ตอนที่ 1 : หอหมื่นเมฆา
ตอนที่ 1
หอหมื่นเมฆา
บนถนนอันคราคร่ำไปด้วยผู้คนในเขตเมืองกุยเปียวแคว้นต้าซุย
ที่ด้านหน้าทางสามแพร่งใหญ่เป็นที่ตั้งของหอหมื่นเมฆา
หอหมื่นเมฆาแห่งเมืองกุยเปียวเป็นอาคารสูงสามชั้นทำจากไม้หอมสีดำหายาก
ด้านในประดับโคมไฟแก้วเนื้อดีที่ส่องแสงสว่างราวกับกลางวัน
นานเกือบร้อยปี...กว่าที่หอหมื่นเมฆาจะมีเทียบเชิญขอคำทำนาย
บัดนี้ที่เรือนปีกตะวันตก ‘กั้วซู’ ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินกำลังตักตวงเสพกลิ่นไอราคะอย่างเพลิดเพลิน
ยิ่งได้ฟังเสียงร้องขณะร่วมบทรักของสตรียิ่งพาให้อารมณ์เบิกบาน เขาเร่งเร้าแก่นกายเบื้องล่างตนเองหนักหน่วง
สุดทางสวาทจ่ออยู่สุดปลายแก่นกายอยู่รำไร...พลันรับรู้ถึงร่องราคะสตรีนางนี้หดเกร็งบีบรัดท่อนเอ็นใหญ่ของเขา
ร่างโปร่งพลันถอนแก่นกายออกจากร่องสวาทกระทันหัน ก่อนจับพลิกร่างบางให้หันหลังท่อนขาอ่อนยวบถูกแยกออกจากกัน
ไม่นานนักท่อนเอ็นเขียวปูดโปนกระแทกสวนเข้าร่องสวาทฉ่ำเยิ้มอีกครั้ง
ติ่งกระสันต์สตรีนางนั้นถูไถเอากับขอบโต๊ะจนบั้นเอวกระตุกถี่ ร่องสวรรค์หลั่งน้ำหวานฉ่ำเยิ้ม
“...ก้วยเปียว....เอานางออกไป...”
น้ำเสียงเยือกเย็นออกคำสั่งให้ผู้รับใช้ที่ด้านนอกเข้ามาเก็บซากดวงจิตสตรีนางนี้ออกไป
เมื่อสูญเสียดวงจิตพิสุทธิ์จากร่างแล้วสตรีเหล่านี้กลายเป็นเพียงซากดวงจิต
ไม่คู่ควรให้ระลึกถึงอีกทั้งพวกนางยังมีอายุขัยสั้นลงจากการถูกกระทำเช่นนี้
ผู้แลหอหมื่นเมฆาเมืองกุยเปียวเป็นชายร่างสูงวัยกลางคน ผิวเนื้อสีเข้มดวงหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
....ทุกคนที่นี่เรียกขานเขาว่า...ก้วยเปียว...
‘ก้วยเปียว’
คือคำเรียกขานผู้เป็นทาสรับใช้ของเผ่าจิ้งจอกเมฆาสวรรค์
กิจการหอหมื่นเมฆามีทั้งโรงน้ำชา โรงพนัน ไปจนถึงหอนางโลม
สิ่งใดเป็นที่มอมเมาผู้คนให้หลงมัวเมาได้ เป็นต้องมองหาเจอในหอหมื่นเมฆา
น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่าหอหมื่นเมฆาแห่งนี้ มีนักทำนายดวงชะตาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยพื้นที่ด้านหลังหอสูงสีดำสนิท
เป็นที่พำนักของบุรุษผู้มีใบหน้างดงามล้ำลึก
‘ซียี่’
นามองค์ชายผู้สูงศักดิ์แห่งเผ่าจิ้งจอกเมฆาสวรรค์
นับตั้งแต่มหาเทพฝูซีกับมหาเทพหนี่วาห์สร้างมนุษย์ขึ้นมา....รวมระยะเวลาถึงตอนนี้ก็ร่วมสามพันปี
....ซียี่...องค์ชายแห่งเผ่าจิ้งจอกเมฆาเช่นเขานับตั้งแต่ย่างเท้าออกจากหุบเขาสงบสันติที่พำนักก็ผ่านไปเกือบเก้าร้อยปี
โลกมนุษย์ยามนี้...แผ่นดินเต็มไปด้วยการศึกสงคราม เหล่ามนุษย์แบ่งชนชั้นกันด้วยสิ่งที่เรียกว่าเงินตรา
ทายาทแห่งเผ่าจิ้งจองเมฆาเช่นเขา...หากไม่เพราะต้องการดวงจิตพิสุทธิ์จากมนุษย์ไปบำเพ็ญเพียร
มีหรือจะยอมลงมาอยู่ในแดนมนุษย์โสมมเช่นนี้
ผู้สืบทอดแห่งเผ่าจิ้งจอกเมฆาเช่นซียี่กลับไม่นิยมชมชอบมนุษย์เท่าใดนัก...โดยเฉพาะกับสตรี
‘ช่างน่ารังเกียจและโสมม’
นั่นคือคำพูดที่ซียี่เคยเอ่ยไว้กับหนี่วาห์....ผู้ใดจะรู้ภายหลังซียี่ลงมาที่แดนมนุษย์ได้ไม่กี่ร้อยปี
ทั้งหนี่วาห์กับฝูซีต่างสละตนเข้าสู่สังสารวัฏ นิรันดร์ไปหมดแล้ว
“ซียี่ขอรับ...มีขบวนเดินทางส่งเทียบเชิญเข้าพบขอรับ”
ก้วยเปียวโค้งร่างคำนับพร้อมเอ่ยถ้อยคำให้ร่างสูงศักดิ์ด้านในรับรู้
“มีเทียบเชิญ?”
น้ำเสียงเยือกเย็นเพียงประหลาดใจ นานเท่าใดแล้วที่ไม่ได้รับเทียบเชิญ...หนึ่งร้อยปีพอดีเห็นจะได้
“รับรองนางที่เรือนปีกตะวันตก”
“ขอรับ”
เนิ่นนานกว่าร้อยปีที่ซียี่ไม่ได้รับเทียบเชิญขอคำทำนายดวงตาลุ่มลึกพลันเปล่งประกาย
หลายร้อยปีมานี้แดนมนุษย์ช่างสกปรกโสมมมากขึ้นเรื่อยๆ จนก้วยเปียวทั้งหลายที่เขาส่งออกไป
กว่าจะหาสตรีที่มีดวงจิตพิสุทธิ์มาได้...หนนี้ซียี่รอคอยกว่าร้อยปีทีเดียว
สัตว์เทพที่ถือกำเนิดจากพิภพเช่นเขา บนแดนสวรรค์ยามนี้มีเหลือน้อยเต็มทน
เผ่าจิ้งจอกเมฆาเป็นจิ้งจอกสีนิลดำสนิทไม่เหมือนเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อื่นๆ
คนของเผ่าจิ้งจอกเมฆาสวรรค์ ไม่อาจสืบทอดทายาทผ่านการเสพสมหากแต่เกิดจากการแบ่งดวงจิต
กาลก่อนหากไม่เพราะ ‘เป้ยจี’ จิ้งจอกเมฆาหญิงนางหนึ่งยอมแบ่งดวงจิตตนเอง
ช่วยหนี่วาห์ส่งร่างมนุษย์ลงมายังพิภพเบื้องล่างสำเร็จ จนนางต้องสังเวยดวงจิตไป
เช่นนี้...เหล่าจิ้งจองเมฆาสีนิลจึงมีพันธะผูกติดกับดวงจิตมนุษย์ทั้งหลายจำต้องเสพไอวิญญาณ
เพื่อเก็บดวงจิตพิสุทธิ์บำเพ็ญเพียรต่อชีวิตตน
นับตั้งแต่จำแลงกายลงมาจากแดนสวรรค์ ซียี่เลือกเอาเมืองกุยเปียวเป็นที่พำนัก
ที่นี่ไม่ร้อนไม่หนาวทั้งยังรายล้อมไปด้วยลำน้ำใหญ่สามสาย คล้ายวิมานเทียนหยกของเขาที่หุบเขาสงบสันติ
“เสี่ยวเอ้อ...กั้วซูผู้หยั่งรู้ฟ้าดินของพวกท่านเมื่อใดถึงจะให้เข้าพบหรือ?”
น้ำเสียงใสกังวานจากสตรีร่างเล็กเอ่ยถาม
“แม่นางโปรดเรียกข้าว่าก้วยเปียวเถอะขอรับกั้วซูเพียงบอกให้ต้อนรับแม่นางที่เรือนปีกตะวันตกขอรับ”
“เรื่องอื่น...กั้วซูไม่ได้สั่งไว้ขอรับ”
ก้วยเปียวผู้มีใบหน้าใสกระจ่างเอ่ยถ้อยคำนอบน้อม
“เช่นนั้น...คนของข้าที่ด้านนอก?”
สตรีนางนั้นเพียงเก็บงำความร้อนรุ่มในใจเอาไว้
....เฉาเหวินจี.....
นางยอมมาเยือนหอหมื่นเมฆาครั้งนี้ก็เพื่อเอาคำทำนายดวงชะตา ให้กับพี่สาวของนาง
“แม่นางท่านนี้...กั้วซูให้เชิญท่านด้านในขอรับ”
ก้วยเปียวโค้งตัวทั้งยังผายมือเชิญเฉาเหวินจีอย่างนอบน้อมยิ่งนัก
เฉาเหวินจีเดินตามเข้ามายังห้องกั้นด้านหลังเมื่อมาถึงร่างบางถึงกับชะงักปลายเท้า
เบื้องหน้านางปรากฏบุรุษร่างโปร่งบาง ใบหน้าเรียวงามจนแทบไม่อาจแยกออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ดวงตาสีดำลุ่มลึกริมฝีปากสีแดงสดตัดกันกับผิวเนื้อขาวสว่าง
ที่กลางหว่างคิ้วงดงามนั้นประดับด้วยแต้มชาดลายเมฆมงคลสีแดงเพลิง ดูราวกับจะพุ่งทะยานออกมาได้
บุรุษงดงามผู้นั้นนั่งเอนกายอยู่บนเตียงยกพื้นปูด้วยเบาะนุ่ม เบื้องหน้ามีเพียงตะเกียงแก้วเจียระไนเนื้อดีให้แสงส่องสว่าง
----------------------------------------------------
หากชื่นชอบโปรดกดติดตาม
เป็นกำลังใจให้นักเขียนได้นะคะ
รักนักอ่านมาก 'เสี่ยวเกอเกอ'