นิรุจน์จอดรถที่เรือนไทยหลังใหญ่ ด้านล่างต่อเติมเป็นปูนส่วนด้านบนเป็นไม้สักทองเหลืองอร่าม ซึ่งบ้านหลังนี้ใช้เป็นที่พำนักของเจ้าของไร่
กว่าจะเดินมาถึงก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วนิรุจน์ยกขาออกจากคันเร่งดับเครื่องยนต์ ปรายตามองไปที่เพื่อนร่วมเดินทางที่หลับตั้งแต่อยู่นครปฐมจนถึงทองผาภูมิเธอก็ยังไม่ตื่น
เขาจึงเรียก "แก้ว คุณแก้วตาถึงแล้ว"
แก้วตาตื่นจากหลับพราะเสียงเรียกแสบแก้วหูของคนขับที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เพราะเธอมีประสาทสัมผัสที่ดีตอนเป็นแอร์เคยอดนอนมากกว่านี้ด้วยซ้ำแค่เรียกเบาๆก็ได้ยินแล้ว
เธอค้อนเขาเพราะเสียงเรียกที่ข้างหูทำเอาเธอสะดุ้งจนตัวโยน "รู้แล้วแก้วหูแทบแตกหนังสือสมบัติผู้ดีน่ะหัดเอามาอ่านมั่งนะ เถื่อนจริงๆ"
"ตามใจ คุณจะนอนในรถก็ตามใจ"
เขาไม่อยากจะสนคนเอาแต่ใจ วันนี้ขับรถไปกลับกรุงเทพฯทองผาภูมิรวมๆแล้วเกือบแปดชั่วโมงมิน่าล่ะเขาถึงได้ทั้งเมื่อยทั้งเพลีย ยังไม่พร้อมจะเอาสมบัติผู้ดีมาใช้ตอนนี้หรอก
นิรุจน์ลงรถแล้วเปิดประตูรถที่ด้านหลังยกกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบลงจากรถ ส่วนแม่แอร์โฮสเตสกลับยืนเฉยไม่คิดจะมีน้ำใจช่วยกันสักนิดทั้งๆที่เป็นสมบัติของตัวเองแท้ๆ
"นี่...แม่คุ๊น ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง"
"นายยกน่ะดีแล้ว ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์"
เธอไม่อยาจะใส่ใจคนพูดมากแก้วตามองไปรอบๆบ้านเรือนไทยที่เปิดไฟสว่างไสว ตัวบ้านเรือนไทยไม้สักทั้งหลังยกพื้นสูงต่อเติมที่ด้านล่างเพื่อพักผ่อน สังเกตได้จากโซฟาและเก้าอี้ปรับนอนตั้งไว้อย่างละชุด
เธอจากที่นี่ไปหลายปีแต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพราะเก้าอี้ปรับนอนตัวนั้นเธอเคยชอบนอนอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำตั้งแต่ยังเด็ก
แก้วตาห่อไหล่เพราะอากาศเย็น กลางคืนของที่นี่หนาวจนเธอต้องกอดอกตนเองให้ความอบอุ่น มองไปบนบ้านก็เงียบเอามากๆ นึกในใจว่าดึกขนาดนี้คุณป้าคงหลับไปแล้วแน่ๆ
กำลังคิดอะไรเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงของเขาที่มันไม่ชวนฟังสักนิด
"ขึ้นบ้านสิ ทำอย่างกับไม่เคยอยู่ไปได้"
"นายก็ขึ้นไปก่อนสิ ฉันจะเดินตาม"
นิรุจน์ไม่ว่าอะไร บันไดสิบกว่าขั้นกับน้ำหนักของกระเป๋าใบใหญ่ทำเอาคนตัวสูงถึงกับเหงื่อตก เมื่อขึ้นไปถึงบนบ้านนิรุจน์เคาะที่ประตูหน้าบ้านสามครั้งไม่นานก็ได้ยินเสียงดึงกลอนจากด้านในแล้วประตูก็เปิดออกโดยคนรับใช้ของที่นี่
"มาถึงแล้วเหรอคะคุณรุจน์"
"คุณแก้วตา"
เธอไม่รู้ว่าแม่บ้านรู้จักเธอได้อย่างไรเพราะเป็นคนมาใหม่เธอไม่เคยรู้จักแต่ก็พยักหน้ารับด้วยดี
"ค่ะ แก้วตาเองค่ะ"
"คุณท่านหลับแล้ว พี่ใจจะพาไปที่ห้องนอนนะคะมาเหนื่อยๆจะได้พักผ่อน"
"ค่ะ"
แก้วตาเดินตามคนตัวโตที่ถือกระเป๋าเดินทางของเธอนำหน้าไปก่อน ส่วนเธอก็ได้แต่เดินตามและสำรวจเครื่องเรือนที่สวยและคงคุณค่าของไม้สักทองดังเดิม และแล้วพี่ใจก็หยุดที่หน้าห้องใหญ่
"ถึงแล้วค่ะห้องคุณแก้วตา คุณท่านให้พี่ใจจัดห้องให้ใหม่ค่ะ"
"นึกว่าจะให้แก้วนอนห้องเดิมเสียอีกนะคะ"
"คุณท่านบอกว่าห้องนี้ใหญ่กว่าห้องเดิมจะได้ไม่อึดอัดใช่ไหมคะคุณรุจน์"
นิรุจน์หน้าร้อนผ่าวเพราะเข้าใจความหมายที่แอบซ่อนไว้ดี เพียงแต่หญิงสาวไม่ทันสังเกตและคงไม่เข้าใจ เขาผลักบานประตูห้องนอนให้เปิดออกแล้วเข้าห้องไปก่อนเป็นคนแรก
"ห้องนี้ห้องคุณ"
เขาวางกระเป๋าเดินทางไว้ให้เธอหน้าตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ ปรายตามองหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดอยู่ปลายเตียงแล้วผละจากไป
แม่บ้านวัยสามสิบต้นๆเห็นใจนายหญิงคนใหม่ที่เพิ่งมาถึงคงจะยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ เห็นว่าเคยอยู่บ้านนี้ตอนเด็กแล้วไปเรียนที่กรุงเทพฯตอนเรียนปริญญาตรีจบแล้วก็ทำงานต่อที่นั่นไม่ค่อยได้กลับมา
"ให้พี่ใจนอนเป็นเพื่อนไหมคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะแก้วนอนได้"
เช้าวันรุ่งขึ้น จากความมืดเปลี่ยนเป็นความสว่างพร้อมกับเสียงไก่ขันปลุกในตอนเช้า อากาศที่นี่ดีจนเธอไม่อยากลุกจากที่นอนเลยด้วยซ้ำ
"คุณแก้วตาคะ ตื่นหรือยังคะ"
เสียงไก่ก็ขันแบบนอนสต็อปจนนึกโมโหถ้าเป็นนาฬิกาปลุกเธอแค่กดมันก็เงียบ แต่นี่มันโก่งคอมานานแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแล้วจะยังมีคนมาปลุกเธออีก ความเคยชินที่เคยอยู่คนเดียวทำเธออารมณ์เสีย
"จะปลุกทำไมกันนักกันหนาเนี่ย"
"ตื่นแล้วแต่ขอนอนอีกหน่อยนะ"
"ตื่นแล้วก็ลุกเถอะค่ะคุณแก้วตา คุณท่านรอทานข้าวเช้าอยู่ค่ะ"
"ก็ได้ ลุกก็ได้"
"จะกินข้าวแล้วเหรอ ที่จริงกินซักเก้าโมงเช้าก็ได้มั้ง"
แก้วตาขออ้อยอิ่งอีกหน่อย ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างผ่านกระจกใสเห็นท้องฟ้าก้อนเมฆและภูเขาที่ไม่ได้เห็นมานาน ที่นี่ทั้งสงบและร่มรื่นถ้าได้นอนเล่นซักครึ่งวันน่าจะดีแต่กลับถูกขัดจังหวะ
"น่าเบื่อจริงๆ"
"ฉันอยากอยู่กรุงเทพ"
มองเวลาที่ข้างฝาแล้วต้องตัดใจสลัดผ้าห่มออกจากตัว พบว่าเตียงที่เธอนอนมันใหญ่มากสำหรับเธอเพียงคนเดียว
"นอนสบายจังแฮะ"
แก้วตาอาบน้ำแต่งตัวใหม่หยิบชุดเดรสสั้นแค่เข่าเปิดแผ่นหลังมาสวมใส่แต่งหน้าอ่อนๆดูน่ารัก ผมยาวตรงปล่อยสยายทั่วแผ่นหลัง เปิดประตูออกไปก็พบพี่ใจที่ยืนรออยู่
"ไปค่ะ พี่ใจจะพาไปหาคุณท่านค่ะ"
แก้วตายิ้มให้ "ค่ะ ไปค่ะ"
เธอเดินตามหลังแม่บ้าน สำรวจเรือนหลังนี้พบว่าถูกต่อเติมใหม่จนแปลกตาจากเดิมมาก ห้องนอนมีทั้งหมดสามห้องนอนเป็นห้องนอนใหญ่ของเธอถัดไปเป็นห้องนอนเล็กกว่านิดเดียวขนาบซ้ายขวา ถัดไปเป็นห้องโถงรับแขกที่เธอเดินผ่านมาเมื่อคืนเพราะจำตู้ใส่เครื่องลายครามของเก่าในตู้ได้
แก้วตามองห้องนอนที่เดินผ่านมาแต่ละห้องให้นึกสงสัยว่าคุณป้าจะนอนห้องไหน จะนอนห้องเดิมหรือเปล่าและตายักษ์คนนั้นล่ะนอนห้องไหนกันแน่ คงไม่ได้นอนห้องติดกับเธอหรอกมั้ง
เมื่อไปถึงห้องรับแขกเธอก็พบกับคุณป้าดวงแก้วนั่งอยู่ในรถเข็นมองมาทางเธอ ข้างกันเป็นตายักษ์ที่นั่งสำรวมอยู่ใกล้ๆ
"คุณป้าคะ"
เสียงหวานเรียกผู้เป็นป้าก่อนจะนั่งลงตรงหน้าแล้วก้มกราบแทบเท้า
"หนูแก้ว แก้วตา"
ดวงแก้วน้ำตารื้นเต็มสองตาลูบผมนุ่มด้วยความรักใคร่โอบไหล่แบบบางที่เธอเลี้ยงจนเติบใหญ่เป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว สวยจนเกือบจำแทบไม่ได้ ที่ผ่านมานางรับรู้เพียงว่าแก้วตาเป็นแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินแค่นั้น
"ป้าคิดถึงหลานถึงให้รุจน์เขาไปตาม แค่ได้เห็นหน้าหลานป้าก็ตายตาหลับแล้ว"
ส่วนแก้วตาได้ฟังที่คุณป้าพูดก็นึกโทษตัวเองที่หลงลืมคุณป้าไปได้อย่างไร กอดตอบหญิงชราแนบแน่นสองคนกอดกันอยู่สักพักจึงคลายออก
"พูดอะไรคะ คุณป้าต้องอยู่กับแก้วไปอีกนานๆค่ะ"
ประโยคสุดท้ายของแก้วตาทำเอาผู้เป็นป้ายิ้มทั้งน้ำตา ก่อนหน้านี้กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันเมื่อนิรุจน์แจ้งว่ายังติดต่อกับแก้วตาไม่ได้
"เมื่อคืนนอนหลับดีไหมหนูแก้ว"
"หลับดีค่ะ เกล เอ้ย...แก้วยังไม่อยากตื่นเลยค่ะ"
"บ้านนอกก็แบบนี้แหละไก่มันขันปลุกคน"
"จริงด้วยค่ะ มีไก่มาโก่งคอตรงห้องแก้ว หนวกหูจังค่ะน่าจับเอาไปทำต้มยำไก่บ้านจังค่ะ"
"ให้มันขันไปเถอะลูกอย่าไปถือสามันเลย"
"เปล่าค่ะหนูล้อเล่น"
นิรุจน์แอบขำ ปรายตามองลูกคุณหนูที่อยากนอนตื่นสายให้ตะวันแยงก้นแต่ต้องตื่นเพราะไก่ของเขา เป็นเขาเองที่อุ้มไอ้โต้งให้ไปยืนโก่งคอหน้าต่างห้องเธอ
"คนบ้านนอกเขาตื่นเช้าต้องเข้าสวนเข้าไร่ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ นอนตื่นสายขี้เกียจสันหลังยาว"
เธอค้อนให้เขากล้าดียังไงมาว่าเธอขี้เกียจ ตายักษ์คงไม่รู้ว่าคนกรุงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อฝ่ารถติดมันทรมานขนาดไหน
วันหยุดก็ควรนอนสิถึงจะถูก
"พูดมาก น่ารำคาญ"
"ชิ..."
ดวงแก้วลูบแผ่นหลังของแก้วตาอย่างรักใคร่แล้วปรายตาไปที่นิรุจน์รู้สึกชื่นใจที่จะมีคนรุ่นหลังมาสานต่อกิจการไร่ของนาง
"คุณท่านคะ สำรับตั้งเสร็จแล้วค่ะ" พี่ใจรีบมารายงาน
"ไป ไปกินข้าวกันลูก"
นิรุจน์ที่คุ้นเคยกับการดูแลผู้สูงวัยเป็นอย่างดี รีบลุกขึ้นแล้วเข็นรถของดวงแก้วไปที่ห้องอาหารโดยมีแก้วตาเดินขนาบข้างไปพร้อมกัน
"จะกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้อาหารบ้านๆไม่มี break fast แฮมไข่ดาวเหมือนในโรงแรมนะ" ชายหนุ่มเหน็บแนม
ที่จริงเธอก็ไม่ใช่คนเรื่องมากขนาดนั้นแต่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้ จึงสงบปากสงบคำไม่อยากให้คุณป้าไม่สบายใจได้แต่ตวัดสายตาอาฆาตไปให้ตายักษ์
จวบจนเมื่ออาหารเช้าผ่านไปเธอทำหน้าที่หลานที่ดีป้อนยาให้กับคุณป้า นั่งย่อยอาหารอยู่สักพักก็มีแขกมาเยี่ยมบ้านตั้งแต่เช้า เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมนิดๆไม่สูงมาก เขาหิ้วกระเป๋าหนังสีดำติดมือมาด้วยพร้อมกับข้าราชการอีกคน
"สวัสดีครับคุณดวงแก้ว"
"ทนายศักดิ์มาซักทีนะคะ อิฉันรอตั้งนาน"
ออนไรท์
♥️ ทนายก็มาอีกคนแล้ว ชีวิตแก้วตาช่างยุ่งเหยิงจริงๆ
ตอนต่อไป👉พินัยกรรม