ภายในเกี้ยวสีทองลายมังกร
ฟางเหรินกุ้ยเฟยเอนซบไหล่ของฮ่องเต้ ใช้แก้มนุ่มเนียนคลอเคลียไปกับต้นแขนคล้ายกับจะปลุกปลอบใจให้เขาคลายความทุกข์โศกในใจ
ฮ่องเต้ลูบไล้ใบหน้าสวยดุจบุปผางามในฤดูวสันต์ กลิ่นหอมกรุ่นจากกายนางช่วยให้ความเศร้าหัวใจเขาได้บรรเทาลงบ้าง
“เฮอ.... คงจะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ภักดีต่อเราด้วยความจริงใจ”
พระองค์ทรงทอดถอนลมหายใจออกมา เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ หากไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าฮองเฮามีชู้ เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเฟิงอี๋จะทรยศเขาได้ลงคอ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานางอยู่ในจารีตประเพณีอันดีงามเสมอ
“หม่อมฉันจงรักและภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเพคะ”
กุ้ยเฟยส่งเสียงหวานอย่างออดอ้อน... แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าท้องของนางบีบรัดเจ็บปวดมากขึ้นจนใบหน้าเหยเก มือที่เคยเกาะกุมลำแขนแกร่งของเขาก็เกร็งจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว บนหน้าผากมีเหงื่อผุดพราย เนื้อตัวเย็นเฉียบฉับพลัน
ฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงก้มลงมองดูนางพลางตรัสถามว่า
“กุ้ยเฟยเจ้าเป็นอะไร”
“ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บท้อง”
นางส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทรมานมันเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวราวกับตกอยู่ในนรกขุมอเวจี
เมื่อฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูส่วนล่างของสนมรักก็พบเลือดมากมายไหลออกมาย้อมกระโปรงของนางจนแดงฉาน พระองค์ถึงกับเบิกตาโพลง ริมฝีปากค้าง ภาพของนางซ้อนทับกับภาพของฮองเฮาตอนแท้งลูกไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของฮ่องเต้ กุ้ยเฟยจึงก้มลงดูท้องของตนเอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ แล้วหมดสติไป
“เร่งฝีเท้ากลับตำหนักไป่เหอ กงกงตามหมอหลวงมาเร็วเข้า !”
ฮ่องเต้ทรงตวาดสั่งออกมาอย่างร้อนพระทัย
..........................................................
ณ ตำหนักไป่เหอ
ภายในตำหนักของกุ้ยเฟย ร่างในแท่นบรรทมขยับไหวกายเพียงเล็กน้อย นางกำนัลที่ถูกสั่งให้เฝ้าร่างไร้สติมาทั้งคืนก็รีบเข้าไปตรวจดูให้แน่ใจว่าฟางเหรินกุ้ยเฟยฟื้นคืนสติมาแล้วจริงหรือไม่
“พระสนมเพคะ.... พระสนม...”
ร่างบนเตียงคล้ายจะตอบรับกับเสียงเรียกนั้น แพขนตาของร่างบนแท่นบรรทมไหวระริก เหงื่อเย็นเฉียบผุดพรายขึ้นบนหน้าขาวผ่อง นางกำนัลเบิกตากว้างอย่างยินดี แล้วรีบตะโกนบอกต่อข้ารับใช้ด้านนอก
“กุ้ยเฟยฟื้นแล้ว กุ้ยเฟยฟื้นแล้ว ตามหมอหลวงเร็ว ส่งข่าวถึงองค์ฮ่องเต้ด้วย”
เสียงตะโกนดังลั่นนั้นปลุกให้คนบนแท่นบรรทมให้สะดุ้งตื่นขึ้น ร่างนั้นหอบหายใจแรงคล้ายกับปลาที่ถูกจับเหวี่ยงขึ้นบนบกแล้วพยายามฮุบเอาอากาศเพื่อรักษาชีวิตตน
“พระสนมเพคะ”
นางกำนัลวิ่งหน้าตื่นเข้ามา แล้วหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าชุ่มเหงื่อของกุ้ยเฟย ในใจนั้นภาวนาขอให้หมอหลวงรีบมาโดยไวด้วยเถิด หากพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้เป็นอะไรไปอีก หัวบนบ่าของนางต้องหลุดแน่ ๆ
“เจ้าเรียกเราว่าอะไร”
ริมฝีปากไร้สีของคนบนแท่นบรรทมขยับเอ่ยเสียงแหบแห้ง นางกำนัลผู้นี้อยากตายหรืออย่างไรจึงเรียกขานเราว่าสนม !
นางกำนัลผู้นั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นางเพิ่งจะได้เข้ามาถวายการรับใช้พระสนมแทนนางกำนัลคนเก่าที่ถูกจับไปขังคุกกะทันหัน จึงไม่มั่นใจว่ากฎของตำหนักไป่เหอเป็นเช่นไร นางจึงทรุดตัวหมอบลงกับพื้น แล้วละล่ำละลักออกมาว่า
“พระสนม.... ฟางเหรินกุ้ยเฟยเป็นพระสนมในองค์ฮ่องเต้ หม่อมฉันจึงเรียกเช่นนี้เพคะ”
....ฟางเหรินกุ้ยเฟย.....
ชื่อของผู้ที่นางแค้นจับจิตพุ่งทะลุเข้าไปในใจของเฟิงอี๋ฮองเฮา
- เหตุใดนางกำนัลผู้นั้นเรียกเราเป็นฟางเหรินกุ้ยเฟย เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ !-
พระเนตรของนางหรี่ลงช้า ๆ จากนั้นก็เบิกโพลงขึ้น ร่างของนางสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง จากนั้น เฟิงอี๋ฮองเฮาจึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียง แล้วถลาเข้าไปหาโต๊ะเครื่องแป้ง
“พระสนมระวังเพคะ”
นางกำนัลจึงรีบเข้าไปประคองร่างบางเอาไว้ เกรงว่าจะล้มไปกับพื้นให้ต้องระคายเคืองผิว
คันฉ่องบานโตสะท้อนใบหน้าสวยพิลาสล้ำ คิ้วโก่งเรียวงามเหนือดวงตาหงส์ ใบหน้ารูปไข่อยู่บนลำคอยาวระหง ผมยาวสลวยดำขลับขับเน้นผิวขาวราวหิมะ ริมฝีปากแม้ยังซีดอยู่แต่ความงามก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่นิดเดียว ผู้ที่งามเป็นหนึ่งในแผ่นดินเช่นนี้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นคือ -ฟางเหรินกุ้ยเฟย-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
เฟิงอี๋ฮองเฮากรีดร้องออกมาดังลั่น นางถูกจับแขวนคอด้วยผ้าขาวสิ้นลมไปแล้วแท้ ๆ เวลานี้ควรจะอยู่ที่ธารเหลืองกับลูกน้อย เหตุใดนางจึงมาอยู่ในร่างของสตรีที่นางชิงชังเป็นที่สุด !
เพล้ง !
นางกำนัลกรีดร้องออกมาเบา ๆ ด้วยความตื่นตระหนก เมื่อฟางเหรินกุ้ยเฟยคว้าเอาสิ่งของใกล้มือขว้างใส่คันฉ่องจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ นางถึงกลับผงะถอยห่างออกจากผู้เป็นนายด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วก็ต้องรีบถลันตัวเข้าไปหาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายหยิบเศษแหลมของคันฉ่องขึ้นมาหมายจะทำร้ายตนเอง
“พระสนมโปรดอย่าทำร้ายตนเองเพคะ”
นางกำนัลจับข้อมือของพระสนมเอาไว้ สีหน้าแตกตื่นยิ่ง
“ปล่อยเรา ! เราจะสังหารนางแพศยานี่ !”
เฟิงอี๋ฮองเฮาในร่างของฟางเหรินกำเศษคันฉ่องแน่น คมของมันกรีดเข้าไปในเนื้อจนเลือดสีแดงไหลออกมา
นางกำนัลแทบจะหัวใจวายตาย ฮ่องเต้ต้องทรงลงพระอาญานางแน่ ๆ ที่ปล่อยให้พระสนมทำร้ายตนเองถึงขั้นเลือดตกยางออก
“ฟางเหริน !”
เสียงเรียกขานอย่างตื่นตกใจดังขึ้นที่หน้าประตู แล้วร่างในชุดสีเหลืองทองลายมังกรก็ปาดเข้าหาคนทั้งคู่อย่างว่องไว
เมื่อเห็นองค์ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว นางกำนัลจึงรีบหลบออกมายืนข้าง ๆ หมอหลวงเฒ่า
“ฟางเหริน เจ้าอย่าทำร้ายตนเองแบบนี้”
ฮ่องเต้ทรงกอดร่างฟางเหรินกุ้ยเฟยเอาไว้แน่น จากนั้นก็แย่งเศษคันฉ่องมาจากมือของนาง แล้วรีบโยนมันทิ้ง ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำปลอบประโลมสนมคนโปรดว่า
“เรารู้..... เรารู้ว่าเจ้าเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกของเราไป เราเองก็เสียใจมากเหมือนกัน”
เฟิงอี๋ฮองเฮาได้ยินดังนั้นร่างกายก็พลันแข็งทื่อไปชั่วขณะ ฝ่าบาททรงกล่าวเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร ? ฟางเหรินเข้าถวายตัวต่อองค์ฮ่องเต้ไม่ถึงปี แต่กลับตั้งครรภ์แล้วรึ ? จะเป็นไปได้เช่นไร ?
“ลูก...”
เสียงแหบแห้งหลุดออกมาจากปากไร้สี...
“เจ้าไม่ต้องห่วง ผู้ใดที่บังอาจวางยาพิษเจ้าจนต้องสูญเสียลูกของเราไป เราได้สั่งจับมันทุกคนเข้าคุกหมดแล้ว”
เสียงทุ้มนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เขาอุตส่าห์เฝ้ารอคอยโอรสสวรรค์มาแสนนาน แต่กลับถูกคนร้ายวางยากุ้ยเฟยจนนางแท้งลูกของพวกเขา อาการที่นางคลุ้มคลั่งราวคนจิตใจสลายเมื่อครู่คงเกิดจากความเสียใจอย่างหนัก