พระรามได้ยินรังเรขบ่นว่าเพื่อนของเขาเหมือนเจ้าชายอสูรก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ราพณ์ไม่ตลกด้วย เกิดมายังไม่เคยมีใครว่าเขาเป็นเจ้าชายอสูรมาก่อน ถึงเขาจะเป็นยักษ์แต่ก็ทั้งหล่อ รวย เก่ง ไม่เห็นมีตรงไหนจะเหมือนอสูรสักนิด
หรือจะเหมือนตรงเขี้ยววะ?
หนุ่มหล่อหน้าสวยคิดแล้วตัดสเต๊กส่งเข้าปากอีกคำ
“ถ้าเลขจัดการทำเรื่องลาออกจากงานแล้วก็อย่าลืมไปเตรียมเอกสารสมัครเข้ามหาวิทยาลัยให้เรียบร้อยนะครับ มหาวิทยาลัย K ที่พี่จะให้น้องไปเรียนเป็นมหาวิทยาลัยที่พวกยักษ์อย่างเราเข้าเรียนเยอะมาก มีมนุษย์ปะปนมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างก็เป็นสายเลือดยักษ์ทั้งนั้น ดังนั้นถ้าเลขไปเรียนที่นั่นคงจะต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนมากหน่อย” พระรามอธิบายให้น้องฟัง
“ทำไมหนูต้องตกเป็นเป้าสายตาล่ะคะ? แล้วมีแต่ยักษ์... พวกเขาไม่จับหนูหักคอกินเหรอคะ?”
“บ้าบอ! ประสาทหรือเปล่าเนี่ยยัยแสบ?! ยักษ์ไม่ได้กินคนง่าย ๆ หรอกนะ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ในโลกนี้มียักษ์ปะปนกับคนอยู่ตั้งมากตั้งมาย เมื่อตอนที่วิวัฒนาการของโลกค่อย ๆ เจริญขึ้น มนุษย์ก็รุกเข้าไปในเขตแดนที่เคยเป็นของยักษ์พวกเราเลยต้องปรับตัวและอยู่ให้กลมกลืนกับสังคมมนุษย์ ดังนั้นถ้าพวกเราไม่หิวจัดจนใกล้ตายก็ไม่หน้ามืดจับมนุษย์มากินหรอกนะ ยักษ์ที่มีคู่เป็นมนุษย์ก็มีออกถมเถ จริงอยู่โอกาสที่ยักษ์พวกนั้นจะจับเมียหรือผัวตัวเองมากินก็อาจจะมีแต่เธอลองคิดดูสิว่าถ้าเธอเลี้ยงวัวสักตัวมาด้วยความรักและเธอมีอย่างอื่นให้เลือกกินตั้งเยอะแยะเธอจะจับวัวตัวนั้นมาเชือดกินไหม? ก็ไม่ ดังนั้นฉันสัญญาว่าถ้าเธอทำตัวดี น่ารัก พวกฉันไม่มีทางจับเธอกินแน่ ๆ และที่สำคัญถ้าไอ้รามลงทุนจัดการฝากเธอเข้าเรียนที่นั่น ข่าวลือคงแพร่ไปแล้วว่าเด็กเส้นของพระราม ฤทธิ์เรืองวงศ์จะมาเริ่มเรียน คนคงจับตาดูเธอกันยกใหญ่ ไม่มีใครกล้าหักคอเธอกินง่าย ๆ หรอก” ราพณ์สาธยายให้น้องเข้าใจเป็นการใหญ่
“พี่รามดังในมหา’ลัยเหรอคะ?” สาวน้อยหันไปถามพระรามบ้าง
“ไม่ใช่แค่พี่ ไอ้ราพณ์ก็ดัง ในหมู่ยักษ์ไม่มีใครไม่รู้จักพี่กับไอ้ราพณ์ พวกเราเป็นยักษ์ชั้นสูงที่มีเหลือน้อยมาก ดังนั้นถึงพวกเราจะเรียนจบมาเกือบสิบปีแล้วแต่ทั้งอาจารย์และนักศึกษาที่เป็นยักษ์ที่นั่นก็รู้จักพวกเราเป็นอย่างดี” พระรามตอบน้อง
“หา! เกือบสิบปีเลยเหรอคะ? พวกพี่อายุเท่าไหร่กันเนี่ย? พ่อของพวกพี่ก็ดูอายุน้อย พวกพี่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเกิน 25” รังเรขขมวดคิ้วแล้วถาม
“ปีนี้พวกฉัน 32 แล้ว” ราพณ์ตอบด้วยความภูมิใจ
“โอ้โห! แก่กว่าหนูตั้งรอบหนึ่ง! พวกยักษ์นี่หน้าอ่อนกันจัง แบบนี้ถ้าสุดท้ายหนูตกลงใจแต่งงานกับพวกพี่คนใดคนหนึ่ง หนูมิหน้าแก่ก่อนพวกพี่เหรอคะ?” รังเรขตั้งข้อสงสัย
“พวกยักษ์พออายุถึงจุดหนึ่งจะแก่ช้ามาก ๆ เหมือนเธอ เธอเองก็หยุดโตตั้งแต่ 13 เหมือนกันใช่ไหม? วัดจากส่วนสูง” ราพณ์พูดแล้วยิ้มเยาะ เอาเข้าจริงถ้ายัยตัวแสบมีสายเลือดยักษ์เจ้าหล่อนเองก็คงจะแก่ช้าเหมือนกันนั่นแหละ
กวนตีนมากไอ้พี่ราพณ์
รังเรขคิดในใจแล้วทำหน้าบึ้งก่อนจะหันไปค้อนราพณ์
“เอาเป็นว่าวันนี้เลขไปเตรียมเอกสารให้พร้อมนะครับ พรุ่งนี้พี่ไม่ว่าง แต่ไอ้ราพณ์น่าจะว่าง ให้มันพาน้องไปชอปปิง ซื้อชุดนักศึกษา เตรียมสมุดปากกา แล็ปท็อป หรืออะไรก็ตามแต่ที่น้องต้องการใช้สำหรับการเรียน แล้วก็... เออ... ขัดเนื้อขัดตัวเสียหน่อย อย่างน้อยถ้ามีคนรู้ว่าน้องอยู่ในฐานะว่าที่เมียของพี่และไอ้ราพณ์น้องจะได้ไม่ถูกเอาไปนินทา” พระรามพยายามพูดอ้อม ๆ ไม่ให้น้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาดูว่าเธอซอมซ่อ อาจไม่ดีพอสำหรับพวกเขา แต่ก็นั่นแหละนะ... เขาทำเพื่อที่เธอจะไม่ต้องโดนคนอื่นเอาไปนินทาว่าร้ายได้
“ก็ดีค่ะ! เงินพี่ราพณ์จะออกให้ใช่ไหมคะ? หนูไม่ได้สระผมมาสามวันแล้ว เข้ากะเช้ายันดึกติดกันทุกวันเลย หนูอยากได้ผมสวย ๆ แบบพี่ราพณ์ พี่ราพณ์พาหนูไปร้านทำผมด้วยนะคะ”
สาวน้อยที่พระรามเกรงว่าจะรู้สึกเสียใจกลับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงไม่ได้คิดว่าเขาดูแคลนเธอเลยสักนิด แค่นี้หนุ่มหล่อก็หมดกังวล
“เชี่ย! กูต้องพาเลขไปชอปปิงจริงเหรอวะ?” ราพณ์ดูสภาพสาวน้อยแล้วเอนกายไปกระซิบถามพระราม
“ก็กูงานยุ่ง มึงก็รู้ ทั้งห้าง ทั้งบ่อน ทั้งส่งคนไปดูแลเรื่องเก็บค่าคุ้มครอง มึงอะว่างสุด ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรมมึงแม่งจ้างคนดูแลหมด นาน ๆ เข้าเช็กงานที อย่าคิดว่ากูไม่รู้” พระรามกระซิบตอบเพื่อน
ราพณ์ได้แต่ถอนหายใจ การเตรียมยัยตัวแสบรังเรขให้ดูเหมาะสมจะเป็นว่าที่สะใภ้ของลงกากุลและฤทธิ์เรืองวงศ์คงต้องเป็นหน้าที่เขาจริง ๆ สินะ
เปลี่ยนผ้าขี้ริ้วเป็นทองว่ายากแล้ว เปลี่ยนยัยแสบนี่ให้เป็นยักษิณีทรงเสน่ห์น่าจะยากกว่าหลายเท่า
*********************
คืนแรกของการย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ ๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่รังเรขคิด ทำไมน่ะหรือ? ก็พี่ ๆ แต่ละคนล้วนยุ่งกับอย่างอื่นจนกระทั่งเกือบห้าทุ่มก็ยังไม่มีใครกลับถึงบ้านน่ะสิ ไอ้ที่กลัวว่าจะโดนพวกเขาจับกินก็ไม่ต้องกลัวแล้วเพราะทั้งเพนต์เฮาส์อันกว้างขวางใหญ่โตมีเธออยู่เพียงลำพัง
รู้อย่างนี้ชวนยัยบัวมานอนค้างด้วยก็ดีหรอก... หรือไม่ดี?
สาวน้อยคิดในใจ ที่ว่าไม่ดีเพราะหลังจากที่เธอเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังใบบัวก็กรี๊ดกร๊าด เหมารวมว่ารังเรขมีโชคชะตาราวกับซินเดอเรลลาน่ะสิ ถ้าเกิดเผลอให้รู้ความจริงว่าผู้ชายสองคนที่รังเรขอยู่ด้วยไม่ใช่คนธรรมดามีหวังเพื่อนของเธอต้องช็อกตายแน่
ใครได้ยินเรื่องน้ำเน่าแบบนี้ก็ต้องคิดว่าชีวิตหนูมันสวยหรูเหมือนเทพนิยายสินะ... แต่ความเป็นจริงนี่สิ ไม่รู้จะโดนเจ้าชายจับกินเมื่อไหร่
ที่รังเรขยังพอทำใจสู้อยู่ได้ก็เพราะลุงฤทธิ์และลุงรงค์สัญญาว่าถึงสุดท้ายเธอจะไม่เลือกใครพวกเขาก็จะยกเพนต์เฮาส์หลังนี้ให้เธอ
เอาวะ! สู้ สู้ ยัยเลข! แกต้องอดทน คนจนไม่มีทางเลือก อย่างน้อยก็ได้เรียนต่อแหละ แถมได้เข้ามหา’ลัย K แบบเด็กเส้นอีกต่างหาก
คิดแล้วสาวน้อยก็จัดเรียงเอกสารต่าง ๆ ที่กองอยู่บนโต๊ะรับแขกรอพี่รามกลับมาตรวจความเรียบร้อยเพื่อที่พรุ่งนี้เขาจะได้ดำเนินเรื่องการเข้าเรียนให้เธอ รอไปรอมาด้วยความเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายรังเรขจึงผล็อยหลับบนโซฟาในโซนรับแขกแบบไม่ทันรู้ตัว
สาวร่างเล็กปล่อยผมยาวหยักเป็นลอนถึงกลางหลังให้เป็นอิสระจากยางรัดผม มันยังคงพันกันยุ่งเหยิงเพราะวันนี้ทั้งวันเธอยุ่งอยู่กับการจัดข้าวของในห้องนอนและวิ่งเตรียมเอกสารดังนั้นหลังจากทำทุกอย่างเสร็จเธอจึงกลับมาอาบน้ำสวมชุดนอนกระโปรงยาวแขนกระบอกสั้นแค่ศอกลายหมีน้อยสีขาวมานั่งรอพี่ ๆ ที่โซฟา ไม่คิดว่ากว่าพี่คนแรกจะกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว
พระรามเดินเข้าเพนต์เฮาส์มาด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ช่วงเช้าเขาเสียเวลาไปกับการทะเลาะกับไอ้ราพณ์และตามมาด้วยการมีว่าที่เมียแบบงง ๆ ดังนั้นงานที่รอให้เขากลับไปสะสางจึงมีมากกว่าปกติหลายเท่า
งานด้านสว่างพวกบริหารห้างหรือบริษัทค้าทองเขาอาจต้องจ้างคนมาดูแลเหมือนที่ไอ้ราพณ์ทำ ถึงจะได้เงินน้อยลงแต่เขาก็จะมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น
พระรามคลายเนกไทสีดำของเขาออก ปลดปล่อยตัวเองออกจากความเครียดของการทำงานแล้วเดินไปทางโซนห้องครัว หมายจะไปเปิดตู้เย็นหาเบียร์เย็น ๆ มาดื่มคลายความเหนื่อยล้าเสียหน่อยแต่สายตาคู่คมของเขากลับเหลือบไปเห็นร่างเล็กของใครบางคนนอนหลับหายใจเป็นจังหวะอยู่บนโซฟาเบดในโซนรับแขก
หนุ่มหล่อหน้าคมเดินเข้าไปดูเจ้าของร่างเล็กที่นอนหลับสบายขัดกับคำที่กล่าวว่าเกรงกลัวพวกเขาจะกินเธอเมื่อตอนกลางวัน พระรามอมยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อยนอนหลับอุตุโดยมีเอกสารกองใหญ่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก
นี่คงจะเตรียมเอกสารรอจนหลับเลยสินะเด็กน้อย โถ... อยากเรียนต่อมากขนาดนั้นเชียว?
พระรามคิดในใจแล้วนั่งลงกับพื้นมองหน้าน้องน้อยที่บัดนี้หลับตาพริ้ม มีรอยยิ้มจาง ๆ เปื้อนอยู่บนริมฝีปากเหมือนกำลังฝันดี รอยยิ้มของเจ้าหล่อนทำให้พระรามอดยิ้มตามไม่ได้
จริงอยู่รังเรขไม่ได้สวยสมบูรณ์แบบเหมือนเหล่ายักษิณี แต่เธอมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เหมือนใคร
โอเค... น้องขาสั้นแหละ แต่มันก็สั้น ๆ น่ารักดี หน้าอกหน้าใจก็น่าจะเต็มไม้เต็มมือ พูดจาอะไรก็ดูน่ารักไปหมด แถมยังบ้าบิ่นกล้าทุ่มกูกับเตะไอ้ราพณ์อีกด้วย ที่สำคัญ... พ่อกูชอบ
พอคิดถึงตรงนี้พระรามก็ต้องขมวดคิ้ว ยังไม่กระจ่างใจว่าเหตุใดฤทธิ์และรงค์จึงมุ่งมั่นจะให้เขาและไอ้ราพณ์แต่งงานกับน้องให้ได้
เรื่องความลับของพ่อกับน้องเอาไว้ค่อยหาความจริงวันหลังก็แล้วกัน นี่มันห้าทุ่มแล้ว น้องน่าจะกินอาหารเย็นแล้ว มานอนตากแอร์อยู่ตรงโซฟาเบดไม่ดีแน่ พาขึ้นไปนอนบนห้องดีกว่า
คิดแล้วหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับช้อนตัวของน้องมาอุ้มในท่าเจ้าสาว เขาอุ้มเธอราวกับร่างของรังเรขเป็นเพียงหมอนนุ่นใบหนึ่ง ด้วยพลังยักษาของเขาและประสบการณ์การอุ้มผู้หญิงมาหลายต่อหลายคนทั้งยักษิณีและมนุษย์ เขาบอกได้เลยว่าน้องไม่ได้หนักเหมือนยักษิณีทั่วไป ดังนั้นเขายิ่งมั่นใจว่ารังเรขเป็นยักษ์เลือดผสมกับมนุษย์
สาวน้อยที่บัดนี้อยู่ในอ้อมอกอุ่นของพี่รามเผยอเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมามองคนที่อุ้มเธอ
“งื้อออ... พี่รามกลับมาแล้ว หนูเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะรับแขกนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“รับทราบครับ น้องหลับต่อนะครับ พี่จะอุ้มไปนอนที่ห้องเอง” พระรามพูดเสียงนุ่ม สาวน้อยในอ้อมกอดก็ว่าง่าย ซุกหน้าน้อยเข้ากับอกกว้างแล้วกลับไปหลับต่อทันที
น่าจะเหนื่อยมากจนลืมกลัวว่าจะถูกกิน
พระรามคิดแล้วยิ้มน้อย ๆ ตั้งแต่เจอยัยตัวจิ๋วแค่ไม่ถึงวันเขาก็ยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เขารู้ตัวดีว่าตัวเองมีอาการแปลก ๆ แต่มันเป็นอาการแปลกที่เขารู้สึกดีเขาจึงไม่ตื่นกลัวแต่อย่างใด
หนุ่มหล่อคมคายพาสาวน้อยไปนอนในห้องนอนของเธอ มันเป็นห้องสีขาวที่มีเตียงประดับด้วยผ้าลูกไม้โปร่งสีขาวราวเตียงเจ้าหญิงอันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาและไอ้ราพณ์ถึงเลือกห้องนี้ให้เป็นห้องเธอ
เขาวางร่างเล็กของเจ้าหล่อนไว้บนเตียง และดูเหมือนรังเรขจะรู้สึกตัวเมื่อหัวของเธอเปลี่ยนจากอิงอกอุ่นของพี่รามมาเป็นนอนหนุนหมอนแทน เธอพึมพำคำขอบคุณออกมาจากปากน้อยเบา ๆ
พระรามจ้องใบหน้าน่ารักหมดจดของเจ้าหล่อน เธอเป็นคนสวย เพียงแต่ไม่ได้ขัดเกลาให้งดงาม คิ้วยังรกอยู่นิดหน่อย ผิวกร้านเล็กน้อยเพราะไม่ได้รับการบำรุงหรือประทินโฉม แต่เขาเชื่อว่าหากเธอได้รับการขัดสีฉวีวรรณสักนิดรังเรขเองก็คงงามไม่แพ้ใครเช่นกัน
จุ๊บ!
พระรามก้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปประทับจูบแผ่วเบาบนเรียวปากอิ่มน้อย ๆ ของน้อง
“ไม่ต้องขอบคุณพี่ครับเลข มันเป็นหน้าที่ของว่าที่ผัว” เขากระซิบบอกเธอทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสาวน้อยคงไม่ได้ยิน
“มึงทำอะไรน้องวะไอ้ราม?!” เสียงราพณ์ดังขึ้นที่ประตูห้องของน้อง
พระรามหันขวับไปมองผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและอริร้าย
ราพณ์ขมวดคิ้วนิ่วหน้า พระรามมองไม่ออกว่าไอ้ราพณ์อยู่ในอารมณ์โกรธ งุนงงสงสัย หรือฮึดฮัดขัดใจ
หรือตอนนี้ไอ้ราพณ์อาจจะมีอารมณ์ทุกอย่างข้างต้นอัดแน่นอยู่ในอกก็เป็นได้