ตอนที่3.เข้ากรุงตามหาแก้วตา

1332 Words
หลังกลับจากคอนโดของพสุ มิเกลไม่มีเวลาร้องไห้ฟูมฟายมากนัก ตบตีหญิงชั่วชายโฉดสองคนนั้นแล้วก็ต้องพักผ่อน จัดกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวเดินทางอีกครั้ง เธอนอนมองดาวในคืนอันเงียบเหงาส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้าคิดทบทวนว่าเธอทำผิดอะไร เธอไม่ดีตรงไหนพี่พสุถึงไม่รัก ผู้ชายที่อบอุ่นและอยู่ข้างๆเธอมาตลอดกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจเธออย่างแสนสาหัสได้อย่างไร ทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้นะ คิดไปคิดมาเธอก็รักตัวเองมากขึ้นโอบกอดตัวเองให้แน่นมากขึ้น "ไม่ตายก็หาเอาใหม่เถอะ" "เธอสวย เธอมีดี" สามวันหลังจากนั้น นิรุจน์ขอใช้วันลาพักผ่อนลางานเพื่อไปทำธุระให้กับคุณแม่ดวงแก้วตามที่ได้รับมอบหมาย เขายัดจดหมายใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วติดกระดุมกันเหนียว ก่อนที่แสงอรุณจะโผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้านิรุจน์ออกเดินทางจากเมืองกาญจน์มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร เขาต้องเผื่อเวลารถติดและตามหาชื่อคอนโดที่ว่า ขับตามจีพีเอชในโทรศัพท์มือถือ เมืองหลวงเมืองฟ้าอมรช่างดูสับสนวุ่นวาย แย่งกันกินแย่งกันใช้ แย่งกันแม้กระทั่งพื้นที่บนท้องถนน ผู้คนเดินไปเดินมาขวักไขว่ กว่าที่เขาจะสามารถหาตึกสูงรูปร่างทันสมัยได้ก็กินเวลาเกือบเที่ยงวัน และกว่าจะหาที่จอดรถได้ก็แสนจะยากลำบาก ตอนนี้เขาหิวจนแสบท้อง กวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นมีแต่ร้านอาหารราคาแพง นิรุจน์พับแขนเสื้อไว้ที่ศอกแบบลวกๆ หยิบหมวกแก็ปมาสวมป้องกันแสงแดดแล้วออกเดินหาอะไรกินประทังความหิว "แถวนี้เขาไม่ขายไก่โย่งไก่ย่าง ส้มตงส้มตำกันหรือไงวะเนี่ย เปรี้ยวปากชิบ" ยิ่งเดินหาเขาก็ยิ่งไม่เจอร้านส้มตำแม้แต่ร้านเดียว ร้านส้มตำหายากเขาไม่กินแล้วก็ได้ นิรุจน์จึงเดินหาร้านข้าวไม่ไกลจากคอนโดของหญิงสาวมากนัก ระหว่างรออาหารจึงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาแก้วตาแต่ว่าเธอปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ เขาจึงโทรหาหญิงสาวที่ชื่อแพรวาที่คุณแม่ดวงแก้วบอกว่าเธอคือเพื่อนสนิทของแก้วตา เมื่อแพรวารับสายเขาไม่ลืมที่จะแนะนำตัว นิรุจน์ (สวัสดีครับคุณแพรวาใช่ไหมครับ ผมนิรุจน์จากกาญจน์ไร่ทรัพย์สักทองครับ) ด้านแพรวาที่ยังมีอาการบาดเจ็บ หน้าตาเขียวคล้ำจำเป็นต้องลางานหลายวันจนกว่ารอยช้ำจะหายไปนอนพักรักษาตัวอยู่ที่คอนโดของพสุ ส่วนพสุไปทำงาน เธอจึงนอนอยู่ที่นี่คนเดียว เห็นเป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาหลายครั้งไม่คิดจะรับ แต่แอพพลิเคชั่นที่เธอติดตั้งไว้ไม่ได้บอกว่ามาจากมิจฉาชีพจึงเสี่ยงดวงรับสายกล้าๆกลัวๆ แพรวา (ค่ะ...จากไร่คุณป้าดวงแก้วใช่ไหมคะ) นิรุจน์ (ใช่ครับ คุณสะดวกคุยไหมครับ ผมขอเวลานิดเดียวถามเรื่องคุณแก้วตาหน่อยครับ) แพรวาสะดุดเสียงทุ้มนุ่มของปลายสายที่มันบอกว่าเขาเป็นคนสุภาพ ถามหาแก้วตาเพื่อนเธอหรือว่ามิเกลนั่นเอง ทั้งที่ยังโกรธยังเคืองอีกฝ่ายไม่น้อยแต่เธอก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มถามถึงมิเกลทำไม ตอนนี้เธอพูดไม่ค่อยถนัดเพราะแผลแตกข้างกระพุ้งแก้มที่ยังไม่หายดี แพรวา (มีอะไรคะ ถามถึงเกล เอ้ยแก้วตาทำไมคะ?) นิรุจน์ (ผมอยากพบคุณแก้วตาตอนนี้มีธุระสำคัญจากไร่ คุณพอจะติดต่อคุณแก้วตาได้ไหมครับ) ถึงแม้จะอยู่คนละสายการบินแต่การข่าวของแพรวานั้นถือว่าแน่นมากทุกการเคลื่อนไหวของเพื่อนตารางบินเธอรู้ทั้งหมดเพราะมิเกลเคยเอาให้เธอดู แพรวา (เกล เอ่อ แก้วตาเขาน่าจะบินอยู่ค่ะ คงติดต่อตอนนี้ไม่ได้เสียใจด้วยนะคะ) นิรุจน์ได้ฟังถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แสดงว่าวันนี้ที่เขามากรุงเทพคงจะเสียเที่ยวสินะ เขาไม่น่าเสี่ยงมาเลยเพราะติดต่อเธอไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นิรุจน์ (คุณพอจะมีวิธีติดต่อคุณแก้วตาได้ไหมครับหมายถึงให้เธอโทรมาหาผมตามเบอร์นี้ คุณป้าดวงแก้วมีธุระสำคัญจริงๆครับ) เสียงเขาดูร้อนรน แพรวา (ตอนนี้บินอยู่คงโทรไม่ได้ค่ะ เอาเป็นว่าถ้าแก้วเขากลับมาเมื่อไหร่ฉันจะโทรหาแล้วกันนะคะ) นิรุจน์ (ขอบคุณครับ) ชายหนุ่มวางสายไปแล้วแพรวาได้แต่ครุ่นคิดในใจ เท่าที่เธอคบกับมิเกลมาจำได้ว่าสองปีแล้วตั้งแต่เพื่อนเธอเป็นแอร์ก็ไม่เคยกลับไปกาญจน์อีกเลย เที่ยวบินชั้น Business Class Flight Bangkok Abudabiและยิงยาวต่อไปที่อัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ ดินแดนแห่งความโรแมนติก ขณะที่เครื่องบินแอร์บัส A350 บินอยู่เหนือน่านฟ้าของเมืองดูไบ เธอที่ปากบอกว่าเข้มแข็งและคิดว่าไหวกับทุกสถานการณ์แต่เอาเข้าจริงความเจ็บปวดกำลังโจมตีเธออย่างหนักจนเพื่อนแอร์จับสังเกตได้ ในสายการบินนี้เธอมีบัดดี้เป็นแอร์ชาวฟิลิปปินส์ชื่อไทน่า ทั้งสองอายุเท่ากันเคยบินด้วยกันบ่อยจนคุ้นเคย ไทน่า: มิเกลวันนี้ยูเป็นอะไรหรือเปล่า แก้วตาหันไปสบตากับเพื่อนแอร์ ฝืนยิ้ม เธอคงจิตตกเรื่องพี่พสุกับแพรวาจนอาการออกสินะ เธอนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ แก้วตา: ปะ...เปล่า ไม่เป็นอะไร ไทน่า: ยิ้มยูไม่เหมือนเดิมนะ มีอะไรหรือเปล่า แก้วตา: ไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอบคุณนะคะ เธอคงได้แต่ยิ้มเจื่อนบีบมือเพื่อนแอร์เบาๆ การสนทนาของทั้งคู่จบลงแค่นั้นเมื่อผู้โดยสารกดปุ่มเรียก มิเกลจึงเดินไปหาผู้โดยสารสอบถามว่าต้องการอะไร มาดามท่านหนึ่งเป็นฝรั่งวัยกลางคนท่าทางดูดีทีเดียว ขอน้ำส้มเธอจึงเสิร์ฟน้ำส้มให้กับมาดามท่านนั้น จังหวะที่เธอวางแก้วน้ำบนโต๊ะเครื่องบินกระตุกเล็กน้อยแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคือน้ำส้มแก้วนั้นหกใส่กระเป๋าแบรนด์เนมของมาดามและเธอก็ขอโทษขอโพยซอรี่ไม่รู้กี่ครั้ง แต่มาดามก็เอาแต่พูดว่า "Oh My God" "You Know how much is it worth?" (คุณรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไร?) "God" (พระเจ้าช่วย) และเธอเห็นว่าชาแนลของมาดามเลอะก็หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้ ทั้งไทน่าและหัวหน้างานก็เข้ามาช่วยกันยกใหญ่พยายามอธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุมาดามก็ไม่ฟัง "Don't touch" (อย่าจับ) และแน่นอนคนรวยต้องโวยวายใหญ่โตเกินเบอร์และเกินไปมากทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด และนอกจากจะไม่รับการขอโทษจากเธอแล้ว มาดามยังทำให้อาชีพแอร์ของเธอมัวหมองอีก "Give me Complaint From" (เอาใบร้องเรียนมาให้ฉัน) "Right now" (เดี๋ยวนี้) ในที่สุดเธอก็โดนใบคอมเพลนจนได้ มีเพื่อนแอร์เคยบอกว่าเที่ยวบินชั้นFirst Class หรือว่าEconomics Class น่ารักกว่าBusiness Class ท่าจะจริง สรุปว่าเธอโดนลงโทษให้พักงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนแม้ว่าหัวหน้าจะช่วยพูดอย่างไรมาดามก็ไม่ฟังจะเอาเรื่องเธออย่างเดียว ถึงแม้ว่ามันดูไม่สมเหตุสมผลแต่เธอก็โดน ไม่รู้ว่าช่วงนี้เธอดวงตกหรือว่าราหูย้ายกันแน่ ถึงได้เคาระห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ แฟนก็โดนเพื่อนแย่ง งานก็มีปัญหาอีก "นี่มันเรื่องบ้าๆอะไรกันเนี่ย ซวยซ้ำซวยซ้อน" ออนไรท์ ♥️ตอนนี้ขอกำลังใจด้วยนะคะ ตอนต่อไป 👉 นางฟ้าปีกหัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD