bc

มาเฟียลูกติดกับคุณแม่รับจ้าง 1

book_age18+
1.4K
FOLLOW
7.6K
READ
sweet
like
intro-logo
Blurb

“คุณแม่นอนครับ” ผมเอานิ้วมาจ่อที่ปากเป็นสัญลักษณ์ให้เด็กน้อยเงียบ

“หนูอยากนอนกับคุณแม่...”

“ตรงนี้เหรอ...” ถามขณะเก็บสมุดการบ้านให้กับลูกสาว เธอเอาหัวฟุบลงกับโต๊ะหันหน้าเข้าหาบีบีอย่างน่ารัก ในหัวของสาวน้อยคงมีแต่ภาพบีบีที่เป็นแม่จนยากที่จะเอาเธอออกไปแล้วสินะ

“หนูอยากมีแบบนี้เหมือนคุณแม่...”

“เขาเรียกขนตาครับ...” ตอบคำถามและจับมือสตังค์ที่จะจิ้มตาบีบี การที่เธอนอนหลับทำให้เห็นชัดเจนว่าเธอขนตายาวงอนมาก ๆ มองแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง แต่ผมคงไม่ได้สังเกตเห็น

“ขนตา...หนูชอบขนตาค่ะพ่อ” ลูกสาวตัวน้อยพูดเบาๆ

“เดี๋ยวพ่ออุ้มคุณแม่ไปนอนที่เตียง สตังค์จะได้นอนกับคุณแม่ดีไหม...”

“ดีค่ะ...” คนตัวเล็กยิ้มแป้นดีใจ

chap-preview
Free preview
แม่จำเป็น
 (บีบี) “แม่จ๋า ฮือ ๆ ๆ  แม่จ๋า.... หนูคิดถึงแม่ ฮือ ๆ ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กดังมาจากตรงไหนสักที่หนึ่งที่ฉันมองไม่เห็น ฉันพยายามกวาดสายตามองหาในความมืดสลัวแต่ก็ยังไม่พบ นี่ก็สามทุ่มแล้วนะ เด็กที่ไหนมาร้องไห้แถวนี้กัน? หรือว่า.... จะเป็นผี!!! สองเท้าที่ตั้งใจจะเดินหาหยุดชะงักทันที ต้องใช่แน่ ๆ ดึกดื่นป่านนี้ใครจะปล่อยให้ลูกออกมาเดินเล่น แล้วแถวซอยเข้าหอพักของฉันก็ไม่มีเด็กด้วย  คิดได้จนแน่ใจก็ตั้งท่าจะวิ่งไปอีกทาง  อยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว มีหวังถูกผีเด็กหักคอแน่เลย แต่อยู่ดี ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาดึงชายเสื้อฉันเอาไว้พร้อมกับเสียงร้องครวญคราง “ฮื้อ ๆ ๆ ๆ   พี่เห็นแม่หนูไหมคะ  พี่จ๋า...ฮื้อ ๆ ๆ   แม่อยู่ไหน ฮึก ๆ" เสียงนั่นอยู่ใกล้ฉันมาก ๆ ฉันหันไปหาเสียงนั่นอย่างหวาดกลัว  แต่ไม่ทันจะได้ตกใจ...เด็กหญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าผีหรือคนก็ฟุบไปกับพื้นต่อหน้าต่อตา   ความตกใจทำให้ฉันไม่ได้โอบรับร่างกายเด็กน้อย ทั้งกลัวและตกใจในเวลาเดียวกัน แม้แม่หนูจะนอนกับพื้นไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่านั้นคนหรือผี ฉันยื่นมือไปจับทีละนิด..ทีละนิด  ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันมีความอุ่นของร่างกาย  เป็นคนไม่ใช่ผีอย่างที่คิด “หนู หนู...เป็นอะไรไหมเนี้ย หนูตื่น ๆ ๆ ” ไม่ขยับตัวเลยสักนิดแต่ยังหายใจ  เอายังไงดีล่ะ..ยัยบีบีเอ้ย อยู่ดี ๆ ก็มีเด็กมาเป็นลมต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ทิ้งไว้ข้างทางก็มีแต่ตายสิไม่ว่า ไม่รู้ว่าลูกเต้าเหล่าใครถึงได้มาปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้  ช่างน่าสงสารแท้!!  นี่ก็ใกล้จะสิ้นเดือนด้วยสิ เงินติดตัวยังไม่ถึงร้อยบาทเลยตอนนี้ ถ้าพาไปโรงพยาบาลก็ต้องนั่งรถแท็กซี่เสียเงินเป็นร้อย  ไหนจะค่าพยาบาลที่คงไม่ใช่บาทสองบาท แต่ต่อให้อุ้มขึ้นรถเมย์ก็ยังไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่ดี  คิดไปคิดมาจนแทบจะปวดประสาทก็ตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยกลับไปที่ห้อง​พักของตัวเองดีกว่า คงไม่ได้เป็นอะไรมาก น่าจะแค่เป็นลมเท่านั้น แนะนำตัวค่ะ.. ฉันชื่อบีบี ความจริงก็ชื่อบีคำเดียวนั่นแหละ แต่มาทำงานในกรุงเทพฯ  เมืองแห่งแสงสีและการสร้างภาพ  เพื่อนเขามีชื่อสองคำแบบน่ารัก ๆ    ฉันเลยอยากมีอย่างเขาบ้าง...ก็เลยเป็นบีบีอย่างที่เป็น งานที่ทำตอนนี้เหรอคะ...สาวโรงงานค่ะ  ทำงานวันละแปดชั่วโมง  พักหนึ่งชั่วโมง มีวันหยุด 13 วันต่อปีตามกฎหมายแรงงานเป๊ะเวอร์​ นี่คืออาชีพในฝันสำหรับคนที่เรียนน้อยอย่างฉันโดยแท้ หลังจากเรียนจบม.6 ก็ยึดอาชีพสาวโรงงานมาจนทุกวันนี้  ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป25 ปีแล้ว คิดว่าคงจะได้เป็นสาวโรงงานจนแก่เป็นแน่แท้ สาวโรงงานทำงานอย่างหนัก ใช้เงินอย่างประหยัด..ถามว่ามีเงินเหลือเยอะไหม เหอะ! ใช้ให้ถึงสิ้นเดือนยังใจแทบขาดเลยค่ะ...   ลูกไม่มี ผัวไม่มี แต่มีพ่อแม่และน้องสาวที่ต้องส่งเสียให้เรียนหนังสือ พักห้องแสนธรรมดาเช่าเดือนละสองพัน เป็นห้องโล่ง ๆ  ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้แต่พัดลมก็ต้องหามาเอง กว่าทั้งห้องจะมีพัดลม หม้อหุงข้าว ตู้เย็น  ก็ทำงานเก็บเงินหลายเดือนกว่าจะได้ครบทุกอย่าง นี่แหละค่ะชีวิตของสาวโรงงาน!! สำหรับสาวโรงงานก็จะมีชีวิตที่วนเวียนอยู่ไม่กี่อย่าง ทำงาน กินข้าวพักกลางวันทำงาน กลับห้อง นอน ตื่นนอน ทำงาน ชีวิตมีอยู่เท่านี้จริง  ๆ แต่ใครเลยจะรู้ว่าชีวิตของฉันจะเปลี่ยนไปเมื่อเจอกับเด็กคนนี้.. เด็กที่บังเอิญมาเจอฉันในกลางดึกที่ไม่ควรจะเจอ หลังจากที่พาเด็กน้อยผู้น่าสงสารกลับมาที่ห้องของตัวเอง ฉันเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายแม่สาวน้อย หาเสื้อผ้าที่ตัวเล็ก ๆ เปลี่ยนให้  พอเนื้อตัวสะอาดสะอ้านมองแล้วก็น่าเอ็นดู  หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมากจนอดไม่ได้ที่จะแอบก้มลงไปหอมแก้มแรง ๆ แต่เจ้าหนูก็ไม่ยักจะตื่น   ฉันมองไปนาฬิกาแขวนที่ผนังห้องพบว่าล่วงเลยเวลาไปกว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว แค่เห็นเวลาก็อยากจะเป็นบ้าแล้วแหละ  ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย..  พาร่างกายตัวเองไปเปิดตู้เย็นหาของที่พอจะกินได้ เหลือไข่ไก่หนึ่งฟองกับผักบุ้งที่ซื้อไว้จนเหี่ยวหลังตู้เย็น มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหลือหนึ่งซอง   ไม่ต้องเดานะ..ว่าเราจะกินอะไร  ก็นั่นแหละบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มี  โธ่ชีวิตบีบี  ทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน สุดท้ายกลับห้องมากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  คิดถึงซุปหน่อไม้รสแซบฝีมือแม่ คิดถึงต้มไก่บ้านทั้งตัวฝีมือพ่อ นั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันเป็นอะไรที่อร่อยมาก  ๆ   และมีความสุขแบบสุด ๆ ​“ฮื้อ ๆ   ๆ  แม่จ๋า ฮื้อ ๆ” เด็กน้อยที่นอนข้าง ๆ  ฉันร้องไห้ละเมอกลางดึก  ฉันขยับตัวเข้าไปกอดปลอบประโลมเพื่อ​ให้เธอหลับใหล  จากน้ำเสียงที่ร้องละเมอหา เธอดูเป็นเด็กที่ขาดความรักต่อแม่อย่างมาก  ก็เคยเลี้ยงน้องสาวมาบ้าง เลยพอจะรู้ว่าเด็กเลี้ยงยังไง ต้องดูแลแบบไหน  กอดไม่นานเด็กน้อยก็หลับสนิทไปในวงแขนของฉัน   หันไปมองนาฬิกาก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว! โอ๊ย...บีบี พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวไหมเนี้ย  กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืน ตื่นตีสอง...  เดี๋ยวตีห้าก็ต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานอีก ทำไมชีวิตวันนี้จึงเหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้งขนาดนี้ คิดได้ก็พยายามหลับตา...หลับ ๆ บอกตัวเองซ้ำ ๆ พรุ่งนี้อาจจะต้องเอาเด็กคนนี้ไปส่งกับพี่ตำรวจก่อนไปทำงานด้วย ทิ้งให้อยู่ห้องคนเดียวไม่ดีแน่ และคืนนี้ฉันกับเด็กน้อยก็นอนหลับไปด้วยกันยันเช้า เป็นการนอนหลับที่แสนอุ่น  เพราะได้นอนกอดใครบางคน  จากที่นอนเหงากอดหมอนข้างมานาน    เป็นหลับที่แสนสุขจนเช้าของวันใหม่ “อื้ม.....  เอ่อ.... เฮ้ย” ลืมตาได้ก็ต้องตกใจอย่างมาก  เมื่อเด็กผู้​หญิงคนนั้นนั่งมองหน้าฉันตาใสบ๊องแบ๊ว ในหัวประมวลเรื่องราวก่อนจะขยี้ตาให้ตัวเองตื่นมากกว่านี้ “แม่จ๋า..... แม่จ๋า” เด็กน้อยเข้ามากอดตัวฉันแน่น  เรียกฉันซ้ำ ๆ ว่าแม่อยู่​แบบนั้น  ฉันไม่ใช่แม่ของเธอสักหน่อยยัยหนู​ นี่ยัยเด็กคนนี้งัวขี้ตาจนหลงแม่ไปแล้ว “เฮ้ย... พี่ไม่ใช่แม่หนูนะคะ”  “แม่จ๋า อย่าทิ้งหนู  หนูรักแม่...อย่าทิ้งหนูนะคะ” ไม่เพียงเรียกว่าแม่ เจ้าหนูยังทำหน้าตาเศร้าน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้อีกด้วย ทำเอาฉันไปไม่ถูกเลย.. ตื่นมาก็เป็นแม่คนสะอย่างนั้น  “พี่ไม่ใช่แม่หนูจริง ๆ นะ ดูหน้าพี่ดี ๆ สิ” “ฮื้อ ๆ แม่อย่าทิ้งหนู ฮื้อ ๆ อย่าทิ้งหนูนะ” คราวนี้ร้องไห้ออกมาเลย ร้องดังมากด้วย ยิ่งฉันผลักไส​ออกจากตัวก็ยิ่งร้องไห้ และร้องไห้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ​ จนคับห้องไปหมดแล้ว สรุปแล้วฉันต้องเป็นแม่ให้จริงอย่างนั้นเหรอ เอาก็เอาวะ....แค่หลอกให้หยุดร้องก่อนละกัน “อ๊ะ ๆ  แม่ก็แม่...หยุดร้องไห้ก่อนสิ​ นะน๊ะ..” “.....” เด็กน้อยหยุดร้องไห้อย่างว่าง่าย กระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าฉันอย่างน่าเอ็นดู หยุดร้องไห้ง่ายอย่างกับถูกกดปิดสวิทต์ ออกจะแปลกใจที่หยุดร้องแบบงง ๆ แต่ฉันก็กอดเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู เจ้าหนูมีความน่ารัก ยิ่งดวงตามีความบ๊องแบ๊วดูน่ากอดน่าหอมเป็นที่สุด  จนกระทั้งฉันหันมองไปที่นาฬิกา.. ‘โอ๊ย! ซวยกว่าเดิม’ ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นไม่ให้ตะโกนความคิดนั้นออกมา อยากจะบ้าตายกับชีวิต ตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว ไปทำงานไม่ทัน ไม่ไปทำงานก็ไม่ได้เงิน โดนตัดเบี้ยขยันอีก ทำไมชีวิตต้องซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้   ฉันหันมามองหน้าเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างทุกข์ท้อใจ  ตอนที่มีแค่ตัวคนเดียวยังเอาตัวไม่รอดเลย   แล้วจะเอาอะไรเลี้ยงหนูล่ะลูก แค่คิดก็เหมือนจะเห็นภาพข้าวคลุกน้ำปลาอยู่กลาย ๆ “หนูอาบน้ำเป็นไหมคะ..” ฉันถามและได้คำตอบเป็นการพยักหน้า “โอเค งั้นหนูไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อนนะ แล้วพี่จะพาออกไปซื้ออะไรกินดีไหม” “ค่ะ...หนู​หิว” สาวน้อยตอบอย่างเชื่อฟัง น่ารักน่าเอ็นดูมาก ๆ และไม่ทันได้ถามชื่อเด็กน้อยก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ  ตอนนี้ต้องโทรไปลางานหัวหน้าก่อนจะได้ไม่เสียประวัติ ทำงานมาหลายปี ไม่เคยลางานสักวัน ต้องมาหยุดงานเพราะเด็กน้อยนี่  หลังจากคุยกับหัวหน้าเรียบร้อย ฉันเก็บที่นอนซึ่งปูกับพื้น  เก็บ​ห้อง​ให้​เป็นระเบียบและสะอาดดั่งที่ควรเป็น ​ ก่อนจะตามเข้าไปในห้องน้ำเพราะเด็กคนนั้นหายเข้าไปนานแล้ว แต่สิ่งแรกที่มองเห็น คือ เด็กน้อยคนนั้นเอากะละมังมารองน้ำ เปิดน้ำไหลตลอดเวลา และฟองสบู่ก็ฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ   ไหนว่าอาบน้ำเป็นไงหละ?  ต้องโทษที่ฉันเชื่อเด็กเองใช่ไหม ? “โอ๊ย... ตายแล้ว ๆ  ค่าน้ำฉัน ..ค่าน้ำ ทำไมทำแบบนี้ล่ะค่ะลูก ไหนบอกอาบน้ำเป็นไงคะ อาบน้ำก็เอาขันตักอาบดี ๆ สิลูก” ฉันบ่นพรึมพรัมเหมือนป้าแก่ที่มีบิลค่าไฟมารอตรงหน้า “ก็แม่เคยอาบให้หนูในอ่างใหญ่ ๆ นี่คะ...” เด็กหญิงพูดด้วยท่าทีน่ารัก ทำแววตาฉงนเหมือนว่าเธอพูดความจริงทุกอย่าง เป็นฉันที่จำไม่ได้ซะอย่างนั้น อ่างใหญ่ ๆ?  จากุชชี่เหรอ..?  นี่ลูกคนรวยเหรอ?  ฉันต้องไปตามหาพ่อแม่หนูที่ไหนกันละเนี้ย   แถวนี้มีคนรวยอยู่กันไหมนะ  แล้วทำไมถึงมาจำฉันว่าเป็นแม่ได้ เมื่อคืนยังเรียกพี่อยู่เลย “หนูอาบน้ำแบบนี้ไม่ได้เหรอคะ...” เด็กน้อยเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป ใบหน้ามีความสงสัยคล้ายจะถามว่าเธอทำผิดไปหรือ ฉันหันมาสนใจเด็กน้อย มองน้ำที่มันไหลไปทั้งห้องแล้วยิ้มออกมาจาง ๆ “อ๊ะ... วันนี้ก็เละแล้ว อาบมันอย่างนี้แหละ ว่าแต่หนูชื่ออะไรล่ะ” “สตังค์ค่ะ...” “น้องสตังค์ เอาละ....วันนี้เรามาอาบน้ำกันดีกว่านะ” แล้วฉันกับเด็กหญิงสตังค์ก็อาบน้ำด้วยกันจนเสร็จ   จะว่าไปการอาบน้ำกับเด็ก  ๆ ก็สนุกดี  สตังค์ไม่ใช่เด็กที่มีอายุน้อยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ฉันเลยสนุกที่ได้เล่นจนลืมดูเวลา   ยังไงก็ไม่ได้ไปทำงานแล้วนี่นา  จะสนใจทำไม? “แม่จ๋า... หนูหิว...” เธอทำตาใสน่ารักใส่ฉันหลังจากที่ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ ใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อยแต่ก็ยังดูเหมาะกับเด็ก โชคดีที่เสื้อผ้าเก่า ๆ ฉันไม่ได้เก็บทิ้ง เลยมีโอกาสได้รื้อออกมาให้สาวน้อยตัวจิ๋ว ถ้าเป็นลูกสาวจริง ๆ   ฉันคงทั้งรักทั้งหลงแน่  “หนูหิวข้าวคะ...” “ออ....มัดผมเสร็จก่อนไง จะพาไปหาอะไรกินนะคะ” ฉันรีบมัดแกะทั้งสองข้างเหมือนกับที่เคยทำกับน้องสาว  และนอกจากปากที่บอกว่าหิว เสียงท้องของสตังค์ก็ฟ้องตลอดเวลา​ เด็ก​หนอเด็ก…. เมื่อทุกอย่างพร้อมฉันก็จูงมือสตังค์เดินออกไปจากห้องพัก  ไปยังร้านค้าที่ขายของไม่ไกลจากห้อง​มาก   ฉันซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งให้กับสตังค์  ส่วนตัวเองซื้อผักและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  ที่ห้องมีข้าว...กลับ​ไปหุงข้าวกินดีกว่า  ตอนนี้เงินเหลือไม่กี่ร้อย  อีกสี่วันเงินเดือนถึงจะออกยังไงก็ต้องพยายามใช้ให้ถึงสิ้นเดือนให้ได้  ก่อนกลับก็ไม่ลืมซื้อไข่เพราะสตังค์คงกินแบบฉันไม่ได้ วันนี้หลังจากกินอะไรเรียบร้อยก็คงต้องออกตามหาพ่อแม่ของสตังค์ เธออยู่กับฉันตลอดไปไม่ได้ คิดเอาไว้ว่าหากลองตามหาด้วยตัวเอง หากหาไม่เจอก็คงต้องพึ่งพาตำรวจแล้ว “แม่จ๋า...” เด็กน้อยที่จูงมือฉันเงยหน้าร้องถาม “แม่จ๋าไม่หิวเหรอคะ” เสียงท้องของฉันฟ้องขึ้นมาเอาดื้อ ๆ   หิวสิ หิวมากด้วยตอนนี้  ​ฉันมองสตังค์ด้วยความเอ็นดูก่อนจะลูบหัวอย่างเบามือ ทำไมทั้งน่ารักและน่าเอ็นดูขนาดนี้ อุตส่าห์ถามไถว่าฉันหิวไหม “กินเถอะ... กินเยอะ ๆ นะ..”   สาวน้อยเป็นเด็กที่เชื่อฟัง พอฉันบอกให้กินก็กิน สายตาของฉันมองคนตัวเล็กอย่างพินิจ มองจากผิวพรรณคงเป็นลูกคนรวยจริง ๆ ป่านนี้พ่อแม่ก็คงเป็นห่วงมากแล้วแน่ “แม่จ๋า​อุ้มหนูได้ไหม  หนูไม่อยากเดิน...” หลังเริ่มจะกินอิ่มก็ออดอ้อนไม่อยากเดิน เด็กหน่อเด็ก.... แต่ทั้งของที่อยู่ในมือและร่างกายของแม่สาวน้อย อย่างไรฉันก็คงอุ้มหนูสตังค์ไม่ไหวแน่ “แต่แม่ถือของ...” อุ้ย.. ฉันเผลอแทนตัวเองว่าแม่ แต่ทำไมรู้สึกดีจัง รู้สึกอยากได้เด็กคนนี้เป็นลูกจริง นี่ฉันข้ามขั้นตอนไปหรือเปล่านะ สามียังไม่มีกับเขาก็อยากจะมีลูกเสียแล้ว   “แม่ถือของเยอะเลย  แม่อุ้มสตังค์ไม่ไหวแน่  หนูเดินเองได้ไหมคะคนเก่ง” ฉันพูดเสียงอ่อนหวานคล้ายจะเป็นการขอร้องอยู่กลาย ๆ “ก็ได้ค่ะ... เดี๋ยวแม่เหนื่อย หนูไม่อยากให้แม่เหนื่อย” โอ้ย.. เด็กอะไรน่ารักจังเลย  เข้าใจ​อะไร​ง่าย ๆ ​ ไม่ดื้อ  เดินกินข้าวเหนียวหมูปิ้งจนมาถึงห้องเช่า  ตอนนี้ท้องน้อย  ๆ ของสตังค์พองโตด้วยความอิ่ม  มาถึงห้องเธอก็กินน้ำจนท้องกลมเป็นลูกบอลแล้วนอนดูทีวีสบายใจ  หากมีลูกน่ารักแบบนี้จริง ๆ ก็คงดีสินะ ส่วนฉันทำอะไรเหรอคะ  หุงข้าว! และเอาผักมาผัดเป็นอาหารสำหรับใกล้เงินเดือนออก  อาหารสำหรับสาวโรงงานอย่างฉันที่ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ช่วงแรก  ๆ ที่มาทำงาน ข้าวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เคยกินมาแล้ว   หลังจากที่ทำอะไรจนเสร็จ...ฉันเข้ามาหาสตังค์พบว่าเธอนอนหลับไปแล้ว  เด็กหนอเด็ก กินอิ่มก็นอนหลับ... เป็นชีวิตที่แสนจะมีความสุขแท้ ฉัน​เอา​ผ้าห่ม​มา​ห่ม​ให้​กับ​คนที่นอนหลับอย่างสบายใจ มีเสียงการ์ตูนจากทีวีที่เปิดอยู่ พัดลมหนึ่งตัวที่เปิดเข้าหา เปิดประตูหน้าหลังให้ลมพัดเข้ามาในห้อง คนที่กินอิ่มเจอบรรยากาศแบบนี้ก็เลยหลับไป มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม​ก่อนที่ฉันจะ​กลับไปนั่ง​กินข้าวเงียบ ๆ คนเดียว ระหว่างที่นั่งกินข้าวก็​ยังคิดว่าฉันจะไปตามหาพ่อแม่สตังค์ที่ไหนดี  ต้องเริ่มจากตรงไหน และจุดที่สำคัญเลย...หากสุดท้ายหาพ่อแม่ของเจ้าหนูไม่พบ ชีวิตของเด็กหญิงที่น่าสงสารจะเป็นอย่างไรต่อไป

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.5K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook