ตอนที่ 1
ผมเดินทอดน่องไปตามแนวพุ่มพุดซ้อนที่ทอดยาวขนานกับด้านข้างของบ้านวรภัทร สายตาของผมจ้องมองผ่านช่องว่างระหว่างใบสีเขียวที่สูงเกินศีรษะไปเกือบคืบ หลังแนวพุ่มพุดซ้อนมีบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ซ่อนตัวอยู่ มันเป็นที่อยู่อาศัยของน้องชายคุณตาของผมเอง
ผมมักจะกลับมาที่นี่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ กลับมาหาคุณตาคุณยาย พวกท่านอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่กันตามลำพัง ส่วนน้องชายของท่าน ซึ่งมีอายุห่างกันเป็นสิบปี อาศัยอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังนั้นกับอาเรนนี่ภรรยาสุดที่รักและลูกชายคนเดียวที่ใช้นามสกุลวรภัทร
เหนือนที วรภัทร ลูกชายบุญธรรมของคุณตาเหมันต์กับอาวัสสาน เขาแก่กว่าผมแค่ไม่กี่เดือน แต่ใคร ๆ ก็บังคับให้ผมเรียกเหนือนทีว่าพี่ ไม่ว่าจะเป็นคุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่น้องสาวฝาแฝดของผม มีดาว เวลาส
“พี่มีฟ้า มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ คุณตาคุณยายถามหาแหนะค่ะ รีบเข้ามาเร็ว ๆ”
ผมก็ไม่แน่ใจว่านั่นน้องสาวฝาแฝดหรือเจ้ากรรมนายเวรจากอดีตชาติ มันหลอนผมมากครับ แค่คิดถึงมันก็เยี่ยมหน้าออกมาจากกรอบประตูบ้านทันที
“อื้ม ก็กำลังจะเข้าไปเนี่ย” ผมเหลือบมองหน้าน้องสาวที่อายุห่างกันแค่ห้านาที แต่มันชอบทำตัวเล็กตัวน้อยราวกับน้องน้อยที่น่าทะนุถนอม โดยเฉพาะกับบางคนที่ผมเห็นแล้วรู้สึกขัดตา
“มองหาใคร?”
และอีกอย่าง คือมันชอบจับผิด
“ถ้ามองหาพี่เหนือล่ะก็… โน่น อยู่ข้างในบ้านแล้ว”
แถมให้อีกอย่าง คือมันรู้ทันผมทุกเรื่อง โอ๊ย! กูเกลียดความฝาแฝด
“ไปเล่นซนที่ไหนมาล่ะมีฟ้า ยายรอตั้งนาน”
พอผมคลานเข่าเข้าไปกราบแทบตักคุณยายธารธารา ท่านก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของผมอย่างเอ็นดู
“โธ่ คุณยายครับ เล่นซนมันใช้กับเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ฟ้าโตแล้วนะครับ”
ผมตัดพ้อด้วยเสียงสอง เมื่อไรคุณยายจะยอมรับสักทีว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“โตแต่ตัวสิเราน่ะ” คุณยายยังคงต่อว่าด้วยแววตาแฝงความเอ็นดู ผมจึงยกสองแขนขึ้นสวมกอดรอบเอวพร้อมกับคลอเคลียใบหน้าลงบนตักของท่าน “อ้อนเหมือนเด็ก ๆ” รู้สึกถึงแรงโยกจากผู้สูงวัย เพราะท่านกำลังหัวเราะชอบใจ
ผมผละจากคุณยายไปสวมกอดคุณตาคิมหันต์บ้าง ท่านยกมือขึ้นลูบศีรษะและมองผมด้วยแววตาชื่นชม
“ไม่เห็นแค่ไม่กี่วัน ตัวโตขึ้นอีกแล้ว”
“ผมหยุดสูงตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วแล้วนะครับคุณตา”
“อย่างนั้นรึ อืม… สูงเท่าพี่เขาหรือยัง?”
ผมเหล่มองเหนือนทีที่นั่งอยู่ที่พื้นเบื้องหน้าพ่อแม่ของผม รายนั้นกำลังถูกพ่อแม่ผมสวมกอดถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจนไม่รู้ว่าผมแอบมองอยู่
เหนือนทีตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย สักสองเซ็นต์เห็นจะได้ ตอนยืนข้าง ๆ กันก็สบตากันได้พอดีโดยที่ผมไม่ต้องเงยหน้า เพราะว่าผมมักสวมรองเท้าเสริมส้นนิดหน่อย
ไม่รู้สิ ผมมักเปรียบเทียบตัวเองกับเหนือนทีตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะอยากดีกว่าหรืออยากเหนือกว่า แต่เพราะผมอยากอยู่ข้าง ๆ เขาในระดับเดียวกัน เขาชอบถ่อมตนว่าตัวเองต้อยต่ำ เป็นเพียงลูกชายบุญธรรมของคุณตาเหมันต์กับอาวัสสาน แม้จะใช้นามสกุลวรภัทรแต่ก็ไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงเหมือนผมกับมีดาว แม้เราสองคนจะใช้นามสกุลเวลาสของฝั่งคุณพ่อชวิน แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นลูกฝาแฝดชายหญิงของคุณแม่ซัมเมอร์ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลวรภัทรผู้มั่งคั่งในย่านบางใหญ่ แต่ทุกคนในครอบครัวเวลาสและวรภัทรต่างก็รักเหนือนทีกันทั้งนั้น รวมทั้งผมด้วย
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร เราสามคนโตมาด้วยกัน แม้ว่าส่วนใหญ่ผมกับมีดาวจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเวลาส แต่เกือบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์คุณพ่อคุณแม่ก็จะพามาเยี่ยมคุณตาคุณยายที่นี่ พวกเราจึงได้เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จนช่วงมัธยมที่ผมต้องไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ เราห่างกันไปหกปี แต่ก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในมหาวิทยาลัย เวลานั้นแหละที่ผมเริ่มรู้หัวใจตัวเอง
“แล้วนี่เรื่องเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าใกล้สอบกันแล้วรึ?” เสียงของคุณยายดึงผมออกจากภวังค์ ผมรีบหันกลับมาสบตาท่าน
“สัปดาห์หน้าก็เริ่มสอบแล้วล่ะครับ”
“อย่างนั้นรึ แล้วเราน่ะ ขยันอ่านหนังสือด้วยล่ะ ให้พี่เขาช่วยติว” คุณยายพยักเพยิดไปทางเหนือนที ตอนนี้แหละรายนั้นถึงได้หันกลับมา
“ครับ/ครับ”
ผมรับคำคุณยายพร้อมกับเสียงของเหนือนทีที่เอ่ยรับเช่นกัน เราสองคนจึงได้สบตากันโดยบังเอิญ
“แล้วเป็นอะไรกัน ดูท่าทางแปลก ๆ ทะเลาะกันมาหรือไง ยายบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื้อกับพี่เขา” คุณยายตีเบา ๆ ลงบนหลังมือของผมอย่างจับผิด แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็พากันหันมาจับจ้องที่ผม
ผมเกลียดความฉลาดและมองขาดของสองตระกูล ผมว่าผมเก็บอาการดีแล้วนะ แต่ทำไมทุกคนถึงดูรู้
“พี่มีฟ้างอนพี่เหนือ” โดยเฉพาะยายน้องสาวตัวแสบ ที่มันไม่มีอะไรเหมือนผมเลยแม้แต่หน้าตาเพราะเป็นแฝดไข่คนละใบ
“งอนพี่เขาเรื่องอะไร?” ในขณะที่คุณยายเอ่ยถาม หางตาของผมก็เห็นริมฝีปากหยักของเหนือนทีกระตุกน้อย ๆ ดวงตาซ่อนแววขบขัน
“เมื่อเช้าพี่เหนือออกมาจากคอนโดไม่ยอมปลุกพี่มีฟ้าค่ะ พี่มีฟ้าตื่นมาไม่เจอก็เลยงอน” ยายน้องสาวพูดฉอด ๆ ไม่หยุด ราวกับว่ามันมานอนอยู่ใต้เตียง
“โถ… เรื่องแค่นี้เอง ยังไงก็ต้องมาเจอกันที่บ้าน จะงอนพี่เขาทำไม ห่างกันสักสองสามชั่วโมงไม่ได้เลยเชียวหรือ” คุณยายปล่อยเสียงหัวเราะออกมา และทุกคนก็พากันส่ายหน้าอย่างขบขัน เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูก ทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษให้น้องสาว และก็หันไปมองค้อนคนต้นเหตุ
ใช่ครับ ผมยอมรับว่าไม่พอใจที่เหนือนทีไม่ยอมปลุกผม ทั้ง ๆ ที่เราก็นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน!
“เอาเถอะ ๆ เห็นทะเลาะกันชั่วประเดี๋ยวประด๋าว สักพักก็ดีกัน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ปากบอกว่าตัวเองโตแล้วก็อย่างอนเป็นเด็ก ๆ สิ”
ก็แล้วทำไมคุณยายมาลงที่ผมล่ะครับ ทีเหนือนทีที่รับปากทุกคนว่าจะดูแลผมอย่างดีผิดคำพูด ไม่เห็นมีใครตำหนิเลย ผมจึงอมลมแก้มป่อง แล้วก็คลานเข่าเข้าไปอ้อนอาวัสสาน
“หม่ามี้”
อาวัสสานขยี้ศีรษะของผมอย่างเอ็นดู แล้วก็หันไปดุลูกชายตัวเอง
“ทำไมเหนือไม่ปลุกน้องล่ะลูก ที่จริงพาน้องมาพร้อมกันก็ได้ คุณลุงคุณป้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแวะไปรับที่คอนโด”
พอโดนแม่ตัวเองตำหนิ เหนือนทีก็ยืดตัวขึ้นมา ผมก็ยืดตัวตัวตรงเช่นกัน รอฟังซิว่าจะแก้ตัวว่าอย่างไร
“เมื่อคืนคุณฟ้าอ่านหนังสือดึกน่ะครับหม่ามี้ เหนือก็เลยอยากให้นอนพักนานหน่อย”
โอ๊ย… แพ้ความดี
คือเมื่อคืนผมนั่งเล่นเกมจนเกือบสว่าง หนังสือเหรอครับไม่ได้แตะสักตัว เพิ่งรู้ว่าโกหกตาใสมันเป็นอย่างนี้ ที่สำคัญไม่คิดว่าเหนือนทีจะกล้าพูดปดกับแม่ของตัวเอง
แต่ผมแอบเห็นนิ้วมือข้างซ้ายที่วางไว้ที่พื้นใต้เข่า นิ้วชี้กับนิ้วกลางนั่นไขว้กันอยู่… เจ้าเล่ห์ที่หนึ่งเลย!
การมาเยี่ยมคุณตาคุณยายที่บ้านวรภัทรนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกับมีดาวมีความสุขที่สุด และทุกอย่างมันดีมาก ๆ แต่เสียเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือผมกับเหนือนทีจะไม่ได้นอนร่วมเตียงเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งคืน
ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนภายในห้องชั้นบนฝั่งที่จะมองเห็นบ้านเรือนไทย เมื่อนอนไม่หลับก็ลุกขึ้นมาแอบมองผ่านช่องหน้าต่าง บ้านไม้หลังใหญ่ปิดไฟมืดสนิท สงสัยเหนือนทีคงหลับไปแล้วล่ะมั้ง
ตั้งแต่ตอนสายก็ยังไม่ได้คุยกัน ยังไม่หายงอนนะจะบอกให้ แต่ทำไมไม่ง้อวะ? ฮึ่ย! จะโกรธแล้วนะคนบ้า!
ผมกลับมาทุ่มตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงไลน์
NorTH Send a sticker
สติ๊กเกอร์รูปการ์ตูนวันพีชมีข้อความกู๊ดไนท์ที่โชว์หลาอยู่ในข้อความแชทส่วนตัวของผมกับเหนือนทีทำผมเผลอยิ้มก่อนจะรีบหุบลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าจะหายงอนง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ผมจ้องไปบนหน้าจอว่าจะมีข้อความอะไรต่อมาหรือไม่ รออยู่พักใหญ่ก็ไม่มี
เงียบฉี่…
ว้อย! หงุดหงิดชะมัด
#$%^&*()_+!@#$%^&*()_+!@#$% Sky
ผมระบายอารมณ์ลงไปในข้อความ กดมันมั่ว ๆ ส่งไปหาอีกคน
ไม่อ่าน…
เชี่ย!
เป็นธรรมเนียมของบ้านเราทุกครั้งที่กลับมาบ้านวรภัทร การมานั่งเล่นในสวนหลังบ้านเรือนไทยถือเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้ ในสวนหลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นให้ร่มเงา มีพุ่มไม้ดอกหลากสีสันให้ความสวยงาม และยังมีสระบัวรูปหัวใจที่มองแล้วให้ความรู้สึกเย็นชื่นใจ
แต่แม้ว่าบรรยากาศจะชวนให้รื่นรมย์ขนาดไหน มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ เพราะคืนก่อนก็เล่นเกมจนเกือบสว่าง เมื่อคืนยังนอนไม่ค่อยหลับอีกตางหาก สายวันนี้ผมก็เลย…
เอ๊ะ!...
กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟดริปทำผมตาสว่าง ผมจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้กลุ่มญาติที่กำลังนั่งอยู่ในสนามหญ้าทันที
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอมีฟ้า มา ๆ มาดื่มกาแฟกัน เหนือเขากำลังดริปเลย มาดูสิ” คุณแม่เรียกผมให้เข้าไปนั่งข้าง ๆ จังหวะที่ย่อตัวลงนั่งเหนือนทีก็ชายตามามองแวบหนึ่ง
ไม่นานกาแฟดริปกลิ่นหอมก็ถูกเลื่อนมาตรงหน้า ผมปรายตามองอย่างชั่งใจ
ชิ! คิดจะเอาใจด้วยกาแฟดริปของโปรดของผมเหรอ?
แต่แล้วผมก็เลือกที่จะโยนความรู้สึกน้อยใจใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน แล้วรับมันมาสูดกลิ่นหอมอย่างชอบใจ เรื่องอะไรจะยอมพลาดของอร่อย เดี๋ยวค่อยงอนต่อก็ได้วะ
เหนือนทีกระตุกยิ้มอีกแล้ว แววตาขบขันจนน่าหมั่นไส้
“บ่ายนี้ก่อนกลับคอนโด เหนือช่วยแวะไปทำธุระให้ยายหอมจันทร์ก่อนนะลูก”
“ได้ครับหม่ามี้”
ผมเหลือบมองเหนือนทีที่กำลังรับคำอาวัสสาน พลางก็คิดในใจอย่างเบื่อหน่าย ธุระที่ว่าก็คงไม่พ้นต้องพัวพันกับไอ้เด็กนั่น แดนดิน นวภูมินทร์ ไฮโซราชวัตรตัวแสบที่ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันสักเท่าไร จะปล่อยให้เหนือนทีไปบ้านนั้นคนเดียวไม่ได้
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอกลับคอนโดพร้อมเหนือนะครับ”
เหนือนทีปรายตามองมาทางผม ส่งสายตาเป็นคำถามว่าหายงอนแล้วหรือไง?
ไม่!
ผมส่งสายตาตอบไปเช่นนั้น
แต่ไม่ให้เหนือไปบ้านไอ้เด็กนั่นคนเดียว!
เราสื่อสารกันทางสายตา เข้าใจกันอยู่สองคน ในขณะที่พ่อแม่ญาติพี่น้องพูดคุยกันอย่างออกรส ผมกับเหนือนทีก็จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเมื่อได้ยินเสียงของมีดาวนั่นแหละ
“คุณพ่อคุณแม่คะ พี่มีฟ้ากับพี่เหนือทะเลาะกันอีกแล้วค่ะ!”