กลับมาที่ปัจจุบัน
ฉันยังคงจับจ้องไปที่เขาอย่างลืมตัว เหมือนเมื่อก่อนที่ฉันมักจะชอบทำ
ครืดดดดดด...
“อือ ว่าไงฝ้ายป่าน” ฉันละสายตาจากร่างสูงแล้วกดรับสายของฝ้ายป่านที่โทรเข้ามาหา
[แกจะกลับตอนไหนอ่ะ?]
“น่าจะดึก ๆ อ่ะ แกมีอะไรหรือเปล่า?”
[ตอนกลับฝากซื้อเครปร้านป้าที่อยู่ตรงข้ามสามแยกหอพักแพทย์ฯ หน่อยสิ]
“กินดึก ๆ เนี่ยนะ”
[อืม ฉันกลัวหิวตอนดึก ๆ อ่ะ]
“อ่า ๆ เอาไส้อะไรบ้าง?”
[หมูหย็อง ไส้กรอก และก็ชีสสสสส ใส่ซอสพริกเยอะ ๆ ด้วยนะ]
“อะเค ๆ”
[ขอบใจน้าเพื่อนร้ากกก] พูดเสียงลากยาวเพื่อเอาใจ และฉันก็ทำได้แค่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา
“จ้า ๆ”
พอคุยกันเสร็จฉันก็วางสายจากฝ้ายป่าน แล้วหันกลับมาสนใจผู้ชายโต๊ะตรงข้ามกับฉันที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออย่างจดจ้อง พลางยกกาแฟขึ้นมาจิบเป็นพัก ๆ
ไม่ได้เจอเขามาตั้งสามปี เขาเปลี่ยนจากการดื่มชาเขียวปั่นมาเป็นดื่มกาแฟแทนแล้วสินะ
เมื่อก่อนว่าหล่อแล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งหล่อสุด ๆ ไปเลย
ตั้งใจเขียน Care Plan สิมุกดา วันนี้จะเสร็จไหมฮะถ้ายังเอาแต่มองผู้ชายแบบนี้!
ฉันบอกตัวเองก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ แม้จะมีแอบเหลือบตาขึ้นมาดูอาทิตย์อยู่เป็นพัก ๆ ก็ตาม
“เสร็จแล้ว” ฉันบ่นออกมาเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กหลังจากตั้งใจทำงานมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เจออาทิตย์แล้ว
เขาคงจะกลับไปแล้วสินะ...
ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่แสดงบนหน้าจอโน้ตบุ๊กอีกครั้ง ตอนนี้ก็ปาไปเกือบห้าทุ่มแล้วและร้านก็กำลังจะปิดในอีกไม่นานนี้แล้วด้วย ฉันจึงเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับ
“ไว้มาใหม่นะครับ” พนักงานเอ่ยบอกเมื่อฉันจ่ายเงินค่ากาแฟที่เคาน์เตอร์เสร็จ ฉันพยักหน้าพลางยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกมาจากร้าน
ฉันเดินมายังรถมอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าร้าน ก่อนจะพยายามรื้อค้นหากุญแจรถในกระเป๋าเป้ของตนเอง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที จนฉันเริ่มกระวนกระวายใจและอยู่ไม่สุข
“อยู่ไหนนะ!?”
“หานี่อยู่หรือเปล่า?”
จู่ ๆ กุญแจรถที่มีพวงกุญแจตุ๊กตาหมีห้อยอยู่ของฉันก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้า ฉันจึงคลี่ยิ้มร่าด้วยความดีใจ
“ใช่แล้วค่ะ อะ..อาทิตย์!” แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือที่ชูกุญแจรถให้ฉันดู ฉันก็ถึงกับร้องเสียงหลงออกมาอย่างตกใจเมื่อมันดันเป็นเขา
“…...”
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อาทิตย์เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มละมุนละไมเหมือนเมื่อสมัยก่อน ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่ได้เห็นมาสามปีแล้ว
นี่เขายังไม่ได้กลับไปอีกหรอกเหรอ
แถมยังทักทายฉันเหมือนคนเคยสนิทกันอีก ทำเอาไปไม่เป็นเลย...
“อะ..อืม ไม่เจอกันนานเลยเนอะ” ฉันยิ้มแหยทักทายกลับ แล้วเอื้อมมือไปรับเอากุญแจรถคืนจากมือของเขา ก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณนะ”
อาทิตย์ยิ้มบาง ๆ มองมาที่พวงกุญแจตุ๊กตาหมีของฉันแล้วถามขึ้น “อืม ยังแขวนพวงกุญแจตุ๊กตาหมีตัวนี้อยู่อีกเหรอ?”
“อืม ตุ๊กตาตัวโปรดน่ะ” ฉันตอบแล้วก้มมองพวงตุ๊กตาหมีที่อาทิตย์เคยเก็บมันคืนให้เมื่อสามปีก่อน
“อ้อ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีนะ”
“อ้อ แล้วมาเรียนที่นี่เหรอ?”
“ใช่แล้ว ว่าแต่นายทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เหรอ นายไม่ได้ไปเรียนที่เมืองนอกหรอกเหรอ?”
“ฉันเพิ่งย้ายกลับมาเรียนที่นี่น่ะ”
“แล้ว..นายเรียนคณะอะไรเหรอ?”
“บริหารฯ น่ะ แล้วเธอล่ะ?”
“ฉันเรียนพยาบาล”
“พยาบาลเหรอ ดูเหมาะกับเธอดีนะคุณพยาบาล”
พอได้ยินเขาแซวฉันก็ยิ้มบาง ๆ ด้วยความเขินอาย พร้อมกับยกมือขึ้นเกาแก้มเพื่อแก้เขินด้วย
“เธอรีบกลับเถอะมันดึกมากแล้วนะ แถมอันตรายอีก”
“อืม ไว้เจอกันนะ” ฉันพยักหน้าให้อาทิตย์ ก่อนจะเดินไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเอง หันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง เขาก็โบกมือพลางส่งยิ้มให้ ฉันจึงส่งยิ้มคืนให้บาง ๆ แล้วก็สตาร์ทรถขับออกมาจากร้านกาแฟด้วยหัวใจที่กำลังพองโต
ทำไมนะ?
ทำไมหัวใจของฉันต้องกลับมาเต้นแรงอีกครั้งด้วย
แถมยังเต้นแรงเหมือนเมื่อสามปีก่อนอีกด้วย
นี่เธอยังไม่เข็ดและเจ็บไม่พออีกเหรอมุกดา!?
เธอเคยโดนเขาปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งนะ!!!
ณ หอพักนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์
พอฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เจอกับฝ้ายป่านที่กำลังนอนพลิกตัวไปมาเล่นอยู่บนเตียงของตัวเอง
“เครปของฉันล่ะ?” ฝ้ายป่านเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองหน้าฉันตาแป๋วแล้วถามขึ้น
จริงด้วย นี่ฉันลืมไปซะสนิทเลยว่าฝ้ายป่านฝากซื้อเครป!!!
“คะ..คือว่า...ฉันลืมซื้อให้แกอ่ะ” ฉันส่งยิ้มแห้งให้ฝ้ายป่าน พลางยกมือขึ้นมาพนมไหว้แล้วถู ๆ กันไปมาเป็นเชิงขอโทษ
“แกอ่ะ!” ทำหน้าบูดบึ้งใส่ แล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นอย่างงอน ๆ ฉันจึงต้องเดินเข้าไปกอดฝ้ายป่านไว้ เพื่อขอโทษและง้อไปในตัว เพราะดูจากท่าทางแล้วคงจะโกรธและงอนให้ฉันอย่างแน่นอน
“ฉันขอโทษน้า ฉันผิดไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันซื้อให้แกสองอันเลย”
“ชิ!” สะบัดหน้าใส่ ยกมือขึ้นมากอดอก แล้วทำหน้าบึ้งตึง ยังไม่หายงอนอย่างง่ายๆ
“หายงอนน้า นะ ๆๆ”
“......” เงียบ
“Care Plan ยังไม่เสร็จเหรอ เดี๋ยวฉันช่วยทำให้นะ เอาไหม ๆ” พอเหลือบตาไปเห็นหน้าจอโน้ตบุ๊กของฝ้ายป่านที่ขึ้นโชว์หน้า Care Plan ที่ยังไม่เสร็จดีก็เสนอตัวช่วยอย่างยินดี
“ไม่ต้องเลย ฉันทำเองได้” ฝ้ายป่านพยายามดันตัวฉันที่สวมกอดออก แล้วทำเป็นตั้งใจพิมพ์งานต่อ
“แกลืมใส่กิจกรรมการพยาบาลเรื่องสังเกตลักษณะแผลของผู้ป่วยอ่ะ” ฉันชะโงกหน้าไปตรงหน้าจอแล้วชี้บอก
“รู้แล้วน่า แกไปอาบน้ำนอนเลยไป!” ฝ้ายป่านทำมือไล่ฉัน ใบหน้ายังคงแสดงออกว่ากำลังงอนอยู่
“ยังก่อน เดี๋ยวฉันช่วยแกทำนี่เสร็จแล้วค่อยไปอาบก็ได้”
“ยัยเน่า!”
“เน่าอะไร ฉันเพิ่งอาบก่อนไปร้านกาแฟเองนะ”
“แกอาบน้ำไปตั้งหลายชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ตัวแกเหม็นแล้วย่ะ”
“ไม่นะ” ฉันทำหน้าไม่พอใจใส่ฝ้ายป่านที่มาหาว่าฉันตัวเหม็น พลางใช้จมูกดมกลิ่นตามเนื้อตัวของตัวเองแบบฟุดฟิด
“ฮ่า ๆๆๆๆ” จู่ ๆ ฝ้ายป่านก็หลุดขำออกมา
“หน้าแกตลกมากเลยมุกดา ฮ่า ๆๆ”
“อะไรของแก?” ฉันขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจ
“ฉันแกล้งงอนแล้วก็ว่าแกเล่นเฉย ๆ แต่เมื่อกี้หน้าแกเหวอกับตลกมากเลย จนฉันกลั้นขำไม่ไหวอ่ะ ฮ่า ๆๆ”
“แกแกล้งฉันเล่นเหรอ นี่แน่ะ ๆๆ” ด้วยความที่ฉันหมั่นไส้ฝ้ายป่านที่แกล้งฉัน จึงเอานิ้วไปจี้เอวของฝ้ายป่านเล่นทั้งสองข้าง เพราะรู้ดีว่ามันบ้าจี้มากแค่ไหน
“พะ..พอแล้ว ฮ่า ๆๆ ฉันจักจี้” ฝ้ายป่านร้องโวยวายสลับหัวเราะออกมาอย่างทรมาน พลางสะดุ้งไปมาตามจุดที่ฉันจักจี้
“ยะ..ยอมแล้ว ๆๆ ฉะ..ฉันขอโทษมุกดา” ฝ้ายป่านแหกปากร้องลั่น แล้วพยายามจับมือฉันให้หยุดจักจี้มัน ฉันจึงยอมหยุด แล้วใช้มือเขกมะเหงกลงบนหน้าผากของมันแรง ๆ หนึ่งทีอย่างมันเขี้ยว
“นี่แน่ะ!”
“โอ๊ยยยย เจ็บนะเว้ย!”
“ก็มันเขี้ยว”
“ชิ!” ฝ้ายป่านทำหน้ามุ่ยใส่พลางเอามือลูบหน้าผากของตัวเองปอย ๆ
“เดี๋ยวสั่งแกรปฟู้ดให้”
“ไม่เอาไม่กินแล้ว เดี๋ยวอ้วนเป็นหมูเหมือนแกเมื่อก่อน”
“......” ฉันชะงักและนั่งนิ่งเงียบ เพราะคำพูดของฝ้ายป่านมันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเมื่อก่อนในตอนที่ฉันอ้วนเป็นหมู แล้วพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออาทิตย์
“แกเป็นอะไรเหรอ ทำไมนั่งเงียบ?” ฝ้ายป่านเอ่ยถามฉันด้วยใบหน้าแปลกใจเมื่อเห็นฉันนั่งเงียบและไม่ตอบโต้
“วันนี้ฉันเจออาทิตย์ที่ร้านกาแฟ”
“หืม ทำไมเจอ เขาไม่ได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอกหรอกเหรอ?” ฝ้ายป่านทำหน้าแปลกใจ
“เขาบอกว่าเพิ่งย้ายกลับมาเรียนที่นี่อ่ะ”
“นี่แกได้คุยกับเขาด้วยเหรอ?” ฝ้ายป่านทำตาโตอย่างตื่นตาตื่นใจ
“อืม เขาทักฉันด้วยอ่ะ”
“นี่ยังกล้ามาทักแกอีกเหรอ ปฏิเสธแกอย่างไม่มีชิ้นดีขนาดนั้น!”
“นั่นสินะ...” ฉันพูดพึมพำพลางลอบถอนหายใจเบา ๆ
“แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงกลับมาเรียนที่นี่ล่ะ?” ฝ้ายป่านทำหน้าครุ่นคิดและสงสัย
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน” ฉันพูดตอบฝ้ายป่านเบา ๆ ก่อนจะมองตรงไปที่กล่องสีชมพูผูกริบบิ้นสีขาวที่วางอยู่บนตู้เสื้อผ้า ที่ฉันยังอุตส่าห์เก็บมันเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะทิ้งมันไปเมื่อสามปีก่อนเสียด้วยซ้ำ...