บทนำ
บทนำ
“พี่ท้องฟ้า ไม่เห็นต้องออกเรือเองเลยนี่คะ น้องไม่อยากให้ไปเลย”
น้ำเสียงเล็กๆเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อนนั้นไม่ได้ทำให้ผู้เป็นพี่ชายใจอ่อนรับปากแต่อย่างใด ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ได้แต่นั่งอมยิ้มจ้องมองใบหน้าสวยหวานของสาวน้อยในชุดพยาบาลสีขาวสะอาดที่นั่งหน้าตางอง้ำใส่เขา
“พี่ไปทำงานนะท้องน้ำ อีกอย่างออกเรือในครั้งนี้พี่ก็ถือว่าได้ท่องเที่ยวด้วย สนุกดีออก ที่สำคัญแขกผู้ใหญ่หลายท่านก็ให้เกียรติลงเรือของเราด้วย ไปแค่สามเดือนเอง” ชายหนุ่มบอกน้องสาวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแต่สาวน้อยยังคงทำหน้าบึ้งมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจ
“ตั้งสามเดือน น้องเหงาแย่เลย”
หญิงสาวยังคงมีแง่งอนกับพี่ชาย พร้อมกับขยับเข้ากอดเอวพี่ชายเอาไว้ คนเป็นพี่ได้แต่มองน้องสาวอย่างเอ็นดู ตั้งแต่เล็กจนโตนารามักจะออดอ้อนเขาเสมอ
“หึๆ ทำมาพูดดีด้วย ตัวเองอยู่บ้านตลอดที่ไหน เดี๋ยวก็เข้าเวร จนคุณแม่บ่นหาบ่อยๆ พี่ไม่อยู่ก็ดูแลคุณแม่บ้างท่านก็คงเหงามาก”
“คุณแม่ไม่เหงาหรอกค่ะพี่ท้องฟ้า แด๊ดดี้น่ะไม่ยอมห่าง แถมยังมียายหนูแดงพูดแจ้วๆจนป่านนี้ลืมท้องน้ำแล้วก็ไม่รู้”
หญิงสาวพูดไปตาแดงไป จนพี่ชายอดสงสารไม่ได้ เขาโอบกอดน้องสาวเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปลอบโยน
“คิดมากรู้ไหมเราน่ะ คุณแม่กับแด๊ดเห็นเราโตแล้วก็ปล่อยบ้าง แต่ท่านก็ยังรักเราเท่าเดิม ท้องน้ำทำงานแล้วโตเป็นผู้ใหญ่ต้องเข้มแข็งรู้ไหมครับ”
ชายหนุ่มปลอบโยนน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ลูบศีรษะทุยสวยที่ยังคงเอนซบอกเขาเบาๆ
“ตกลงไม่ไปแล้วใช่ไหมคะ พี่ท้องฟ้า”
น้ำเสียงอู้อี้ตอบกลับมาจากอกกว้าง ทำให้สกายอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เอาล่ะสิยายน้องสาวของเขาดื้อขึ้นมาซะแล้ว ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา
“ไปสิ..พี่ต้องไปทำงานนี่ครับ”
“ไม่เอาน้องไม่ให้ไป..”
นาราดิ้นออกจากวงแขนของพี่ชายอย่างแสนงอน แต่ชายหนุ่มยังคงกอดน้องน้อยเอาไว้ไม่สนใจอาการแง่งอนของน้องสาวสุดที่รัก
“ท้องน้ำ...ไม่เอา อย่าทำแบบนี้....นารา”
คราวนี้ท้ายประโยคเข้มขึ้น หญิงสาวหยุดดิ้นทันที เมื่อพี่ชายเรียกชื่อจริงของเธอซึ่งน้อยครั้งจะได้ยิน น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงอาบแก้มใสราวกับทำนบพัง
“พี่ท้องฟ้าใจร้ายจะทิ้งน้อง”
หญิงสาวยังคงต่อว่าพี่ชายด้วยน้ำเสียงสะอื้น ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ แปลกคราวนี้นารางอแงกับเขาราวกับเด็กมีปัญหา ใช่ว่าเขาจะไม่เคยออกเรือเสียที่ไหน ตรงกันข้ามเขาเดินทางไปกับเรือสินค้าปีละไม่ต่ำกว่าสามครั้งและน้องสาวก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้
“ท้องน้ำมีอะไรในใจหรือเปล่า ไหน..บอกพี่ซิ”
“..................”
“พี่จะรีบกลับก่อนกำหนด อย่างน้อยก็จะอยู่ส่งแขกผู้ใหญ่ขึ้นฝั่งที่สิงคโปร์เสียก่อน โอเคไหมครับ”
สกายใช้คำพูดที่อ่อนโยนกับน้องสาวสุดที่รัก นาราเองก็พยักหน้ากับอกพี่ชาย แล้วกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยเขาง่ายๆ ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่วันนี้น้องสาวมีท่าทางแสนงอนแล้วเอาแต่ใจตัวเองเป็นพิเศษ
“วันนี้ที่โรงพยาบาลมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะท้องน้ำ”
“.................”
“ว่าไง..หืม...บอกพี่ซิ...”
“ไม่มีซักหน่อย...”
“ไม่จริงหรอกปกติท้องน้ำไม่เคยงอแง...เป็นเด็กๆ แบบนี้นี่นา”
“ท้องน้ำไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ....เค้าโตแล้วเรียนจบทำงานแล้วด้วย”
น้องสาวทำหน้างอง้ำส่งค้อนให้พี่ชายวงใหญ่ พร้อมกับขยับตัวออกจากอกอุ่นของพี่ชาย นั่งตัวตรงเชิดหน้าเป็นคุณหนูนาราคนเดิม สกายอดที่จะขำกับท่าทางของน้องสาวไม่ได้ เฮ้อเนี้ยนะบอกว่าโตแล้ว เด็กชัดๆ ชายหนุ่มคิดในใจ
“หึๆ....โอเค..โอเค..โตก็โตไหนลองเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาล”
“ก็...มีนิดหนึ่งค่ะ ท้องน้ำถูกดุ อีตาหมอบ้าอำนาจ มาถึงก็ดุท้องน้ำเสียงดัง ทั้งๆที่ท้องน้ำไม่ผิดเสียหน่อย คนอะไรปากจัด เจ้ายศเจ้าอย่างที่สุด เห็นเราเป็นที่รองรับอารมณ์ น่ารังเกียจที่สุดเลยคอยดูนะท้องน้ำจะไม่ญาติดีด้วย จะไม่คุยด้วย จะไม่ชายตาแล จะไม่ไปไหนด้วยเด็ดขาด แล้วก็จะไม่ไปอยู่หน้าห้องตรวจให้ด้วย ไม่อยากเห็นหน้า คนไม่มีเหตุผล ขี้เก๊กสุดๆ บราๆ......”
นาราปลดปล่อยสิ่งที่ทำให้จิตใจของเธอขุ่นมัวออกมาจนหมดสิ้นแล้วก็พลอยโล่งอก รู้สึกดีขึ้นมาก ผู้เป็นพี่ชายก็ถึงบางอ้อ ที่แท้น้องสาวเขาก็มีเรื่องจุกจิกที่โรงพยาบาลนี่เอง กลับมาเลยงอแงแสนงอน เจ้าน้ำตาเรียกร้องเอากับเขา นารามักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลามีปัญหาอะไรมักจะปิดไม่ค่อยมิด จะมีอาการไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าเธออยู่ในภาวะอารมณ์ไม่ปกติ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแสนงอน ร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างหลังนี่จะบ่อยมากเวลาน้อยใจหรือไม่พอใจอะไร แต่เธอจะเป็นเฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้นแต่กับคนอื่นเธอก็จะนิ่ง บางครั้งก็จะวีนเหมือนกันถ้าหมดความอดทน
“ท้องน้ำถูกดุเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ”
“เรื่องยาของคนไข้ค่ะ...ทั้งๆที่ท้องน้ำไม่ผิดซักหน่อย”
หญิงสาวยังคงมีท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่พี่ชายยังคงใจเย็นพูดคุยกับน้องสาวราวกับเป็นเรื่องทั่วๆไป ไม่เครียดอะไร
“แล้วทำไมท้องน้ำไม่อธิบายให้เขาฟังล่ะหืม อย่างนี้เขาก็เข้าใจผิดสิ”
“เขาฟังเสียที่ไหนคะ ดุท้องน้ำแล้วก็เดินเข้าห้องผ่าตัดเลยค่ะ ทำตัวราวกับว่าใหญ่มาจากไหน ชิ”
หญิงสาวคิดถึงน้ำเสียง ใบหน้าท่าทางของหมอหนุ่มคนนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“คนเราทำงานร่วมกันเยอะๆ ยิ่งเกี่ยวกับความเป็นความตายของคนด้วยแล้วละก็ ต้องระวังให้มาก หมอคนนั้นคงไม่อยากให้อะไรผิดพลาด แสดงว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ดูแลใส่ใจคนไข้ดีมาก หมออย่างนี้หายากนะท้องน้ำ”
คำพูดของพี่ชายทำให้เธอได้คิด จริงสินะ ถ้าหมอหนุ่มคนที่เดินเข้ามาใหม่ไม่สังเกตเห็นว่ายาในตะกร้ากับโรคของคนไข้ไม่ตรงกันละก็ ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนไข้จะเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่น่าจะมาดุเธอนี่นา เพราะก็เธอก็พึ่งจะเข้าเวรพร้อมกับเขา ที่สำคัญเธอพึ่งมาทำงานโรงพยาบาลนี้เป็นวันแรกหลังจากที่ย้ายมาจากกรุงเทพฯ วันแรกเธอก็โดนดุซะแล้วคนเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำงานเต็มที่คิดแล้วมันน่าโมโหนัก
“แต่เขาไม่มีเหตุผลนี่คะ” หญิงสาวยังคงไม่ยอมอยู่ดี
“ลองคิดดูซิว่า ณ เวลานั้นระหว่างความเป็นความตาย จะมาถามหาเหตุผลทันหรือเปล่า ท้องน้ำเรียนพยาบาลมาก็รู้อยู่แล้วว่าชีวิตคนสำคัญมากกว่าสิ่งใด ถ้าช้าแค่เสี้ยววินาทีก็อาจจะทำให้เขาเสียชีวิตได้”
พี่ชายพูดถูกทุกอย่าง แต่ก็นั่นแหล่ะนารายังคงมีอาการตั้งแง่ เรื่องของเรื่องเธอไม่ชอบใจที่ถูกคุณหมอคนนั้นดุนั่นเอง แถมยังดุต่อหน้าคนไข้แล้วก็พยาบาลคนอื่นให้เธอได้อายอีก
“พี่ท้องน้ำเข้าข้างเขา ไม่คุยด้วยแล้ว ไปตึกใหญ่หาคุณแม่ดีกว่า จะไปเดินเรือสามเดือนก็ตามใจเลย”
“อ้าว...แล้วกัน”
น้องสาวคนสวยพูดเสร็จแล้วก็เดินหนีเขาขึ้นตึกใหญ่ทันทีอย่างแสนงอน ชายหนุ่มโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับท่าทางของน้องสาวสุดที่รัก นี่คงงอนเขาจนลืมไปแล้วกระมังว่าก่อนหน้านี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ยอมให้เขาออกเรือ
“เฮ้อ..ท้องน้ำนะท้องน้ำ เมื่อไหร่จะโตเสียทีนะเรา...”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่จริงจังนักติดจะเอ็นดูเสียมากกว่า ที่น้องสาวเขาเป็นแบบนี้จะโทษใครได้ก็เป็นเพราะเขาและแด๊ดดี้นั่นแหละที่ทำให้น้องสาวเขาเสียคน เอาแต่ใจ แสนงอนอย่างนี้ ทั้งสกายและบิดาต่างก็ตามอกตามใจนาราสุดๆจนบางครั้งมารดาถึงกับบ่นยาว แต่สองพ่อลูกกลับบอกว่าน้องยังเล็กอยู่ ผลพวงจึงตามติดตัวน้องสาวคนสวยของเขามาจนถึงปัจจุบัน
“ชักอยากจะเห็นหน้าหมอคนที่ท้องน้ำพูดถึงแล้วสิ....อะไรจะดุขนาดนั้น”