ตอนที่4.นางฟ้าปีกหัก

1485 Words
มิเกลหัวเสียเดินทางกลับบ้าน เธอกลายเป็นนางฟ้าปีกหักลากกระเป๋าเดินทางกำลังจะเข้าคอนโดก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาดักหน้าเธอไว้ หน้าตาท่าทางไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงโชคชะตาที่เล่นตลก เธอแน่ใจว่าไปแก้ปีชงมาแล้วตั้งหลายวัดยังเอาไม่อยู่อีกหรือ เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ให้อภัยเธออีกหรือ "แก้วตา...แก้วตา หยุดก่อน" มิเกลที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางหันรีหันขวางเมื่อได้ยินเสียงเรียกของชายหนุ่มตรงหน้า เสียงห้าวของเขาเรียกความสนใจจากคนแถวนั้นเป็นตาเดียว ต่างกวาดตามองหาร่างของหญิงสาวที่มีนามว่าแก้วตาว่าจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร "แก้วตา" นิรุจน์เรียกอีก ใครนะชื่อแก้วตา แต่ที่นี่เธอคือมิเกลไม่ได้ชื่อแก้วตาซักหน่อยอย่าไปสนใจเลยมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ใบหน้าสวยแสนเย่อหยิ่งคอตั้งตรง ลากกระเป๋าเดินทางเพื่อขึ้นห้องพัก ทางด้านนิรุจน์ที่เหยียบคันเร่งออกจากเมืองกาญจน์แบบเร่งด่วน เมื่อได้รับสายจากแพรวาว่าแก้วตาได้เดินทางกลับมาแล้ว เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางหญิงสาวที่ออร่าความสวยเปล่งประกายมาแต่ไกล ร่างแบบบางสูงโปร่งในชุดธรรมดาไม่ใช่ชุดแอร์โฮสเตสผมยาวมันขลับถูกรวบไว้ที่ด้านหลัง ใบหน้ารูปไข่ที่แต่งแต้มด้วยความปราณีต แต่มองยังไงเธอก็ยังดูซีดเซียวอยู่ดีอาจเป็นเพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางก็ได้ นิรุจน์คิดแบบนั้น ที่สำคัญลักยิ้มสองข้างแก้มทำให้เธอดูน่ารักจนบาดใจ ยัยแก้วตาตอนนี้ทำไมมันน่ารักแท้วะ... มิเกลลากกระเป๋าเดินทางในท่วงท่าไม่รีบไม่ร้อนใดๆยังคงไม่สนใจสิ่งรอบตัวเช่นเดิม เธอไม่มีเวลาสนใจใครทั้งนั้นตอนนี้ขอโฟกัสแค่เรื่องตัวเองก็พอ ทางด้านนิรุจน์ เมื่อเขาเรียกชื่อเธอแล้วเธอไม่สนร่างสูงของนิรุจน์จึงไปดักหน้าไว้กางแขนไม่ให้เธอไป ดึงแว่นกันแดดออกดวงตาคมกริบสีสนิมเปียกน้ำมองเธอด้วยท่าทางเอาเรื่อง ก็หน้าตาแบบนี้คือแก้วตาไม่ใช่เหรอ สายตานิรุจน์จับจ้องไปที่แก้วตารู้สึกว่าเธอทำไมถึงได้หยิ่งจังนะแม่คนสวย สายตาของแก้วตาก็จับจ้องไปที่นิรุจน์ "นี่มันคนหรือว่ายักษ์กันแน่ มายืนแยกเขี้ยวน่าเกลียดจริงๆ" มิเกลสบตากับดวงตาคู่นั้นที่ถือวิสาสะมาดักหน้าเธอ คนตัวสูงรูปร่างบึกบึนใบหน้าคมจมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักได้รูป เขาหล่อล่ำบึ่กผิวสีน้ำตาลทองดูแล้วเร้าใจเป็นบ้า กล้ามขาของเขาก็ดูแข็งแรงน่ามองจนไม่อยากจะละสายตาได้ สรุปว่าเธอไม่เข็ดผู้ชายใช่ไหม... ยัยมิเกล... แต่เธอมั่นใจว่าผู้ชายหน้าตาแบบนี้เธอไม่เคยรู้จักแน่ๆ มั่นใจว่าเทสเธอดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ นิรุจน์เรียกเธออีกเขาจะเรียกจนกว่าเธอจะหันมา "แก้วตา เธอชื่อแก้วตาไม่ใช่เหรอ" "โน้ว" ในที่สุดนิรุจน์ก็บรรลุเป้าหมายเสียที หลังจากรอโทรศัพท์จากแพรวาอยู่หลายวัน ปกติเขาจะไม่พกโทรศัพท์เวลาทำงานแต่วันสองวันมานี้เขาแทบจะสิงเข้าไปกับโทรศัพท์อยู่แล้ว เขาเรียกชื่อผู้หญิงสวยๆตรงหน้าอีกครั้งเริ่มหงุดหงิดเพราะอากาศที่ร้อนอย่างกับเตาอบ "แก้วตา" มิเกลทำเมินกวักมือเรียกรปภ.ให้ไล่คนแปลกหน้าไปให้ไกลหูไกลตาลักษณะเหมือนพวกมิจฉาชีพก็ไม่ปาน "พี่รปภ.คะช่วยด้วยค่ะ" ได้ผล... พี่รปภ.เดินอาดๆออกจากออฟฟิศรปภ.ตู้เล็กๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำในมือกำกระบองมาด้วยตรงดิ่งมาหาเธอ คุณแอร์โฮสเตสคนสวยประจำคอนโด "มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณมิเกล ให้ผมโทรแจ้งตำรวจไหมครับ" นิรุจน์หน้าถอดสี เธอจะจับเขาส่งตำรวจเชียวหรือ "หยุด หยุดก่อนผมมาดี คุณแม่ดวงแก้วส่งผมมา" ชายหนุ่มรีบยกมือห้ามแล้วหยิบจดหมายจากกระเป๋าเสื้อส่งให้หญิงสาว "คุณแม่ดวงแก้ว จดหมายของคุณแม่ดวงแก้วเธอคงไม่ลืมแม่ดวงแก้วใช่ไหม" "คุณป้าดวงแก้ว" นั่นสิเธอลืมป้าดวงแก้วญาติเพียงคนเดียวของเธอไปได้อย่างไร ฟังจากสำเนียงเหน่อๆแล้วก็น่าจะใช่คนเมืองกาญจน์ มิเกลจึงหยิบจดหมายจากมือเขา เมื่อผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนร้ายเธอรีบเปิดอ่านทุกตัวอักษร ทางด้านรปภ.ที่เห็นว่าทั้งสองน่าจะคุยกันด้วยดี ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่มิจฉาชีพจึงขอตัวกลับไปในออฟฟิศของเขาตามเดิม "ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับคุณมิเกล" "ค่ะ ขอบคุณค่ะรปภ" มิเกลอ่านจดหมายตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกว่าตนเองแย่มากถึงมากที่สุด ตาเธอแดงด้วยความเศร้าน้ำตารื้นแบบไม่รู้ตัวยิ่งอ่านเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด ขนาดว่าสองปีแล้วที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้าที่เลี้ยงเธอมาจนโต คุณป้าก็ยังคิดถึงเธอเป็นคนแรก คุณป้าดวงแก้วยังให้เธอไปรับมรดกที่สร้างขึ้นเองกับมืออีกต่างหาก ถ้าเธอไม่ไปคุณป้าจะยกให้ไอ้เด็กขี้ก้างคนนั้น "ไอ้ก้างรุจน์" เรื่องอะไรเธอจะยอมล่ะ... "ไง...คุณจะเอาไงคุณมิเกล" "จะให้ผมเรียกว่าคุณมิเกลหรือคุณแก้วตาดี" เขาบูลลี่ชื่อเธอเหรอ... เจ้าของริมฝีปากบางอยากจะลากคนตรงหน้ามาด่านักทำไมเขาช่างยียวนกวนประสาทขนาดนี้ และเธอยังเห็นมุมปากยิ้มเยาะใส่เธอด้วย "เรียกแก้วตา มิเกลไว้ให้เพื่อนฉันเรียก" นิรุจน์เท้าสะเอว "คุณจะเอายังไง ผมร้อน" มิเกลหรือแก้วตาต้องใช้ความอดทนและความยับยั้งชั่งใจสูงที่จะไม่เล่นงิ้วในตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ เม้มริมฝีปากของตนเองไว้จนจะห้อเลือด กัดฟันกรอด "รอฉันเดี๋ยว ขอขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าก่อน" ก็ได้... เธอจะใช้ช่วงเวลาพักงานหนึ่งเดือนไปดูแลป้าแท้ๆเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก็ได้ ส่วนมรดกป่าไม้สักถ้าคุณป้าเสียชีวิตไปแล้วเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นหรอกจะขายให้หมดแล้วใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพดีกว่าเป็นไหนๆ จากนั้นรถโฟร์วีลสี่ประตูก็มุ่งหน้าไร่ทรัพย์สักทองจังหวัดกาญจนบุรี นิรุจน์ลอบมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่เบาะหลัง และเหลือบมองผู้โดยสารที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากบอกว่าหิวกับจะเข้าห้องน้ำ ก็เอาแต่นั่งเงียบเอาหน้าแนบไปกับกระจกเหม่อลอยตลอดทางเหมือนคนสิ้นหวัง "นี่...แก้วตา" ไม่หัน "แก้วตา" "อะไร้...จะเรียกทำไม้" เออ...ได้ยินเสียงตวาดดีกว่านั่งซึมกระทือเป็นไหนๆ คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะเหยียบคันเร่งฝ่าความมืดสองข้างทาง มีไฟทางบ้างบางจุดที่เป็นทางแยก "ทำไมเรียกแก้วตาถึงไม่ได้ยิน ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้งแล้ว" "ไม่ชิน...ฉันชื่อมิเกลไม่ใช่แก้วตา" "อ้อเหรอ...อยู่บ้านนอกเป็นแก้วตาพอเข้ากรุงเป็นมิเกล" "ใช่...แล้วจะทำไม" "ก็ไม่ทำไมหรอกจะชื่ออะไรก็เรื่องของคุณ" "คุณเป็นแอร์ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ขนเสื้อผ้าไปขนาดนี้บริษัทเขาไม่ไล่คุณออกเหรอ" "ฉันลาพักร้อนพอดี ตั้งแต่ทำงานไม่เคยลาหยุดเลยป่วยก็ไม่เคยป่วยบริษัทเขาเลยให้หยุดได้นานหน่อย" คิ้วเข้มเลิกสูงไม่อยากเชื่อสิ่งที่เธอพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากพูดมาก "นายคือเด็กขี้ก้างที่ป้าฉันเก็บมาเลี้ยงใช่ไหม" "นิรุจน์ เรียกพี่รุจน์" "ขี้ก้าง พุงโลก้นปอด" รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงสาวความทรงจำในวัยเด็กกลับคืนมา เด็กชายตัวผอมถึงแม้ว่าเขาจะแก่กว่าเธอไม่กี่เดือนผอมแห้งแคระแกรนชอบขลุกอยู่แต่ในครัวและเข้าสวน เล่นปลากัดในขวดแก้วใส ตอนเด็กเขาคือลูกไล่เธอ "ขี้ก้างเอ้ย..." แต่ตอนนี้เขาตัวใหญ่อย่างกะยักษ์... คิ้วเข้มเลิกขึ้นปรายตามองหญิงสาวที่คิดอะไรอยู่คนเดียว ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่จะมาเป็นเมียเขา แล้วเธอรู้ตัวหรือเปล่าถึงได้นั่งเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ หรือว่าจะรู้แล้ว คุณแม่ดวงแก้วน่าจะบอกแล้วล่ะมั้งคงเห็นว่าเขาหล่อเลยรีบเก็บเสื้อผ้ามาตั้งสองใบ ออนไรท์ ♥️คุณพรี่เขามาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ แต่ยัยน้องคงไม่รู้ชะตาตัวเองสินะ ตอนต่อไป👉 ไร่ทรัพย์สักทอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD