เขากระแทกกระทั้นเข้ามาในร่างกายของฉันไม่หยุดหย่อนในจังหวะที่แสนหนักหน่วงสลับกับเนิบนาบ ฉันนอนครวญครางใต้ร่างหนาของเขาโดยที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว รู้แค่ว่าฉันเจ็บน้อยลงคล้ายปรับตัวได้แล้ว ความเจ็บปวดเริ่มมลายหายไปและมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่
หลังปลดปล่อยครั้งแรกเสร็จ เขาถอดถอนตัวตนออกไป ก่อนที่จะขยับไปเปิดไฟที่หัวเตียง ทำให้ทั้งห้องสว่างไสวจนเห็นเรือนร่างที่ไร้การปกปิด รวมทั้งเห็นทุกการกระทำของสองเรา
“เลือดซิงของคุณน่าหลงใหลดีนะ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อ๊าส์~...มันทำให้เลือดในกายของผมสูบฉีดและไหลเวียนดี” เขาพูดพลางหลุบตามองต่ำที่ส่วนกลางกายของฉัน แล้วกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ
“ต่อยกสองเลยละกัน”
ซองถุงยางอนามัยสีเงินถูกฉีกโดยเขี้ยวฟันแหลมคม ก่อนที่เขาจะเอามันไปสวมใส่ที่ส่วนแข็งขืนที่กำลังชี้โด่มาทางฉัน จากนั้นเขาก็เริ่มต้นบรรเลงกิจกรรมอันแสนเร่าร้อนเพื่อให้คุ้มกับเงินที่จะเสียให้ฉัน
กิจกรรมนี้ผ่านไปกี่ครั้งคราหรือใช้เวลานานเท่าไหร่แล้วฉันไม่รู้ได้ รู้แค่ว่าคนบนร่างไม่ปล่อยให้ฉันได้พักเกินห้านาที เขาต่อเนื่องจนฉันได้แต่นอนร่วงโรยใต้ร่าง เปลือกตาอ่อนล้าจนจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหยุดทุกอย่างฉันเห็นแสงสว่างลอดเข้ามาผ่านผ้าม่านสีขาวสะอาดตา ก่อนที่ฉันจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยเพลีย
หลังจากนอนหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันก็ปรือตาตื่นขึ้นมาด้วยเปลือกตาและร่างที่แสนหนักอึ้ง หยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่า เหล่ตามองคนที่นอนฟุ่บหน้าข้างกายอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกลี้ลุกลนเพื่อหาชุดเดรสของตัวเองมาสวมใส่ แต่ทว่ามันกลับใส่ไม่ได้แล้ว เพราะถูกฉีกจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี จึงทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างคิดหนักเมื่อไม่มีเสื้อผ้าที่ใช้ปกปิดร่างกายได้ และตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเสื้อผ้าของเจ้าของห้อง
“คุณจะไปแล้วเหรอ?”
“ค่ะ...ฉันขอยืม...” ฉันพยักหน้าตอบแบบไม่มองหน้าสบตาเขาเพราะรู้สึกเขินอาย ขณะที่กำลังจะพูดขอยืมเสื้อผ้าของเขามาใส่ ฉันก็ชะงักปากเมื่อคิดขึ้นมาได้ เพราะถ้าหากยืมไปฉันก็ต้องเอามาคืนเขา แบบนี้เราก็ต้องเจอกันอีก ซึ่งมันไม่ดีแน่
“ยืมอะไร?” เขาเอียงคอเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ...” ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี อึกอักเหมือนน้ำท่วมปาก เรียบเรียงคำที่จะพูดออกไปไม่ถูกด้วย และเหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดและความต้องการของฉันออก จึงเอียงคอถาม
“เสื้อผ้า?”
“ค่ะ ฉันยืมเสื้อผ้าของคุณก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวให้แมสเซ็นเจอร์ส่งของเอามาคืน แต่ขอที่อยู่ให้ฉันด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมให้คุณเลย จะเอาไปทิ้งหรือเอาไปทำอะไรต่อก็ได้” เขาบอกอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นออกมาให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันรับเสื้อผ้าของเขามา แล้วค่อย ๆ แบกร่างอันแสนระบมของตัวเองเดินเข้ามาในห้องน้ำ จากนั้นก็จัดการสวมใส่ แม้จะตัวโคร่งไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรใส่
พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาฉันก็เห็นเจ้าของห้องยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงห้อง เมื่อเขาเห็นฉันก็บี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน
“นอนต่ออีกสักพักก่อนสิ สภาพคุณแบบนี้ดูไม่น่าไหว”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอเงินห้าหมื่นให้ฉันด้วยค่ะ” ฉันว่าพลางแบมือตรงหน้าของเขาเหมือนเด็กขอค่าขนมจากพ่อแม่
เขามองฝ่ามือของฉันครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่บนหัวเตียง ไม่นานเช็กจำนวนแปดหมื่นบาทก็ถูกวางลงบนมือของฉัน ทำเอาฉันรีบเงยหน้าถามเขาอย่างอึ้ง ๆ ทันที
“ทำไมคุณให้เกินมาสามหมื่นละคะ?”
“ทิปน่ะ ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขตลอดทั้งคืน ผมไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองหนักหน่วงแบบนี้มานานแล้ว”
ฉันมองหน้าเขาพร้อมเกิดคำถามในหัวว่า ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นอนนิ่ง ๆ แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้มันสามารถทำให้เขามีความสุขจริง ๆ เหรอ?
แต่ถึงกระนั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของเขา เพราะฉันอยู่ในสภาพที่เลือกอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเงินจำเป็นและสำคัญต่อการดำรงชีวิตของฉันมาก
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาเงินไปทำอะไรนะถึงได้ยอมขายศักดิ์ศรีของตัวเองทำเรื่องแบบนี้เพื่อแลกเงิน?” เขาพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย และในเมื่อเสร็จงานและได้เงินแล้วฉันก็ไม่คิดที่จะปิดบัง
“จ่ายค่าเทอมค่ะ อีกสองวันก็จะถึงวันจ่ายค่าเทอมของมหา’ลัยแล้ว”
“อยู่ปีไหนแล้วล่ะ?”
“ปี...ช่างมันเถอะค่ะ เราไม่จำเป็นต้องรู้อะไรพวกนี้นี่คะ เพราะยังไงเราสองคนก็จะไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้ว ขอบคุณที่ใช้บริการฉันค่ะ” ฉันเกือบจะบอกเรื่องส่วนตัวของตัวเองไปแบบลืมตัวแล้ว แต่โชคดีที่รู้ตัวและชะงักปากไว้ได้ทันซะก่อน
“...อืม ขอให้โชคดี”
“ค่ะ ฉันไปแล้วนะคะ” ฉันโค้งหัวให้เขาไปเล็กน้อย ก่อนจะฝืนแบกสังขารอันแสนหนักอึ้งออกมาจากห้อง แม้จะยังเจ็บร้าวระบมไปทั่วทั้งร่างกายก็ตาม