ด้านอัญญาเองก็รู้สึกถึงความบังเอิญนี้เช่นเดียวกัน
“ฉันอยู่ชั้น 4 ค่ะ”
ต้องยอมรับว่าตอนแรกที่เธอกับเจตน์ตกลงมาอยู่ที่คอนโด M เธอก็เคยคุยกับเขาว่าอยากจะอยู่สักชั้นยี่สิบขึ้นไป แต่ด้วยเพราะอะไรหลายๆ อย่าง หลักๆ คือเรื่องเงินที่เธอและเจตน์ไม่มีกำลังมากพอ ชั้น 4 จึงพอจะถูๆ ไถๆ ให้เธอและเขาเลือกเข้าพักที่นี่ได้
เมื่อนึกถึงที่พัก อัญญาก็ต้องรู้สึกปวดหัวอีกครั้งเพราะเธอไม่มีที่อยู่สำรองเลย หลังจากที่เธอตกลงกับเขาว่าจะอยู่ด้วยกัน เมื่อหนึ่งปีก่อนเธอจึงยกเลิกสัญญาเช่าห้องและเก็บข้าวของมาอยู่กับเจตน์ที่นี่ทั้งหมด ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเพราะเธอต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัด แต่ถ้าหากเธอไม่กลับก่อนกำหนด ตอนนี้เรื่องระหว่างเธอและเขาก็คงไม่เป็นเช่นนี้ อัญญานั่งซึมอีกครั้งเมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เธอพบเจอมาเมื่อวาน
“เฮ! คุณอย่าเศร้าแบบนี้สิ มีอะไรก็บอกผมได้นะ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกัน” ภูษิตไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้จึงพยายามชวนเธอคุย
“เฮ้อ! ฉันควรจะทำยังไงดีคะ”
ในเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว และตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว การเล่าเรื่องของตนเองให้คนแปลกหน้าฟังก็คงไม่เป็นไร
หลังจากรถหยุดลงตรงสี่แยกไฟแดง อัญญาก็เล่าเรื่องของเธอคร่าวๆ ให้เขาฟัง ทว่าปฏิกิริยาของคนขับรถกลับนิ่งงันไม่รีบออกความคิดเห็นในทันที เมื่อได้สัญญาณภูษิตก็รีบหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยคอนโด M ที่อยู่เบื้องหน้า เมื่อถึงที่หมายรถคันหรูก็รีบวิ่งเข้าไปจอดในที่จอดรถสำหรับผู้พักวีไอพีทันที
“เอาล่ะ ถึงแล้ว คุณคุยกับผมในรถก่อนได้ไหม?”
สาเหตุที่ภูษิตยังไม่อยากที่จะพูดอะไรมากในตอนขับรถ เพราะชายหนุ่มต้องแบ่งสมาธิอยู่บนท้องถนน อีกส่วนหนึ่งคือเขาอยากจะมีสมาธิเพื่อพูดคุยกับเธอให้เคลียร์ๆ
“…”
ด้านอัญญาแม้หญิงสาวจะรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่เธอก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นการตกลง
“คุณจะทำยังไงต่อไปดีหลังจากนี้”
ภูษิตจ้องมองไปยังทางเข้าคอนโดที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งที่จอดรถโซนวีไอพีย่อมเอื้ออำนวยต่อผู้พักอย่างไม่ต้องสงสัย ภายในใจรู้สึกลำบากใจแทนหญิงสาวที่นั่งข้างๆ อย่างบอกไม่ถูก
อัญญาเงียบนิ่งไปครู่นึง เพราะคำถามของเขามันทิ่มแทงใจเธอเหลือเกิน
“ก็คงต้องเผชิญหน้ากับความจริง”
ในวันที่แสนอ่อนแอแบบนี้อัญญาไม่นึกเลยว่าจะมีคนแปลกหน้าอยู่เป็นเพื่อน แถมยังเผื่อแผ่ความเป็นห่วงเป็นใยให้เธอทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อย่างน้อยในวิกฤตสวรรค์ก็ยังส่งคนดีๆ แบบเขามาเคียงข้างเธอ ถือว่าแต้มบุญของเธอสูงไม่น้อย
“เผชิญหน้า? คนเดียว? ตลก?”
ภูษิตถึงกับมีน้ำโหในน้ำเสียง ชายหนุ่มไม่ค่อยรู้สึกโอเคกับสิ่งที่อัญญาเผชิญ แต่ในพื้นฐานของความเป็นจริง เรื่องของคนสองคนเขาไม่สามารถตัดสินแทนได้จริงๆ
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง? หลบหนีและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ทำอะไรให้ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ!?”
ในตอนนี้อัญญาก็เริ่มจะมีอารมณ์แล้วเหมือนกัน แม้ตอนนี้เธอจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่เสียการควบคุมกับปัญหาตรงหน้า
ใบหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดช่างบาดตาภูษิตเหลือเกิน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงใส่อารมณ์กับเรื่องของคนอื่นมากขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเขามีอารมณ์ร่วมกับเธอมากไป จึงเป็นเหตุให้เขาล้ำเส้นเกินไปจริงๆ
“ผมขอโทษ…”
ทว่าในช่วงจังหวะที่ภูษิตเอาแต่โฟกัสมาที่อัญญา ส่วนอัญญาเองก็จ้องมองไปยังประตูทางเข้าออกของคอนโดอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ภาพที่หญิงสาวไม่เคยวาดฝันกลับปรากฏ ร่างที่แสนคุ้นเคยกำลังโอบกอดเจ้าของเรือนร่างที่เต็มไปด้วยเนื้อนมไข่อยู่ตรงหน้า เพียงเท่านั้นจู่ๆ หยดน้ำใสๆ ก็พลันไหลลงอาบแก้มนวลทันที
ปฏิกิริยาของอัญญาทำให้ภูษิตรีบหันไปมองตามสายตาของเธอทันที และภาพๆ นั้นก็ช่างทิ่มแทงสายตาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเหลือเกิน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเจตน์และสาวร่างอวบอัดในชุดรัดรูปสีแดงขับเน้นทุกสัดส่วน แถมทั้งสองควงแขนกันเดินออกมาหน้าคอนโดด้วยท่าทางสนิทสนมไม่แคร์สายตาคนรอบข้างแต่อย่างใด
ภูษิตหันมองภาพตรงหน้าสลับกับเจ้าของร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ชายหนุ่มพลันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
อย่าบอกนะว่าเขาเจอแจ็คพอตเข้าให้แล้ว นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ในละครนะโว้ย! ให้ตายสิ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
“อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ ผู้ชายคนนั้นคือเจตน์แฟนฉันเอง” ขอบตาของอัญญาเริ่มร้อนผ่าวๆ ในวินาทีนั้นหญิงสาวรีบเปิดประตูรถและวิ่งไปที่เป้าหมายของเธอทันที แม้แต่ประตูรถเจ้าตัวยังไม่ปิดด้วยซ้ำ
ด้านภูษิตถึงกับเหวอรับประทาน ดวงตาคมจ้องไปที่ร่างของอัญญาที่ตอนนี้กำลังวิ่งแล้วไปหยุดยืนต่อหน้าคนทั้งสอง
“เอาไงดีวะ?”
“เจตน์! นายแน่มากที่กล้าทำกับฉันแบบนี้!” อัญญาคว้าคอเสื้อผู้ชายที่เรียกว่าคนรักของเธอด้วยใบหน้าที่แสนเจ็บปวดเหลือเกิน หญิงสาวพยายามกลั้นไม่ให้หยดน้ำตาของเธอร่วงเผาะต่อหน้าชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้