บทที่ 1 เรื่องราวแรกเริ่ม
ชั้นบนสุดของตึก A.p. company
มุกตาพา บริรักษ์ ประธานกรรมการใหญ่ของ A.p. company นักธุรกิจหญิงหม้ายที่ทั้งสวยมีเสน่ห์และเก่งกาจในการทำธุรกิจ ขณะที่อายุเพียง 28 ปี แต่ได้นั่งแท่นผู้บริหารเต็มตัว แต่ว่าความสามารถของเธอนั้นไม่น้อยเหมือนกับอายุ ด้วยเพราะเธอถูกสอนฝึกฝน การทำธุรกิจ จากนักธุรกิจที่เก่งที่สุดถึง 2 คน นั่นก็คือ คุณอำนาจ สามีและ คุณมนตรี ผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอสามารถที่จะอยู่บนเส้นทางนักธุรกิจได้อย่างดี
มุกตาพานั่งเซ็นต์เอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะ หลังจากที่เธอเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัว แทนนายอำนาจ บริรักษ์ ผู้เป็นสามีที่เสียชีวิตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลายเป็น นักธุรกิจหญิงแกร่งผู้รับช่วงต่อธุรกิจทุกอย่างของสามีของเธอ
เมื่อเซ็นต์เอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว มุกตาพาต้องเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเมื่อย พร้อมกับหลับตานิ่ง และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่เธอได้ปล่อยให้สมองพักเรื่องงาน
ก็จะมีเรื่องราวเมื่อ 8 ปีก่อนเข้ามาในความคิดของเธอ เสมอ เรื่องราวความรัก สมัยที่เธอยังคงเป็นวัยรุ่น เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เรียกว่าเป็นความรักที่สวยงาม และยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดมา ถึงแม้ว่าระหว่างเธอกับเขา จะไม่แม้แต่จะเอ่ยคำลาก็ตาม เพราะหลังจากติดต่อเขาไม่ได้ในครั้งนั้นก็เหมือนกับการจากลาโดยถาวร เพราะทั้งสองไม่เคยติดต่อกันอีกเลยและเธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
8 ปีที่แล้ว
มหาวิทยาลัยชื่อดังมุกตาพา นักศึกษาปี 4 เอกบริหารธุรกิจ กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ บริเวณนี่เป็นที่ ที่เธอชอบมานั่งประจำ เพราะความเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน
แต่ว่าวันนี้เธออ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย นั่นเป็นเพราะสมองของเธอยังนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน
“มุกใกล้จะสอบเสร็จแล้วใช่ไหม”คุณมนตรีเอ่ยถามบุตรสาวเพียงคนเดียวขณะที่นั่งทานข้าวต้มในตอนเช้า
“ค่ะคุณพ่อ สอบอีก 3 วิชาก็เสร็จแล้ว และก็จบแล้วค่ะ”มุกตาพาตอบผู้เป็นพ่อขณะที่นั่งทานข้าวต้มที่แม่บ้านตักมาให้
“ดีเลย เมื่อสอบเสร็จแล้ว จะได้คุยเรื่องแต่งงานเลย”
คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้มือที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากต้องชะงักและเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ
“อะไรนะคะคุณพ่อ แต่งงาน ใครจะแต่งงานนะคะ”มุกตาพาถามด้วยความสงสัย ในคำพูดของผู้เป็นพ่อ
“ก็ลูกไง “
“คะ! มุกเหรอคะ “
“ใช่ ลูก “
“แต่งกับใครคะคุณพ่อ คุณพ่อล้อเล่นใช่ไหมค่ะไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ”
“แต่งกับอา อำนาจ”
“อะไรนะคะ คุณพ่อ อาอำนาจ เพื่อนคุณพ่อนะเหรอคะ”
เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ผู้เป็นพ่อบอก มุกตาพาต้องเอ่ยถามด้วยความตกใจ เพราะคนที่พ่อของเธอบอกนั้นคือคุณอำนาจที่เป็นเพื่อนของพ่อเธอ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนรุ่นน้องก็เถอะ แต่อายุ ก็ห่างกับเธอเกือบ 2 รอบ
“ใช่ คุณอาอำนาจเพื่อนของพ่อ”คุณมนตรีตอบรับเสียงเข้ม และสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“แต่คนพ่อคะ ทำไมมุกต้องแต่งด้วยละค่ะ “
“มุก เรื่องนี้พ่อมีเหตุผลนะ “
“เหตุผลอะไรค่ะคุณพ่อ คุณพ่อจะให้มุกแต่งงานกับคนรุ่นพ่อนี่เหรอค่ะ มันจะมีเหตุผลอะไรที่สำคัญถึงขนาดนั้นคะ”
“มุก ฟังพ่อนะ ตอนนี้ คุณอาอำนาจ กำลังป่วยหนักมากและมุกก็รู้ว่าอาอำนาจไม่มีใคร มีญาติก็เป็นเพียงญาติที่คอยแต่จะหวังผลประโยชน์จากท่านเท่านั้น ไม่มีใครที่หวังดีกับคุณอาด้วยความจริงใจสักคน”
“ค่ะเรื่องนี้มุกรู้ค่ะคุณพ่อ แต่มันเกี่ยวอะไรกับการที่จะต้องแต่งงานกับมุกละคะ”
มุกตาพาถามด้วยความสงสัยเพราะ ยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับการที่จะให้เธอแต่งงานกับท่าน อยู่แล้ว นี่นา
“นั่นเป็นเพราะว่า เป็นคำขอสุดท้ายของคุณอานะสิ มุก”
“แต่พ่อคะ “
“ นั่นคุณอามานั่นแล้ว คุณอาอยากคุยกับลูกเอง “
มุกตาพาหันไปมองที่ประตูตามคำบอกของผู้เป็นพ่อ และก็เห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามาด้านใน ใบหน้าที่ดูอิดโรย อย่างเห็นได้ชัด
“สวัสดีค่ะคุณอา”มุกตาพาพนมมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม
“มุก อามีเรื่องจะคุยกับมุกสักครู่ “
“ค่ะ”
มุกตาพาเดินนำเขามาที่โซฟาที่ห้องรับแขก เพื่อจะได้คุยกันอย่างสะดวก
“มนตรีคงจะบอกมุกแล้วเรื่องแต่งงานของเรา”
“ค่ะเพิ่งบอกเมื่อสักครู่ และมุกก็อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่ะคุณอาทำไมคุณอาถึงได้ทำแบบนี้คะ”
“เรื่องนี้ ถือซะว่าอาขอร้องนะมุก ขอแค่แต่งงานจดทะเบียนในนามเท่านั้น “
“มุกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น”
“มุกก็รู้ว่า อากำลังไม่สบาย และไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน และอีกอย่าง ญาติที่อามีอยู่ มุกก็รู้ว่าเป็นเช่นไรอาไม่อยากให้พวกเขาต้องมาวุ่นวายกับอา”
“ถึงแม้ว่ามุกจะแต่งงานกับอาอำนาจ จะมีประโยชน์อะไรละคะ เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้วนี่คะคุณอา”
“ไม่เมื่ออาแต่งงานกับมุกแล้ว สิทธิ์ขาดทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับมุกทั้งหมดและอาขอร้อง ขอให้อาได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่อย่างสงบเถอะนะมุก อาขอเพียงเท่านี้จริง ๆ”คุณอำนาจเอ่ยเสียงเบา ด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ว่า “
“ถือว่าอาขอร้อง มุก แต่งแค่ในนามเท่านั้น เพราะอารู้ว่า เวลาของอาเหลือไม่นานแล้ว และอาก็ไม่มีใครแล้ว ขอให้อาจากไปอย่างสงบเท่านั้นนะมุก ช่วยทำให้ความปรารถนาของอาเป็นจริง เถอะนะ อาขอร้อง”
มุกตาพาได้แต่นิ่งมองหน้าผู้สูงวัย ที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็ก และเธอก็ผูกพันกับเขาเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ การแต่งงาน คำนี้ จะมีผลต่อเธอมาก ด้วยเพราะเธอเองก็มีคนรักอยู่แล้ว และก็วางแผนกันไว้ว่าหลังเรียนจบก็จะแต่งงานกัน และสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะทำเช่นไรดีนะ มุกตาพาได้แต่สับสนและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
“คุณอาคะ มุกขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของมุกเลยนะคะ “
“ได้ อีก 2 วันมุกค่อยให้คำตอบอานะ แต่ อาหวังว่ามุกจะตอบตกลง เอาละอาขอไปคุยกับมนตรีก่อนนะ “
“ค่ะคุณอา “
และนั่นก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกมามหาวิทยาลัย นั่นเอง เธอคิดทบทวน ถึงคำพูดของคุณอำนาจ และเธอก็เห็นใจท่านมาก ๆ เช่นกัน เพราะเธอรู้ว่าทำไมท่านจึงขอร้องเธอทำแบบนั้น
และคุณอำนาจพูดเสมอว่า ครอบครัวของท่านมีเพียงเธอและพ่อของเธอเท่านั้น ส่วนคนอื่นนั้น มีแต่หวังประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของท่านเพียงเท่านั้นเอง ไม่มีใครหวังดีและเป็นห่วงท่านด้วยความจริงใจเลยซักคน
ขณะที่มุกตาพากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าอยู่นั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกยื่นมาตรงหน้าของเธอ
“ดอกไม้สวย ๆ มอบให้คนสวย ๆ ครับ “
“ขุน มุกตกใจหมดเลยค่ะ “
“นั่งคิดถึงผมอยู่หรือเปล่ามุก เหม่อลอยแบบนี้นะหือ”
ขุนพลเอ่ยถามเสียงทุ้ม และเดินมานั่งใกล้ ๆ มุกตาพา และมองใบหน้าสวยของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“จ้องหน้ามุกทำไมละคะขุน ว่าแต่ไปไหนมาคะ “
“ผมไปทำเรื่องจบมานะสิ เสร็จแล้วก็รีบมาหามุกนี่ไงล่ะ คิดถึงมุกจังเลย “ขุนพลบอกอีกครั้งและส่งยิ้มหวานให้กับเธอและรอยยิ้มนั้นทำใหมุกตาพา ต้องรู้สึกเศร้า แทนที่จะดีใจและขุนพลก็เหมือนจะสังเกตุเห็นท่าทางของเธอ
“มุก เป็นอะไร ดูท่าทางเครียด เรื่องสอบมีปัญหาหรือเปล่า ทำไม่หน้าตาดูไม่สบายเลย”ขุนพลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“อ้อ เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่ขุน หิวข้าวหรือยัง นี่ก็เที่ยงแล้ว เราไปทานข้าวที่โรงอาหารดีกว่าไปเถอะ “มุกตาพาบอกชายหนุ่ม และมือก็พับเก็บหนังสือที่อ่านใส่กระเป๋าสะพาย ไปด้วย
“อือ ไปสิ ผมก็หิวแล้ว ไปเก็บบรรยากาศของมหาลัยให้เต็มที่ก่อนจะจบดีกว่า”
“และเราจะได้คุยเรื่องของเราไปด้วย ไปเถอะ”
“อือ เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นเลยไปทานข้าวกันดีกว่า มุกหิวแล้ว” มุกตาพาเอ่ยบอกและเดินตรงไปที่โรงอาหาร โดยที่ขุนพลได้แต่มองตามหลังเธอไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
มุกตาพา และ ขุนพล เป็นคู่รักที่ทุกคนต่างอิจฉา ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่อยู่ปี 1 ตอนที่คณะของขุนพลและมุกตาพา รับน้องร่วมกัน ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และ ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่กันคนละคณะ แต่ขุนพลมักจะถูกแซวเสมอว่า ตกลงแล้วเขาอยู่คณะวิศวะ หรือว่าบริหารกันแน่ เพราะ เขามักจะมาขลุกอยู่ที่คณะบริหาร เกือบจะตลอด นั่นเป็นเพราะ เขานั้น ตามจีบสาวคณะบริหารนั่นเอง
และพอขึ้นปี 2 ทั้งคู่ก็ตกลงคบกัน แล้วก็กลายเป็นคู่รักที่ทุกคนอิจฉา เพราะหน้าตาสวยหล่อด้วยกันทั้งคู่ เรียกว่าเป็นดาวเดือนมหาลัยเลยก็ว่าได้
ทั้งคู่คบหาดูใจกันมาจนกระทั่งอยู่ปี 4 ก็คุยกันไว้ว่าจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันหลังจากเรียนจบ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องคุยกันแล้ว
แต่ว่าใครจะคิดว่าเรื่องราวมันจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ซะแล้วจากนี้ต่อไป
สัปดาห์สุดท้ายของการเป็นนักศึกษา ตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งและวุ่นวายกับการทำเรื่องจบ จนไม่มีเวลา รวมถึงมุกตาพาและขุนพล
“ มุก รู้หรือยัง คุณอาอำนาจ เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้”คุณมนตรีเอ่ยถามบุตรสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟารับแขก
“อะไรนะคะคุณพ่อ คุณอา เข้าโรงพยาบาลอย่างนั้นหรือคะ แล้วเป็นอะไรมาหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่อยดี นี่พ่อกำลังจะไปโรงพยาบาล มุกไปกับพ่อไหมลูก”
“ค่ะ พ่อ รอมุกสักครู่ค่ะมุกไปหยิบกระเป๋าก่อน “
“อือ เร็ว ๆ นะลูก “
“ค่ะพ่อ”
มุกตาพารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องของเธอเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายแล้วก็ออกไปที่โรงพยาบาลกับคุณมนตรีผู้เป็นพ่อ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทั้งคู่ก็ไปที่ห้องพักที่เป็นห้องพิเศษ ที่คุณอำนาจพักอยู่
“พ่อคะ เดี๋ยวมุกเดินไปซื้อ ผลไม้มาให้คุณอาก่อนดีกว่า เมื่อกี้มุกลืม เดี๋ยวพ่อเข้าไปก่อนนะคะ”
“อือ ได้สิลูก รีบไปรีบมานะลูก “
“ค่ะ “
มุกตาพาเดินตรงไปที่ลิฟท์เพื่อจะลุงไปด้านล่าง แต่ขณะที่เธอเดินมาจะถึงลิฟท์ เธอก็ได้ยินเสียงของคนคุยใคร อันที่จริงก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าที่ทำให้เธอสะดุดนิ่งและยืนฟัง เพราะ หัวข้อสนทนาที่พวกเขาคุยกันจะเกี่ยวกับคุณอำนาจ
“คุณ ทะนงค์ ทำไมต้องให้ฉันกับลูกมาที่นี่ด้วย ก็แค่ญาติห่าง ๆ เข้าโรงพยาบาลแค่นี้ ดูสิ โรงพยาบาลมีแต่เชื้อโรคทั้งนั้น “ หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลมถาม
“เถอะน่ามาลี คุณลืมไปแล้วหรือไงที่ผมบอก ว่า นายอำนาจ มีสมบัติมากมายมหาศาล และที่สำคัญ เขาไม่มีญาติที่ไหน นอกจากผม ถ้าเกิดเขาตายไป คุณคิดดูว่าใครจะได้สมบัตินั่น “นายทะนงค์ เอ่ยเสียงตื่นเต้น
“ก็เพราะฉันคิดถึงเรื่องนี้นะสิ ฉันกับลูกถึงต้องมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นจ้างให้ฉันก็ไม่มาหรอก”
“น่าอดทนหน่อยสิ อย่างน้อยก่อนตายให้ทุกคนเห็นว่าผมดูแลเขาดีที่สุด จะได้ไม่มีใครตำหนิได้ไง “
“แล้วเมื่อไหร่ จะตายซะทีละคะคุณพ่อ”
“ฮึ คงจะใกล้แล้วละ ลูกแสง“
“ดี ตายเร็ว ๆ ยิ่งดี “ แสงระวีเอ่ยเสียงแหลม อย่างพอใจ กับคำพูดของผู้เป็นพ่อ
ขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกคุยกันอยู่นั้น มุกตาพาที่ยืนอยู่ได้ยินทุกคำพูด และรู้สึกโกรธกับคำพูดของพวกเขามันช่างเป็นคำพูดที่น่ารังเกียจเหลือเกิน และคิดว่าคนพวกนี้ช่างเห็นแก่ตัวจริง มุกตาพาตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปที่ห้องพักของคุณอำนาจ ทันที
*************************