ตอนที่30ลาออก(1)

2016 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่. 30 ลาออก(1) โดย: srikarin2489 “ดูสภาพของแต่ละคนแล้ว ขืนอยู่ต่อคงได้เปลี่ยนจากหมอมาเป็นคนไข้ ดีไม่ดีจะพ่วงท้ายด้วยอาการป่วยทางจิต พ่อว่าลาออกเถ่อะลูก ไปทำงานที่โรงพยาบาลของเรา ทั้งสามคนนั่นแหละ” ตุลยากับบุษกรสบตากันแล้วหันไปทางเพื่อน รอฟังว่าเพื่อนจะว่ายังไง “เราสองคนให้อินตัดสินใจ ว่าไงว่าตามกัน” ตุลยาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของบุษกร “ลาออกเถ่อะลูก ขืนอินอยู่ต่อจะป่วยเสียเอง” อโรชาบอกลูกเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกนิ่งคิดแววตาลังเล “แม่กับคุณพ่อจะไม่ว่าอินหรือคะ ว่าอินไม่อดทนสู้ต่อไม่จบ” “จะว่าทำไมล่ะลูก อยู่แล้วทรมานไม่มีความสุขจะทนอยู่เพื่ออะไร ตามจริงพ่อไม่ว่านะ ถ้าอินจะไม่เป็นหมออินเทิร์นเลย สิ่งที่พ่อกับแม่อยากเห็นคือ เห็นอินมีความสุขอยู่อย่างสบายใจ ทนสู้ต่อไปเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง มันเสียทั้งสุขภาพกายสุขภาพจิต ไปสั่งสมประสบการณ์ที่โรงพยาบาลเราก็ได้” อินทิราหันไปทางเพื่อนรักทั้งสอง เห็นเพื่อนมองอยู่แล้วด้วยแววตาเข้าใจกัน็็าา็ “ถ้างั้นให้จบอินเทิร์น1ก่อน ค่อยลาออกตกลงมั้ย” บุษกรกับ ตุลยาพยักหน้าพร้อมกันทันทีไม่ลังเล ความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่ทำ ทำให้ทั้งสามท้อใจไม่อยากทำต่อ เคยได้ยินแต่รุ่นพี่บอกเล่ากันมาว่า งานหมออินเทิร์นมันหนักมาก ก่อนมาทำคิดว่าจะสู้ฟันฝ่าไปให้ได้ แต่เมื่อต้องมาเจอหน้างานจริงความมุ่งมั่นเริ่มหายไป ความอ่อนล้าจากการควงเวรยาว ทำให้ความกระหายอยากในการทำงานถดถอยลง อโรชากับนายแพทย์อารักษ์ยิ้มพอใจกับคำตอบของลูก “อีกไม่นานจะจบอินเทิร์น1แล้ว อย่างน้อยพวกเราสามคนอยู่มาได้ตั้งปี จะได้ใบเพิ่มพูนทักษะด้วย” “ตุลกับบุษล่ะ ไปทำงานที่โรงพยาบาลของพ่อมั้ย” นายแพทย์อารักษ์หันไปถามเพื่อนของลูกที่เริ่มอร่อยกับอาหาร “ไปค่ะ” ทั้งสองเงยหน้ามาตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วหันมายิ้มให้กัน สีหน้าแจ่มใสขึ้นมาทันที “โอเค เป็นอันตกลงตามนี้ ทานอาหารต่อเลยลูกใครอยากได้อะไรอีกสั่งเลย เสร็จแล้วแม่เขาจะพาไปซื้อของ โดยเฉพาะพวกของบำรุงซื้อไปตุนไว้เยอะๆหน่อย” นายแพทย์อารักษ์กับอโรชาหันมาสบตากันด้วยรอยยิ้มพอใจ เมื่อเห็นหมออินเทิร์นทั้งสามทานอาหารด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยขึ้น รู้ถึงอนาคตข้างหน้าว่าจะไปยังไงต่อ ชวนกันไปตรงสลัดบาร์เพื่อเลือกตักสลัด มีผักหลากหลายชนิดจัดวางเรียงรายพร้อมน้ำสลัดชนิดต่าง ๆ ให้ลูกค้าเลือกตักตามใจชอบ มีลูกค้าเข้ามานั่งทานอาหารกันเกือบเต็มทุกโต๊ะ โดยเฉพาะสลัดบาร์ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มีลูกค้าไปเลือกตักกันไม่ขาด หลังรับประทานอาหารกันอิ่มแล้ว อโรชาพาลูกไปซื้อของมีบุษกรไปด้วย ส่วนนายแพทย์อารักษ์กับตุลยา ย้ายมานั่งคุยกันรอที่ร้านกาแฟ นายแพทย์อารักษ์สั่งกาแฟมาดื่ม ส่วนตุลยาทานขนมด้วยท่าทางสบายใจขึ้นมาก “เห็นแม่เขาบอกว่า ต้องออกไปอยู่โรงพยาบาลชุมชนใช่มั้ย” “ค่ะคุณพ่อ อาทิตย์หน้าต้องไปอยู่โรงพยาบาลชุมชน คงอยู่ประมาณเดือนสองเดือน อยู่อำเภอใกล้เคียงกันห่างกันไม่มาก เป็นครั้งแรกที่เราสามคนต้องแยกกันอยู่ หวังว่าความเหน็ดเหนื่อยจะน้อยลงบ้าง หรือบางทีลากเวรยาวเหมือนเดิม เพราะโรงพยาบาลอำเภอหมอมีน้อย” พูดด้วยรอยยิ้มเพลีย ๆ “ตุลไม่ได้อยากเป็นหมอตั้งแต่ทีแรกใช่มั้ย” “ค่ะ แค่อยากตามอินกับบุษ แต่พอได้มาเรียนก็โอเคสนุกแบบเครียด ๆ ตอนเป็นหมออินเทิร์นนี่ล่ะค่ะเหนื่อยที่สุด แต่ตุลกับบุษยังโชคดีกว่าอิน อินเขาเจอเคสหฤโหดบ่อย เขาเคยเจอคนไข้ในห้องฉุกเฉิน หัวใจหยุดเต้นพร้อมกันสามคน ทำให้เขาต้องเป็นคนตัดสินใจเลือก ว่าจะช่วยคนไหน เคยเจอสถานการณ์คนไข้เมามา แล้วอาละวาดทำร้ายเจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉิน รปภ.ยังเอาไม่อยู่ คนที่เอาอยู่คืออิน เขาโมโหที่ไอ้ขี้เมาคนนั้นจะทำร้ายพยาบาล หลังจากทำร้ายรปภ.แล้ว อินกระโดดถีบแล้วเตะเปรี้ยงเดียวสลบเลย ทางญาติคนไข้ไม่ติดใจเอาเรื่อง เพราะรู้ว่าญาติตัวเองก่อเรื่องรุนแรง ทางโรงพยาบาลปิดไม่ให้เป็นข่าวออกไป อินคงไม่ได้เล่าให้คุณพ่อกับแม่ฟัง” นายแพทย์อารักษ์พยักหน้ายอมรับว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เข้าใจได้ว่าลูกไม่อยากให้เป็นห่วงจึงไม่เล่าให้ฟัง “อินโชคไม่ดีเท่าไหร่ แต่นับว่าเขาเก่งอดทนสู้มาได้” นายแพทย์อารักษ์ยิ้มพอใจและภาคภูมิใจในตัวลูก สถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบเจอจะหล่อหลอมให้อินทิราโตและแกร่งขึ้น “ช่วงแรกไม่ได้เจอพ่อแม่เลย แค่จะโทรคุยกันยังยาก ถ้าพอมีเวลาหน่อยคือนอน ผ่านช่วงหกเดือนแรกแล้วลาหยุดได้ แต่ต้องเอามาลาช่วงรับปริญญา เพราะเป็นการลาที่สตาฟต้องยอมปฏิเสธไม่ได้ มาเป็นหมออินเทิร์นอยู่อีสานหลายเดือน กว่าจะได้เจอพ่อแม่คือตอนรับปริญญา เป็นประสบการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืมเลย” “ผ่านกันมาได้ขนาดนี้ ถือว่าเก่งมากแล้วลูก ชีวิตหมอยังต้องเจออะไรอีกเยอะ พ่อเบาใจที่อินมีตุลกับบุษเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้าง การมีเพื่อนดีถือว่าโชคดีมากในชีวิต” อินทิรา บุษกรและตุลยาตัดสินใจลาออกจากการเป็นหมออินเทิร์น หลังจากจบอินเทิร์น1แล้ว และตกลงใจที่จะมาทำงานยังโรงพยาบาลของนายแพทย์อารักษ์ บิดาของอินทิราตามคำชวน แยกย้ายกันไปเที่ยวพักผ่อนเติมพลังให้ตัวเอง หลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเป็นหมออินเทิร์นมาหนึ่งปี ก่อนเริ่มงานใหม่ในฐานะหมอโรงพยาบาลเอกชน รถยนต์ญี่ปุ่นป้ายแดงสีบอร์นวิ่งช้าๆ เข้ามาในบ้านของยงยศ ทำให้ยงยศกับบุษกรกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านข้างรถเก๋งป้ายแดงสีขาว พากันหันไปดู รถจอดสนิทดีแล้วเห็นตุลยาเปิดประตูลลงมาจากรถ “หวัดดีค่ะพี่ยอร์ช” ร้องทักทายเสียงดัง พร้อมทั้งยกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นสดใสมาเลย กลับมาเป็นตุลยาคนเดิม “ฉันอุตส่าห์ขับรถป้ายแดงมาเพื่ออวดแก แกได้รถป้ายแดงเหมือนกันหรือบุษ” ตุลยาทำหน้าเซ็งถาม คิดจะมาอวดและเซอร์ไพส์เพื่อน กลับพบว่าบุษกรได้รถใหม่ป้ายแดงเช่นกัน “แกมีได้ฉันก็มีได้เหมือนกัน เตี่ยกับพี่ยอร์ชเขาซื้อให้ฉัน” “ใจเราตรงกันนะ รถยี่ห้อรุ่นเดียวกันต่างแค่สีเท่านั้น” ตุลยาทำยิ้มกรุ้มกริ่มให้เพื่อนแต่กลับถูกบุษกรมองค้อน “ถ้ารู้ว่าแกจะซื้อรถยี่ห้อนี้รุ่นนี้ ฉันไม่เอาหรอก” ว่าประชดไม่จริงจัง “เอ็งชอบรถรุ่นนี้เหมือนกันหรือตุล” ยงยศเดินเข้ามาดูรถของตุลยา “ค่ะพี่ยอร์ช พ่อเขาซื้อให้ตามสัญญา จะได้มีรถขับไปทำงาน นี่ตุลขับเองมาจากชุมพรเลยนะ เป็นครั้งแรกกับการขับรถทางไกล ตื่นเต้นได้ประสบการณ์ดี แต่ก่อนเคยได้ยินคนบ่นเรื่องขับรถขึ้นลงภาคใต้ ว่ากว่าจะขับพ้นประจวบฯเหนื่อย ตุลได้ประสบด้วยตัวเอง กว่าจะผ่านประจวบฯมาได้เล่นเอาเหนื่อย ที่ผ่านมาเวลาไปกลับบ้านนั่งแต่เครื่อง พี่ยอร์ชว่ารถตุลเป็นยังไงบ้าง” ตุลยาเข้าไปยืนข้างรถตัวเองแล้วถาม “รถรุ่นนี้ก็โอเคนะ ของบุษพี่เป็นคนแนะนำให้เอารุ่นนี้ พี่ไปศึกษาเปรียบเทียบหลายยี่ห้อหลายรุ่น ถามคนที่เขาใช้งานแล้ว อินมันได้รถใหม่ทั้งเก๋งกับบิ๊กไบค์สีขาวอีกคัน พ่อแม่ซื้อให้ปลอบขวัญ” “กว่าจะผ่านอินเทิร์น1มาได้ เรา3คนแทบแย่ โดยเฉพาะอินขืนอยู่ต่อจะเป็นคนป่วยเสียเอง ป่วยทางกายไม่พอจะป่วยทางจิตด้วย” ตุลยาส่ายหน้าบ่น “เป็นหมออินเทิร์นอยู่ต่างจังหวัดปีเดียว ผอมโซกลับบ้านไปอยู่บ้านให้แม่ขุน จนน้ำหนักกลับมาปกติ แม่เขาฝากของทะเลแห้งมาให้ด้วย ส่วนของอินค่อยเอาไปให้วันหลัง” บอกพร้อมเดินไปเปิดฝากระโปรงท้ายรถยกถุงของฝากลงมา “ฝากขอบคุณแม่ของตุลด้วยนะ” ยงยศรับถุงของฝากถุงใหญ่มาจากตุลยา “ตอนเป็นหมออินเทิร์นเหนื่อยมาก พอคุณพ่อของอินชวนมาทำงานด้วย พวกเราตกลงทันทีไม่ลังเลเลย เหมือนคนกำลังหมดแรงจะจมน้ำ พอมีคนโยนห่วงยางมาให้คว้าไว้ทันทีไม่ลังเล” “จะเริ่มงานกันเมื่อไหร่ หรือจะรออินกลับจากอเมริกาก่อน” “อินไปอเมริกาตั้งเดือนตุลกับบุษจะเริ่มงานก่อน วันจันทร์ที่จะถึงนี้เลย อินเขาเป็นลูกผู้บริหารโรงพยาบาล เขาเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ตื่นเต้นเหมือนกันนะ จะได้เป็นหมอโรงพยาบาลเอกชน” “แกรู้มั้ยตุล อินไปอเมริกาทำไมตั้งเดือน” บุษกรมองหน้าเพื่อนแล้วตั้งคำถาม “หรือว่าไปดูบาสNBA” “มันจะไปตามหา...” ตุลยาเบรกคำพูดตัวเองทันทีเมื่อเห็นยงยศขยิบตาห้าม “อินจะไปตามหาอะไร แกยังพูดไม่จบเลยนะตุล” บุษกรมองหน้าเพื่อนเขม็งแล้วถาม เพราะตุลยาดูมีพิรุธจนน่าสงสัย “ตามหาความสุขไง ตั้งปีที่ไปเป็นหมออินเทิร์นเหนื่อยแสนเหนื่อย มันคงไปชาร์จแบตหาความสุขให้ตัวเอง แกก็รู้นี่ว่าอินมันชอบไปอเมริกาและไปบ่อย ใช่มั้ยพี่ยอร์ช” ตุลยาทำเฉไฉไปทางยงยศ ทำให้คนเป็นพี่แทบสะดุ้งที่จู่ ๆ ตุลยาโยนคำถามมาใส่ “คงงั้น” “แกโกหกไม่เนียนเลยนะตุล ตาแกมันมีพิรุธ อย่าให้รู้ทีหลังนะว่าแกปิดอะไรฉันอยู่” ตุลยาทำยิ้มใสซื่อเมื่อเพื่อนเดินมาหยุดพูดตรงหน้า สบตากันนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วเดินเข้าบ้านไป “บุษไม่รู้เรื่องฟางเลยหรือตุล” ยงยศหันมาถามเมื่อลับร่างน้องสาว “ตุลเคยเปรย ๆ กับมัน เรื่องคนในใจของอิน แต่บุษไม่เชื่อมันว่าตุลโกหก” “คิดดูแล้วน่าสงสารอินมันนะ ฟางไปอเมริกาตั้งเจ็ดปีแล้ว มันไม่เคยลืมเขาเลย ถึงกับไปอเมริกาเพื่อตามหาเขา ทั้งที่ไม่มีข้อมูลอะไรของเขาสักอย่าง” “อินมันรู้จักญาติของฟางนะ เนตรเพื่อนเราตอนเรียนมัธยม เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฟาง เขาน่าจะรู้ข่าวคราวกัน แต่อินมันไม่กล้าถาม ตอนมันคบกับฟางไม่มีใครรู้ ตุลบอกให้มันโทรไปถามเนตรมันก็ไม่ถาม ตุลเข้าใจว่าอินมันกลัวคำตอบที่จะได้รับ มันกลัวเป็นความตั้งใจของฟางเองที่จะไม่ติดต่อกลับมา มันคงอยากถามฟางเองว่าจะเอายังไง ป่านนี้เขาอาจจะมีแฟนใหม่แล้ว ปล่อยมันไปเถ่อะพี่ยอร์ช ถ้ามันหาเขาเจอก็ดีไป แต่ถ้าไม่เจอจะได้ทำใจได้เสียที” ยงยศถอนใจ เมื่อนึกถึงอินทิราด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD