จันทร์เจ้าถูกปลุกโดยป้าพัสวีที่นั่งหลับเฝ้าคนตัวเล็กทั้งคืน เขาตื่นมาด้วยอาการมึนงงเพราะฤทธิ์ยาที่ให้ไปเมื่อคืนนั้นยังคงเหลือเจือจางอยู่ภายในร่างกาย
“จันทร์เจ้าไปแต่งตัวก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปรับหน้าบ้านแล้วไปดูอพาร์ตเมนต์ พี่ติดต่อให้แล้ว”
“ขอบคุณครับพี่ริสา”
จันทร์เจ้ายกมือไหว้ริสาและป้าพัสวีอย่างนอบน้อม เท้าเรียวก้าวเดินออกจากบ้านป้าพัสวีเพื่อไปเก็บของใช้จำเป็นที่ตัวเองนั้นจะต้องใช้ จันทร์เจ้าเก็บเท่าที่จำเป็นและทิ้งหลายๆอย่างไว้ที่นี่
“จันทร์เจ้า เสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วครับ”
ตัวเล็กวิ่งหอบข้าวของที่เก็บเมื่อครู่ขึ้นรถไปกับริสา สายตากลมหันกลับไปมองบ้านที่เขาเคยอยู่ด้วยความเสียใจ ก่อนจะหันกลับมาและยิ้มให้กับริสา
“ไปทำงานไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่ลาให้”
“ไหวครับ เจ้ายังไม่อยากลางาน พึ่งทำได้แค่ 2 อาทิตย์”
“โอเค”
ริสาขับรถออกบ้านไปพร้อมกับจันทร์เจ้าตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ทั้งสองช่วยกันขนของขึ้นห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอนั้นมารอเปิดกุญแจห้องให้แล้ว
“พออยู่ได้ไหม”
“ได้ครับ สบายมากเลย”
ริสาเอ่ยถามจันทร์เจ้าที่ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สายตากลมของจันทร์เจ้ากวาดมองไปทั่วบริเวณ ไม่เล็กและไม่ใหญ่มากพอที่จะอยู่ได้สบายๆ แถมยังมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ครบครัน
“พี่ริสาแพงไหม เจ้ากลัวว่าจะแพง”
“เดือนละ 3,000 เจ้าโอเคไหม”
“อ๋อ ถ้าราคานี่เจ้าโอเค เห็นมีทุกอย่างครบกลัวว่าจะแพง”
“ฮ่าๆ อยู่ที่นี่แหละ สะดวกดี แถมใกล้ที่ทำงานด้วย เดินไปแปบเดียว”
ริสาเอ่ยบอกกับเด็กน้อยที่ทำหน้าตากังวลอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความเอ็นดู ก่อนตัวเธอจะขอตัวไปคุยกับเพื่อนและหาซื้ออะไรก่อนที่จะเข้าบริษัท ส่วนจันทร์เจ้าก็ไม่อยากรบกวนริสามากนักจึงเอ่ยปากจะเดินไปทำงานเอง
จันทร์เจ้าเริ่มเก็บของใช้ เสื้อผ้า รองเท้าออกจากกระเป๋าและเริ่มจัดแจงห้อง เมื่อมองดูนาฬิกายังคงเช้าตรู่ ไม่ถึงเวลาที่จะต้องไปทำงาน
บริษัท…
“เห็นว่าช่วงนี้ท่านประธานเขาจะเข้ามาบริษัททุกวันแล้วนะ เพราะกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรแล้ว”
“ได้ยินข่าวด้วยนะ ว่าแกกำลังจะแต่งงานในอีก 8 เดือนข้างหน้า”
พนักงานซุบซิบนินทากันตามประสา ข่าวเรื่องการแต่งงานของแทนคุณแพร่กระจายไปทั่วบริษัทเพราะเลขาเอมนั้นได้ยินแทนคุณคุยโทรศัพท์กับแม่ของเขาเต็ม 2 หู
“เลขาเอม เรียกพนักงงานใหม่ฝ่ายบัญชีมาเข้าพบผมที”
“ได้ค่ะ ท่านประธาน”
เธอทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว แต่ตัวเธอนั้นก็แอบแปลกใจไม่น้อยที่แทนคุณนั้นเรียกหาจันทร์เจ้าบ่อยครั้ง เมื่อวานแล้วครั้งหนึ่งและก็วันนี้ก็ตามมาอีกครั้ง
ตัวเล็กเดินขึ้นลิฟต์มาด้วยตัวเองก่อนจะหยุดมองเอมมิกาที่ยืนรอจันทร์เจ้าอยู่หน้าห้องทำงานของแทนคุณ ดวงตาที่บวมแดงนั้นทำให้เอมมิกาอยากจะเอ่ยถามจันทร์เจ้าแต่ไม่ได้สนิทขนาดที่จะสามารถถามออกไปได้
“นั่งก่อน”
“ครับ”
“เมื่อวานผมส่งทนายไปที่บ้าน คุณคงจะทราบเรื่องแล้วใช่ไหม”
“ครับ ผมเก็บของออกจากบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”
“โอเค ผมแค่เรียกมาถามเรื่องนี้แหละ เพราะวันนี้ผมจะพาคู่หมั้นผมเข้าไปดูบ้าน”
สิ้นเสียงของแทนคุณจันทร์เจ้าก็ฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะรีบขอตัวลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ตัวเล็กพยายามพูดคุยกับคนรอบข้าง ทำงานเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ฝั่งลึกอยู่ภายใต้จิตใจที่อ่อนแอ
สายตาจ้องมองนาฬิกา จวนจะถึงเวลาเลิกงานแล้วก็รีบเร่งทำงานและเริ่มเก็บของ ก่อนจะเริ่มลิสรายการที่ต้องซื้อเข้าอพาร์ตเมนต์ในวันนี้อย่างถี่ถ้วน
“อย่าพึ่งกลับบ้านกันนะครับ” จู่ๆเสียงของแทนคุณก็ดังขึ้นในแผนกบัญชี ทุกคนรีบย่อตัวลงนั่งทันทีเมื่อท่านประธานโผล่มาด้วยตนเอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ริสาเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล
“มีครับ งบเดือนก่อน เท่าที่ผมดูตารางมันผิดหมดเลยนะครับ ใครเป็นคนทำ?”
“ผะ-ผมเองครับ”
จันทร์เจ้าเอ่ยปากออกมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเรียวก้มหน้าก้มตามองพื้นเพราะไม่กล้าที่จะสบตากับแทนคุณที่จ้องมองเขาไม่หยุด แถมยังฟาดแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเสียงดังลั่นห้อง
“ทำงานยังไงกันครับ ให้ผิดพลาดได้ขนาดนี้ ถ้าแค่ยอด 2 ยอด ผมจะมองผ่านนะ แต่นี้พลาดทั้งเดือนเลยนะ แก้ใหม่!!” แทนคุณตะคอกเสียงใส่จันทร์เจ้าสียงดังลั่น ทำให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าปริปากพูดออกมาเลยแม้แต่ตัวริสาเอง
“วันนี้ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับบ้านนะครับ ให้ทำเอง ไม่ต้องมีใครมาช่วยนะ ดูซิว่าจะทำได้ไหม ถ้าเกิดแก้ไม่ได้ภายในวันนี้ก็ลาออกไปซะ”
“ครับ จะทำตอนนี้เลยครับ”
สายตาของทุกคนมองตามจันทร์เจ้าด้วยความสงสารแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะนี้คือคำสั่งสูงสุด ได้แค่เก็บของแล้วออกจากห้องไปเงียบๆ จันทร์เจ้าเริ่มแก้เอกสารด้วยความกังวล เพราะตัวเองไม่อยากถูกไล่ออก ตอนนี้มีภาระที่ต้องจ่ายมากมาย ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้อง
ตัวเล็กนั่งแก้งานอยู่คนเดียวในออฟฟิตที่เงียบสงัด สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ามืดพอมองนาฬิกาก็จวนจะ 5 ทุ่มแล้ว งานยังไม่ไปถึงไหนเลย
“แก้งานแค่นี้ ใช้เวลาไปตั้งหลายชั่วโมงยังไม่เสร็จอีกเหรอ” เสียงของแทนคุณดังขึ้นหน้าประตูของแผนก
“ตะ-ตัวเลขมันค่อนข้างเยอะครับ ผมจะเร่งให้นะครับ” จันทร์เจ้าตอบกลับแต่สายตายังคงมองหาจอคอมอย่างจดจ่อ
สายตาของแทนคุณมองหน้าอกขาวนวลของจันทร์เจ้าที่เผยออกมาเพราะเจ้าตัวร้อนจนต้องปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาด้วยความคับแค้นใจ
“ทำไมถึงยังกล้าที่จะกลับมาทำงาน ทั้งๆที่รู้ว่าผมเป็นเจ้าของที่นี่” แทนคุณกระชากคอเสื้อของจันทร์เจ้าขึ้น จนกระดุมเสื้อหลุดออกจากเสื้อตกกระจัดกระจายลงบนพื้นห้อง
“ทะ-ท่านประธานครับ ผมต้องทำงานต่อ ถ้าไม่เสร็จจะวุ่นวายเอานะครับ”
“ฉันกำลังถามนายอยู่ ว่ากล้ากลับมาทำงานได้ยังไง!!”
จันทร์เจ้าสะดุ้งโหยงเมื่อคนตรงหน้าตะคอกเสียงใส่เขาดังลั่น มือเรียวกอบกุมกันไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะตอนนี้เริ่มรู้ตัวว่ากลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ไม่ตอบใช่ไหม ได้!!” แทนคุณกระชากคอเสียจันทร์เจ้าให้เดินตามขึ้นลิฟต์ไป ก่อนจะโยนจันทร์เจ้าลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในห้องทำงานของเขา
“ท่านประธานครับ ถ้าคุณลากผมมาแบบนี้งานที่ให้แก้จะไม่เสร็จนะครับ”
“นายไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง! นายกล้าที่จะมองหน้าฉันตรงๆได้ไงจันทร์เจ้า กล้าเอ่ยปากพูดคุยได้ยังไงกัน ไม่รู้สึกระอายใจบ้างเหรอ นายเคยรู้สึกผิดบ้างไหม หะ!”
“จะ-เจ้าขอโทษ ฮึก เจ้าไม่ได้ตั้ง…”
“นายพูดแบบนี้มากี่ล้านครั้งแล้ว แต่นายก็ยังอยู่ได้โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย”
แทนคุณเอื้อมบีบแขนของจันทร์เจ้าไว้แน่น มือหนาบีบและลงน้ำหนักลงบนแขนเรียวจนใบหน้าของจันทร์เจ้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าเรียวสวยที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาด้วยความโมโห
“พี่แทนอยากให้เจ้าทำอะไร เจ้ายอมแล้ว เจ้าเจ็บ ฮึก” จันทร์เจ้าร้องไห้อ้อนวอนคนตรงหน้าเมื่อความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในตัวของจันทร์เจ้า
ใบหน้าคมคายยกยิ้มด้วยความคับแค้นใจ พร้อมกับกระชากเสื้อเชิ้ตตัวหนาออกจากตัวของจันทร์เจ้าจนขาดวิ่น มือหนาเอื้อมปลดตะขอกางเกงตัวยาวของจันทร์เจ้าก่อนจะกระชากมันออกจากตัวของจันทร์เจ้า
ร่างเล็กตัวสั่นเทาพร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องอ้อนวอน แต่เหมือนแทนคุณนั้นจะไม่ได้ยินเสียงของจันทร์เจ้าเลยแม้แต่น้อย เขาเอื้อมปลดตะขอกางเกงของตัวเองและกระโจนเข้าหาจันทร์เจ้า
“พี่แทน เจ้ากลัว…อย่าทำอะไรเจ้าแบบนี้เลยนะ พี่มีเมียอยู่แล้วนะ พี่…” เสียงของจันทร์เจ้าขาดห้วงเมื่อปากหนาบดขยี้ปากเรียวอย่างหื่นกระหาย เขี้ยวคมกัดฝั่งลงบนริมฝีปากบางจนกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งตีขึ้นจมูกของจันทร์เจ้า
“นายพูดเองไม่ใช่หรือไง ว่าให้ทำอะไรก็ได้ งั้นนายก็ยอมมาเป็นเมียน้อยฉันซะ เป็นของเล่นระหว่างที่รองานแต่งงาน ฉันเบื่อเมื่อไหร่ฉันจะปล่อยนายไปเอง”
“แต่ทำแบบนี้มันไม่ถูก…”
“ทำไม!! เรื่องถูกผิดมันไม่ใช่ปัญหาเลย ฉันก็แค่อยากเห็นนายทรมานเหมือนที่ฉันทรมานมาตลอด 3 ปี นี่ยังไงหล่ะ!”
แทนคุณตะคอกเสียงออกมาจนสุดเสียง จันทร์เจ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับนึกในใจกับตัวเอง ‘ทำไมถึงคิดว่ามีแค่ตัวเองที่ทรมาน คนที่ทรมานเจียนตายนั้นมันควรจะเป็นจันทร์เจ้าเสียมากกว่า ที่ลูกตายไปแถมสามียังหายไปและกลับมาพร้อมกับคู่หมั้นที่กล้าเอ่ยออกมาเต็มปากเต็มคำว่าคนๆนั้นคือเมียใหม่’
“นายไม่ต้องมาร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสงสารจากฉัน”
“เจ้าเปล่านะ…”
แทนคุณไม่ปล่อยให้จันทร์เจ้านั้นพูดจบ เขาคว้าตัวจันทร์เจ้าพลิกคว่ำพร้อมกับยกสะโพกขาวนวลขึ้น มือหนาบีบขยำสะโพกขาวนวลเข้าเต็มแรง ก่อนจะโน้มลงไปกัดมันอย่างไรความปรานี
จันทร์เจ้าได้แค่ข่มเสียงสะอึกสะอื้นของตัวเองเอาไว้ ปากเรียวเม้มปากเอาไว้แน่นเพราะกลัวเสียงเล็ดลอดออกไป ทำให้คนข้างหลังเกิดความโมโหมากกว่าเดิม