ตอนที่1ความหวัง...
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่หรูหราโอ่อ่าตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ตัวคฤหาสน์สีขาวบริสุทธิ์ตระการตา และประดับประดาด้วยเสาโรมันขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงสง่างามตกแต่งลวดลายแบบยุโรปคลาสสิก แสงไฟระยิบระยับจากแนวทางเดินมีหินอ่อนที่ทอดยาวไปยังด้านหน้าของตัวคฤหาสน์ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ประดับด้วยไม้โอ๊คแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง เปิดออกเผยให้เห็นโถงทางเดินกว้างใหญ่ที่สลับซับซ้อนด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลระยิบระยับ
เจ้าของร่างอันบอบบางหยุดยืนอยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ ดวงตากลมโตกวาดมองบริเวณโดยรอบหวังว่าจะเจอใครสักคนตามที่ยายพิกุลบอกเธอไว้ก่อนที่ท่านจะจากไปและไม่มีวันที่จะหวนคืนกลับมาอีกแล้ว เด็กสาวระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มกลั้นความรู้สึกอยากร้องให้เอาไว้ ‘หลานไปพบคุณท่านกษิดิศ...ยื่นจดหมายนี้ให้ท่าน แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย’
“แกเป็นใคร! เข้ามาในบ้านนี้ได้ยังไง!”
น้ำเสียงอันดุดันและแข็งกระด้างแฝงความไม่พอใจดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เจ้าของร่างบอบบางสะดุ้งตกใจ
“เอ่อ...”
เด็กสาวหันไปมองต้นเหตุของเสียงอันเกรี้ยวกราดนั้นทันที ภาพที่เธอเห็นนั้นคือหญิงวัยกลางคนจ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ดวงตาของเธอผู้นั้นเบิกกว้างออก แสดงความมีอำนาจอย่างเต็มเปี่ยมทำเอา ‘ภริตา’ ขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด
“ฉันถามว่าแกเข้ามาทำไม! แล้วนี่ยามหน้าประตูปล่อยแกเข้ามาได้ยังไง!”
“หนูมาพบคุณท่านกษิดิศค่ะ”
ภริตาตอบกลับพร้อมกับยื่นจดหมายส่งให้หญิงวัยกลางคนนั้นด้วยมืออันสั่นเทา
“อะไรนะ! ดูสภาพอย่างแกเนี่ยเหรอที่จะมาพบคุณท่าน”
สายตาของแม่บ้านชื่อประนอม หัวหน้าแม่บ้านประจำคฤหาสน์กีรติเมธานนท์ มองเด็กสาวที่อ้างว่าจะมาพบประมุขใหญ่ของบ้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘เด็กกะโปโลนี่เป็นใครกัน กล้าดียังไงถึงจะมาขอพบคุณท่าน’
“คุณป้าเปิดจดหมายอ่านก่อนก็ได้ค่ะ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้! แกอย่ามาใช้*มุกบ้าบอนี้มาหลอกเสียให้ยากเลย ฉันไม่หลงกลแกแน่”
มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้คุณท่านที่นังเด็กนี่อ้างถึงนั้นไม่มีวันที่จะรู้จักเด็กบ้านนอกกะโปโลคนนี้แน่นอน เด็กนี่ต้องเป็นพวกมิจฉาชีพแอบอ้างมาแน่นอน อย่าบอกนะว่ามันจะอ้างว่าเป็นลูกเมียน้อยของคุณท่านอีกคน
“ตะ-แต่ คุณป้าช่วยอ่านจดหมายฉบับนี้ก่อนได้มั้ยคะ”
ภริตาพยายามอีกครั้งในการอธิบาย ‘ที่พึ่งสุดท้าย คือคุณท่านกษิดิศเท่านั้น ภริตาไม่มีที่ไปที่ไหนอีกแล้ว’
“ฉันบอกให้แกออกไป! ไอ้เดช! มึงอยู่ไหน มาเอาอีนังนี่โยนออกไปที!”
หัวหน้าแม่บ้านตะโกนเสียงดังสนั่นเรียกยามหน้าประตูทันที เธอมักจะรับมือกับคนพวกนี้อยู่เป็นประจำ เพราะฉะนั้น นังเด็กคนนี้ก็คงเหมือนกับแม่พวกสาวๆ ทั้งหลายที่เข้ามาหาคุณๆ ของบ้าน แต่จะต่างกันก็ตรงที่เด็กคนนี้ดูสภาพไม่เหมือนกับสาวๆ เหล่านั้นสักเท่าไหร่ ดูเป็นเด็กและน่าจะเป็นพวก*บ้านนอกคอกนาด้วยซ้ำ
“เอะอะเสียงดังอะไรประนอม!”
น้ำเสียงอันทรงพลังของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านบนของคฤหาสน์
“เอ่อ...ขออภัยค่ะคุณผู้หญิง”
ประนอมเปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเองลงอัตโนมัติ เมื่อเหลือบมองขึ้นไปด้านบนก็พบกับประมุขของบ้านอีกท่านหนึ่งกำลังเดินลงจากบันได ‘คุณท่านผู้หญิงกนกจันทร์’ ภริยาของคุณท่านกษิดิศ กีรติเมธานนท์ ตระกูลผู้ยิ่งใหญ่และร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย
“แล้วนี่ใคร!”
“เนี่ยล่ะคะคุณผู้หญิง อีเด็กนี่มันมาขอพบคุณท่านกษิดิศ ประนอมเลยจะไล่มันไปค่ะ มันเป็นมิจฉาชีพแน่นอนค่ะคุณผู้หญิง”
“ไม่นะคะคุณป้า หนูไม่ใช่มิจฉาชีพนะคะ คุณป้าลองอ่านจดหมายนี้ก่อนได้มั้ยคะ” ภริตายื่นจดหมายนั้นอีกครั้ง
“เอามาให้ฉันดู”
“แต่คุณผู้หญิงคะ...”
“ฉันบอกให้เอามา!”
“ค่ะๆ คุณผู้หญิง”
หัวหน้าแม่บ้านรีบคว้าจดหมายในมือของเด็กสาวมาแล้วส่งให้ผู้เป็นนายทันที
คุณหญิงกนกจันทร์เปิดจดหมายที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา ด้วยความอยากรู้ถึงข้อความที่อยู่ด้านใน สิ่งที่ทำให้คุณหญิงเกิดความสงสัย นั่นก็คือใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้ มันช่างละหม้ายคล้ายกับใครบางคนที่เธอเคยรู้จักเหลือเกิน
‘ป้าขอฝากลูกสาวของนรีรัตน์ ให้คุณหนูดูแล นรีรัตน์ได้จากโลกนี้ไปแล้ว และตอนที่คุณหนูได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ป้าก็คงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วเช่นกัน...’
“นรีรัตน์...”
คุณหญิงกนกจันทร์ทวนชื่อนี้อย่างช้าๆ นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างออกทันที ‘มิน่าล่ะเธอถึงได้คุ้นหน้าเด็กคนนี้นัก’
“มีอะไรเหรอคะคุณผู้หญิง?”
ประนอมเห็นท่าทีของผู้เป็นนายที่ดูตกใจหลังจากอ่านข้อความในจดหมายนั้น
“แกเป็นลูกของอีนังนรีใช่มั้ย!”
น้ำเสียงของคุณหญิงกนกจันทร์กระชากออกมาทันที ชื่อผู้หญิงคนนั้นมีผลกับจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก ‘ศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งของกนกจันทร์...สามสิบกว่าปีแล้วสินะ...ที่เธอเฝ้าตามคิดบัญชีอีนังนี่...แต่ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหามันเท่าไหร่ก็ไร้เงาของมัน...’
“ค่ะคุณผู้หญิง”
แม่ของเธอจากโลกนี้ไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ภริตาก็อาศัยอยู่กับคุณยายพิกุลจวบจนอายุ 18 ปี และตอนนี้คุณยายของเธอก็มีอันต้องจากโลกนี้ไปอีก ภริตาไม่เหลือใครแล้ว แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อเธอก็ไม่เคยที่จะเห็นหน้าเลยสักครั้ง บ้านที่อาศัยกับคุณยายก็ไม่เหลือแล้ว บรรดาพวกป้าๆ ของภริตาเข้ามายึดทุกอย่างและไล่เธอออกจากบ้านหลังนั้นมา
“แม่แกอยู่ไหน!”
“มะ-แม่หนูเสียแล้วค่ะ”
น้ำเสียงอันสั่นเครือแผ่วเบาของเธอแฝงความสะเทือนใจเอ่ยตอบหญิงวัยกลางคนตรงหน้า แม่จากไปในตอนที่เธออายุเพียง 14 ปี ภริตายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่สาม หลังจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตของภริตาก็พลิกผันเป็นอย่างมาก เธอต้องทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบมัธยมปลาย แต่แล้ววันนี้คุณยายของเธอก็มีอันต้องจากเธอไปอีกคนด้วยโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนที่รักเธอและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอไป...
“อ่อ เจ้าของจดหมายนี่ก็คงเป็นยายพิกุลที่เคยเป็นแม่นมเลี้ยงคุณกษิดิศมาสินะ”
ภาพความทรงจำครั้งก่อนหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ยายพิกุลคือคนที่เลี้ยงสามีของเธอมา และได้พาลูกสาวก็คือนังนรีรัตน์มาอยู่ด้วย ตอนนั้นกนกจันทร์อายุ 18 ปีและเป็นคู่หมั้นที่ถูกหมั้นหมายกันไว้อยู่ก่อนแล้ว เธอรักกษิดิศมาก รักจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายได้ แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่ออีนังนรีรัตน์เข้ามาในบ้านหลังนี้ได้เพียงไม่นาน ชีวิตรักของเธอก็ต้องมีอันแหลกสลายไป
“คุณยายบอกว่าให้หนูมาหาคุณท่าน และนำจดหมายนี้มาให้ค่ะ”
ภริตาตอบกลับคนตรงหน้าเธอด้วยข้อความที่คุณยายของเธอกำชับมา
“นี่ยายพิกุลของแกคงไม่รู้ข่าวอะไรเลยสินะ”
ริมฝีปากแดงสดแสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจเกี่ยวกับบางอย่าง กนกจันทร์รอคอยการแก้แค้นมานานแสนนาน สุดท้ายอีนังนรีรัตน์มันก็มาชิงตายไปเสียก่อน แต่! มันก็ดันส่งลูกของมันมาอีกนะ ‘ดี! คุณพี่จะได้รู้และได้เห็นมันอีกครั้ง หน้าตาของนังเด็กนี่เหมือนแม่มันมาก เหมือนกันราวกับเป็นคนเดียวกันเลยทีเดียว’
“มะ-หมายความว่ายังไงคะคุณผู้หญิง”
น้ำเสียงอันสั่นเครือเอ่ยถามอีกครั้ง ภายในใจของเธอกำลังร้อนรนอย่างหนัก คืนนี้เธอจะนอนที่ไหนกัน บ้านก็ไม่มี เงินติดตัวก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“ก็หมายความว่า คุณท่านกษิดิศของคุณยายแก ไม่แม้แต่จะมีแรงเดินลงมาดูแกเลยสิ”
“เอ่อ คุณท่านเป็นอะไรคะคุณผู้หญิง”
“เป็นอะไร...แล้วมันเกี่ยวกับแกยังไง อย่าบอกนะ ว่าแกก็คือลูกของคุณพี่อีกคน”
กนกจันทร์แน่ใจว่านังเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณพี่แน่นอน เพราะหลังจากที่เธอกำจัดนังนรีรัตน์ให้พ้นทาง เธอก็ได้แต่งงานกับคุณพี่จนมีลูกด้วยกันถึงสามคน และนังเด็กนี่ก็น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวคนเล็กของเธอ แต่เอ๊ะ! หรือว่าคุณพี่จะแอบนัดเจออีนังนรีรัตน์...
“ไม่ใช่ค่ะ...คุณท่านไม่ใช่พ่อของหนูหรอกค่ะคุณผู้หญิง...หนูไม่รู้ว่าทำไมคุณยายถึงให้หนูถือจดหมายมาพบท่าน แต่หนูคิดว่าถ้าคุณท่านได้อ่านจดหมายนี้แล้ว...เอ่อ...คุณท่านอาจจะช่วยหนูได้ค่ะ”
“อืม...งั้นฉันจะช่วยแกไว้ตามที่ยายของแกสั่งเสียไว้ก็แล้วกัน...ประนอม!”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“พาอีเด็กคนนี้ไป ให้มันทำงานเป็นคนรับใช้ แกคอยสอนมันด้วยและให้พักอยู่รวมกับคนรับใช้ในเรือนเล็ก”
“แต่คุณผู้หญิงคะ...นังเด็กนี่มันเป็นลูก...”
“จะลูกของใคร ฉันไม่สน เอามันไป”
สามสิบปีก็ยังไม่สายสินะที่กนกจันทร์จะแก้แค้นเอาคืนศัตรูตลอดกาลของเธอ...นังนรีรัตน์ คราวนี้แหละคุณพี่จะได้รู้รสความเจ็บปวดที่เธอได้สัมผัสมา เด็กคนนี้หน้าเหมือนแม่มันราวกับพิมพ์เดียวกัน...ความแค้นของกนกจันทร์จะได้รับการสะสางเสียที...
.........................