INTRO
INTRO
“ยะ..อย่าทำอะไรฉันนะ..อื้อ..” คำร้องขอสุดท้ายค่อยๆ กลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากอิ่มถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากหนาจากร่างสูงที่ถือวิสาสะจูบฉันอย่างอุกอาจ
สองมือพยายามทุบตีลงบนแผงอกที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ทว่าเขาก็ไม่แม้แต่จะสะท้าน ยังคงจูบฉันอย่างดุดันและรุนแรงราวกับอยากจะขยี้ริมฝีปากฉันให้แหลก
มือหนาบีบเคล้นหน้าอกทั้งสองข้างอย่างหนักหน่วง ก่อนจะฉีกกระชากเสื้อผ้าจนขาดวิ่น ร่างกายฉันเหลือเพียงบราเซียและกางเกงในตัวบางที่ปกปิดของสงวนไว้เท่านั้น
ริมฝีปากหนากดจูบริมฝีปากฉันอย่างเผ็ดร้อน ทั้งขบเม้มและดูดดึงจนได้กลิ่นคาวของเลือด เรียวลิ้นอุ่นสากสอดเข้ามาตักตวงความหวานและหยอกล้อเรียวลิ้นฉันด้วยความช่ำชอง รสชาติขมฝาดของแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่บนเรียวลิ้นนั้นค่อยๆ มอมเมาสติของฉันให้ลุ่มหลงและเคลิบเคลิ้ม
มือไม้ที่ทุบตีเขาอ่อนแรงลงทีละนิด
ร่างสูงผละริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนไปงับที่ติ่งหูฉันเบาๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจอุ่นร้อนเข้าไปในซอกหูให้ความรู้สึกวาบหวิว ขณะที่มือหนาเอื้อมไปปลดตะขอทางด้านหลังและกระชากบราเซียโยนทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของฉัน เขาสูดดมกลิ่นหอมอย่างหื่นกระหาย ริมฝีปากขบเม้มและดูดดึงจนเกิดเป็นรอยช้ำ ก่อนจะปลอบประโลมผิวบางบริเวณนั้นด้วยเรียวลิ้นร้อนระอุ
สองมือเลื่อนลงมากอบกุมและฟอนเฟ้นรอบเต้าอิ่ม ยอดจุกสีเชอรี่ถูกละเลงเลียด้วยปลายลิ้นสาก นาทีนั้นร่างกายฉันกระตุกเกร็งอย่างรุนแรงราวมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านไปทัั่วร่าง
“อ๊า..” เสียงครางหวิวดังลอดออกมาอย่างยากจะห้ามเมื่อเขาใช้กลีบปากขบเม้มยอดอกของฉันรัวๆ จนมันแข็งนูนเป็นการตอบสนอง
มือหนาเลื่อนต่ำลงมาสัมผัสตรงกึ่งกลางกาย นิ้วเรียวปัดผ่านติ่งเนื้อกระสันอย่างหยอกเย้า ท้องน้อยฉันเสียววาบ ร่างกายเริ่มเครียดเกร็ง ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
“คะ..คุณ..อื้อ..อ๊า”
ยิ่งฉันร้องครางคนตรงหน้าก็ยิ่งกลั่นแกล้งกัน เขาแหวกขอบด้านข้างกางเกงในและส่งนิ้วเรียวเข้ามาทักทายเม็ดเกรสรบอบบางจนมันสั่นระริก
ความวาบหวามก่อตัวภายในร่องรักจนคับยุบยิบ หยาดน้ำเหนียวเหนอะค่อยๆ ไหลซึมออกมาทีละนิด ท้องน้อยซ่านสยิวราวกับมีผีเสื้อนับร้อยบินวนอยู่ข้างใน
ไม่นานฉันก็ถูกผลักให้ล้มลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะคลานตามขึ้นมาคร่อมร่างฉันเอาไว้ ริมฝีปากหนาโฉบลงมาบดจูบอีกครั้งอย่างร้อนแรงจนฉันแทบละลายอยู่ตรงนั้น
ลมหายใจถูกช่วงชิงอย่างสมบูรณ์ ภายในหัวขาวโพลนและไร้สติ ใบหูอื้ออึงราวคนกำลังจมน้ำ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กางเกงในของฉันถูกเขาถอดออกไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คล้ายมีของแข็งบางอย่างพยายามจะรุกล้ำช่องทางคับแคบ
ความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นทันที ทว่ามันก็ค่อยๆ ได้รับการบรรเทาในเวลาต่อมา เมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนลงมาดูดดุนหน้าอกฉันอีกครั้งพร้อมกับส่งปลายนิ้วลงไปบดคลึงจุดอ่อนไหว
น้ำหวานที่ถูกหลั่งออกมาก่อนหน้านั้นช่วยให้การหยอกเย้าลื่นไหลจนส่งผลให้เกิดความเสียวซ่านขึ้นอย่างมหาศาล ร่างกายฉันบิดเกร็งไปทุกส่วน ความหวามไหวที่อยู่ภายในร่องรักก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ก่อนที่มันจะพาร่างของฉันพุ่งขึ้นสู่ท้องนภาและแตกพร่าออกมาเป็นความเสร็จสม
ฉันนอนหมดแรงอยู่กับที่ หอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดด้วยความเหนื่อยเพลีย สมองพร่าเบลอจนภาพตรงหน้าเลือนลาง ผู้ชายปริศนากระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ ดวงตาเขาฉ่ำปรือ กวาดมองร่างเปลือยเปล่าของฉันอย่างหยาดเยิ้ม
จากนั้นฉันก็รู้สึกถึงการพยายามบุกรุกของเขาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เจ็บน้อยกว่าครั้งแรก ไม่รู้ว่าเพราะความชุ่มชื้นที่มีมากหรือเพราะร่างกายมันล่องลอยจนไร้ความรู้สึก แต่เพียงครู่เดียวเขาก็สามารถแทรกลำกายเข้ามาในตัวฉันได้จนสุดปลายโคน
ฉันอึดอัดและคับแน่นตรงส่วนนั้นจนเผลอยกเรียวขาขึ้นถีบแผงอกกว้าง ทว่ากลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำให้เขาถอดถอนตัวตนออกไปได้
ขาข้างนั้นถูกมือหนายั้งเอาไว้แล้วจับยกขึ้นพาดบ่า
และจากนั้นเพียงไม่นานร่างกายของฉันก็โยกคลอนไปตามการเคลื่อนไหวของเอวสอบที่โถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง รุนแรง และป่าเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเสร็จสมแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมถอนตัวตนออกไปง่ายๆ ยังคงตักตวงรสสวาทจากเรือนร่างฉันครั้งแล้วครั้งเล่า..
ยอมรับว่าตอนนั้นฉันไม่มีสติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเป็นเพื่อนเขาในตอนแรกเริ่มเล่นงาน บวกกับที่ตัวฉันเองก็รัญจวนใจไปกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้ก็เลย..
สมยอม…
เช้าวันรุ่งขึ้นถึงได้รู้ว่าตนเองทำพลาดอย่างมหันต์ ฉันนั่งร้องไห้อย่างหนักอยู่บริเวณปลายเตียงด้วยความเสียใจ เมื่อรู้ว่าตนเองเสียความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามานานให้กับผู้ชายคนอื่น
แถมยังเป็นผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน…
ฉันหันกลับไปมองทางด้านหลัง เจ้าของร่างนั้นยังคงหลับสนิท ใบหน้าเขาหล่อเหลาและเกลี้ยงเกลาไร้ที่ติแม้เวลาหลับ คิ้วคมเข้มได้รูป ปลายจมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักน่าจุมพิต
ภาพรวมของเขาดูดีทุกระเบียดนิ้วราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้ายังไงอย่างงั้น
“นะ..นั่นใคร” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ที่เสียงแหบคงเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปอย่างหนัก
“….” ฉันรีบหันกลับมาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าตาของฉัน มันอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครโดยเฉพาะกับผู้ชายคนนี้
และนับว่าเป็นโชคดีที่ตอนนั้นเขายังไม่ทันลืมตา จึงคิดว่าไม่มีทางเห็นหน้าฉันแน่ๆ
ฉันรีบลุกขึ้นพรวดเพราะรับรู้ได้ถึงแรงยวบของเตียงที่บ่งบอกว่าคนข้างหลังกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากรีบร้องห้ามด้วยความหวาดกลัว
“ยะ..อย่าเข้ามาค่ะ”
“ทำไม” เสียงทุ้มนั้นเจือความหงุดหงิด
“….” ฉันเงียบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง หัวใจกระสับกระส่ายรู้สึกคล้ายจะวูบจากแรงกดดันหลายๆ อย่าง
“เธอชื่ออะไร?” เขาถามขึ้นอีกครั้งราวกับเป้าหมายเดียวในตอนนี้คือการได้รู้จักกับฉัน
“…มะ...ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกค่ะ...ขะ…ขอตัวนะคะ” กล่าวจบฉันก็ก้าวขาหวังจะเดินออกไปจากห้องนี้ ทว่ากลับต้องชะงักด้วยประโยคถัดมาของคนข้างหลัง
“ถ้าฉันอยากเจอเธออีก…”
“….”
“…ต้องทำยังไง”
หัวใจฉันเต้นแรง ภายในอกรู้สึกวาบหวิว สัมผัสได้ถึงความโหยหาและความต้องการที่รุนแรงจากถ้อยคำและน้ำเสียงของเขา
ทว่าฉัน…
“ขะ..ขอโทษด้วยนะคะ..ตะ..แต่เราอย่าเจอกันอีกเลยดีกว่า..” ฉันไม่อาจจะหันกลับไปเจอหน้าเขาได้จริงๆ เพราะขนาดตัวฉันเองยังไม่อยากมองหรืออยากรู้จักตนเองเลย..
ทันทีที่พูดจบฉันก็รีบวิ่งออกไปจากห้อง ความผิดหวังความเสียใจถูกระบายออกมาผ่านทางหยดน้ำตา ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายเลยสักคน
อุตส่าห์เก็บรักษามาได้นานขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่เมื่อคืนนี้ฉันกลับ…
ปล่อยตัวปล่อยใจอย่างง่ายๆ
แถมเขาคนนั้นยังเป็นคนแปลกหน้า ชื่อแซ่อะไร ทำงานที่ไหน มีครอบครัวแล้วหรือยัง..ฉันก็ไม่รู้
ฉันนี่มันไม่เอาไหนและไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
หลังจากนั้นสองวันฉันก็ยื่นใบลาออกจากไนท์คลับที่ทำงานอยู่ เหตุเพราะกลัวได้เจอกับเขาอีก ถึงแม้จะมั่นใจว่าเขาคงจำฉันไม่ได้ก็เถอะ
หลายๆ คนคงอยากจะรู้ใช่ไหมว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเริ่มต้นมาจากอะไร …
คืนนั้นฉันไปเอนเตอร์เทนลูกค้าตามปกติ ซึ่งหนึ่งในลูกค้าของฉันก็คือเขาคนนั้น
เขาบังคับให้ฉันดื่มแลกกับทิปแก้วละสองพัน ด้วยความเห็นแก่เงินฉันจึงดื่มไปทั้งหมดห้าแก้ว ส่วนเขาดื่มหนักกว่าและเหมือนว่าจะกำลังมีเรื่องลำบากใจอยู่เพราะดวงตาสีนิลคู่นั้นประกายความหม่นหมองตลอดเวลา
แล้วเมื่อเราทั้งคู่ต่างก็เมามายจนไม่เหลือสติ ทุกอย่างก็…อืม…
หลังจากลาออก แน่นอนว่าฉันและเขาก็ไม่ได้พบกันอีกเลย ทว่าสองเดือนให้หลังใบหน้าของผู้ชายคนนั้นกลับปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์พร้อมกับพาดหัวข่าวที่ทำให้ฉันรู้สึกใจหาย
‘สาวๆ เตรียมอกหักกันเป็นแถวเมื่อนักธุรกิจหนุ่มประกาศแต่งงานกับสาวปริศนาสายฟ้าแลบ’
ยอมรับว่าฉันตกใจและปั่นป่วนมากเมื่อได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา
ธนิน อัครวรณ์ชิด
ผู้ชายที่ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้เป็นคนแรก
ฉันอมยิ้มบางๆ เพื่อปลอบใจตนเองว่าวันนั้นฉันคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่หันกลับไปให้เขาเห็นหน้าหรือทำความรู้จักกันตามคำขอ เพราะนักธุรกิจที่ทั้งหล่อและรวยล้นฟ้าอย่างเขาคงจะมีผู้หญิงที่ดีพร้อมและเหมาะสมกันมากกว่าฉันรายล้อมอยู่นับไม่ถ้วน
ดังนั้นเขาคงจะไม่ได้อยากรู้จักฉันจริงๆ หรอก ป่านนี้คงจะลืมกันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ..
เธอทำดีแล้วเนตรชนก...เธอทำดีแล้ว…