" แม่ทัพซูเหมยลี่รับราชโองการ เนื่องจากแม่ทัพซูปกป้องบ้านเมือง ทุ่มเทเสียสละ สร้างคุณงามความดีเพื่อแผ่นดิน จนบัดนี้อายุสมควรแก่การออกเรือน... "
" .... "
" ฮ่องเต้จึงทรงมีพระราชประสงค์ มอบสมรสพระราชทานแก่แม่ทัพซูเหมยลี่และท่านอ๋องหลี่เฟยหลงแห่งตำหนักฤดูร้อน ฤกษ์งามยามดีจัดพิธีมงคลในวันขึ้นแปดค่ำนี้ "
เว่ยกงกงกล่าวจบก็มอบราชโองการให้แก่แม่ทัพซูรับไว้ เป็นอันรู้กันว่าไม่มีใครในแผ่นดินนี้สามารถขัดต่อความประสงค์ของเจ้าบัลลังก์มังกรได้ ซูเหมยลี่จำต้องก้มหน้ารับชะตา แม้ยังไม่เคยรู้จักท่านอ๋องที่ว่ามาเลยเสียด้วยซ้ำ
" ซูเหมยลี่รับราชโองการ "
คล้อยหลังเว่ยกงกงที่ยกขบวนจากไป ครอบครัวตระกูลซูที่วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าก็รีบหันหน้าปรึกษากันทันที ในที่แรกนั้นซูฮูหยินและบุตรทั้งสองยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าฮ่องเต้ทรงห่วงใยและเมตตาครอบครัวตน จนมีพระราชทานงานมงคลให้ จึงปลาบปลื้มใจและส่งรอยยิ้มให้กันด้วยความอบอุ่น
นึกไม่ถึงว่าหันกลับมาอีกที แม่ทัพซูผู้พ่อกลับมีใบหน้าเคร่งเครียดจนมืดดำ
" ท่านพี่เป็นอะไรไปเจ้าคะ... "
" ท่านพ่อยินดีกับเหมยลี่เร็วขอรับ นางไม่ต้องแก่เทื้อขึ้นคานแล้ว "
ซูเหมยลี่ตบหลังพี่ชายไม่หนักไม่เบา ทั้งงุนงงไม่หายทั้งหมั่นไส้ หวังว่าท่านอ๋องท่านนั้นคงเป็นคนที่คู่ควรเหมาะสมกัน ระดับฮ่องเต้ทรงพิจารณามาด้วยพระองค์เอง คงไม่มีสิ่งใดให้ขุ่นข้องใจ
" จะให้ข้ายินดีอย่างไร... "
" ท่านอ๋องตำหนักฤดูร้อนผู้นั้น สุขภาพร่างกายไม่สู้ดี ผิวขาวซีดราวหิมะ ใบหน้าหล่อเหลารูปงามราวเทพเซียน แต่ทว่าเพียงลมหนาวแรกพัดมาก็สลบไสลเพราะพิษไข้ไปสามวัน "
วันดีคืนดีไม่รู้จะสิ้นชีพเอาตอนไหน... ไม่เข้าใจนักว่าฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยอะไรตระกูลซูหรือไม่ ถึงได้พระราชทานคนคนนี้มาให้เป็นบุตรเขยคนเล็ก ไม่ต่างอะไรจากส่งบุตรสาวของเขาไปครอบครองตำหนักร้าง และเตรียมตัวเป็นหม้ายตลอดชีวิต
" ถะ..ถ้าอย่างนั้น... "
" ท่านแม่ ! "
บุตรทั้งสองช่วยกันประคองร่างมารดาที่อ่อนแรงฉับพลันจนยืนแทบไม่อยู่ ซูฮูหยินเมื่อประมวลสถานการณ์ได้แล้วก็ร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ บุตรสาวของนางเสียสละเพื่อบ้านเมืองมากมายถึงเพียงนี้ นี่คือสิ่งที่ซูเหมยลี่ควรได้รับหรือ อย่าว่าแต่หลานตัวน้อย ๆ ที่นางใฝ่ฝันจะได้อุ้มชู นี่ลูกเขยเล็กจะมีเรี่ยวแรงพอปฏิบัติหน้าที่เป็นสามีปกติได้หรือ ถึงเป็นแม่ทัพมากฝีมือเพียงใด ซูเหมยลี่ก็คือลูกสาวที่นางอยากจะฝากฝังให้ใครสักคนดูแลปกป้องเช่นกัน
" เหมยลี่ลูกแม่ หากต้องเห็นเจ้าครองตัวเป็นหม้ายสามีตายตั้งแต่ยังสาว สู้ฆ่าแม่ตอนนี้เสียเถิด... "
" ท่านแม่ใจเย็น ๆ อย่าไปแช่งเขาสิเจ้าคะ "
ซูเหมยลี่ปลอบโยนทั้งบิดาและมารดาให้ใจเย็นลง แม้ตนเองก็ผิดหวังและเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ นางรับราชโองการมาแล้ว นี่คงเป็นเวรกรรมที่ด่าทอหลี่มู่เฉินกระมัง ถึงได้เข้าตัวเร็วนัก
ได้รับปูนบำเหน็จเป็นสามีสุขภาพเจ็บป่วยที่นอนไร้เรี่ยวแรง....
อย่าว่าแต่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง เขาทำประโยชน์ให้ตนเองยังไม่ได้เลย....
" แค่ก ๆ "
" ท่านอ๋อง มีราชโองการวางทิ้งอยู่ที่หน้าทางเข้าตำหนักพ่ะย่ะค่ะ "
หลิวจื่อหลิงถือม้วนราชโองการที่ไม่เคยได้เห็นมานานนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครั้งนั้นเป็นราชโองการที่เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาและเจ้านายให้ต้องระเห็จจากพระตำหนักกลางมาที่ตำหนักฤดูร้อน ซึ่งมีสภาพใกล้พังถล่มเต็มที
และยังปลดบรรดาศักดิ์หลี่เฟยหลงจากองค์ชายรัชทายาท สู่ท่านอ๋องที่มีเพียงชื่อตำแหน่งลอย ๆ พอให้สมฐานะพระอนุชาของฮ่องเต้ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการใดกับใคร แม้แต่กับโรงครัววังหลวงยังโยนเศษผักผัดเหลือ ๆ กับน้ำมันหมูมาให้บรรเทาความหิว
" ว่าอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะไล่เราออกจากตำหนักแล้วหรือ อย่างนั้นก็เก็บของเถอะ "
ชายงามที่นอนเกียจคร้านอยู่บนสะพานไม้ท้าลมหนาว มุดกายอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนเก่า มองฝูงปลาในบ่อที่ลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ กล่าวขึ้นอย่างไร้ความทุกข์ร้อนใจ
" ไม่ใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ...เป็นพระราชโองการสมรสพระราชทานให้ท่านกับแม่ทัพซู "
" ข้ากับซูกังน่ะหรือ...สวรรคค์ลงโทษ... "
หลิวจื่อหลิงกลอกตามองขึ้นฟ้า ชายคนนี้คิดได้ยังไงว่าตนเองจะได้แต่งงานกับแม่ทัพซูคนพี่ซึ่งเป็นบุรุษเต็มกาย ท่าจะโดนพิษไข้เช่นงานส่วนสมองเสียแล้วกระมัง
" กับแม่ทัพซูเหมยลี่พ่ะย่ะค่ะ "
ปลายนิ้วเรียวที่กำลังนับจำนวนปลาในบ่อหยุดชะงัก หลายสิบปีมานี้ผู้คนล้วนหลงลืมหลี่เฟยหลงไปจนสิ้น ตำหนักฤดูร้อนที่เคยเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัว กลายเป็นลานประหารที่ฮ่องเต้ทรงใช้สังหารมารดาและพี่น้องจนเหลือไว้เพียงหลี่เฟยหลงคนเดียว
จะนับว่าเป็นเมตตาหรืออย่างไรดี
กระนั้นยังทรงมีพระทัยส่งอดีตพระคู่หมั้นในวัยเยาว์กลับมาให้เสียอีก...
" ยังไม่รีบไปปัดหยากไย่เพดานอีก "
" .... "
" ชุดเครื่องนอนก็ขาดไปหมด "
หนุ่มรับใช้ส่ายศีรษะอ่อนใจ สถานที่แห่งนี้ขาดการดูแลมานานจนไม่เหลือเค้าโครงความงดงามแล้ว ตัวอาคารเก่าซีดไร้สีสัน อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่เขาคนเดียวจะทำความสะอาดไหว ที่พอจะดูได้สักหน่อยก็มีเพียงส่วนของห้องนอนตนและเจ้านายเท่านั้น
หลี่เฟยหลงในตอนนี้ทั้งป่วยทั้งจน...
" งานจะเริ่มแปดค่ำนี้ กระหม่อมทำคนเดียวไม่มีทางเรียบร้อย "
" ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอความอนุเคราะห์จากองค์ชายสิบสามเสียสิ เด็กนั่นเป็นคนเสนอสมรสพระราชทานไม่ใช่หรือ ? "
ใบหน้างดงามราวเทพเซียนจุติ ขนคิ้วดกดำเรียงสวย ดวงตาสองชั้นคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักทรงเสน่ห์ แต่ทว่าผิวพรรณขาวซีดและร่างกายออกจะสูงโปร่งบอบบางพลิกตัวลุกขึ้นนั่งเชื่องช้า ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความนึกสนุก
" ท่านอ๋องทราบหรือ ? "
" .... "
" ท่าน... "
" อย่ารีบร้อนไปเลยหลิวจื่อหลิง แก้แค้นสิบสองปียังไม่สาย ตอนนี้ทั้งเจ้าและข้าเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ไม่มีแม้แต่ผ้าประดับงานมงคล "
หลิวจื่อหลิงกำหมัดแน่น วันเวลายาวนานผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเขาและท่านอ๋องในวัยเยาว์เป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี กลับต้องกลายเป็นกำพร้าไร้ที่ไป ประคองชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ จากอาหารเหลือของโรงครัว และบางครั้งก็ของแจกตามวัดจากนอกรั้ววัง
หลี่เฟยหลงเคยเป็นคนที่เก่งกาจด้านการต่อสู้และวางแผนการรบตั้งแต่อายุไม่เท่าไหร่ อีกทั้งยังเป็นศิษย์ผู้พี่ของแม่ทัพซูทั้งสอง แต่เพราะความโลภของฮ่องเต้จึงได้มอบยาพิษทำลายธาตุ จนเขากลายเป็นคนที่ไม่มีแม้แต่แรงจะยืนเสียด้วยซ้ำ
แต่นี่เขากลับรับรู้ข่าวจากนอกตำหนักได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก...
" ท่านอ๋องออกไปข้างนอกมาหรือ... "
" จะไปไหนได้เล่า... "
เขากล่าวด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ใช้ฝ่ามือบางล้วงเอาตั๋วเงินออกมาจำนวนหนึ่งจากอกเสื้อ หลิวจื่อหลิงจึงถึงกับตาโต หากเจ้านายของเขาไม่ได้ออกไปข้างนอก แล้วตั๋วเงินเหล่านี้จะมาจากที่ใดกัน
" จำไว้ว่าข้าเป็นเพียงคนป่วยธาตุไฟแตก แล้วที่เหลือข้าจะจัดการแก้แค้นให้เจ้าอย่างสาสม "
" .... "
" ไปขอร้ององค์ชายสิบสามว่าเราไม่มีปัญญาจัดงานมงคล หากเขาเมตตาก็ให้เขาเป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว "
" .... "
" ส่วนตั๋วเงินนี้ เป็นสินเดิมที่มารดาข้าฝากไว้กับจวนตระกูลเจิ้ง ข้าพึ่งไปรับมาเพียงส่วนหนึ่ง แค่เพียงส่วนหนึ่งก็เพียงพอให้เราดำรงชีพไปสิบปี นำไปซื้อเนื้อมาเป็นมื้อเย็นกันเถอะ "
สองขาของหลิวจื่อหลิงคุกเข่าลง ชายหนุ่มเม้มปากกลั้นก้อนสะอื้น ในที่สุดสิ่งที่พวกเราทั้งสองรอคอยมายาวนานถึงสิบสองปีก็กลับมาแล้ว ศีรษะของบ่าวรับใช้จรดโค้งลงสู่พื้นสะพานไม้นิ่งค้างไว้เนิ่นนาน จนหลี่เฟยหลงต้องบอกให้พอ
อ๋องหนุ่มโบกมือไล่ขำขัน ไม่รู้หลิวจื่อหลิงจะตื่นเต้นอะไรนักกับอีแค่ร่างกายของเขาที่กลับมารวบรวมพลังธาตุได้อีกครั้ง
เอาไว้ค่อยตื่นเต้นตอนเขาได้ไล่เด็ดหัวพวกมันทีละคนดีกว่า...
เริ่มต้นที่หลี่มู่เฉินเป็นคนแรก
บังอาจสู่ขอซูเหมยลี่ถึงร้อยครั้ง
ท้าทายจิตใจอันบอบบางของเสด็จอาเหลือเกิน
หลานรัก...