ครอบครอง
บทที่ 1
ครอบครอง...
คฤหาสน์หรูใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่ออันดับต้น ๆ ว่าเต็มไปด้วยการแข่งขัน วัดกันที่ฐานะ อำนาจ และบารมีของผู้ครอบ- ครอง ว่าอยู่ในชนชั้นระดับที่เต็มไปด้วยเกียรติ ชื่อเสียง และหน้าตาทางสังคม... ดังเช่นคฤหาสน์อัศเรศที่เคยรุ่งเรือง แต่ทว่าบัดนี้มันกำลังจะกลายเป็นได้แค่เคยเป็น ด้วยช่องว่างทางกฎหมาย รวมถึงการได้มาซึ่งผลประโยชน์ ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แข็งแกร่งกว่า เต็มไปด้วยพละกำลังที่มากกว่า และทรงอำนาจยิ่งกว่าคือผู้ได้ครอบครองทุกอย่าง... อย่างไม่มีใครกล้าคานอำนาจ หรือกล้าปฏิเสธเขา ผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเวลานี้ ที่ทุกคนต่างขนานนามพวกเขาว่าจตุรเทพฯ
ขณะนี้ตอนนี้และเวลานี้ ทุกย่างก้าวที่อัครเดช คาร์ลอส เดโชดำรงภักษ์ ก้าวย่ำคือสมบัติของเขา ทุกตารางนิ้วของที่นี่ในคฤหาสน์อัศเรศหลังนี้รวมทุกชิ้นที่ เขาต้องการไม่เว้นแม้แต่เธอ อริศรา อัศเรศ หล่อนคือสมบัติของเขา ไม่ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่อัครเดชหรืออัคคีหนุ่มในกลุ่มจตุรเทพฯ ต้องการ ถูกห้อมล้อมคลาคล่ำไปด้วยการ์ดของจตุรเทพฯ ชายฉกรรจ์รวมทั้งสิ้นหลายสิบชีวิต ยืนตึงกำลังและยึดอำนาจรายล้อมเรือนคฤหาสน์หลังนี้เอาไว้อย่างปิดพื้นที่ บีบทุกตาราง ไม่ให้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อกันพื้นที่ให้กับนายของตนคือผู้มาเยือนอย่างถืออภิสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
‘อริศรา อัศเรศ’ อัครเดชได้ยินชื่อนี้มาร่วมเดือนในหมู่ของผู้ชายวงสังคมชั้นสูง ว่าสวยนักสวยหนาและไม่เคยมีใครทั้งนั้นได้ลิ้มลองเธอ มันเลยคือความท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับลูกผู้ชายอย่างเขาที่ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้ และเมื่อโอกาสมันมาถึงอัครเดชจึงไม่ลังเลใจเลยซักนิด ที่จะแลกเศษเงินที่เขามีอยู่จนล้นกับผู้หญิงที่ฐานะทางสังคมเหลือแต่เปลือก แต่หลอกลวงสังคม ว่าตนเองนั้นยังอยู่สุขสบายดีอย่างจมไม่ลง ด้วยเม็ดเงินที่ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านที่อัครเดช คาร์ลอส เดโชดำรงภักษ์ต้องเสียไปเพื่อพยุงฐานะทางสังคมของเธอและธุรกิจต่าง ๆ ของอัศเรศที่กำลังจะล้มละลาย แลกกับความสะใจของเขาที่จะได้หักหน้าคู่ปรับอย่างโทนี่ แคมป์เบล ที่ต้องการจะครอบครองเธอ
อัครเดชกว้านซื้อหุ้นของอัศเรศแข่งกับโทนี่เอามาเก็บไว้เองจนหมด และได้หุ้นของอัศเรศมาครอบครองเหนือกว่าลูก
มาเฟียอย่างโทนี่ที่ถือหุ้นน้อยกว่าเขา 10% อย่างผู้ชนะ แต่นั่นอัครเดชก็ยังไม่พอใจ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าเป้าหมายของโทนี่นั้นที่แท้จริงแล้วคืออริศรา ไม่ใช่หุ้นที่ไม่ได้ต่างจากเอาเงินไปละลายทิ้งโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร นอกจากความเย้ายวนของเธอที่ทุกคนต่างอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของ
อัครเดชที่กำลังเดินสำรวจไปทั่วห้องโถงใหญ่ของอัศเรศ พร้อมด้วยการ์ดของเขาที่กระจายกันยืนคุมไปทั่วทุกพื้นที่ในคฤหาสน์นี้ยิ่งกว่าเจ้าของ ใบหน้าหล่อร้ายกระตุกยิ้มอย่างพอใจ หยิบรูปภาพของผู้หญิงที่เขากำลังมีใจเสน่หา แกะรูปของเธอออกจากกรอบใบเล็ก ๆ ที่ตั้งโชว์เด่นหราอยู่บนโต๊ะนั่น ดึงรูปของอริศราออก แล้วสอดภาพของเธอที่กำลังยิ้มหวานให้กับเขาอย่างคิดไปเองนั้น เอาไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูตที่อยู่ตรงหน้าอกของเขาอย่างหวงแหนรอยยิ้มของเธอ ก่อนที่จะโยนกรอบรูปทิ้งอย่างไม่ไยดี เพราะมันหมดประโยชน์ที่จะใช้สอยแล้ว พลันหางตาเหลือบไปเห็นสาวใช้ที่กำลังเดินถือแก้วน้ำส้ม เดินสวนไปทางด้านหลังของตัวตึกเลยร้องทักเอาไว้ เพราะน้ำส้มแก้วนั้นมันเป็นน้ำของผู้หญิงอย่างคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ และเธอจะต้องอยู่ในคฤหาสน์นี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาพร้อมเดินเข้าไปกระชากแก้วน้ำส้มออกจากมือสาวใช้
“เธออยู่ไหน” คนที่ถูกถามกลัวจนตัวสั่นชี้ไปทางด้านหลังตึกคฤหาสน์ อย่างไม่กล้าสบตาผู้ชายทรงอำนาจที่กำลังยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธออย่างน่าเกรงขาม
“ถ้าฉันไม่ออกมาห้ามใครทั้งนั้นเข้าไป” แต่ก่อนที่อัครเดชจะได้ออกไปพ้นจากห้องกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ที่ชวนให้เขานั้นหงุดหงิดใจ
“ผมขอเวลาอีกนิด” เท้าที่กำลังจะก้าวไปยังด้านหลังตึกตามมือของสาวใช้ที่ชี้นำทาง เพื่อไปยลโฉมเธอว่าจะสวยจริงตามที่สายตาของเขานั้นประเมินเธอจากในรูปภาพตามที่เห็นด้วยตาหรือเปล่า หยุดชะงักฝีเท้าทันทีด้วยอารมณ์ที่ชักจะเริ่มขุ่นมัวขึ้นในทุกขณะที่โดนขัดใจ หันกลับมาเอาเรื่องคนรั้งด้วยเสียงกัปนาทที่ดังลั่นห้อง
“ลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน” น้ำเสียงเย้ยหยันคุกคามอย่างไม่พอใจ วางแก้วน้ำส้มลงบนโต๊ะเต็มแรงจนกระเฉาะหก เดินเข้าไปหาคุณพีระพลบิดาของเธอผู้ชายที่กำลังจะหมดตัว ถ้าเขาไม่อุ้มเอาไว้ด้วยเม็ดเงินมหาศาล
“ทำไม! ลูกสาวของคุณวิเศษมาจากไหนถึงเล่นตัวไม่ยอมไปหาฉัน”
“ไม่ใช่ครับคุณอัคคี อลิซเพิ่งจะกลับมาจากอเมริกา ขอเวลาให้เธอปรับตัวอีกนิ...ด” คุณพีระพลพูดยังไม่ทันจบแต่คนที่ร้อนสมชื่อก็ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นถ้าเขาต้องการเดี๋ยวนี้ก็คือต้องเดี๋ยวนี้ห้ามอิดออด และที่สำคัญเขารู้ว่าเธอกลับมาถึงเมืองไทยได้ร่วมเดือนแล้ว
“ฉันไม่สน!!!” ตวาดลั่นอย่างหัวเสียพาลพาโลไปหมด โดยเฉพาะสองพ่อลูกอัศเรศที่กำลังทำให้เขาโกรธจัด