bc

เล่ห์ลวงบ่วงรัก

book_age18+
167
FOLLOW
1K
READ
billionaire
one-night stand
HE
forced
mafia
drama
bxg
like
intro-logo
Blurb

“ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“ไม่เปลี่ยน!” เมษยาเสียงแข็ง ที่ผ่านมาเธอชนะมาตลอด เรื่องอะไรจะยอมทำตามคนเอาแต่ใจอย่างเขา

ฝันไปเถอะ!

“เลือกเอานะว่าจะยอมไปเปลี่ยนดีๆ หรือจะให้พี่จับเธอฉีดยาตรงนี้!” สายตาของเขาจริงจังและคุกคามจนร่างบางหวั่นเกรง คำว่า ‘ฉีดยา’ เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าหมายถึงเรื่องอะไร

ชนิดาตาโต ไม่คิดว่าคนอ่อนโยนอย่างวัชระพอมีภรรยาแล้วจะหวงหนักถึงปานนี้

“ไอ้คนบ้า! ไปเปลี่ยนก็ได้”

chap-preview
Free preview
ปฐมบท - เพื่อนซี้ เพื่อนรัก (จบตอน)
บรรยกาศยามเช้าของวันใหม่มักทำให้ผู้คนมีความสุขเสมอ ความสดชื่นที่บ่งบอกว่าเวลาแห่งชีวิตกำลังขยับไปอีกก้าวหนึ่งนั้นทำให้ใครหลายๆ คนต่างรู้ว่าตนมีหน้าที่อะไรบ้าง เช่นเดียวกับสาวน้อยร่างบางที่ลุกขึ้นมานั่งหวีผมอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ เงาที่ส่งสะท้อนทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่รอยยิ้มบางๆ “สวยเหมือนกันนะเนี่ย” ว่าแล้วก็ขยิบตาให้กับตัวเองหนึ่งที เมษยา สาวน้อยวัยยี่สิบปี กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ใบหน้าเรียวยาวสวยหวานตามแบบฉบับของผู้หญิงไทย มีดวงตาที่กลมโตรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นชวนน่ามองน่าหลงใหล ผิวกายนั้นขาวผุดผ่องเป็นยองใย “เมย์เสร็จหรือยังลูกเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก เปิดเทอมวันแรกนะ” “ค่ะแม่ หนูกำลังจะลงไปค่ะ” เสียงหวานตอบกลับมารดา กวาดตามองความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหยิบกระเป๋าสะพายสีหวานพร้อมกับหนังสือเรียนประมาณสองสามเล่มเดินออกจากห้องนอน ร่างบางรีบวิ่งลงบันได ตึกๆ “โอ๊ย! แม่คู้ณ… จะเดินจะเหินก็ช่วยให้มันเบาๆ หน่อยเถ้อะ” ย่าจันทร์บ่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ค่อยเบานักของหลานสาว “แม่น่าจะชินได้แล้วนะจ้ะ” บุตรสาวพูดกลั้วหัวเราะ “ไอ้ชินมันก็ชินอยู่หรอกนะ แต่ว่าไม่ค่อยปลื้มน่ะสิ” พูดแล้วเหล่สายตามองแบบให้เจ้าตัวนั้นรู้ว่ากำลังไม่ชอบใจในการกระทำ หลานสาวยิ้มหน้าแป้นแล้นเดินเข้าไปหอมแก้มคนเป็นย่า ฟอด! “นี่แหน่ะ! ว่าหนูดีนักขโมยหอมเลย” คนพูดทำจมูกย่น “เชอะ! คิดว่าหอมแก้มแล้วย่าจะเลิกด่าแกหรือไงยะ” คนสูงวัยยังคงไม่ยอมแพ้ “ถึงไม่เลิกด่า แต่ย่าก็รักหนูใช่ม้า…” หลานสาวลากเสียงยาว พลางเอียงคอมองหน้าคนที่ค่อยๆ ฉีกรอยยิ้ม “เห็นมะ… ย่ายิ้มแล้ว อิอิ” “ย่ะๆ แกมันเก่งทำให้ย่ารักได้” บทสนทนาระหว่างย่ากับหลานเรียกเสียงหัวเราะได้ดีจากคนในครอบครัว “แล้ววันนี้จะไปมหา’ลัยยังไงล่ะลูก?” เพ็ญรัตน์ ถามบุตรสาว “เดี๋ยววินมารับจ้ะแม่” ธาวิน คือเพื่อนชายที่เมษยาสนิทด้วยมากที่สุด ซึ่งเด็กหนุ่มคนนี้เพ็ญรัตน์ก็เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เนื่องจากว่าพ่อแม่ของเขาชอบทานขนมไทยเป็นชีวิตจิตใจ จึงเรียกใช้บริการบ้านเธออยู่บ่อยครั้ง อาชีพหลักของครอบครัวคือขายขนมหวานอันเป็นสูตรต้นตำรับไทยแท้ฉบับชาววัง คุณยายของเมษยาเคยเป็นอดีตข้าหลวงเก่าจึงได้นำวิชาความรู้การทำขนมต่างๆ มาถ่ายทอดให้แก่เพ็ญรัตน์ บุตรสาวเพียงคนเดียว เธอจึงยึดอาชีพนี้หาเลี้ยงปากท้องมาตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัว เรียกได้ว่ามีลูกค้าประจำที่ทานกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เลยทีเดียว “วินนี่เขาเป็นคนดีน้า… ทำไมลูกแม่ไม่ยอมเปิดใจบ้างล่ะ” “เอาอีกแล้วนะคะ” เธอทำเสียงเหนื่อยใจ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “หนูบอกแม่หลายครั้งแล้วว่าระหว่างหนูกับวินเราไม่มีอะไรต่อกัน เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ” เมษยาตอบหนักแน่น “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล้า?” น้ำเสียงล้อเลียนของ ชานนท์ ดังแทรกขึ้น หญิงสาวหันขวับส่งสายตาอัมหิตไปยังน้องชายตัวแสบ “ชอบชงดีนักนะนายนนท์ ระวังเถอะฉันจะเอาความลับของนายมาบอกแม่ให้หมดเลย” เธอขู่ “โหรัยเนี่ย… น้องแซวนิดแซวหน่อยทำเป็นโหดไปได้” ชายหนุ่มเบ้ปากใส่พี่สาว เขาเดินเข้าไปกอดร่างท้วมกลมของผู้อาวุโสที่นอนเอนหลังอยู่บนม้าโยกตัวเก่ง ใบหน้าหล่อใสสไตล์เด็กมอปลายซบลงบนตักของย่าจันทร์ “ย่าจ๋า… วันก่อนเจ๊เมย์หักค่าขนมของนนท์ออกไปตั้งครึ่งแหน่ะ” เขาฟ้อง แสร้งทำน้ำเสียงเศร้าสร้อย เมษายาค้อนขวับเข้าให้… “น้อยๆ หน่อย หักไปแค่ห้าร้อยเองนะ” “นั่นแหละ! หายไปตั้งครึ่งหนึ่งกินข้าวได้ไม่ครบทุกมื้อหรอกนะ” คนเป็นน้องว่า “ช่วยไม่ได้ อยากเอาเงินไปไร้สาระกับพวกหนังสือการ์ตูนเองทำไมล่ะ” พี่สาวยักไหล่ “ย่าก็เห็นด้วยกับพี่เขานะ เงินทองมันของหายาก จะใช้จะสอยก็ให้มันประหยัดๆ หน่อย ไอ้เรื่องที่ไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งไปซื้อมันเลย” คนเป็นย่าผสมโรงไปกับหลานสาวคนโต หลานชายคนเล็กจึงได้แต่ทำหน้าง้ำหน้างอหุนหันขึ้นห้องไปอย่างงอนๆ กิริยาของน้องชายทำให้เมษาถึงกับส่ายหน้าเบาๆ “ดูทำเข้า นึกว่าตัวเองเป็นเด็กสามขวบหรือไงจ้ะพ่อหนุ่ม” เธอตะโกนไล่หลังน้องชาย “เมย์ไม่เอา อย่าแกล้งน้องสิลูก” เพ็ญรัตน์เอ็ดลูกสาวแต่ตัวเองก็อดขำไม่ได้ “ว่าแต่นี่กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ทำไมวินยังไม่มาอีกนะ” น้ำเสียงหงุดหงิดพลางกับยกข้อมือที่ข้างที่สวมนาฬิกาขึ้นดูเวลา พูดไม่ทันขาดคำทุกคนก็ได้ยินเสียงรถยนต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน ผู้เป็นเจ้ารถพาเรือนร่างสูงโปร่งดูดีลงมาทักทายด้วยรอยยิ้มแจ่มใส “สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีครับคุณน้า” เขายกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองอย่างนอบน้อม เมษายาทำหน้ามุ่ยลุกขึ้นเดินเข้าไปกระทุ้งศอกใส่เพื่อนชาย “นี่แหน่ะ! มาสายไปตั้งห้านาที” “โหเมย์… ตีเข้ามาได้เจ็บนะ” ธาวินทำหน้าตาโอเว่อร์เกินความเป็นจริง เมษยาย่นจมูกเชิดใบหน้าขึ้นแบบไม่สนใจอาการเจ็บปวดปางตายของเขา “สมน้ำหน้า อยากมาสายเองทำไมล่ะ” “ใครอยากมาสายกัน แต่ว่าเมื่อเช้าพอดีท้องเสียนิดหน่อยอะ” ชายหนุ่มหัวเราะแห้งๆ ยกมือเกาศีรษะแก้เขิน เมษยาสมน้ำหน้าเพื่อนชายอีกรอบเมื่อได้ฟังเหตุผลที่แท้จริง ธาวินทำปากติดจมูกในท่าทีงอนคนข้างๆ “แล้วทานข้าวเช้ามาหรือยังลูก?” เพ็ญรัตน์เอ่ยถาม “ทานแล้วครับ” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่ต้องไปห่วงอีตานี่หรอกค่ะ กะเพาะควายไม่ตายง่ายๆ หรอก ฮ่าๆ” เมษายาระเบิดเสียงหัวเราะแบบไม่เกรงใจใคร ร่างท้วมของผู้เป็นย่าถึงกับต้องถอนหายใจเหนื่อยหน่ายไปกับความแก่นเฟี้ยวของหลานสาว “ให้มันได้อย่างนี้สิ… หลานฉัน” ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันธาวินก็ไม่ได้พูดอะไรกับเมษยาเลยสักคำ จนกระทั่งชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง ความแปลกใจจึงบังเกิดขึ้น “เฮ้ย! ไม่ไปมหา’ลัยอ่ะวิน?” หญิงสาวถามเพื่อนชาย ธาวินยิ้มแหยๆ “วินหิวข้าวอ่ะ” “เอ้า! แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่กินที่บ้านล่ะ แล้วไหนบอกว่ากินข้าวมาแล้วไง” เมษายาค้อนเข้าให้ “ก็บ้านเมย์ชอบทำอาหารรสจัดนี่น่า เมย์ก็รู้ว่าวินกินเผ็ดไม่ได้ ตั้งแต่เช้าตื่นมาก็ท้องเสียข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลยน้า…” ชายหนุ่มทำน้ำเสียงกระเส่าให้คนฟังรู้สึกสงสารมาก ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อเมษยายอมจำนนเปิดประตูรถลงก่อนเป็นคนแรก เป็นสัญญาณบอกว่าเธอยอมให้เขาแวะทานอาหารเช้าได้ “เยส!” ธาวินยิ้มกว้างเมื่อแผนการทานข้าวตามลำพังกับหญิงสาวสำเร็จ ร่างสูงรีบลงจากรถตามมาติดๆ ทั้งสองพากันเดินเข้าร้านอาหารสุดหรู เมษายาแค่มองบรรดาเมนูทั้งหลายก็ถึงกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แพงแสนแพงกลืนกันลงได้ไงนะ! “เมย์… กินอะไรสักหน่อยไหม?” ธาวินถามเพื่อนสาวที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนถูกถามรีบส่ายหน้าโบกไม้โบกมือพัลวัน “โนๆ เชิญคุณธาวินเลยค่ะ” ธาวินอมยิ้มให้กับคำพูดและน้ำเสียงทะเล้นของเธอ ชายหนุ่มจัดการสั่งอาหารประมาณสองสามอย่างก่อนจะส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน “วินสั่งน้ำส้มคั้นให้เมย์แก้วหนึ่งนะ” “ราคาเท่าไหร่อ่ะ?” หญิงสาวรีบถาม “ก็หนึ่งร้อยห้าสิบบาทน่ะ ทำไมเหรอ?” “โห! ตั้งหนึ่งร้อยห้าสิบบาทกินข้าวกลางวันที่มอได้ตั้งสามมื้อเลยนะนั่น” คนเสียดายเงินว่าทันที ทำเอาธาวินถึงกลับกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมษายามักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตก็จะมีนิสัยใช้สอยเงินทองอย่างประหยัดมาโดยตลอด บางทีก็เข้าขั้น… ขี้งก เลยทีเดียว “ขำไร?” หญิงสาวหงุดหงิด “ก็ขำเมย์นั่นแหละ จะอะไรนักหนากัน วินเป็นคนออกเงินนะไม่ใช่เมย์สักหน่อย อย่าซีเรียสนักเลยน่า” ธาวินพูดแบบไม่คิดอะไรมากมาย ต่างกับเมษยาที่นั่งทำหน้าหงิกหน้างอไม่รับแขก “เงินทองหายากจะตายไป ถึงวินจะเป็นคนออกเงินก็เถอะแต่เมย์ก็เกรงใจวินนะ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะ” ธาวินยิ้มหวาน “ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน แต่เมย์แค่ไม่ชอบเวลาที่มีใครเที่ยวไปพูดว่าเมย์คบกับวินเพราะเห็นว่าวินรวย ทุกคนเอาแต่บอกว่าเมย์กำลังทำตัวเป็นปลิงเกาะวินกิน ฟังแล้วโมโหชะมัด!” คนพูดทำหน้าตาเคียดแค้นแสดงถึงอารมณ์โกรธที่ถูกซ่อนอยู่ข้างใน ธาวินเองที่ได้ยินเรื่องราวทำนองนี้ก็แอบไม่พอใจอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่พูดหรือด่าทอให้หญิงสาวฟังแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โกรธ เขาโกรธทุกคนที่พูดจาดูถูกเมษยา ทั้งสองคุยนั่นนี่กันไปสักพักไม่นานอาหารที่ธาวินสั่งเอาไว้ก็ถูกยกออกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ธาวินพยายามคะยั้นคะยอให้เมษยาทานกับตนแต่สาวเจ้าก็ไม่ยอมท่าเดียว โดยเหตุผลที่เธออ้างก็คือ มันแพงมากจนไม่สามารถกระเดือกลง!

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ซาตานร้ายเดิมพันรัก

read
11.0K
bc

ไฟรักซาตาน

read
53.9K
bc

สอนรัก ลูกสาวท่านประธาน

read
1.4K
bc

อ้อนรักพ่อผัว

read
6.7K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
12.2K
bc

ปราบพยศรักยัยรุ่นพี่

read
1.2K
bc

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

read
9.4K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook