bc

รักนี้นิรันดา

book_age18+
380
FOLLOW
1.5K
READ
comedy
sweet
like
intro-logo
Blurb

“ฉันไม่เห็นขนของคุณเลย ไม่ได้ดู! ตอนที่ติดกระดุมไม่ได้ดูสักนิด ไม่ได้ถ่วงเวลานานเพื่อจะดูขนผู้ชายด้วย! โอ้ย! ไม่ได้หรือเปล่าวะ โอ้ย... อายโว้ย เขารู้หมดว่ามึงบ้ากาม อีนิ!!” หญิงสาวกระวนกระวายใจทำตัวไม่ถูก ในหัวยังคิดหาคำตอบที่ดีไม่ได้เลย

ซึ่งในความเป็นจริงเธอไม่ได้แอบดูเสียหน่อย ในเมื่อมันลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ต่อให้เธอจะไม่ได้ตั้งใจมองหรือตั้งใจพินิจจนแทบจะนับเส้นขนก็ไม่ควรเป็นความผิดเธอไม่ใช่หรือ

“ไม่ได้! อยู่ตรงนี้แล้วเขาเดินตามมาจะทำหน้ายังไง!! โอ๊ย... ตอนนี้เขาคงมองมึงเป็นยัยป้าหื่นกามแล้วแหละ!”

++++++++

นิยายเซ็ต

ยอดหญ้าสีเขียวอ่อน

1.ฤทธิ์ร้อนซ่อนอัคนี

2.รักนี้นิรันดา

3.ลิขิตฟ้าบัญชาใจ

chap-preview
Free preview
ผมเหยียบมันแตกไปแล้วครับ
ตอนที่ 1 ณ ห้างสรรพสินค้าซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินสวนผ่าน รอบกายเต็มไปด้วยความวุ่นวาย บ้างก็พาครอบครัวมาเที่ยวจับจ่ายซื้อของ บ้างก็พาคนรักมาหวานชื่นด้วยการดูหนัง ผู้คนโดยรอบดูเหมือนจะมาที่นี่ด้วยความสุข ยกเว้น ‘นิรันดา’ หญิงสาวร่างเล็กภายใต้กรอบแว่นหนาสีดำเงา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสุภาพและกระโปรงยาวคลุมข้อเท้าพลิ้วสลวย เมื่อเธอมาที่นี่ด้วยความหวังแต่กำลังห่อเหี่ยวหัวใจจนไม่มีแรงเดินไปข้างหน้า หญิงสาวเดินคอตกไปตามทางเดินด้วยความรู้สึกมากมายหลายหลาก ห่อเหี่ยว สิ้นหวัง เบื่อหน่าย หรือท้อใจ ทุกอย่างปะปนจนนิรันดาไม่รู้ว่าควรจะรับรู้สิ่งไหนก่อน วันนี้เธอเดินทางไปสมัครงานจนไม่เหลือที่ไหนให้ยื่นเอกสาร บริษัทไหนที่ประกาศรับสมัครทั้งบนอินเทอร์เน็ตหรือหน้าหนังสือพิมพ์ เธอไปจนทั่วด้วยความมุ่งมั่น แต่เมื่อมีการเรียกสัมภาษณ์กลับถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลต่าง ๆ หรือบางที่ยังไม่ทันได้ยื่นใบสมัคร พนักงานของบริษัทนั้น ๆ ก็แนะนำให้เธออย่าเสียเวลา เป็นการบอกว่า ‘ยื่นไปเปลืองกระดาษเปล่า ’ เย็นของวันที่หญิงสาวเหนื่อยจนล้า เธอแทบจะไปไม่ถึงห้องพักทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เรี่ยวแรงกลับมาเล็กน้อยก่อนหน้านี้เมื่อบิดาโทร.มานัดทานข้าวด้วยกัน เธอสุขใจราวกับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต คิดดีใจที่วันห่วยแตกก็มีเรื่องดีอยู่ไม่น้อย เพราะบิดาของเธอจะเยียวยาความรู้สึกได้บ้าง แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงร้านอาหารที่บิดาบอกไว้ ร่างบางก็ต้องหยุดนิ่งราวกับถูกสาป เพราะบิดาของเธอนั้นไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับภรรยาใหม่และลูกสาว มาพร้อมกับครอบครัวซึ่งนิรันดาไม่เคยเข้าไปแทรกกลางได้ หรือในความเป็นจริงเธอถูกผลักให้ออกจากครอบครัวของบิดานานแล้ว ความเหนื่อยที่แบกรับมาตลอดทั้งวันดูเหมือนจะหนักไปกว่าเก่า กระนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามยิ้มให้กับวันแย่ ๆ ยิ้มให้กว้างแม้จะฝืน เธอไม่พร้อมจะเข้าไปหาบิดาในเวลานี้แล้วทะเลาะกัน การมีปากเสียงที่นิรันดาน่าจะชินได้แล้ว แต่จะมีลูกคนไหนบ้างที่ชินชากับสิ่งเหล่านั้น จะมีใครชินชากับการไร้ซึ่งความรักจากครอบครัว คงมีเธอคนเดียวที่พยายามชินมาตลอด นิรันดาตัดสินใจโทร.ไปบอกคนเป็นพ่อว่า ‘หนูเพิ่งทำงานวันแรก ไปกินข้าวกับพ่อไม่ได้ ขอโทษค่ะ’ นั่นคือสิ่งที่ทำได้เพื่อยื้อความสัมพันธ์ฉันครอบครัว หญิงสาวเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องเดินไปข้างหน้าในแต่ละวัน เธอเฝ้ารอการเรียนจบปริญญาตรีมาตลอด เฝ้าคอยการได้รับผิดชอบชีวิตตัวเองโดยไร้บุพการี เธออยากไปจากชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตที่เหมือนไม่มีครอบครัวอยู่จริง บิดาและมารดาแยกทางกันเมื่อเธออายุได้สิบห้าปี ตอนนั้นเธอต้องเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างพ่อและแม่ การเลือกที่ไม่มีลูกคนไหนอยากจะตัดสินใจ เพราะหากสามารถเลือกได้จริง ๆ เธออยากอยู่กับทั้งสองคน แต่เมื่อต้องเลือกจริง ๆ จึงมีคำตอบเป็นพ่อ เพราะความสงสารหรือไม่ที่แม่นอกใจมีคนอื่น หรือเพราะเธอไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศ ไม่อยากทำความรู้จักกับสามีใหม่ของแม่ที่ร่างโตราวกับยักษ์ เธอเองก็ไม่แน่ใจความรู้สึกตอนนั้น มีเพียงความอ้างว้างของเด็กคนหนึ่งซึ่งกำลังจะไร้ครอบครัวอย่างถาวร ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ให้กำเนิด และไร้ใครเหลียวแล ชีวิตของนิรันดาหลังจากนั้นเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางภูเขาที่หนาวเหน็บ มีเพียงสองแขนของตัวเองที่กอดประคองให้นอนหลับไปได้ และมีน้ำตาที่รินไหลออกมาซ้ำ ๆ โดยไม่มีใครล่วงรู้อยู่เป็นเพื่อน มารดาบินไปต่างประเทศกับสามีใหม่หลังจากการตัดสินใจของเธอไม่นาน ส่วนบิดาแต่งงานใหม่มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในปีเดียวกันทั้งที่นิรันดายังตั้งสติประคองชีวิตตัวเองไม่ได้ พ่อและแม่มีครอบครัวใหม่เป็นของตัวเอง ขณะที่นิรันดากลายเป็นคนไม่เหลือใคร นั่นคือชีวิตของหญิงสาวหลังจากเกิดรอยร้าวในครอบครัว ไม่นานหลังจากที่ภรรยาใหม่ของบิดาตั้งครรภ์ นิรันดาก็ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำด้วยเหตุผลจากบิดาว่า ‘ที่นั่นจะทำให้เป็นเด็กที่มีระเบียบวินัย ทำให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้’ ในสายตาของเด็กสาวคนหนึ่งไม่เคยเข้าใจเช่นนั้น เธอรู้ว่านั่นคือการผลักไสลูกที่ไม่ต้องการออกไปจากครอบครัวใหม่ ครอบครัวที่ไม่ต้องการเธอ จากนั้นนิรันดาก็ใช้ชีวิตเด็กหอและการอยู่ห่างครอบครัวมาตลอด ทั้งวัยมัธยมปลายจนกระทั่งเรียนจบมหา'ลัยและกำลังหางานทำตอนนี้ เธอมีชีวิตที่หลุดออกจากครอบครัว เป็นเหมือนเศษเสี้ยววงกลมที่แยกออกจากกันสามส่วน เธอก็คือส่วนเล็ก ๆ ที่แยกออกจากพ่อและแม่มาสู่โลกกว้างไร้ความรัก เธอไม่อยากกลับไปหาครอบครัวของบิดา หากเรียนจบแล้วยังไม่มีงานทำ นิกรผู้เป็นพ่อจะให้กลับไปช่วยขายของในร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน ร้านซึ่งหญิงสาวอยู่มาจนอายุสิบห้าแต่ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว เส้นทางของเธอตอนนี้คือทำอย่างไรให้มีงานทำและไม่ต้องกลับไป ที่นั่นไม่มีความสุขสำหรับเธอแน่นอน ในเวลาที่เรียนหญิงสาวก็ไม่กลับบ้านแม้ปิดเทอม เธอเลือกอยู่หอพักและอ้างทำงานพิเศษไม่กลับบ้าน แต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว เธอจะอยู่ต่อไปโดยอ้างเรื่องเรียนได้อย่างไร สิ่งที่เลือกคือการโกหกว่าได้งานทำและบิดาไม่ต้องส่งเสียเธออีก ในขณะที่ความเป็นจริงต่างไปราวฝันร้าย นิรันดาเหลือเงินติดตัวไม่ถึงหกร้อยบาทด้วยซ้ำ แต่ต่อให้ไม่เหลือเลยสักบาทหญิงสาวก็จะไม่กลับไปในครอบครัวของใคร ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือมารดา เธอจะไม่เข้าไปแทรกกลางพื้นที่ซึ่งไม่ต้องการเธอแต่แรก ที่ผ่านมาเธออยู่ได้แม้ว่าจะเจ็บปวดและน้อยใจมาตลอด แต่มันบอกกับเธอเสมอว่า ‘ยังไม่ตาย’ “เฮ้อ... ตำแหน่งในห้างก็เต็มแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำแล้วจริง ๆ เหรอวะ ลองไปดูงานในโรงแรมหรือร้านอาหารดีไหมนะ เด็กเสิร์ฟก็ได้มั้ง ทำอะไรไปก่อนให้พอมีเงินจ่ายค่าห้อง เงินห้าร้อยกว่าบาทที่เหลือไม่ถึงสิ้นเดือนแน่ ตายแน่เลยอีนิรันดร์...” หญิงสาวพูดกับตัวเองระหว่างที่เดินก้มหน้าไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนได้ยินประโยคเหล่านั้น ชายร่างสูงภายใต้แว่นตาสีดำเงากำลังเดินออกจากตัวห้างฯ แต่คนที่ถือเอกสารแนบอกกลับเดินส่ายไปมาขวางทางของเขา ครั้นเมื่อจะเดินเลี่ยงออกไปก็ได้ยินประโยคตัดพ้อ ความคิดบางอย่างจึงทำให้เขาเดินช้าลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือมองเงียบ ๆ เพราะชีวิตเจอแต่เรื่องยุ่งยากและไม่เคยพูดบ่นความในใจออกมาแบบนี้ การมาได้ยินคำตัดพ้อโดยบังเอิญจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ อาจแปลกจนเหมือนไม่เคยมีใครทำแบบนี้ในสายตาของชายหนุ่มเลยก็ว่าได้ “แล้วถ้าสิ้นเดือนพ่อขอเงินล่ะ ลูกทำงานก็คงต้องขอไหม? เมียใหม่พ่อคงเป่าหูว่าทำงานแล้วทำไมไม่ให้เงินพ่อบ้างแน่ ๆ ยัยลูกสาวก็ใช่ย่อย! ใส่ร้ายเรางั้นงี้สารพัด ถ้าไปหายใจในบ้านก็คงบอกว่ารำคาญเสียงหายใจแหละ โอ๊ย!! เครียด!! ว้าย” นิรันดาพูดบ่นด้วยความหัวเสียก่อนจะมีแรงกระแทกเกิดขึ้น ร่างกายของเธอจึงเซไปอีกด้านเพราะใครบางคน คนที่อยู่ตรงหน้าวสิทธิ์ถูกชายร่างสูงวิ่งชนอย่างแรง เขาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์หมายจะรับร่างนั้นไว้แต่ก็ไม่ทัน ทำให้คนตัวเล็กล้มไปกองกับพื้นเสียงดังพอควร สิ่งที่สายตาชายหนุ่มมองเห็นคือเอกสารในซองสีใสกระจายไปทั่ว ส่วนแว่นตากลมหนาตกลงตรงหน้าก่อนจะถูกเหยียบด้วยเท้าของเขาอย่างจัง เหยียบเต็มเท้าโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจสักนิด แต่เขาก็เหยียบมันไปแล้ว! “คุณเป็นอะไรไหมครับ...” วสิทธิ์ละสายตาจากแว่นที่แตกหักใต้เท้า จากนั้นก็เข้าไปประคองคนล้มที่เหมือนจะหยั่งรากลงพื้นไม่ขยับเคลื่อนไหว เธอนั่งนิ่งจนเขาคิดว่าเป็นอะไรมากแน่ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าหญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาแบบเร็ว ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บตูดนิดหน่อย โอ๊ย...เจ็บตูดเป็นบ้า!” เธอตอบเสียงขบขันและยังพยายามก้มหน้า ซึ่งชายหนุ่มคาดเดาว่าไม่อยากให้เห็นตัวเองร้องไห้ “ผมขอโทษนะครับพี่ ผมรีบไปส่งของน่ะครับ พี่เป็นไรไหม” หนุ่มส่งของพูดอย่างรู้สึกผิด สายตามองนิรันดาที่ยังนั่งกับพื้นสลับกับทางที่จะไปส่งของ เขากำลังจะไปไม่ทันเวลาแล้ว วันนี้การจราจรติดขัดทำให้มาช้า และหากไปไม่ทันก็จะต้องถูกหักเงินตามกฎบริษัท “ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรน้อง! พี่สบายมาก” คนตอบว่าสบายมากยังแอบเอามือลูบสะโพกอยู่ในบางครั้ง แถมเรียกตัวเองว่าพี่โดยไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นน้องจริงหรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่เธอสนใจคือแว่นอยู่ไหน นิรันดาสายตาสั้นถึงหกร้อยถึงหกร้อยห้าสิบ เธอแทบจะมองอะไรไม่ออกแล้ว ทุกอย่างพร่ามัวเป็นรูปร่างคนแต่มองไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นแบบไหน หูฟังเข้าใจเจ้าตัวจึงตอบออกไปแบบนั้น “น้องรีบไปส่งของเถอะ พี่ไม่เป็นอะไร รีบไป ๆ” มือเรียวยกขึ้นโบกไปในอากาศเพื่อให้คนที่คุยด้วยรีบไป เธอยังส่งยิ้มไปให้อย่างสดใสตามสายตาที่พร่าเบลอแต่ยังเห็นรูปร่างคนสนทนา “ขอบคุณครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างจริงใจแล้วรีบวิ่งไปทันที ใจหนึ่งเขาก็อยากอยู่ดูแลเธอแต่ก็ไม่อยากถูกหักเงินด้วย ไม่แน่เขาอาจกลับมาดูแลเธอได้ทัน วสิทธิ์มองหญิงสาวที่ยังส่งมือไปรอบ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา เธอให้อภัยคนที่มาชนแล้วยังยิ้มสดใสให้ ขณะที่เขามั่นใจว่าเห็นเธอก้มหน้าร้องไห้ก่อนหน้านี้ หรือเขาไม่ได้กลับไทยนานเกินไปจนลืมไปแล้วว่าผู้หญิงไทยมีความน่ารักขนาดนี้ ชายหนุ่มหยิบเอกสารฉบับหนึ่งที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นเรซูเม่ประวัติของหญิงสาว ทำโดยใช้ภาษาไทยที่สละสลวยและเรียบเรียงภาษาอังกฤษได้ดีมาก มองเอกสารแล้วชายหนุ่มก็ต้องเงยหน้ามองเจ้าของมันเล็กน้อย เมื่อเขาได้รู้ว่าเธอชื่อนิรันดา ชื่อเล่นนิรันดร์ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งจบปริญญาตรีการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศมาหมาด ๆ แถมจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อ่านประวัติไปคร่าว ๆ ชายวัยสามสิบเก้าและเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายก็ต้องพยักหน้าน้อย ๆ ในความเก่งที่โดดเด่น แม้จะอ่านผ่านตัวอักษรแต่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันที่ดี เธอดูเด็กเกินกว่าจะจบปริญญาตรี แต่ก็มีจุดบกพร่องเรื่องความมั่นใจในตัวเองบางอย่าง และน่าจะเป็นจุดอ่อนที่ไม่มีใครรับเข้าทำงานในสายวิชาที่เธอจบมา “คุณกำลังหางานทำเหรอครับ” สิ้นเสียงคำถามที่ดังจากด้านขวานิรันดาก็ต้องหยุดชะงัก เสียงนั้นดูจะใกล้ไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับสัมผัสลมหายใจ การหยุดชะงักนั้นเกิดจากโทนเสียงที่ค่อนไปทางทุ้มลึกชวนอบอุ่นไม่ใช่เสียงวัยรุ่นที่อยู่ในโทนแตกเนื้อหนุ่มใหม่ ๆ อย่างคนที่วิ่งมาชน เธอหันไปทางต้นเสียงและพยายามมองหน้าชายคนนั้น แต่เธอก็มองไม่เห็นอย่างชัดเจนเพราะไม่มีแว่นสายตา รับรู้เพียงว่าเขาคือผู้ชายที่รูปร่างสมส่วนดูแข็งแรง ส่วนใบหน้าและทรงผมพอจะคาดเดาได้ว่าดูสะอาดสะอ้านเป็นผู้ใหญ่ ‘หยุดบ้าผู้ชายแล้วหาแว่นเดี๋ยวนี้ มันใช่เวลาไหมอีนิรันดร์!!’ หญิงสาวด่าตัวเองในใจก่อนจะสลัดความคิดที่ไม่เข้าท่าออกไปจากหัว เธอควรสนใจที่จะหาแว่นแล้วเลิกเป็นคนตาบอดเสีย “ค่ะ ฉันกำลังหางานทำ แต่เวลานี้กำลังหาแว่นค่ะ คุณเห็นไหมคะ” มือน้อย ๆ คลำหาไปตามพื้นที่นั่งอยู่อีกครั้งขณะที่วสิทธิ์ก้มมองที่เศษซากที่เขาเหยียบมันแตกไปเสียแล้ว “ผมเหยียบมันแตกไปแล้วครับ ขอโทษด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพ เขาไม่ได้ชนเธอจนล้มแต่กลับสร้างความเสียหายให้กับเธอมากกว่าเสียอย่างนั้น “แตกไปแล้ว!! เหอะ! แตกไปแล้วเนาะ” นิรันดาอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ กับชะตาชีวิตเธอตอนนี้ น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาเท่าทันเสียงหัวเราะ แต่มือของเธอก็เร็วไม่แพ้กัน เมื่อมันไหลออกมาก็ปาดมันทิ้งไปทันที “ช่างเถอะค่ะ วันนี้มันเป็นวันโคตรซวยของฉันเอง ไม่ต้องคิดมากนะ สงสัยจะดวงตกแหละคุณ” มือเรียวหันไปสนใจเก็บเอกสารมาถือไว้ทีละแผ่นเท่าที่สายตาจะมองเห็น ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะหาแว่นอีกแล้ว ตอนนี้คงต้องเก็บเอกสารแล้วพาตัวเองไปจากที่นี่ พาตัวเองกลับไปยังหอพักที่มีเพื่อนสนิทรอปลอบใจแน่นอน วสิทธิ์ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทางที่เห็น เธอไม่โกรธที่เขาทำแว่นแตกหักเช่นเดียวกับหนุ่มที่วิ่งมาชนอย่างไม่ตั้งใจ แต่เธอก็ร้องไห้ออกมาถึงจะพยายามปาดเช็ดมันออกและส่งเสียงสดใส ชายหนุ่มช่วยเก็บเอกสารที่กระจายไปทั่ว รู้สึกว่าเวลาที่เร่งรีบของชีวิตเปลี่ยนไป เมื่อมันถูกควบคุมให้เดินไปข้างหน้าช้าลง หรือไม่ก็กำลังหยุดอยู่ตรงนี้ระหว่างเขาและเธอ เขาตั้งใจเข้ามาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ไม่นาน ตั้งใจเข้ามาเพื่อหาเพื่อนเก่าแต่ก็ไม่พบ เพื่อนสนิทที่ไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีแต่รู้ดีว่าอยู่ที่นี่แน่นอน เพราะอัคนีเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เมื่อเข้ามาไม่พบชายหนุ่มจึงคิดว่าจะต้องออกไปจัดการงานมากมายที่รออยู่ กระทั่งมาได้ยินเสียงพร่ำบ่นของคนตัวเล็กที่เดินโยกไปมาขวางทาง เวลาอันมีค่าของเขาก็ดูจะเดินช้าลงเพราะเธอคนนี้ “เอกสารทั้งหมดครับ” มือหนาส่งเอกสารคืนให้ก่อนช่วยประคองนิรันดายืนขึ้น ยังไม่ลืมที่จะก้มลงไปปัดกระโปรงสีเทาตัวยาวคุมข้อเท้าที่เปื้อนอะไรบางอย่าง พอหญิงสาวยืนตรงหน้าเต็มความสูงก็ทำให้เขาได้มองเห็นการแต่งตัวที่ค่อนข้างเรียบร้อยเกินไป เนื้อผิวที่พ้นจากผ้าที่สวมใส่คงจะมีแค่ส่วนลำคอขึ้นไปถึงใบหน้าที่สวยหวาน และมือเรียวที่ข้างหนึ่งมีนาฬิกาสีเดียวกับเสื้อ ส่วนอีกข้างมีกำไรข้อมือสีชมพูดูน่ารัก บนนิ้วไม่มีแหวนและเจ้าตัวไม่ใส่ต่างหู เธอแต่งตัวได้เกินอายุไปหลายปีไม่น้อย หากรวมกับแว่นสายตาที่เขาถือเศษซากอยู่ก็น่าจะเหมือนคุณป้าวัยสี่สิบเข้าไปเต็มทน แต่ก็เป็นคุณป้าที่วสิทธิ์มองว่าน่ารัก ใบหน้าหญิงสาวเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ตอนนี้ไม่มีแว่นกรอบหนาปิดบังความสวยของดวงตากลมโต แพขนตาที่งอนยาวเรียงตัวเป็นระเบียบกับคิ้วหนาได้รูปโดยไม่ต้องขีดเขียน เขาพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยหวานชวนมองมากทีเดียว ปากนิดจมูกหน่อยจนแทบจะเหมือนตุ๊กตาเข้าไปทุกที ยามที่หรี่ตาแล้วเบิกกว้างเพื่อปรับการมองเห็น ดวงตาของเธอกลมโตมาก นัยน์ตาเป็นสีดำขลับไม่ต่างไปจากสีผมที่ยาวสวย มองแล้วสบายตาจนวสิทธิ์ไม่รู้เลยว่าเผลอจ้องหน้าเธอนานแค่ไหน “คุณ! คุณคะ? ปล่อยแขนฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวพยายามบิดแขนออกเมื่อเธอจะเดินออกไปจากตรงนี้แต่พบว่ามือของเขายังจับตรึงอยู่ “ขอโทษครับ” มือนั้นปล่อยไปแล้วแต่นิรันดารู้สึกว่ามันทิ้งความอุ่นเอาไว้บนเนื้อผิว จนหญิงสาวต้องก้มไปมองบริเวณนั้นต่อให้ไม่เห็นก็ตาม “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้คิดที่จะมาลวนลามผู้หญิงอย่างฉันหรอก แต่ขอบคุณนะคะ ฉันไปละ! อ้อ... ฉันไม่รู้ว่าแว่นตกแตกตรงไหน รบกวนทิ้งถังขยะให้หน่อยนะคะ” วสิทธิ์มองซากแว่นในมือของเขาเมื่อเธอพูดจบ และเมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เดินจากไปด้วยท่าทางเหมือนคนตาบอด ยื่นมือไปข้างหน้าและพยายามก้าวช้า ๆ “ผู้หญิงอะไรเนี่ย ไม่เคยเจอแฮะ” วสิทธิ์พูดกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปหา เขาจับมือเรียวนุ่มเธอไว้ก่อนจะจับจูงไปอีกด้าน “เดินตามมาครับ ผมจะพาไปตัดแว่น” “ฮะ! หูย! ไม่ต้อง ๆ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องคิดมาก มันแพง! ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องมาเสียเงินหรอกคุณ!” คนเดินนำหน้าไม่ได้สนใจเสียงโวยวายเหล่านั้น เขาเพียงยกยิ้มน้อย ๆ แล้วกวาดสายตามองหาร้านแว่น

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.5K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook