เพล้ง! เสียงแก้วน้ำส้มหลุดจากมือของแซนดี้ หญิงสาวตกใจตัวเองเหมือนกันเมื่อพลาดปัดแก้วน้ำตก ตะวันฉายมองอย่างตกใจก่อนจะก้มลงเก็บเศษแก้ว
"เพราะแกคนเดียวยังขี้ข้า ถ้าไม่ขัดคำสั่งฉันแก้วคงไม่แตก!" ตะวันฉายไม่พูดอะไรตอบโต้เธอได้แต่กัดฟันก่อนจะจดจ่อกับการเก็บเศษแก้ว ใบตองได้ยินเสียงก็รีบถือไม้กวาดพร้อมถังขยะมา
"โอ๊ย!" หญิงสาวร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อเศษแก้วบาดนิ้วมือจนเลือดไหล
"พี่ตะวัน เดี๋ยวใบตองจัดการต่อเองพี่ไปทำแผลก่อนนะคะ"
"ไม่เป็นไรใบตอง แผลเล็กนิดเดียวเอง"เธอพูดพร้อมยิ้มเจื่อให้ใบตอง แซนดี้ถอนหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ
"แซนดี้มีอะไรรึเปล่าครับ?"พายุเดินเข้ามาหลังจากคุยธุระเสร็จชายหนุ่มมองตะวันฉายเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจเธอ แซนดี้เห็นพายุภัคก็เดินหลบเศษแก้วพร้อมไปหาชายหนุ่ม
"ก็แม่บ้านคนนี้สิคะคุณพายุ ทำแก้วน้ำส้มแตกไม่รู้ว่าเธอไม่พอใจอะไรแซนดี้รึเปล่า"หญิงสาวออดอ้อนพร้อมเกาะแขนชายหนุ่มแน่น พร้อมสีหน้าเศร้าให้เขาสงสาร พายุภัคเหลือบมองคนก้มเก็บเศษแก้วด้วยแววตานิ่งเฉย
"แล้วคุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า"
"ไม่ค่ะ แซนดี้ขอโทษนะคะ"
"คุณไม่ผิดจะขอโทษทำไมคนผิดเขายังไม่สำนึกและไม่คิดจะขอโทษเลย"หญิงสาวหลับตาชั่งใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
"ดิฉันขอโทษนะคะ" ตะวันฉายเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาทั้งสองคนไป แซนดี้มองอย่างแปลกใจที่คนใช้อย่างเธอกล้าทำสีหน้าแบบนั้นใส่เจ้าของบ้าน ใบตองเก็บที่เหลือจนเสร็จก่อนจะเดินตามตะวันฉายเข้ามาในครัว หญิงสาวบรรจงเปิดน้ำล้างเลือดที่ไหลอยู่ให้หมด ป้าปราณีสะกิดใบตองด้วยความสงสัยที่พายุแปลกๆไป
"พี่ตะวันติดพลาสเตอร์ก่อนจ้ะ ฉันละไม่ชอบแม่นางแบบอะไรนั้นเลย กล้ามาตีหน้าเล่าความเท็จอีก"
"ช่างเขาเถอะใบตอง พี่ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายมากกว่านี้อีกอย่างเขาก็เป็นแขกคุณพายุ"
"แต่พี่ไม่ใช่คนใช้นิจ้ะ แม่นั้นกลับชี้นิ้วสั่งพี่ อีกอย่างพี่เป็นลูกบุญธรรมคุณหญิงและก็เป็นวาที่ภรรยาคุณพายุอีก" ตะวันฉายยกมือมาปิดปากใบตองพร้อมทำหน้าดุ
"อย่าพูดแบบนี้อีกนะใบตอง เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่มีวันเป็นจริง อันที่จริงสำหรับพี่แค่ได้ตอบแทนบุญคุณคุณพ่อกับคุณแม่ก็เพียงพอแล้ว พี่ไม่ต้องการเป็นภรรยาของคุณพายุ" เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าลง แต่งงานหรอ? เธอไม่ต้องการ
บนโต๊ะอาหาร
สีหน้าเรียบนิ่งเย็นช้าของชายหนุ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อเขารู้ว่าตะวันฉายทานข้าวในครัว
"คุณพายุคิดอะไรอยู่คะ แซนดี้ถามก็เงียบอีกแล้ว"
"อ้อ ผมแค่คิดเรื่องงาน หลังจากทานข้าวเสร็จผมจะให้คนขับรถไปส่งนะครับ พอดีผมมีงานด่วน"
"นึกว่าวันนี้เราจะได้นั่งคุยกันนานกว่านี้เสียอีก"หญิงสาวทำหน้างอก่อนจะเอื้อมมือไปลูบมือชายหนุ่ม เขามองหญิงสาวกลับก่อนจะยกมุมปากยิ้มขึ้นมา เพิ่งรู้จักกันไม่กี่เดือนก็ดูเหมือนว่าหล่อนจะรุกไม่น้อย
"ไว้วันหลังนะครับ อีกอย่างไหนว่าแซนดี้มีงานไงพรุ่งนี้"
"ตายจริง! จริงด้วยแซนดี้ลืมไม่คิดนะคะว่าคุณจะจำและใส่ใจแซนดี้มากขนาดนี้" หญิงสาวลุกขึ้นก่อนเดินไปด้านหลังพร้อมกอดคอชายหนุ่มที่นั่งอยู่
"อยากนี้คงต้องให้รางวัล"เธอกระซิบข้างหูก่อนจะหอมแก้มพายุภัค เดิมทีเขาจะเบี่ยงหน้าออกแต่ดันไปเห็นตะวันฉายที่จะเดินขึ้นไปบนห้อง เขาจึงหันไปหอมแก้มเจ้าหล่อนกลับ แซนดี้ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบปากชายหนุ่มพร้อมก้มจูบปากเขาอย่างเบาๆ หญิงสาวที่มาเห็นภาพสองคนในห้องอาหารพอดี ก็รีบหันหน้าหนีพร้อมจ้ำอ้าวเดินขึ้นบันไดไปอย่างรีบๆ พายุถอยหน้าออกห่างแซนดี้ก่อนจะลุกขึ้นพรวด
"เป็นไรไปคะ?"
"ผมว่าแซนดี้กลับเถอะครับ มันดึกแล้วตื่นมาไม่สวยนะ อีกอย่างผมมีงานด่วนจริงๆ"
"อืมก็ได้คะ งั้นเจอกันวันหลังนะคะเสียดายที่คุณพ่อคุณแม่คุณไม่อยู่แซนดี้อยากจะมากราบท่าน"
"ไว้วันหลังนะครับ ผมให้คนไปรอที่หน้าบ้านแล้วบายๆนะครับ"
"บายค่ะ จุ๊บ!" หญิงสาวยิ้มพร้อมหอมแก้มเขาอีกครั้ง พายุภัคยิ้มนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจหลังจากแซนดี้ไป เขาก็เดินขึ้นบันไดตรงมาชั้นสองของบ้าน
ตะวันฉายเมื่อเห็นภาพที่พายุภัคกอดจูบกับแซนดี้ใจเธอก็เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าสำหรับเขาเธอมันก็นางบำเรอไม่มีทางเป็นได้มากกว่านี้ เสียงไขประตูห้องทำให้ความคิดต่างๆของเธอแตกกระเจิงก่อนจะหันมามองอย่างตกใจเมื่อคนที่ไม่อยากเจอกลับเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเธอ
"คุณพายุ มีอะไรคะถึงเข้ามาในห้องนี้"
"มีแน่ถึงเข้ามา เธอคงไม่พอใจมากสินะที่ฉันพาแซนดี้มาที่บ้าน ถึงได้ทำแก้วแตกอย่างนั้น"
"เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น" เธอตอบอย่างแน่วแน่
"หึ ก็ดีเพราะเธอไม่มีสิทธิ์ อีกอย่างเลิกไปพูดกับพ่อแม่ฉันสักทีเรื่องงานแต่ง เพราะสำหรับฉันเธอไม่มีค่าถึงขั้นยกตัวมาเป็นเมียตามกฏหมายของฉัน"
"ดิฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่นะคะ อีกอย่างเรื่องงานแต่งงานดิฉันไม่ต้องการตั้งแต่ต้น" จู่ๆสายตาคมดุก็จ้องมองเธออย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
"ไม่ต้องการ หึคิดหรอว่าฉันจะเชื่อผู้หญิงอย่างเธอมักมากอยากได้อยากมีจะให้ฉันเชื่อหรอว่าเธอไม่ต้องการที่จะมาเป็นคุณหญิงของบ้านนี้"
"ฉันไม่สามารถบังคับให้คุณเชื่อได้ แต่สำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับคุณ สิ่งที่ฉันต้องการคือการตอบแทนบุญคุณของคุณพ่อและคุณแม่ที่ท่านเลี้ยงดูฉันแค่ก็แค่นั้น"ตะวันฉายพูดออกมาอย่างน้อยใจที่เขาดูถูกสารพัดแบบนี้ เธอไม่เคยทำไม่ดีกับเขา แต่เขายังจะหาเรื่องทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ แต่คำพูดของหญิงสาวทำเอาคนฟังถึงกลับลมออกหู
'ไม่ต้องการแต่งงานงั้นหรือ' คำพูดนี้กลับทำให้พายุภัคไม่พอใจขึ้นมา
"พูดเหมือนฉันอยากแต่งงานกับเธอ จำไว้นะตะวันสิ่งที่ฉันต้องการจากเธอไม่มีอะไรนอกเหนือจาก ร่างกายเธอ!"เขาพูดเน้นคำท้ายพร้อมสายตามองต่ำสำรวจร่างกายหญิงสาวอย่างพอใจ ตะวันฉายรู้สึกไม่ปลอดภัยเธอขยับผ้าห่มมาปิดกายไว้เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธออีก
"หึ! กลัวรึไง!"เขาเห็นท่าทางหญิงสาวก็นึกมั่นไส้เธอขึ้นมาก่อนจะเดินก้าวเท้าเข้าไปใกล้ หญิงสาวร่างบางสะดุ้งเฮือกก่อนจะลุกพรวดพร้อมถอยไปอีกทาง พอยิ่งเห็นเธอรังเกียจไม่อยากให้เขาโดนตัว พายุภัคเองก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น
"คุณพายุออกไปจากห้องตะวันเถอะนะคะเดี๋ยวคุณแม่กลับมาท่านจะสงสัยเอาได้"
"คิดจะเอาแม่มาขู่งั้นสิ รู้ไหมตะวันวันนี้ฉันต้องการเธอทำหน้าที่ตัวเองหน่อยสิ"เขาก้าวเท้ายาวไม่กี่ก้าวก็ประชิดตัวหญิงสาว ริมฝีปากหนายักได้รูปยกยิ้มอย่างพอใจที่ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าไม่สามารถหนีเขาไปไหนได้อีก
"อย่าค่ะ!"เธอร้องห้ามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มจะโน้มใบหน้ามาจูบเธอ ภาพที่เห็นเมื่อกี่ยังคงติดตาตะวันฉายอยู่ไม่ลืม เขาเพิ่งจูบกับผู้หญิงคนอื่นมาแท้ๆยังจะมาจูบเธออีกงั้นหรอ
"ทำไมห๊ะ พอห่างมือผัวไม่กี่คืนก็เล่นตัวแล้วหรือไงหึ?"น้ำเสียงแหบซ่านกระซิบข้างใบหูคนร่างบาง เธอหายใจเข้าออกอย่างไม่เป็นจังหวะเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจของเขาได้ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของหญิงสาวมันเหมือนยาเสพติดที่ทำให้เขาไม่สามารถลืมมันลงได้ ยิ่งใกล้ยิ่งต้องการ
"ขอร้องนะคะคุณพายุอย่าทำแบบนี้กับตะวันอีกเลย ที่ผ่านมาตะวันยอมเพราะคุณแม่ที่เลี้ยงดูตะวันมา แต่ถ้าคุณยังทำแบบนี้กับตะวันอีกตะวันจะบอกทุกคนว่าคุณรังแกตะวัน"เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปถึงแม้ว่าคำขู่เล็กๆนี้จะไม่ทำให้เขากลัว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
"ขอร้องหรอ? ก็ร้องสิร้องดังๆเลยนะตะวัน"
"นี่คุณ!อึก"ไม่ทันได้ต่อว่าริมฝีปากร้อนระอุก็ประกบปากเธออย่างเร่งรีบ เขาขวานหาน้ำหวานปากปากหญิงสาวก่อนจะเม้นริมฝีปากบนพร้อมมือทั้งสองกอดรัดร่างบางเอาไว้ หญิงสาวดิ้นไปมาเธอพยายามดันอกเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล ตะวันฉายสบัดหน้าไปมาอย่างคนไม่ยอมแพ้ การกระทำของเธอมันยิ่งทำให้เขาต้องการที่อยากจะเอาชนะ ร่างหนาดันตัวหญิงสาวล้มลงบนเตียงก่อนจะขึ้นค่อมทาบทับร่างกายเธอเอาไว้ เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างดิ้นเหมือนคนขาดอากาศหายใจเขาถึงถอนจูบพร้อมเปลี่ยนมาซุกไซร้ตามซอกคอระหงขาวนวลเนียนแทน
"ปล่อยนะ ปล่อยไอ้คนใจร้าย คุณมันคนใจร้ายออกไปจากตัวฉันนะ!"เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ชีวิตเธอทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมต้องเจอเขาคนใจร้ายที่ไม่เคยนึกสงสารเธอเอาเสียเลย
"เงียบ! พูดมากจริงอย่าขัดใจฉันนะตะวัน!"เขาเริ่มลำคาญตะคอกใส่ร่างบางด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมฉันต้องทนคุณด้วย ไอ้คนเลว คุณมันเลวยิ่งว่าปีศาจ!"น้ำหยดใสๆไหลออกมาด้วยความเสียใจ
"ปากดีนักนะ อยากตายใช่ไหมห๊ะถึงกล้ามาด่าว่าฉัน เธอเป็นใครแล้วฉันเป็นใครลืมไปแล้วหรอห๊ะตะวัน!"
"คุณเป็นคนไง แล้วฉันก็เป็นคนเหมือนกับคุณ คุณเลิกเอาตัวเองเป็นใหญ่ที่สุดในโลกได้ไหม คุณไม่เคยนึกถึงคนอื่นนึกถึงแต่ตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันยังชดใช้ไม่พออีกรึไงคุณถึงรังแกฉันได้สารพัด!"
"หึ! ผิดแล้วตะวัน เธอเป็นนางบำเรอของฉันต่างหาก อยากให้ฉันเลิกยุ่งกับเธอหรอ? ได้! ทำให้ฉันพอใจสิฉันจะเลิกยุ่งกับเธอเอง" เสียงสะอื้นดังออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอทั้งเจ็บทั้งจุกกับคำพูดของเขา
ก๊อก! ก๊อก! จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสีหน้าของพายุหันมามองด้วยความตกใจ