“แค่เด็กล้างจานจริงเหรอว่ะ”
“ให้ผมสืบให้ไหมครับนาย”
“อืม ขอแบบละเอียด แล้วก็คืนนี้ฉันจะพักที่นี่”
“ครับนาย” รถคันหรูเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถ ถึงแม้ว่าเธอจะหายเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่เขาจะมาถึง แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเธอพักอยู่ชั้นเดียวกับเขา
“น่าสนใจดี มีเงินซื้อห้องหรูราคาสิบล้าน แต่ทำงานเป็นเด็กล้างจาน” ยิ่งเขาตามเธอมากเท่าไร ยิ่งทำให้เขาหลงใหลในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น แถมเป็นความหลงใหลแบบที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าถลำลึกไปถึงไหนแล้ว
เที่ยงของวันต่อมา
ณัชชาตื่นขึ้นด้วยความเมื่อยล้า สงสัยเมื่อวานเธอจะล้างจานเยอะมากจนทำให้วันนี้ร่างกายของเธอปวดเมื่อยเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เมื่อยจัง…ดีนะที่วันนี้ได้หยุด ออกไปหาอะไรกินดีกว่า” คิดได้เช่นนั้นเธอคว้ากุญแจรถพร้อมกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องในทันที
“อือ..อืมม…อืออ” ณัชชาเดินฮัมเพลงอย่างสบายใจโดยไม่รู้เลยว่า
มีใครบางคนกำลังเดินตามเธออยู่ด้านหลัง
“อารมณ์ดีจังเลยนะ ทำไงดีฉันเป็นคนไม่ชอบเห็นใครมีความสุขซะด้วยสิ” ลูคัสบ่นงึมงำ ยกยิ้มมุมปาก ยอมรับเลยว่าเธอเป็นคนตรงกันข้ามที่เขาเกลียดชัง พวกที่มีความสุขไปวันๆ ไม่ควรมีอยู่บนโลกนี้
“กินอะไรดีน๊า” ของหวานในตู้ตรงหน้าคือของชอบที่เธอโปรดปรานเป็นที่สุด ไม่ว่าวันนั้นจะอยู่ในอารมณ์ไหนเธอก็มักจะมีมันติดตู้เย็นไว้เสมอ
“เอาอันนี้สิดูน่าอร่อยนะครับ”
“คุณชูก้า” เธอแหงนหน้ามองเจ้าของเสียง พร้อมส่งรอยยิ้มที่สดใสให้เขาเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน
“ยังยิ้มสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ…ว่าแต่คุณชูก้ามาทำอะไรที่นี่คะ”
“เรียกชูก้าเฉยๆ ก็พอครับมีคุณแล้วมันดูห่างเหิน เรามาสนิทกันดีกว่ายังไงก็คงได้เจอกันบ่อยๆ”
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา”
หลังจากซื้อขนมเสร็จทั้งคู่พากันเดินต่อไปที่ร้านอาหาร ท่าทางที่ดูสนิทสนมกันของทั้งคู่อยู่ในสายตาของใครบางคนที่มองด้วยความอิจฉาและเกลียดชัง
“มึงมันเป็นมารของกูทุกที่จริงๆ” สันกรามนูนขบเข้าหากันแน่น สายตาดุดันมองทั้งคู่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“นายครับ” ก่อนที่ลูกน้องคนสนิทของเขาจะเอ่ยทักขึ้น พร้อมซองเอกสารในมือที่มีข้อมูลของหญิงสาวทั้งหมดส่งมาให้
“ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอะไรครับ แปลกที่เธอยอมทำงานลำบากขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะถูกส่งมาให้สืบหรือทำบางอย่างกับนายเหรอครับ”
“นี่คือทั้งหมดที่หาได้เหรอ”
“ครับ…ผมให้แฮกเกอร์ฝีมือดีแฮกข้อมูลบางส่วนของเธอ ดูเหมือนก่อนหน้าเธอทำงานให้ตระกูลใหญ่ที่เคยเป็นคู่แข่งกับพ่อของนายด้วยครับ”
“น่าสนใจ” เขายกยิ้มร้ายขึ้นอีกครั้งจ้องมองใบยังหญิงสาวที่มีใบหน้าสดใส
ชักจะอยากทำให้เธอแปดเปื้อนซะแล้วสิ รอยยิ้มโง่ๆ นั่น ฉันจะได้ไม่ต้องเห็นมันอีก
ว่าจบเขาก็เดินออกไปพร้อมลูกน้องที่เดินตามหลังตรงไปยังร้านอาหารที่พวกเขาสองคนนั่งอยู่
“สเต๊กดูน่าอร่อยจังนะ” เสียงเข้มของผู้มาใหม่พร้อมรอยยิ้มร้ายที่
หันไปมองน้องชายต่างสายเลือด มือหนายกมีดหันสเต๊กตรงหน้าจิ้มเข้าปากชิ้นใหญ่
“คุณ…คนเมื่อคืนหนิค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ทว่าเขาที่หันมามองกลับไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเอาซะเลย
“นี่พี่ชายเราเอง ลูคัส เป็นเจ้าของผับไง”
“จริงเหรอคะ ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
น่าหงุดหงิดชะมัดทำไมเธอเอาแต่ส่งยิ้มโง่ๆ นั่นอยู่ได้ ลูคัสได้แต่คิดอยู่ในใจแต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของเธอก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
“อืม” เขาตอบเธอแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากร้าน
พิลึกคน เมื่อคืนดูท่าทางก็ดีๆ อยู่ วันนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ช่างเถอะเธอคงคิดมากไปเอง
“เป็นอะไรรึเปล่าชูก้า”
“เปล่านะ พอดีพี่ลูคัสเขาไม่ค่อยชอบเรา”
“ก็ว่าอยู่ว่าต้องไม่ถูกกัน เอาน๊า...พี่น้องส่วนมากก็เป็นแบบนี้แหละมีทั้งรักกันและเกลียดกันอย่าคิดมากเลย”
“มองโลกในแง่ดีจังเลยนะ สงสัยเราคงต้องให้เธอสอนเรื่องนั้นบ้าง”
“ได้อยู่แล้วก็เราเพื่อนกัน”
เพื่อนหมาดๆ หลังจากทั้งคู่ตกลงเป็นเพื่อนกันเพราะคุยกันถูกคอ ไม่รู้ว่าเพราะเธอมองโลกในแง่ดี หรืออีกฝ่ายมีคารมคมคายที่ชวนให้คล้อยตามกันแน่เธอจึงหลงตอบตกลงเป็นเพื่อนกับเขาอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ณัชชาได้ใช้วันหยุดของเธออย่างเต็มที่ทั้งกินทั้งเที่ยวและเคลียร์งานทั้งหมด เธอก็ต้องกลับมาทำงานล้างจานต่อ
“มาแล้วเหรอ เมื่อวานน้ำชาไม่มา ไทเหงามาก”
“เหงาปากรึไง คนเมาท์ด้วยออกจะเยอะแยะ”
“ก็ใช่จะคุยถูกคอเท่าน้ำชาหนิ…ว่าแต่วันหยุดไปทำอะไรมา”
“ไปกินของอร่อยมา”
“ไม่เห็นซื้อมาฝากไทบ้าง”
“โอ๋ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาฝาก ตอนนี้ไปทำงานได้แล้ว ผู้จัดการมองตาเขียวแล้ว”
“อุ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยผู้จัดการ”
“เพราะรู้มามึงจะแอบมาอยู่ตรงนี้ไงเลยตามมา”
“รู้ทันตลอด…เดี๋ยวมาหาใหม่นะ” ประโยคหลังแทนไทพูดเสียงเบา แต่ก็ไม่รอดพ้นความหูไวของผู้จัดการที่จับใบหูของเขาลากดึงออกไปทำงานเป็นที่เรียบร้อย
หนึ่งชั่วโมงให้หลังเหลือมีจานให้หญิงสาวล้างอีกไม่เยอะ ทำให้เธอพอได้นั่งพักอยู่บ้าง แต่กลับมีชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาตามเธอเสียก่อน
“คุณน้ำชาครับ คุณลูคัสให้มาตามไปพบ”
“ตอนนี้เหรอคะ”
“ครับตอนนี้”
ณัชชาจำใจเดินตามชายชุดดำไปตลอดทางที่ไม่มีผู้คน สงสัยจะเป็นทางลัดสินะ เธอได้แต่คิดในใจไม่พูดออกไป เดินตามคนตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ
ประตูห้องถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงของลูคัสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูเธอเดินเข้าไปหาด้วยสายตาเรียบนิ่ง เธอจึงยกรอยยิ้มขึ้นสู้ก่อนเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น