“ครับ ว่าแต่รอบนี้คุณมากี่วันล่ะ” เขาเอ่ยตามมารยาทก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ลึกๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ แม้ว่าการทักทายเมื่อครู่จะเป็นเรื่องปกติระหว่างเขากับอิสรีย์ แต่พอมองไปที่ภรรยาของเขาเธอก็ยังยิ้มรับเขาด้วยสีหน้าสดใสตามแบบของเธอ ไม่ได้มีความอึดอัดใจใดๆ
“นี่ทานกันอิ่มหรือยังครับ” เขาถามทั้งสองสาวขณะที่ทุกคนกลับ
มานั่งบนโต๊ะพร้อมหน้ากัน
“เรื่อยๆ ค่ะ รอคุณกลับมาทานด้วยกัน” อิสรีย์เป็นคนตอบ
“กับข้าวถูกปากไหมครับ ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะฝีมือภรรยาผม ใช่ไหมครับคุณกลาง” ปลายประโยคธามหันไปพูดกับสุพรรณิการ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงยิ้มรับ คำว่าภรรยาที่ออกมาจากปากของเขาอย่างเต็มปากเต็มคำทำเอาอิสรีย์หงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกัน
“อร่อยมากค่ะ นี่ธามคงหลงเสน่ห์ปลายจวักคุณกลางเข้าแน่ๆ ถึงต้องรีบแต่งแบบนี้” อิสรีย์แกล้งแซว ซึ่งธามก็เพียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เป็นอาการที่อิสรีย์เห็นแล้วไม่พอใจลึกๆ เธอรู้สึกว่าระหว่างทั้งคู่ดูสบายๆ ไม่เหมือนคนที่ถูกบังคับแต่งงานตามที่เธอคิด
“ว่าแต่รู้จักกันแล้วใช่ไหมครับ”
“อ้อ เรียบร้อยแล้วค่ะ รู้จักกันเป็นอย่างดีเลยใช่ไหมคะคุณกลาง” อิสรีย์ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง สายตามองสุพรรณิการ์ด้วยแววตาเป็นประกาย แต่อีกฝ่ายก็ยังยิ้มรับด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีอาการกระอักกระอ่วนใจให้เห็นอย่างที่เธอคาดหวัง
พวกเขาสามคนใช้เวลาบนโต๊ะอาหารต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่อิสรีย์จะขอตัวกลับ ธามรับรู้ว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ได้รู้จากสุพรรณิการ์หรอกเพราะทางนี้ไม่มีท่าทีผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นท่าทีของอิสรีย์ที่ทำให้ธามรู้สึกไม่สบายใจ และแม้เขาจะไม่แน่ใจ แต่ในฐานะสามีเขาก็ควรต้องแคร์ผู้ที่ได้ชื่อว่าภรรยา
ช่วงนี้ชีวิตของเขาค่อนข้างยุ่ง ซึ่งมันลากยาวมาหลายเดือนแล้ว ทั้งการเปิดตัวโรงแรมที่ภูเก็ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ทั้งงานของแสงเสรีกรุ๊ปที่คุณตาของเขาเพิ่งเพิ่มภาระงานให้ ท่านบอกว่าเขาดูแลกิจการโรงแรมของครอบครัวได้ดี มันจึงไม่เร็วเกินไปหากจะให้เขาเข้ามามีบทบาทในธุรกิจของตระกูลอย่างเต็มตัว ปกติเขาไม่เคยมีอะไรให้คิดมาก
กว่าเรื่องงาน แม้ในช่วงก่อนการแต่งงานเขาก็ไม่ได้ยุ่งอะไรนอกจากเรื่องงาน เพราะในส่วนของงานแต่งก็ให้คนอื่นจัดการให้ทุกอย่าง แต่เวลานี้ธามรู้สึกว่ามีบางอย่างทำให้เขาอยากวางงานที่วุ่นวายไว้ก่อน ธามเลือกที่จะรอคุยกับภรรยาแทนการหลบเข้าไปในห้องทำงานอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณกลางจะนอนหรือยังครับ” ธามปล่อยให้เธออาบน้ำและทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย จนร่างนั้นอยู่ในชุดนอนสีขาวคุ้นตาเขาจึงเอ่ยถามเธอ
“คุณธามมีอะไรหรือเปล่าคะ”เธอนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา
“ครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณกลาง ผมไม่รู้ว่าตอนเย็นคุณกลางคุยอะไรกับซีบ้าง มีอะไรที่ทำให้คุณกลางไม่สบายใจบ้างหรือเปล่า” เขาถามแล้วก็คอยพินิจสีหน้าแววตาของคนตรงหน้า ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากที่คาดเดาไว้ว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ บนนั้น นอกจากรอยยิ้มสบายๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
“ไม่หรอกค่ะ” เขาก็คิดว่าเธอจะตอบแบบนั้น
“ถ้างั้นขอถามใหม่ได้ไหมครับ ซีเล่าอะไรให้คุณกลางฟังบ้าง เกี่ยวกับผม ผมหมายถึงเรื่องระหว่างผมกับเธอ” ธามเลือกที่จะถามเธอตรงๆ ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง เป็นสัญญาณที่ธามรับรู้ว่าสุพรรณิการ์เข้าใจว่าเขาต้องการคุยอะไรกับเธอ หญิงสาวถึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
ที่เขาจะมาให้เขาฟังทุกอย่าง
“ค่ะ เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนเก่าคุณธาม อืม แล้วก็เป็นแฟนคนเดียวที่คุณธามเคยคบ และตอนนี้คุณธามกับคุณซีก็คบกันในฐานะเพื่อน” เธอเล่าด้วยท่าทีสบายๆ ซึ่งก่อนจะขึ้นมาบนห้องป้าอุ่นก็ได้บอกอะไรหลายๆ อย่างกับเขาแล้ว ความจริงระหว่างทางกลับบ้าน ธนนท์คนสนิทที่ทำหน้าที่ขับรถให้เขาก็พูดเรื่องนี้กับเขามาตลอดทาง ในส่วนของตัวเขาเองธามก็รับรู้ว่ามันน่าจะมีอะไรให้เขาต้องจัดการ แต่ตัวเขาที่ไม่เคยต้องยุ่งยากกับความ
สัมพันธ์มาก่อนก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าควรจัดการอย่างไร เขาเคยมีแฟนแค่คนเดียวคืออิสรีย์ตามที่เธอบอก และมันไม่เคยมีเรื่องในลักษณะนี้ให้ปวดหัว เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ให้อิสรีย์ต้องคอยระแวง ยิ่งตัวเขาเองยิ่งไม่เคยระแวงอะไรอีกฝ่ายแม้ว่าอิสรีย์จะมีข่าวกับดาราหรือคนในแวดวงไฮโซอยู่บ้าง สถานการณ์ตรงหน้านี้มันจึงค่อนข้างยุ่งยากสำหรับธาม
“ครับ ความจริงตอนที่ได้ยินป้าอุ่นโทรบอกผมก็รู้สึกไม่สบายใจเลยรีบกลับบ้าน” ไม่ใช่เพราะรีบกลับมาหาอิสรีย์แต่อย่างใด
“บนโต๊ะอาหารผมก็รับรู้ถึงความคุกคามบางอย่างที่ซีมีต่อคุณกลาง ถ้าคุณกลางบอกว่าไม่มีอะไรผมก็สบายใจ” เขาพูดยิ้มๆ อีกคนก็ตั้งใจฟังด้วยท่าทีสบายๆ
“แต่ผมก็อยากคุยกับคุณกลางให้เข้าใจตรงกัน อย่างที่ซีบอกว่าผมกับเธอเป็นแฟนกันมาก่อน และตอนนี้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะบอกอะไรให้คุณกลางรู้บ้าง ป้าอุ่นบอกว่าผมควรเคลียร์เรื่องของซีให้คุณกลางเข้าใจ ระหว่างทางกลับบ้านธนนท์ก็พูดอะไรคล้ายๆ กัน แต่ผมอาจจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ทั้งหมด ผมคิดว่าผมควรให้เกียรติเขาโดยการไม่กล่าวถึงในบางสิ่งที่อาจไม่จำเป็น” เขากับอิสรีย์คบกันด้วยดีและจบกันด้วยดี ธามไม่คิดว่าการเอาความสัมพันธ์ที่ผ่านมามาเปิดเผยให้คนอื่นรู้โดยไม่จำเป็นจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำในฐานะคนเคยคบกัน เขาค่อนข้างที่จะซีเรียสในเรื่องความเป็นส่วนตัวทั้งของตัวเขาและคนที่คบด้วย ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม
“แต่ผมสามารถบอกกับคุณกลางได้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอจบลงไปแล้ว ผมไม่อยากให้คุณกลางไม่สบายใจเรื่องระหว่างผมกับซี หรือจะกับใครก็ตาม ในวันข้างหน้าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่ทำให้คุณกลางไม่สบายใจ ผมอยากให้คุณกลางรู้ว่าคุณกลางเป็นภรรยาผม เป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมในตอนนี้ คุณกลางสามารถถามผมได้ทุกเรื่อง ไม่มีใครที่ผมจะต้องให้ความสำคัญไปมากกว่าคุณกลาง” มันเป็นสิ่งที่เขาคิดเสมอตั้งแต่วันที่คิดจะแต่งงานกับเธอ แม้ว่าจะแต่งงานด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ว่าเขากับเธอจะมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน ภรรยาของเขาย่อมสำคัญที่สุด
“เราอาจแต่งงานกันเร็ว หรืออาจจะมีเหตุผลหลายๆ อย่างในการแต่งงานของเราแต่ผมอยากให้คุณกลางรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมตัดสินใจดีแล้ว และผมเป็นคนมั่นคงกับการตัดสินใจของตัวเอง” ธามพูดกับเธออย่างจริงใจ เขาใช้ชีวิตบนความถูกต้องมาเสมอ แต่ลึกๆ แล้วธามรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอยากจะซื่อตรงกับเธอมากกว่าความถูกต้องที่ยึดถือ ซึ่งเขาก็ยังไม่อาจหาคำตอบนั้นได้
ธามยิ้มจางๆ ให้เธอด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร สุพรรณิการ์เป็นภรรยาที่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของสามี แต่นับจากนี้ธามเชื่อว่าถ้ามีผู้หญิงคนไหนเข้ามาวุ่นวายกับเขา สุพรรณิการ์น่าจะเข้าใจถึงสิทธิ์ของความเป็นภรรยาของเธอ
“อืม ผมก็อยากให้คุณกลางรู้ว่าสามีของคุณกลางไม่ใช่คนเหลวไหล คุณกลางจะดูผมอีกสักหน่อยก็ไม่ว่ากัน” ประโยคต่อมาเขาพูดติดตลกเล็กน้อย คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ ในลำคอด้วยท่าทีผ่อนคลาย ความจริงเธอก็ผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องจริงจังกับเธอเมื่อครู่ ธามอยากจะบอกว่าเขาเลือกภรรยาไม่ผิดจริงๆ เพราะสุพรรณิการ์เข้าใจทุกอย่างอย่างง่ายดาย ไม่มีแววเคลือบแคลงสงสัยใดๆ บนใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้น...หากบางทีธามก็อดนึกไม่ได้ว่าอยากมองเห็นอะไรที่มากไปกว่ารอยยิ้มที่คาดเดาความรู้สึกไม่ได้ของภรรยาบ้างเหมือนกัน