นานหลายนาทีกว่าซีเคร็ทจะยอมถอนริมฝีปากออกไป เขาปล่อยมือออกจากปลายคางฉันแล้วใช้มือข้างนั่นลูบลงบนริมฝีปากตัวเอง ดวงตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวมองลงมาราวกับพึงพอใจที่เห็นฉันนอนนิ่ง คิดว่าฉันกำลังเคลิ้มไปกับจูบสารเลวนั่นสินะ…
หึ! คิดผิดแล้วไอ้เวร!!
ปึ้ก!
“โอ๊ย!” ซีเคร็ทงอตัวลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวตรงศูนย์กลางลำตัวเมื่อถูกเข่าของฉันกระแทกเข้าเต็มแรง เพราะเขามัวแต่ชะล่าใจคิดว่าฉันเคลิบเคลิ้มสินะถึงได้เปิดโอกาสให้ฉันโจมตีเขาได้ง่าย ๆ แบบนี้ ฉันยกมือขึ้นผลักร่างสูงพ้นตัวก่อนจะลุกขึ้นยืนบนพื้นแล้วตั้งการ์ดป้องกันตัว “เธอ… แม่งเอ๊ย! มันจุกนะเว้ย!!”
“แค่นั้นมันยังน้อยไปไอ้สารเลวซีเคร็ท!” ฉันตรงเข้าไปชกใบหน้าหล่อนั่นเต็มแรงจนเขาหน้าหัน แล้วใช้ศอกกระทุ้งลงบนท้องของเขาอีกหนึ่งที เล่นเอาคนถูกกระทำถึงกับร้องลั่นห้อง หน้าตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด
“ยัย… Shit!”
“อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีกถ้าไม่อยากตาย!!” ฉันตวาดเสียงดังพร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบสีข้างของผู้ชายบนเตียงอีกรอบด้วยความโกรธแค้น
พลั่ก!
“เวรเอ๊ย! ฝากไว้ก่อนนะโว้ย!!”
ฉันหมุนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องโดยไม่หันกลับไปมองไอ้สารเลวนั่นอีก แม้ไอ้เวรนั่นจะตะโกนตามหลังมาด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้นสุด ๆ ก็เถอะ
เหอะ! ช่างหัวมันสิ! ฉันพลาดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ! อย่าฝันว่าฉันจะพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง!
“สักวัน… ฉันจะทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างฉันให้ได้! ยัยโหดจินโทนิค!!”
หึ! คิดว่าทำได้ก็ลองดู! ไอ้สารเลวซีเคร็ท!!
.
.
.
สามวันต่อมา
องค์กรยามะงุจิ
“ไดกิกับคนอื่น ๆ เป็นยังไงกันบ้าง?” ฉันเอ่ยถามอาการของทุกคนทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถที่คุณตาสั่งให้ไปรับฉันจากคอนโด นี่ก็ผ่านเหตุการณ์นั้นมาสามวันแล้ว แต่ฉันเพิ่งจะว่างกลับมาหาคุณตาวันนี้เพราะมีโปรเจ็กต์ต้องทำอีกรายตัว
“ดีขึ้นมากแล้วครับคุณหนู เชิญคุณหนูที่ห้องโถงก่อนดีกว่าครับ นายท่านกำลังรออยู่”
ฉันพยักหน้ารับแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ของบ้าน ภายในห้องโถงกว้างขวางคล้ายกับลานประลอง ซึ่งมันคือลานฝึกสอนทักษะการต่อสู้ที่ฉันเติบโตและถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนที่กำลังฝึกซ้อมทักษะต่าง ๆ ทั้งยูโด คาราเต้ หรือแม้แต่กระบี่กระบองต่างพากันหยุดชะงักแล้วหันมาโค้งตัวทำความเคารพให้แก่ฉัน ฉันสะบัดมือเป็นเชิงบอกให้ทำตัวกันตามสบายก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปหาบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน
“มาแล้วเหรอหลานตา ไหนมาให้ตาดูสิว่าเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”
ฉันขยับตัวเข้าไปนั่งลงบนพื้นด้านข้างคุณตา ท่านแตะปลายนิ้วลงบนหัวคิ้วของฉันข้างที่ยังมีปลาสเตอร์ยาแปะอยู่ ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนแรกที่เตกีล่าเห็นไอ้รอยแผลบนหัวคิ้วฉันน่ะ มันโวยวายจนห้องโฟร์เบียร์แทบแตก แถมยังเจ้ากี้เจ้าการทำแผลให้ฉันอีกต่างหาก
“ไม่เจ็บสักนิดเลย” ฉันบอกเพื่อให้ท่านสบายใจ คุณตาจ้องฉันเพียงชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบาแล้วเหม่อมองออกไปอีกทาง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณตา? เกี่ยวกับคนพวกนั้นใช่ไหม?”
“ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ดีไหมน้องเพลง” คุณตาเลี่ยงไม่ตอบคำถามนั้น แต่หันมาถามฉันด้วยสีหน้ากังวล
“ทำไมคะ? เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนั้นเป็นใครกันทำไมคุณตาถึงได้กังวลขนาดนี้?” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้คุณตา สีหน้าท่านไม่ดีเลย… “มีคนคิดจะฆ่าหนูใช่ไหม? เจ้านายของพวกมันต้องการชีวิตหนูอย่างนั้นใช่ไหม?”
“เพลงพิณ… เชื่อตาสักครั้ง กลับมาบ้านเรานะลูก”
ฉันส่ายหน้าพลางจ้องตาท่านด้วยความเด็ดเดี่ยว ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก ถ้าพวกมันคิดจะฆ่าฉันจริง ๆ แสดงว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าแค่ต้องการจะฆ่าให้ตายแน่ ๆ
เหตุผลล่ะ? เพราะอะไรทำไมพวกมันถึงต้องการชีวิตฉัน? ที่ผ่านมาส่วนมากก็แค่ต้องการทำร้ายเท่านั้น แต่ครั้งนี้หมายจะเอาชีวิตกันเลย หรือมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน…
“หนูไม่กลับ หนูจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมพวกมันถึงต้องการชีวิตหนู”
“เพลงพิณ กลับมาอยู่ในความคุ้มครองขององค์กรเถอะ หลานอยู่ที่นั่นมันอันตราย คนขององค์กรไม่สามารถปกป้องหลานได้ตลอดเวลา ตาไม่อยากเสียหลานไปเหมือนฮานะ…”
“เกี่ยวกับแม่จริง ๆ ด้วย” คุณตาชะงักไปทันทีเมื่อฉันจ้องท่านด้วยสายตาจับผิด “คนพวกนั้นคือพวกเดียวกับคนที่ฆ่าแม่ใช่ไหมคะ?”
“…”
“พวกมันเป็นพวกเดียวกับผู้ชายคนนั้นใช่ไหมคะคุณตา!”
ไม่รู้ว่ามือทั้งสองข้างของฉันกำแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกเจ็บแน่นตรงหน้าอกมันบีบรัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก มันเหมือนภาพยนตร์เก่า ๆ ถูกกรอกลับ ภาพเลือนรางมันวิ่งผ่านเข้ามาในหัวสมองจนแยกแยะไม่ออกว่าภาพนั้นคือภาพอะไร ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพลางยกสองมือที่ยังกำแน่นขึ้นแนบกับขมับทั้งสองข้าง คุณตารีบคุกเข่าลงด้านข้างฉันด้วยความตกใจก่อนจะตะโกนเรียกคนในองค์กรให้เข้ามาช่วยกัน
.
.
.
“เพลง… ยังปวดหัวอยู่หรือลูก? อย่าเพิ่งคิดอะไร ทำใจให้สบายแล้วพักผ่อนก่อนนะ”
คุณตาห่มผ้าให้ฉันด้วยความห่วงใยหลังจากฉันเข้ามานอนพักในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาการปวดหัวยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ฉันไม่ได้มีอาการแบบนี้มานานมากแล้ว หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อสิบห้าปีก่อน…
ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความว่างเปล่า มันว่างและขาวโพลนจนน่ากลัว เพราะฉันน่ะ… สูญเสียความทรงจำตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ!
ฉันจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเองด้วยซ้ำ!