Chapter 5: กลิ่นเหมือนวานิลลา

1964 Words
อ้าว! สรุปกันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอคะ? ไม่มีใครถามความเห็นหนูต่อเลยอะ รังเรขมองสี่พ่อลูกแล้วนึกสงสัยในใจก่อนจะยกมือน้อยขึ้นชูเหนือศีรษะเหมือนขอโอกาสถาม “เดี๋ยวค่ะ แล้วถ้าเกิดหนู.... ไม่เลือกใครตอนสุดท้ายได้ไหมคะ? เพราะหนูว่าหนูมีสิทธิ์ไม่เลือกทั้งคู่แหละค่ะ ไม่ใช่สเปกหนูเลยสักคน” สองหนุ่มหล่อจ้องสาวน้อยหน้าใสทันที “น้องก็ไม่ใช่สเปกพี่ แต่พี่รู้จักให้โอกาสไง อย่าปิดตัวเองสิครับ ว่าแต่น้องชอบแบบไหน?” พระรามถามสาวน้อยยิ้ม ๆ เริ่มเห็นความน่ารักของเธอขึ้นมาหน่อยแล้วแหละ ไม่ได้มากมายแต่มันก็เยอะขึ้นกว่าตอนที่จับเขาทุ่มแน่ ๆ “หนูชอบแบบ ใจดี พูดคะพูดขา หวาน ๆ ไม่ต้องหล่อมากก็ได้ ขอแค่หน้าตาดูอบอุ่น หล่อเกินไปไม่ดี หนูกลัวผู้หญิงอื่นแย่งแฟนหนู แล้วก็...” สาวน้อยพูดแล้วทำตาเพ้อฝัน “เหอะ! ไม่สวยไง เลยกลัวคนอื่นแย่งแฟน แล้วไอ้หน้าตาดูอบอุ่นน่ะ หน้าเหมือนไมโครเวฟเหรอ?” ราพณ์พูดโต้ทันทีทั้ง ๆ ที่รังเรขยังพูดไม่จบประโยค “ปากแจ๋วเหมือนพี่ผมยาวคนนี้หนูไม่เอานะคะ ขี้เกียจเถียงด้วย เปลืองเวลาชีวิต ต่อเลยนะคะ... หนูต้องการคนที่ดูแลชีวิตหนูได้ พร้อมจะสร้างครอบครัว หนูกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หนูอยากมีครอบครัว มีลูกเยอะ ๆ แล้วก็...” “พอท้องขึ้นมาจริงจะบ่นเหนื่อย เจ็บ มีเต้าแค่สองเต้า จะเอาลูกเยอะไปทำไม? อยากได้ลูกเยอะก็ต้องมีแปดเต้าสิ ถ้ามีแปดเต้ามีลูกสักครอกหนึ่งก็ยังได้” ราพณ์ยังคงไม่ลดละ “ไอ้เชี่ยราพณ์ นี่มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย? ทุกทีทำเป็นเจ้าชู้ประตูดิน บริการผู้หญิงอย่างดี ทีกับยัยจิ๋วแม่งเถียงน้องตลอด” พระรามปรามเพื่อนทันที “อะไรเชี่ยราม? เรียกยัยแสบนี่ว่าน้องแล้วเหรอ?” ราพณ์ชำเลืองมองอริที่บัดนี้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วถามเสียงขุ่น “เขาอายุน้อยกว่าก็ต้องเรียกเขาว่าน้อง หรือมึงจะให้กูเรียกเขาว่ายาย?” พระรามถามเพื่อนกลับบ้าง “พอแล้วค่ะ... ไม่ต้องเถียงกันแล้ว สรุปคือหนูไม่ได้ชอบแบบพวกพี่ หล่อเกินไป” สาวน้อยพูดตัดบททันที “เอาเป็นว่าถ้าหนูเลขยอมอยู่กับไอ้เจ้าสองคนนี่สามเดือน ลุงสองคนจะส่งหนูเรียนจนจบปริญญาตรี พอครบสามเดือนถ้าหนูไม่เลือกใครก็ไม่เป็นไร ถือว่าลูกของพวกลุงมันไม่ดีพอสำหรับหนูก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นลุงจะให้ไอ้สองตัวนี่ออกจากเพนต์เฮาส์และยกที่นี่ให้เป็นของหนูด้วย” ฤทธิ์พยายามหาข้อตกลงร่วมให้กับทุกฝ่าย รังเรขนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ เหมือนลังเลแต่ก็ต้องตกลง “โอเค! ตามนั้น ไอ้ราม ไอ้ราพณ์ มึงสองคนต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ภายในวันนี้ เรื่องอื่นกูกับไอ้ฤทธิ์จะไม่ยุ่ง จะจีบหนูเลขได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของพวกมึง เรื่องรหัสเข้าเพนต์เฮาส์และเรื่องจิปาถะอื่น ๆ กูจะให้ไอ้ชาติจัดการให้ พวกกูไปล่ะ” รงค์สรุปสั้น ๆ แล้วรีบลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กับฤทธิ์ก่อนที่ทั้งสองคนรวมถึงลุงชาติที่พารังเรขมาส่งจะเดินออกจากเพนต์เฮาส์ไป ปล่อยให้สาวน้อยนั่งงงอยู่กับที่ “นี่มัน... หมายความว่ายังไงกันคะ? แล้วหนูจะต้องทำยังไงต่อ? เงินค่าเทอมหนูจะได้จากไหน? แล้วงานหนูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตจะทำยังไง?” สาวน้อยหันหน้ามาถามสองหนุ่มหล่อที่ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ด้วยไปอีกสามเดือนเต็ม “ฉันมั่นใจว่าพ่อของพวกเราจัดการให้เธอไว้หมดแล้วละ เดี๋ยวอีกสักแป๊บน่าจะมีใครสักคนส่งรายละเอียดทั้งหมดมาให้เธอ ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ? เลขเหรอ? แบบเลขบวกลบคูณหารใช่ไหม?” ราพณ์ถามสาวน้อย ไหน ๆ ก็ต้องอยู่กับเธอถึงสามเดือนแล้ว เริ่มทำความรู้จักกันไว้ก็ดี “ค่ะ... หนูชื่อรังเรข ชื่อเล่นว่าเลขค่ะ พ่อหนูชื่อคำนวณ พ่อกับแม่เลยตั้งชื่อเล่นให้หนูว่าเลข” “ชื่อแปลกจัง? รังเรข” พระรามพูดขึ้นมา “รังเรขแปลว่างดงามค่ะ” สาวน้อยพูดยิ้ม ๆ “แม่ง... พ่อกับแม่ตั้งชื่ออะไรไม่ดูหน้าลูกเลย หน้าตาออกจะธรรมดา” ราพณ์ส่ายหัวแล้วพูดพึมพำเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่หนูได้ยินนะ! “พี่ที่หล่อ ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ชื่อพี่รามใช่ไหมคะ? ส่วนพี่คนที่ดูนิสัยเหมือนเด็กน้อยชื่อพี่ราพณ์ หนูได้ยินที่พวกคุณลุงคุยกัน” สาวน้อยทำเป็นถามพระรามแต่สายตาชำเลืองมองราพณ์ที่หน้าเสียเพราะโดนกล่าวหาว่าเหมือนเด็กน้อย เดี๋ยวเด็กน้อยก็จับกดแม่งเลย! “เรียกพี่ได้สนิทปากเลยนะ” ราพณ์พูดเหมือนประชด “ก็ต้องอยู่ด้วยกันตั้งสามเดือน หนูก็ต้องทำดีด้วยไว้ก่อน” สาวน้อยพูดแล้วยักไหล่ “แล้วสรุปฝ่ายพ่อหรือแม่เธอเป็นยักษ์ชั้นสูงล่ะ? หรือเป็นทั้งคู่?” ราพณ์ถามต่อแต่รังเรขกลับไม่สนใจ กดดูข้อความที่เพิ่งเข้ามาในไลน์ เหมือนที่พี่ราพณ์บอกไว้เปี๊ยบ! ลุงชาติส่งข้อความมาว่าจะเก็บของใช้ของเธอที่หอพักซอมซ่อส่งมาที่นี่ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีข้อความแสดงเงินที่โอนเข้าธนาคารให้เธอเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท “โอ้โห! ตั้งล้านหนึ่ง! แค่อยู่กับพวกพี่สามเดือนหนูได้ล้านหนึ่งเลยเหรอ? แน่ใจนะว่าพวกพ่อของพี่ให้หนูอยู่ด้วยเฉย ๆ ไม่ได้จ้างให้มาเป็นเมียเก็บพวกพี่?” สาวน้อยตกใจกับจำนวนเงิน ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ราพณ์ถามก่อนหน้านี้เลยสักนิด คำถามแสนไร้เดียงสาเหมือนเด็กอนาถาของเธอทำให้พระรามอดหัวเราะออกมาน้อย ๆ ไม่ได้ “ถ้าได้เป็นเมียพวกพี่จริงไม่ได้แค่ล้านเดียวหรอกครับเลข ได้เป็นหมื่นล้าน” พระรามบอกคนเป็นน้อง สาวน้อยทำตาโตแล้วหันขวับไปมองเขา รู้แหละว่าพวกเขารวย แต่เป็นหมื่นล้านเนี่ยนะ? “พวกพี่ดูเป็นสเปกหนูขึ้นมาหน่อยแล้วแหละ” สาวน้อยพูดแล้วอมยิ้ม “น้องชอบคนรวยว่างั้น?” พระรามยิ้มแล้วแซว จะว่าไปยัยตัวจิ๋วก็คุยง่ายอยู่ เวลาพูดไปยิ้มไปก็ดูน่ารักใช่ย่อย ดูแบบ... เหมือนโลกสดใสเวลาน้องเขายิ้มอะ “หนูไม่ได้ชอบคนรวย หนูชอบคนที่ดูแลหนูได้ ถ้ามีเงินเยอะพอก็ดูแลหนูได้ค่ะ” สาวน้อยตอบแล้วยิ้มตาหยีให้หนุ่มหล่อหน้าเข้ม โอ๊ย! ยัยจิ๋วเวลายิ้มตาหยีโคตรน่ารัก ทำไมตอนอยู่ที่ห้างไม่ทันสังเกตวะ? สงสัยจะมัวแต่ตะลึงที่โดนคนทุ่มเป็นครั้งแรกในชีวิต “อ้อ... ยัยแสบ เธอเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงินนี่เอง ตอนแรกดูลังเลไม่อยากอยู่กับผู้ชาย เห็นเงินไหลมาหน่อยยิ้มหวานจนหน้าบานเชียว” ยังคงเป็นราพณ์ที่กระแนะกระแหนเธอไม่เลิก “เฮ้อ! แล้วพี่ราพณ์ล่ะคะ? เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยตีนหรือไง? เห็นเขาลือกันว่าพวกพี่ทะเลาะกันห้างแทบพังมาหลายรอบแล้ว” สาวน้อยนิ่วหน้าแล้วหันไปมองราพณ์ด้วยความไม่พอใจ พี่รามออกจะดี แบบนี้อยู่ด้วยสามเดือนไม่มีปัญหา แต่อีตาพี่ราพณ์นี่สิ... สติดีหรือเปล่าเนี่ย? จ้องแต่จะหาเรื่องหนู แบบนี้จะรับปากมาอยู่ด้วยกันทำไมเนี่ย? “ไอ้ราพณ์มันแค่ไม่เคยเจอผู้หญิงเตะตัดขามาก่อนในชีวิตของมันน่ะ เลขไม่ต้องไปสนใจมันหรอก” พระรามกระซิบบอกสาวน้อยแต่จงใจทำให้เสียงดังพอที่ราพณ์จะได้ยิน “เชี่ยราม! มึงเองก็ไม่เคยโดนผู้หญิงจับทุ่มเหมือนกันแหละ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นยักษ์เหมือนกันก็พอทำใจได้หน่อย” ราพณ์เหมือนจะปลอบใจตัวเองว่าที่โดนเตะตัดขาไปเพียงเพราะว่ารังเรขไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา พอพูดจบประโยคสาวน้อยก็ขมวดคิ้วทันที “อะไรนะคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน “ก็บอกว่าไอ้รามไม่เคยโดนผู้หญิงจับทุ่มไง” “เปล่าค่ะ พี่ราพณ์ว่าหนูเป็นอะไรนะคะ?” สาวน้อยถามซ้ำ “ก็... เธอ... เป็นยักษ์ไง ยักษิณี มีสายเลือดยักษ์ชั้นสูงเสียด้วย” ราพณ์ตอบทันที พระรามเฝ้ามองปฏิกิริยาของสาวน้อย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองเป็นยักษ์ เรื่องนี้มันแปลก ๆ ทำไมเลขเป็นยักษ์แต่ไม่มีกลิ่นยักษ์? แถมกลิ่นก็ไม่เหมือนกลิ่นมนุษย์ด้วย... มันเป็นกลิ่นหอมแปลก ๆ มันหวานเหมือนกลิ่นวานิลลา หอมน่าเลีย... แผล็บ! พระรามไม่คิดเปล่า เขาแลบลิ้นร้อนออกมาเลียแก้มเนียนใสของรังเรขทันที “พะ... พี่... พี่ราม... ทำอะไรหนูอะ? แล้วนั่น... นั่น... ตรงมุมปากพี่... ทำไมมีเขี้ยวงอกออกมา แล้วยังมีไรเคราด้วย...” รังเรขหันขวับไปจ้องหน้าหล่อของพี่รามแล้วถามเสียงตะกุกตะกัก หน้าตาของพี่เขายังหล่อเหลาไม่เปลี่ยน แต่มันดูหล่อแบบแปลกแสนแปลก เพราะตอนนี้มุมปากทั้งสองข้างของเขามีเขี้ยวขาวยาวโง้งขึ้น แถมยังมีเคราอ่อน ๆ ขึ้นเป็นไรเขียวอีกด้วย “จะตกใจอะไรกันนักกันหนาก็แค่เขี้ยวหรือเปล่าอะยัยบื้อ! แล้วไอ้เครานั่นเขาเรียกว่า ‘ไพรเหงือก’ แม่ง... เป็นยักษ์ก็หัดเรียนรู้คำศัพท์ยักษ์ 101 ด้วย ส่วนมึงไอ้ราม... มึงเป็นอะไรของมึงวะ? ยัยเด็กนี่เป็นยักษ์นะมึง ไม่ใช่มนุษย์ มึงกินไม่ได้ จู่ ๆ มาเลียกันได้ยังไง?” ราพณ์ตอบคำถามรังเรขเสร็จก็หันไปเล่นงานเพื่อนต่อ “ก็น้องหอมอะ กูควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แม่ง... เขี้ยวกับไพรเหงือกออกมาด้วย มึงดมน้องดิ น้องกลิ่นเหมือนขนมอะมึง” พระรามบอกอริที่บัดนี้สลับกลับมาอยู่ในโหมดเพื่อนถึงข้อสังเกตของเขา ราพณ์ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้สาวน้อย เขาดึงร่างเล็กของเธอเข้ามาใกล้แทบจะอยู่ในอ้อมกอดใหญ่ของเขา ใบหน้าหล่อสวยเกือบชนเข้ากับใบหน้าน้อย ๆ ที่บัดนี้ซีดเผือด เรียวปากอิ่มของรังเรขสั่นด้วยความกลัว ราพณ์ทำจมูกฟุดฟิดแล้วกดปลายจมูกโด่งเข้าไปที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ “อืม... หอมจริง ๆ ด้วย กลิ่นเหมือนวานิลลา” ราพณ์พูดจากนั้นสองหนุ่มก็ช่วยกันดมสาวน้อยไปทั่วตัว พระรามก้มหน้าลงดมที่แก้มเนียนใสและใบหูบาง ปล่อยให้ราพณ์เลื่อนจมูกโด่งไปดมน้องตรงซอกคออีกฟากหนึ่ง รังเรขยังทันเห็นใบหน้าหวานของราพณ์ที่เลื่อนไปตรงท้ายทอยของเธอแวบหนึ่ง และเป็นแวบเดียวที่เธอเห็นแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น ว้าย! พี่ราพณ์ก็มีเขี้ยวงอกออกมาและมีไอ้ ‘ไพรเหงือก’ บ้านั่นขึ้นมาด้วย! กรี๊ด! นั่นคือความคิดสุดท้ายของสาวน้อยก่อนที่เธอจะสลบไปในอ้อมแขนของสองหนุ่มหล่อที่กำลังรุมดมเธอไปทั้งตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD