[CARROT TALK]
หลังจากลงมาจากรถเมล์ ฉันก็หยิบมือถือพร้อมแอร์พอดขึ้นมาใส่และกดเล่นเพลงโปรดปล่อยใจไปตามเสียงเพลง แล้วเดินเข้าซอยมาเรื่อยๆ เหลียวตามองทางเข้าซอยแยกซอยหนึ่งเหมือนทุกครั้ง
ฉันพึ่งย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี ซอยนั้นทำฉันสงสัยไม่น้อยทุกครั้งที่เดินผ่าน เพราะมันดูอลังการลึกลับอย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญห้ามให้คนนอกเข้าไป ฉันก็เลยอดรู้เลยว่าในซอยนั้นมีอะไรบ้าง อาจจะเป็นบ้านมาเฟียหรืออภิมหาเศรษฐีก็ได้
ฉันเดินตรงมาที่บ้านของตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านจัดสรรเล็กๆ ในซอยแยก ดีที่บ้านฉันอยู่หน้าสุดของโครงการนี้ ก็เลยพอเดินไหว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านก็เห็นคุณแม่ที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนถือตะหลิวทำกับข้าวอยู่ในครัว และน้องสาวที่กำลังตั้งใจทำการบ้านอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก
"กลับมาแล้วค่ะ"
"กลับมาแล้วเหรอแครอท รอคุณแม่ทำกับข้าวก่อนน้าา"
"ได้ค่าา"
ฉันตะโกนตอบคุณแม่ไป แล้วเดินตรงไปหาน้องสาวด้วยความอยากรู้ว่ากำลังทำการบ้านวิชาอะไรอยู่
"ว่าไงเจ้าหนู ทำการบ้านเหรอจ๊ะ?"
"สอนผักชีหน่อยได้มุ้ย เรียนไม่เข้าใจเลย"
'ผักชี' น้องสาววัย 13 ปีของฉัน ทำหน้ามุ่ยส่ายหน้าไปมาพลางส่งสายตาปริบๆ ให้ฉันเห็นใจ ด้วยความใจดีและรักน้องเป็นที่หนึ่ง ฉันจึงยอมช่วยสอนให้เหมือนทุกครั้ง ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง
"เรื่องสมการเหรอ..ได้สิ"
"เย้~"
เมื่อได้ยินฉันตกปากรับคำจะสอนให้ เจ้าเด็กน้อยแก้มยุ้ยก็ฉีกยิ้มตาหยีด้วยความดีใจ ยื่นแบบฝึกหัดของตัวเองมาให้ฉันสอน
"มา พี่จะอธิบายข้อนี้ให้ฟัง 3X+2=14 จงหาค่า X ว่าเท่ากับเท่าไร..."
ฉันสอนการบ้านให้ผักชีไปเรื่อยๆ โดยยึดตามหนังสือแบบฝึกหัดของน้องเป็นหลัก อาจจะดูเหมือนฉันเก่ง แต่ความเป็นจริงไม่เลยสักนิด ฉันแค่เคยเรียนผ่านมาแล้วและมันง่ายเท่านั้นเอง
"ทำไมพี่แครอทเก่งจัง...แต่จะว่าไปหนูไม่เห็นพี่ทำการบ้านของตัวเองเลยอ่ะ"
น้องสาวสุดน่ารักเอ่ยชมฉันด้วยใบหน้าแห่งความนับถือ ซึ่งฉันก็เพียงแค่ยิ้มแหยๆ ให้ผักชีไป และใช่ค่ะ ฉันสอนการบ้านน้อง ส่วนการบ้านของตัวเองที่ยากๆ ฉันก็ทำเองไม่เป็น ต้องรอไปลอกเพื่อนที่โรงเรียนตลอด แฮะๆ
"กับข้าวเสร็จแล้วจ้ะสองสาว"
"ไปกินข้าวก่อน"
ฉันเอ่ยชวนผักชีเมื่อได้ยินเสียงคุณแม่พูดบอก เราจึงวางมือจากการบ้าน แล้วพากันลุกไปที่โต๊ะทานข้าวที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย
"ไม่รอคุณพ่อเหรอคะ?"
ผักชีเอ่ยถามคุณแม่ ซึ่งฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะปกติเราจะรอทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งบ้าน
"วันนี้คุณพ่อเลิกงานดึก พวกเราทานกันก่อนเลยจ้ะ"
เราสองคนพยักหน้าเข้าใจให้คุณแม่ ก่อนจะลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมือการทำอาหารของคุณแม่คือนัมเบอร์วันในใจ จนฉันต้องยกนิ้วโป้งให้บ่อยๆ
"นี่แครอทจ้ะ หนูคิดไว้รึยังลูกว่าซัมเมอร์นี้จะทำอะไร?"
"ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่หนูไม่เรียนพิเศษแล้วนะ"
ฉันพูดพลางส่ายมือส่ายหัวไปมา เป็นตายร้ายดียังไงปิดเทอมซัมเมอร์นี้ฉันก็ไม่เรียนพิเศษเด็ดขาด เรียนมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันก็ไม่พัฒนาเท่าไหร่ สู้ไปหาอะไรทำสนุกๆ ยังจะดีซะกว่า
"ไม่อยากเรียนแล้วเหรอจ๊ะ?"
"ใช่ค่ะ หนูอยากพักผ่อนทำสิ่งที่ชอบ"
ฉันพูดตอบคุณแม่ไป ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูรูปภาพท้องฟ้าในแต่ละวันที่ตัวเองถ่ายเก็บสะสมไว้พลางตักข้าวกินไปด้วย แค่ได้ดูรูปถ่ายท้องฟ้าที่ตัวเองถ่ายก็มีความสุขมากแล้ว
"งั้นหนูก็ค่อยๆ คิดละกันนะจ๊ะ แต่อย่าคิดจนลืมอ่านหนังสือเตรียมสอบไฟนอลล่ะ"
"ได้เลยค่าาา~"
ฉันเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มให้คุณแม่ คุณแม่เองก็ยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู การมีคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองอยากทำมันดีมากจริงๆ ฉันรักพวกท่านทั้งสองที่สุด
[CARROT END]
บ้านของคิมหันต์
"สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่"
คิมหันต์เดินเข้ามาในบ้าน เมื่อเห็นพ่อ แม่ และเหมันต์นั่งอยู่ห้องรับแขกแบบพร้อมหน้าพร้อมตา เขาก็ยกมือไหว้ทำความเคารพ สายตากวาดมองทั้งสามก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เหมันต์ที่กำลังนั่งทานแอปเปิลเปลือกเสร็จแล้วอย่างอารมณ์ดี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแม่เป็นคนเปลือกให้เขาทาน
"กินป่ะ?"
"ไม่"
เหมันต์เอ่ยถามเมื่อเห็นคิมหันต์ยืนมองเขา แต่คิมหันต์ก็ส่ายหน้าตอบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงโซฟา แล้วหันไปมองผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งทำหน้าเคร่งเครียดดูอะไรบางอย่างในไอแพดอยู่ ส่วนผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกชายกลับมาเหนื่อยๆ ก็ลุกขึ้นไปเทน้ำเปล่าใส่แก้วถือมาให้ดื่ม
"น้ำจ้ะ..วันนี้เล่นบาสจนเหงื่อซกอีกแล้วนะคิมหันต์"
ใบหม่อนเอ่ยแซวลูกชายที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมรอยยิ้มหวานเชิงเอ็นดู
"ขอบคุณครับ..ไอ้มาร์คมันชวนเล่นยาวๆ"
"พักบ้างสักวันก็ได้นะลูก แม่อยากเห็นคิมหันต์กลับบ้านพร้อมเหมันต์บ้าง"
"เดี๋ยวมันก็ต้องพักแล้วล่ะคุณแม่ ใกล้สอบไฟนอลแล้ว"
"แม่คาดหวังผลสอบกับเกรดได้ไหมเนี่ย?"
"อย่าคาดหวังเลยดีกว่าครับ..ฮ่าๆๆๆ"
ทั้งสามหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ตัดไปที่ผู้เป็นพ่อที่ยังคงนั่งทำหน้าเครียด ไม่ได้เอ็นจอยไปกับบรรดาลูกๆ และภรรยาเลยสักนิด
"คิมหันต์"
เสียงเอ่ยเรียกฝาแฝดคนพี่ของผู้เป็นพ่อ ทำให้ทั้งสามคนหยุดหัวเราะและหันไปมองคนเอ่ยเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน คิมหันต์ขานรับด้วยสีหน้าลุ้นระทึกว่าผู้เป็นพ่อจะพูดอะไรกับเขา
"ครับคุณพ่อ"
"พรุ่งนี้ไปตีแบดกับคุณพ่อไหม? เหมันต์มันไม่ยอมไปกับคุณพ่อ"
ผู้เป็นพ่อพูดพลางทำหน้ามุ่ยใส่ลูกชายฝาแฝดคนเล็กด้วยความน้อยใจที่ไม่ยอมไปตีแบดมินตันด้วย
"ไปสิครับ"
คิมหันต์ตอบรับไปโดยไม่ต้องคิดให้มาก เพราะเขาชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว เรื่องเล่นกีฬาเขาไม่เคยปฏิเสธ
"ให้มันได้อย่างนี้สิลูกรักของคุณพ่อ"
อีธานยิ้มร่าด้วยความปลื้มอกปลื้มใจในคิมหันต์ ลูกชายที่ไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง ทำเอาเหมันต์นึกขำให้ผู้เป็นพ่อที่นิสัยเด็ก เขาเอ่ยถามไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"คุณพ่องอนผมจริงดิ?"
"เปล่าาา"
อีธานเบือนหน้าหนี คำพูดและการกระทำสวนทางกันแบบสุดๆ ทำเอาผู้เป็นแม่อย่างใบหม่อนเอือมระอากับความนิสัยเด็กและนับวันยิ่งขี้งอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของสามี จนต้องเอ่ยปากพูดแทนลูก
"อย่างอนเหมันต์เลยนะพี่อีธาน พี่ก็รู้นิ่ว่าลูกไม่ชอบเล่นกีฬาเท่าไหร่"
"รู้น่าา อย่างน้อยก็ไปด้วยกันหน่อย คุณพ่อก็อยากควงลูกชายสุดหล่อสองคนไปให้สาวๆ กรี๊ดบ้าง"
"ใครเห็นพี่กับลูกคงนึกว่าแฝดสาม"
ใบหม่อนส่ายหน้าไปมาอย่างระอาให้สามี ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหารเย็น
"ผมไปก็ได้ แต่แค่ไปนั่งเชียร์นะ"
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่ออยากให้ไปด้วย เหมันต์ก็จำยอมตามใจและตอบตกลงไป
"ดีมากไอ้ลูกชาย"
อีธานที่ได้ยินลูกชายฝาแฝดคนน้องตกปากรับคำยอมตกลงไปด้วยกันก็ยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ ใบหน้าดูเบิกบานดีใจแบบสุดๆ ทำเอาสองแฝดหันมองหน้ากันแบบเอือมๆ ให้ผู้เป็นพ่อ