“พอได้แล้ว ทุกคนเลย!” ลู่อิงอิงทนฟังไม่ไหวก่อนจะตบโต๊ะดังโครมแล้วโพล่งขึ้นมาบ้าง
“คนอยู่บ้านเดียวกันแบ่งของกินให้กัน มันผิดตรงไหนคะ ที่พี่สะใภ้รองจะรับน้ำใจจากฉันน่ะ”
“แต่พวกเราตั้งใจจะเก็บของดีที่สุดเอาไว้ให้น้องสาวนะ อย่าคิดมากเลย” พี่ชายคนโตอธิบายแทนทุกคน
ลู่เซียวสวินแม้จะไม่ใช่คนขี้เกียจ แต่เรื่องรักน้องสาวก็รักไม่น้อยกว่าที่พ่อกับแม่รัก ส่วนภรรยาย่อมมาทีหลัง น้องสาวสำคัญที่สุด
“พวกพี่ออกไปทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ได้กินไม่อิ่มท้อง ฉันอยู่บ้านเฉย ๆ กินอิ่มท้องอยู่คนเดียวแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรคะ” หญิงสาวกวาดสายตามองคนทั้งครอบครัว แน่นอนว่าทุกคนมีเหตุผลรองรับการกระทำ แต่เธอจะไม่ยอมให้ตรรกะของคนยุคสาธารณรัฐมาเป็นอุปสรรคให้ต้องอดตายกันยกบ้าน “ต่อไปนี้หนูจะทำให้บ้านได้กินอิ่มเท่ากันทุกคนค่ะ!”
แม้แต่ผู้เป็นแม่อย่างจ้าวเยี่ยจินก็เถียงไม่ออก ทำได้เพียงเบิกตากว้างมองลูกสาวเหมือนเห็นผี
ลู่อิงอิงคิดออกแล้ว ในเมื่อเธอสามารถนำผลไม้จากสวนในอีกมิติหนึ่งออกมายังโลกนี้ได้ เช่นนั้นเธอก็จะทำมาค้าขายสร้างเนื้อสร้างตัวเลี้ยงครอบครัวให้มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยผลไม้ในสวนที่เฉินอิงฟ่านทิ้งไว้ให้
หากตอนนี้ยังอยู่ในช่วงท่านผู้นำคนนั้นเรืองอำนาจ กลิ่นควันจากการปฏิวัติวัฒนธรรมยังคงคุกรุ่น ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ทำมาค้าขายอย่างอิสระ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบคำถามหากถูกเจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ
ถ้าจะค้าขายอย่างเสรีและถูกกฎหมายคงต้องรอให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน แต่ครอบครัวนี้ยากจนมาก ทุกคนอาจหิวตายก่อนถึงช่วงเวลาเปิดตลาดเสรี เธอคงต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว
.....
หลังมื้ออาหารค่ำซึ่งเต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมาย จ้าวเยี่ยจินก็รีบจับมือจูงลูกคนเล็กเข้าไปในห้องเพื่อซักไซ้เอาความ อยากรู้ที่มาที่ไปของคำพูดที่ถึงแม้จะฟังดูชัดเจน ทว่าก็คล้ายจะกำกวมอยู่ในที เธออยากคลายความสงสัยจึงต้องมาถามให้เข้าใจ
“อิงอิงจ๊ะ ที่บอกว่าต่อไปนี้จะให้ทุกคนในบ้านได้กินอิ่มท้องทุกมื้อน่ะ หมายความว่ายังไงหรือลูก”
มารดาของลู่อิงอิงพาบุตรสาวของตนมานั่งลงบนโต๊ะน้ำชากลางห้องโถง พลางกุมมือเรียวบีบเบา ๆ อย่างรักใคร่
“หรือว่าลูกไปเจอผู้ชายดี ๆ เข้าแล้ว” หญิงสูงวัยคิดเองเออเองพร้อมกับทำตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น คิดถูกจริง ๆ ที่ไม่ให้ลูกสาวสุดหวงไปใช้แรงงานที่แปลงนารวม ไม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำจนรูปร่างหน้าตาทรุดโทรมหรือผิวพรรณเสีย ถึงได้มีโอกาสใช้ความงามมัดใจคุณชายว่าที่ลูกเขย “เขาเป็นใคร อยู่สังกัดไหน ยศอะไร เขารับปากแล้วหรือยังว่าจะช่วยให้บ้านเราไม่ต้องไปใช้แรงงานหนัก ๆ อีก อ้อ! แล้วก็คูปองอาหารด้วย เขาจะขอเพิ่มให้บ้านเราได้ใช่ไหม?”
“ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะแม่”
ลู่อิงอิงถอนหายใจเอือมระอา แต่ก็ว่าไม่ได้ ยุคสมัยนี้ผู้คนยังมีทัศนคติว่าผู้หญิงจะได้ดิบได้ดีก็ต้องให้ผู้ชายหาเลี้ยง การที่ผู้เป็นแม่จะคิดว่าลูกสาวมีวาสนากับคุณชายข้าราชการบ้านรวยที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ร่างระหงเอี้ยวตัวล้วงมือลงไปยังซอกหลืบข้างเตียงนอน ก่อนจะดึงเอาลูกพลับออกมาหนึ่งผล
จ้าวเยี่ยจินขยี้ตาตัวเองซ้ำหลายหน แล้วจึงเอ่ยถามลู่อิงอิงอย่างระงับความตื่นเต้นในน้ำเสียงเอาไว้ไม่อยู่
“ยัยหนูของแม่ไปเอาลูกพลับมาจากไหน!” ลูกพลับในมือบุตรสาวทั้งผลใหญ่ ผิวเปลือกเนียนสวยเต่งตึงดูฉ่ำน้ำ แถมยังสุกหอมกำลังดีชนิดที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีรสหวานชื่นใจ และราคาไม่ถูกแน่นอน
“ลูกพลับเป็นของราคาแพงมาก แม่เคยเห็นผลไม้ดี ๆ แบบนี้ครั้งสุดท้ายก็ตอนก่อนที่เด็กหนุ่มทหารแดงร้ายกาจพวกนั้นจะมารื้อของในบ้านเรา ยึดเอาทรัพย์สมบัติเก่าแก่สมัยราชวงศ์ของตระกูลลู่ไปจนหมดเกลี้ยง แล้วก็เฉดหัวเราทั้งบ้านมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่”
มารดาบังเกิดเกล้าของลู่อิงอิงหมายถึงเหล่าทหารแดง คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เกลียดชังผู้รากมากดีและคนรวยคนมีการศึกษาสูง อาศัยอ้างโอวาทของท่านผู้นำเที่ยวทำร้ายชนชั้นสูง ยึดทรัพย์ บังคับเกณฑ์คนไปใช้แรงงาน ล้มล้างความเชื่อและประเพณีเก่า เป็นผลพวงจากการปฏิวัติวัฒนธรรมอันโหดร้ายที่ส่งผลต่อไปถึงทั้งประเทศในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
“เราต้องไปขอบคุณคุณชายที่ให้สิ่งนี้มานะใช่ไหมล่ะ ว่าแต่บ้านเขาอยู่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงได้ใจกว้างน่านับถือเหลือเกินที่ให้ของดีแบบนี้กับลูกมา”
“ไม่ใช่คุณชายที่ไหนให้มาหรอกค่ะแม่”
“...”
หญิงวัยกลางคนทำหน้าฉงน ในขณะที่บุตรสาวของตนมีสีหน้าจริงจัง
“ถ้าหนูบอก แม่จะเชื่อจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”
“อะไรที่อิงอิงของแม่พูด แม่ก็ต้องเชื่ออยู่แล้วสิ” พูดจบก็ยกมือหยาบกร้านจากการทำงานหนักขึ้นลูบไปที่ศีรษะเล็ก ๆ ของลูกสาว
หากปล่อยเลยตามเลย ให้แม่เข้าใจว่ามีผู้ชายมาตกหลุมรักมอบของกำนัลราคาแพง ครั้งต่อไปก็คงหนีไม่พ้นต้องโดนเซ้าซี้ถามอีก สู้อ้างเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไม่มีทางพิสูจน์ได้ไปเลยยังจะดีกว่า
ลู่อิงอิงเล่าเรื่องที่ตนเองเข้าไปยังสวนผลไม้ต่างมิติให้ผู้เป็นแม่ฟัง แต่ตัดเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตชาติก่อนของเธอในฐานะเฉินอิงฟ่านทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นสวรรค์บันดาล พระโพธิสัตว์ช่วยเหลือชี้ทางรอดให้ครอบครัวไปเสีย บอกว่าชดเชยที่เธอไข้สูงจนเกือบจะตายก่อนหน้านี้ราวกับสวรรค์ชดเชยให้
เธอคิดว่าข้ออ้างนี้น่าจะได้ผล เพราะคนมีอายุที่รอดมาจากยุคราชวงศ์ยังมีความศรัทธาความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์อยู่ ก่อนที่ความเชื่อเหล่านี้จะถูกกวาดล้างให้หายไปหลังการปฏิวัติวัฒนธรรม
“เทพบนสวรรค์ใจดีมีเมตตามาก ถึงหนูจะยังไม่เคยกราบไหว้ท่านในอารามเลยสักครั้งแต่ท่านก็ประทานผลไม้พวกนี้มาให้ แล้วยังอนุญาตให้หนูเข้าไปหยิบเอาออกมาอีกเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวปั้นน้ำเป็นตัวเล่าเรื่องไปเรื่อย หวังว่าแม่ของเธอจะเชื่อส่วนคนอื่น ๆ ในบ้านคงต้องรอให้แน่ใจในนิสัยใจคอแต่ละคนเสียก่อน
“ท่านผู้นั้นคงต้องเป็นพระโพธิสัตว์มาโปรดคนยากไร้แน่ ๆ”
จ้าวเยี่ยจินถึงกับน้ำตาไหลนองอาบแก้ม เธอโผเข้ากอดลูกสาวพลางสะอึกสะอื้นใหญ่โต “ยัยหนูเอ๋ย ลูกต่างหากที่เป็นพระโพธิสัตว์มาโปรดครอบครัวของพวกเรา”
เนื่องจากทุกคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก ลู่อิงอิงจะไม่ยอมสูญเสียพวกเขาไปเด็ดขาด แต่ยังต้องทำให้ชีวิตพวกเขาร่ำรวยสุขสบายไปตลอดชาติอีกด้วย
เมื่อนึกถึงความโดดเดี่ยวทั้งชีวิตจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนตายแล้วมาอยู่ที่แห่งนี้ ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครสนใจเลย เธอก็รับไม่ได้ที่คนเหล่านี้ที่รักลู่อิงอิงมากด้วยความจริงใจจะต้องลำบากอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป
ทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้เลยว่า ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ แม้ว่าจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่คนที่ทำร้ายเธอก็ตายตกตามกันไปหลังจากนั้นไม่กี่วัน
หลังจากลูกชายของหัวหน้าแก๊งจิ่วหลงที่เคยสนใจเฉินอิงฟ่านมาก่อน พอเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจากสายข่าวที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งหวาเป่ยรายงาน
เขาก็วางแผนสร้างกับดักให้ทั้งหัวหน้าแก๊งเฉินและเฉินอิงหรานเข้าร่วมประชุมลับ จากนั้นก็ตลบหลังฝังระเบิดคร่าชีวิตคนทั้งสอง และฮุบรวบเอาแก๊งมาเฟียหวาเป่ยไปอย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการแก้แค้นให้คนที่เขาแอบรักมานานอย่างเฉินอิงฟ่าน แล้วชายหนุ่มยังตามหาศพและสร้างสุสานให้เธออย่างสวยงามอีกด้วย