การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ปริมฐากำลังเคลียเอกสารที่จะต้องเตรียมเข้าประชุมให้เสร็จ เธอตั้งใจอยากจะ ลาพักร้อน โดยการลาพักร้อนในครั้งนี้เธอจะยังไม่ส่งจดหมายลาให้ ธาวิตได้เห็น ถ้าเห็นเธอรู้ว่าแผนที่วางไว้จะต้องหล่มแน่นอน
ปริมฐาตั้งใจที่จะกลับบ้าน ขอลาไปตั้งสติคิดเรื่องราวทั้งหมด ถ้าคิดจะลาออก การเป็นชาวไร่คงจะไม่เลวเหมือนกัน ระหว่างที่กำลังนั่งเคลียงานอยู่นั้น สายโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นชื่อแล้วแอบเคืองเพื่อนรักอยู่เหมือนกัน
“ยังจะกล้าโทรหาฉันนะ ยัยนัน” คำพูดแรกที่ใช้ทักทายเพื่อนรัก
“อย่าโกรธเลยนะ มีคนรักก็ยังดีกว่ามีคนเกลียดไง” นันทิดาทำเสียงอ่อนมาตามสาย
“ไม่ต้องพูด โทรมามีอะไร” ปริมฐาทำเสียงนิ่งๆ
“แก! อย่าทำเสียงแบบนี้สิ ไปทานข้าวกันเย็นนี้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
ปริมฐานิ่งสักพัก สมองเริ่มคิดแผนการหนีคนเอาแต่ใจ งานนี้คงต้องลากคอเพื่อนรักมาช่วย
“ว่าง! แกไม่ต้องมารับฉันที่นี่ เดี๋ยวฉันไปหาแกเองที่เดิม” คำว่าที่เดิมนั้นเป็นสถานที่รู้กันระหว่างเธอกับนันทิดา
“แกจะชวนธาวิตมาด้วยไหม” นันทิดาแกล้งถาม
“ถ้างานนี้ธาวิตรู้ ฉันจะโกรธไม่ต้องมาพูดกันอีก”
คำขู่นี้ใช้ได้ผล นันทิดารับคำ พร้อมกับให้สัญญาว่าจะปิดไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด คิดไปคิดมาทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องยากด้วย แค่นัดไปกินข้าวแค่นี้ เธอก็ไม่อยากจะขัดใจเพื่อนรัก
ระหว่างที่ปริมฐานำงานไปส่งที่ห้องท่านประธาน เธอถึงกับยิ้มออกทันที เมื่อรู้ว่าวันนี้ธาวิตติดลูกค้าต่างประเทศ
“น้องปริมรู้หรือยังว่า วันนี้คุณธาวิตติดลูกค้าจนถึงดึก” เลขาห้องพี่ดาวฤทัยรีบแจ้งทันที่เห็นหน้าปริมฐาก้าวเดินมาที่ โต๊ะทำงาน
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ปริมกลับห้องเองได้อยู่แล้ว” ปริมฐาตอบ อย่างอารมณ์ดี พลางเหลือบมองไปที่ห้องทำงาน เห็นลูกค้าด้านใน เป็นสาวสวยหน้าคุ้นคล้ายนางเอก
“เอ่อ…น้องปริมจะรอเจอคุณธาวิตหรือเปล่า” เลขาหน้าห้องเห็นอาการที่นิ่งไปของปริมฐาใจก็นึกห่วง
“ไม่ดีกว่า ถ้าอย่างนั้นปริมฝากงานเสร็จแล้วขอตัวกลับก่อนนะคะ พี่ดาว” ปริมฐาเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยทันที
ปริมฐาเก็บของออกจากที่ทำงานทันที วันนี้รู้สึกถึงคำว่าอิสระหลังจากที่ไม่ได้เจอแบบนี้มานาน เธอเรียกรถแท็กซี่ไปร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนรักเอาไว้ ทันทีที่เจอหน้ากันปริมฐาตรงเข้าไปฟาดต้นแขนนันทิดาทันที
“โอ๊ย! เจ็บนะ” นันทิดาร้องเสียงหลง
“ไม่ต้องมาร้องเสียงดัง แกโดนแค่นี้ยังถือว่าน้อยกว่าสิ่งที่ฉันต้องเจอ” ปริมฐาเจอหน้าก็เปิดฉากต่อว่าเพื่อนรักทันที
“ฉันถามแกจริงๆ ธาวิตมันนิสัยแย่ ทำให้ไม่รู้สึกดีเลย สักนิดเหรอวะ” นันทิดาเอียงหน้าถามด้วยความสงสัย
“ไม่ดี!”
“ไม่ดียังไง แกก็แอบรักธาวิตมานาน ในเมื่อวันนี้ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปในทางที่แกต้องการ แกจะมัวมางี่เง่าแบบนี้ทำไม”
“นี่แกว่าใครงี่เงา” ปริมฐาหันไปมองตาขวางทันที
“ทั้งคู่!” นันทิดาตอบแบบหาทางรอด
ปริมฐาถึงกับมองค้อนในความเอาตัวรอดของเพื่อนรัก ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดทีเดียว
“ใจเย็นๆ พวก ยกช้าๆ ก็ได้ค่ะ คุณนาย” นันทิดาเตือน
“ไม่ได้ ฉันอึดอัดมานานมาก แกไม่รู้หรอกว่า อิสระของฉัน หายไปตั้งแต่เกิดเรื่องบ้าๆ”
“ธาวิตมันรู้สึกดีกับแกมากนะ”
“ยอมรับนะว่า ดี แต่บางครั้งฉันก็กลัว กลัวเวลาทุกอย่างที่ ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่ผูกพันกันในฐานะเพื่อนมันน่าจะดีกว่า แกรู้อนาคตหรือเปล่าว่า มันจะเป็นไปในทิศทางที่ดี”
“ที่แกพูดมาทั้งหมด แกกำลังหาข้อแก้ตัว” นันทิดาพูดจี้
“แก้ตัวจากเรื่องอะไรมิทราบคะ พอๆวันนี้ฉันขอร้องนะ ห้ามแกทำตัวเป็นสายสืบบอกเรื่องที่นัดเจอกันวันนี้เด็ดขาด ฉันขอร้อง” ปริมฐาถึงกับอ้อนวอนขอ
“เอ่อ ไม่บอกก็ได้” นันทิดาเห็นเพื่อนรักเอ่ยปากขอขนาดนี้ ก็คงจะต้องยอม