาเธอไปชิมทุกร้านเลย “จานนี้เหรอคะร้านที่เจ็ด น่ากินจัง” หญิงสาวใช้ดวงตากลมโตสำรวจอาหารในจานที่วางอยู่ตรงหน้าหนุ่มรุ่นพี่ เขาสั่งเส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเล ดูแล้วน่ากินมาก “อือ ลองชิมดูสิ” “ได้เหรอคะ” ข้าวหอมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างเป็นคำถาม มันคงไม่เหมาะเท่าไรที่จะไปแย่งอาหารในจานคนอื่น “ได้สิ ชิมแค่คำเดียวเอง ยังเหลือให้พี่กินอีกเยอะ” สาวสวยในชุดนักศึกษาสวมทับด้วยเสื้อช็อปนั่งคิดชั่วครู่ แต่มันก็น่าชิมจนอดใจไม่ไหว กลิ่นวัตถุดิบอย่างกระชาย ใบกะเพรา ใบมะกรูดที่ถูกผัดในน้ำมันก็ส่งกลิ่นโชยเข้าจมูก คิดได้ดังนั้น มือเล็กก็ดึงกระดาษทิชชูสำหรับพกพาในกระเป๋ามาเช็ดช้อนส้อม เพราะมันเปื้อนน้ำขนมจีน ก่อนจะใช้ตักเส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเลมาชิม “อื้ม อร่อย พรุ่งนี้พวกเราลองไปสั่งร้านนั้นกันนะอบเชย” ข้าวหอมได้ลิ้มลองแล้วรู้สึกถูกปาก ซึ่งร้านนั้นเธอกับเพื่อนยังไม่ได้ลองสั่งอาหารมากินกันเลย “โอเคจ้า” “กุ้งกับปลาหมึกก็กินได้นะ” “ไม่เอาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นหนูแย่งพี่กินหมด คิกคิก” หนุ่มหล่อเผยรอยยิ้มให้ข้าวหอมเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าตักอาหารเข้าปาก เวลามองเธออยู่เฉย ๆ ก็ว่าน่ารักแล้ว แต่ตอนกินข้าวนั้นช่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่เคอะเขิน ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ กินข้าวอิ่มทั้งสามก็แยกกันตอนเอาจานชามไปเก็บ นทีได้กลับไปหากลุ่มเพื่อนที่ตอนนี้คงจะกินข้าวเสร็จแล้ว ส่วนข้าวหอมกับอบเชยก็กำลังเดินไปยังร้านกาแฟ “คนเมื่อกี้ไปรู้จักกันได้ยังไง รู้จักกันถึงขั้นไหน เล่าให้ฉันฟังเร็ว” “เขาชื่อนที อยู่ปีสามสาขาเดียวกับพวกเรา ฉันกับพี่นทีก็แค่เคยบังเอิญเจอกัน เขาเคยช่วยฉันไว้…” ข้าวหอมได้เล่าเรื่องที่เจอกันครั้งแรกให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด เธอคิดว่าเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง แต่อบเชยกลับไม่คิดอย่างนั้น “พรหมลิขิตนี่ตั้งใจส่งหนุ่มหล่อมาช่วยแกเลยนะเนี่ย ฉันว่าพี่นทีต้องแอบชอบแกแน่ ๆ” “อย่าพูดมั่วสิ” “แกก็ซื่อเกินไปถึงมองไม่ออก เชื่อฉันสิ พี่นทีแอบชอบแกชัวร์ แม่หมออบเชยฟันธง” อบเชยแสดงสีหน้าจริงจัง ใช้ฝ่ามือฟาดฟันกับอากาศจากบนลงล่างอย่างมั่นใจ ข้าวหอมก้มหน้าหลบสายตาของเพื่อน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แม้จะพยายามไม่คิดอะไรเกินเลย แต่ทว่าหัวใจของเธอกลับเต้นแรงไปจากเดิมอย่างบอกไม่ถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD