" นี่คือทองคำหมื่นชั่ง... "
" พอเถอะท่านแม่สื่อ ท่านมาทุกวันเป็นเวลาร่วมสามเดือนแล้ว "
" นั่นเป็นเพราะองค์ชายสิบสามจริงใจต่อแม่ทัพซู ต่อให้ท่านจะปฏิเสธอีกร้อยครั้ง ก็ไม่ละความพยายาม ซูฮูหยิน..ท่านคิดดูอีกทีเถอะ... "
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น อากาศคลายความหนาวเย็นไปมากแล้ว อบอุ่นขึ้นมาจนเหมาะแก่การออกไปขี่ม้าเล่นสักหน่อย นึกไม่ถึงว่าเพียงเหยียบย่างออกมาใกล้หน้าประตูจวนก็พบเห็นเหตุการณ์เดิม ๆ ที่ซ้ำซากจำเจเช่นทุกวัน
แม่สื่อจากตำหนักองค์ชายสิบสามมาพร้อมขบวนสู่ขอ ที่มีจำนวนสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็โดนซูฮูหยินปฏิเสธกลับไปทุกครั้งเช่นกัน ซูเหมยลี่จึงชักจะมีน้ำโหขึ้นมาเสียแล้ว รู้สึกสงสารท่านแม่ที่ต้องมาคอยรับมือ
อีกทั้งบุรุษจากตระกูลอื่น เมื่อเห็นองค์ชายสิบสามให้แม่สื่อมาเจรจาถึงร้อยครั้ง ต่างก็ไม่กล้ายื่นมือเข้ามาเป็นคู่แข่ง กลัวว่าจะทำให้ชายสูงศักดิ์เพ่งเล็งโดยใช่เหตุ
แบบนี้ซูเหมยลี่ก็ขึ้นคานกันพอดีน่ะสิ !
" ท่านแม่ของข้าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรทั้งนั้น เพราะข้าไม่มีวันยอมเป็นสนมขององค์ชายสิบสาม ท่านกลับไปได้แล้วและไม่ต้องมาที่นี่อีก "
ซูเหมยลี่ขยับกายออกมาจากหลังบานประตู เพื่อออกปากปฏิเสธด้วยตนเองให้เด็ดขาดเสียที ผู้คนจะได้เลิกสงสัยและนินทาไปทั่ว ว่าทำไมตระกูลซูถึงปฏิเสธองค์ชายสิบสามเป็นครั้งที่ร้อย
" แม่ทัพซูท่าน... "
" ความพยายาม ความจริงใจหรือ ? เขาแค่ใช้เจ้าออกมา พวกเจ้าก็ยกขบวนกันมาเหมือนสุนัขเรียงแถว หากพยายามถึงเพียงนั้น ทำไมองค์ชายสิบสามไม่ทรงมาคุกเข่าขอร้องต่อหน้ามารดาของข้า ! "
" สามหาว ! "
" เจ้าสิสามหาว ! "
ปลายกระบี่ยาวตวัดอย่างรวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา ก็ตัดฉับเอาเส้นผมครึ่งศีรษะของแม่สื่อวังหลวงร่วงลงพื้น เหลือเป็นตอสั้นยาวน่าเกลียดไม่เป็นทรง หญิงชรายกสองมือปิดบังความอายอีกทั้งยังกรีดร้องด้วยความกลัวจนขาสั่น
" กลับไปกราบทูลหลี่มู่เฉิน เขาเป็นชายอ้วนเหมือนหมูที่น่ารังเกียจ วัน ๆ ไม่ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน เที่ยวเล่นกินใช้เงินท้องพระคลัง เสพสมแต่กามารมณ์กับสตรีไม่ซ้ำ ข้าซูเหมยลี่ไม่มีวันแต่งงานกับไอ้อ้วนไร้ประโยชน์ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกเชียว ! "
ซูเหมยลี่ยื่นคำขาด หลี่มู่เฉินเป็นเพียงองค์ชายที่เกิดจากพระสนมชั้นไฉเหรินเท่านั้น แม้แต่มารดาของเขายังต่ำศักดิ์กว่าแม่ทัพขั้นสามอย่างนาง อีกทั้งโอกาสที่หลี่มู่เฉินจะมีตำแหน่งสูงไปกว่านี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากไม่สามารถช่วยกิจการบ้านเมืองได้สักอย่าง มีดีตรงที่เป็นโอรสคนโปรดเท่านั้น ที่ผ่านมานับว่าซูเหมยลี่ไว้หน้ามากแล้ว
" ข้า...ข้า...จะทูลองค์ชาย..เจ้าบังอาจนัก... "
" รีบไปก่อนที่เจ้าจะไม่ได้ไป "
เมื่อแม่ทัพหญิงตวัดปลายกระบี่อีกครั้ง ขบวนสู่ขอก็แตกกระเจิงกันไปคนละทิศทาง ซูเหมยลี่เก็บกระบี่เข้าฝักแล้วถอนหายใจฮึดฮัด เช้าวันนี้นางหมดอารมณ์จะไปขี่ม้าเสียแล้ว
" ซูเหมยลี่ ! เจ้านี่นะ ปากหาเรื่องเสียจริง "
ซูฮูหยินยกมือทาบอก เมื่อลูกสาวออกปากด่ากราดอย่างโอหังไม่เว้นแม้กระทั่งองค์ชายคนโปรด แม้ตระกูลซูจะมีแม่ทัพใหญ่ถึงสามคน อีกทั้งอำนาจยังครึ่งค่อนราชสำนัก แต่หากเรื่องนี้รู้ถึงหูเบื้องบนก็ไม่รู้ว่าซูเหมยลี่จะโดนตำหนิเช่นไรบ้าง
ลูกสาวนางเป็นที่เอ็นดูของฮ่องเต้ไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรได้รับอนุญาตให้เข้าร่ำเรียนในราชสำนัก เทียบเท่าเหล่าองค์ชายองค์หญิง ไปดูหมิ่นเบื้องบนไว้ถึงเพียงนี้ช่างน่าผิดหวัง
" ท่านแม่อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ฮ่องเต้ทรงมีความยุติธรรม หากโดนสอบสวนลูกจะบอกเหตุผลที่ปฏิเสธอย่างละเอียด ลูกไม่ยอมแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แน่นอน "
" ว่าอย่างไรนะ นางกล้าพูดถึงข้าว่าเป็นไอ้... "
" ไอ้อ้วนไร้ประโยชน์ อ้วนเหมือนหมูที่น่ารังเกียจเพคะ ! "
หลี่มู่เฉินเลือดขึ้นหน้า หยิบคว้าอะไรใกล้มือได้ก็ขว้างปาไปทุกสารทิศ ทั้งนางสนมและขันทีต้องวิ่งหลบกันเสียให้วุ่น ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าด่าว่าเขารุนแรงเท่านี้มาก่อน ซูเหมยลี่บังอาจไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียเลย !
" มีอะไรอีก ! "
" นางยังบอกอีกว่าองค์ชายไร้ประโยชน์ ใช้เงินท้องพระคลังเที่ยวเล่นเพคะ ! "
แม่สื่อวัยชราแค้นใจนัก เส้นผมของนักแหว่งเว้าไปครึ่งศีรษะ อายุอานามปูนนี้มันจะงอกขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร นางจะมีหน้าที่ไหนไปพบเจอผู้คน อีกทั้งยังหยามเกียรติองค์ชายสิบสามอย่างถึงที่สุด
" เฉินกงกง รีบไปกราบทูลเสด็จพ่อว่าข้าขอเข้าเฝ้า ! "
องค์ชายสิบสามออกคำสั่ง ทั้งที่ร่างกายสั่นเทิ้มจนยืนแทบไม่ไหว ชายหนุ่มร่างอ้วนท้วมโกรธจนใบหน้าแดงเถือก ด้วยแต่เดิมก็ถูกพี่น้องหยอกล้อที่เขาอ้วนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว พระราชบิดาจึงเห็นใจและเมตตาเขาที่สุดในบรรดาพระโอรส ทรงประทานอนุญาตให้ใช้เงินท้องพระคลังตามใจ อีกทั้งจะมีสนมนับสิบนับร้อยก็ไม่เคยว่ากล่าว พวกนางบางคนงดงามยิ่งกว่าซูเหมยลี่เสียด้วยซ้ำ
ชายอ้วนอย่างเขาก็เด็ดดอมหญิงงามมาแล้วนับไม่ถ้วนเช่นกัน !
" อะ..องค์ชายจะเข้าเฝ้าด้วยเรื่องใดพ่ะย่ะค่ะ "
แม้จะรักและตามใจโอรสคนนี้มาก แต่ฮ่องเต้เองก็ทรงมีคุณธรรมเป็นที่ตั้ง หากทรงทราบว่าองค์ชายส่งแม่สื่อไปก่อกวน เทียวสู่ขอแม่ทัพซูถึงหนึ่งร้อยวัน จนแม่ทัพซูต้องปฏิเสธรุนแรง เห็นทีคนโดนลงทัณฑ์จะเป็นองค์ชายเสียเอง
ทรงมีพระราชโองการให้แม่ทัพซูพักผ่อนตามใจชอบ ห้ามใครหรืองานราชการใดรบกวน หลังจากตรากตรำกับสงครามมาหลายปี....
" ก็จะไปบอกให้เสด็จพ่อตัดหัวมันเจ็ดชั่วโคตรไงเล่า ! "
เฉินกงกงตาโต รีบละล่ำละลักเข้ามาลูบหลังผู้เป็นนาย ก่อนตะเพิดแม่สื่อเฒ่าให้รีบออกไปให้พ้นทาง ยิ่งยืนอยู่ยิ่งยุยงส่งเสริมไปกันใหญ่ แบบนั้นมีแต่บรรลัยแน่แท้
" องค์ชายใจเย็น ๆ เถิดพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลซูไม่ใช่คนตัวเล็ก ๆ ที่เราจะทูลขอให้ฝ่าบาทลงโทษได้ อำนาจตระกูลซูแผ่ไพศาล เสนาบดีเกินครึ่งราชสำนักเป็นพวกพ้องแม่ทัพซูผู้พ่อทั้งนั้น "
" นางด่าข้าว่าไอ้หมูอ้วน ! "
" กระหม่อมทราบแล้ว แต่มีหนทางแก้แค้นที่ดีกว่านั้น... "
" อย่างไร ? "
หลี่มู่เฉินหูผึ่ง จะหนทางใดก็ตามขอเพียงได้แก้แค้นนังผู้หญิงปากมากนั่นย่อมได้ทั้งนั้น เขาไม่สนวิธีการ สนใจเพียงผลลัพธ์ที่ซูเหมยลี่จะต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็น !
" ตระกูลซูมีอำนาจมากเสียจนบางครั้งฝ่าบาทก็ไม่สบายพระทัย เก็บไว้ใกล้ตัวก็อุ่นใจ แต่ก็กลัวถูกหักหลังเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ... "
" .... "
" กระหม่อมเคยได้ยินว่าครั้งหนึ่งทรงปรึกษาเว่ยกงกง จะให้แม่ทัพซูบุตรสาวอภิเษกเป็นพระชายาองค์ชายรัชทายาทเพื่อปรองดอง แต่อีกแผนก็อยากหาทางลดอำนาจตระกูลซูลงสักครึ่ง.... "
เพราะไม่แน่ใจว่าการให้ตบแต่งเข้าวังจะเป็นการดีกับตน หรือจะยิ่งส่งเสริมให้ตระกูลซูแข็งแกร่งขึ้นไปอีก หลายปีมานี้จึงทรงลังเลพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะปูนบำเหน็จแม่ทัพซูสองพี่น้อง เลื่อนขั้นให้เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งเช่นบิดา เกรงว่าทั้งสามจะยิ่งใหญ่แล้วแปรพักตร์ต์เปลี่ยนไป ถึงได้แสดงท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้เรื่อยมา
" เช่นนี้นี่เอง...อย่างนั้นเจ้ามีแผนอะไรอีกว่ามา "
" กระหม่อมคิดว่าองค์ชายควรไปกราบทูลขอสมรสพระราชทานให้แม่ทัพซูพ่ะย่ะค่ะ แสดงความจริงใจที่พระองค์ไปสู่ขออยู่หลายครั้งแต่แม่ทัพซูยืนยันหนักแน่นว่าอยากทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ด้วยการดูแลราชวงศ์ "
" เช่นนั้นนางจะไม่กลายเป็นพระชายาองค์ชายแปดรึ ! "
หลี่มู่เฉินไม่เห็นด้วยโดยเด็ดขาด หากซูเหมยลี่กลายเป็นพระชายาองค์ชายรัชทายาทก็นับว่ามีศักดิ์สูงกว่าเขา เกิดนางอยากสั่งสอนเขาขึ้นมาก็แย่น่ะสิ
" ทูลองค์ชาย มิใช่องค์ชายแปดพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเสด็จอาของพระองค์... "
คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความขบคิดว่าพระราชบิดามีน้องชายด้วยหรือ มิใช่ว่าพระองค์ลอบสังหารพี่น้องจนสิ้นหมดแล้วหรืออย่างไรก่อนขึ้นครองราชย์ นึกไปนึกมาก็ถึงกับตาโต
" เจ้าหมายถึง หลี่เฟยหลง อ๋องตำหนักฤดูร้อนท้ายวังหรือ ? "
" ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องสุขภาพไม่สู้ดี เป็นอีกคนที่ฝ่าบาทหวังให้จากไปอย่างสงบ หากทั้งสองแต่งงานกัน อำนาจตระกูลซูคงหมดความน่าเชื่อถือในสายตาพวกเสนาบดีลงไปมาก "
" .... "
อีกทั้งพระองค์ยังได้แก้แค้น เพราะการสมรสพระราชทาน หากท่านอ๋องสิ้นแล้ว แม่ทัพซูต้องถือครองตัวเป็นหม้ายตลอดชีวิต แผนนี้ฮ่องเต้จะต้องพอพระทัยในความปราดเปรื่องขององค์ชาย "
ได้ฟังดังนั้นหลี่มู่เฉินก็อ้าปากหัวเราะก้องกังวานไปทั่วตำหนัก ภาพเสด็จอาผู้ซีดเซียวจนแทบปลิวลมโผล่เข้ามาในความคิด
" ฮ่า ๆ ดี ดีมาก ! หากซูเหมยลี่รังเกียจบุรุษอ้วนเช่นข้า ดังนั้นก็จงมีสามีรูปงามราวเทพเซียน แต่นกเขาไม่มีวันขัน เพราะเจ็บป่วยทั้งปีทั้งชาติเสียเลยเป็นอย่างไร ! "