bc

กรงขังรักซาตาน

book_age18+
503
ติดตาม
4.9K
อ่าน
ครอบครัว
จบสุข
คู่ต่างขั้ว
ผู้สืบทอด
ดราม่า
วิทยาลัย
addiction
like
intro-logo
คำนิยม

เขาถูกชะตาเธอตั้งแต่แรกเห็นและต้องการจีบเธอ แต่พอรู้ว่าเธอคือคนที่ทำให้น้องสาวเขาตาย

จากต้องการจีบเป็นแฟน เหลือเพียง สถานะนางบำเรอ

เรื่องย่อ

พระเอกหลงรักนางเอกตั้งแต่แรกพบและตั้งใจว่าจะจีบเธอเป็นแฟนแต่สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

เพราะนางเอกคือคนที่ทำให้น้องของเขาต้องตาย จากที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ฉันคนรัก เหลือทิ้งไว้เพียงแค่นางบำเรอ

ระหว่างนั้นยังมีคนตามล่าเอาชีวิตโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นเป้าหมายอย่างแท้จริงเพราะทั้งเธอและเขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเอกถูกพระเอกตามรังควาน และถูกย่ำยี แต่สิ่งที่พระเอกต้องการคือให้นางเอกยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ

หลังจากหลบหนีมาถึง 5 ปี สุดท้ายแล้วนางเอกทนไม่ไหว เธอตัดสินใจออกมาแถลงการณ์ออกสื่อว่าเธอเป็นคนที่ทำให้น้องสาวของพระเอกต้องตายและนั่นทำให้สังคมประนามเธอ ตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิง และไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดพร้อมกับลูกในท้องของเธอ

แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดพระเอกถูกกล่าวหาว่าสั่งฆ่าเจ้าของที่ดิน เพราะเขาเป็นคนไปเจรจาธุรกิจคนสุดท้ายหลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ถูกฆ่าตาย หมายจับถูกส่งตรงมาที่พระเอกโดยที่มีเพียงนางเอกเท่านั้นที่เป็นพยานได้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น

....แต่สิ่งที่พระเอกเคยกระทำกับนางเอกก็หนักหนาเอาการ

งานนี้พระเอกจะรอดคุกหรือไม่ ใครเป็นลาบอสตัวจริง

สปอยยย

“หากคุณจำได้ ในตอนที่ผมนัดคุณทานข้าวครั้งก่อน ผมได้บอกคุณเอาไว้ว่ามีบางสิ่งอยากจะให้คุณ"

“อะไรเหรอคะ" เธอเอ่ยถามพร้อมเลิกคิ้วสูง

“บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ คุณต้องลองดูเองให้เห็นกับตา" หญิงสาวงุนงงเล็กน้อยก่อนจะรับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาดูตามคำบอกของเขา สิ่งที่โชว์ตรงหน้าคือคลิปวิดีโอบางอย่างที่ตัวเธอเองก็เดาไม่ถูกว่าคืออะไร กระทั่งเมื่อเรียวนิ้วได้กดเปิดดูก็ต้องตกใจจนแทบจะโยนโทรศัพท์ลงไปที่พื้น

“ตกใจอะไรขนาดนั้นละครับคุณเพลงพิณ เอ๊ย! ไม่สิ! เปลี่ยนชื่อแล้วนี่เนอะ คุณรติรศ นักแสดงสาวเจ้าบทบาทผู้มียุคมืดที่แสนจะน่ารังเกียจกว่าใคร ๆ” สยมภูเอ่ยเสียงเย็นรติยศที่ได้ฟังก็รู้สึกหนาวถึงกระดูก แต่ทว่าเธอยังคงดื้อด้านไม่ยอมรับง่าย ๆ

“คุณ..คุณพูดเรื่องอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ!" รติรศแสร้งเอ่ยถาม ทว่าคราวนี้จากน้ำเสียงเรียบนิ่งกลับเต็มไปด้วยความสั่นเครือ และนั่นเองก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับร่างสูงมากขึ้นไปอีก

“จนป่านนี้แล้ว! เธอยังจะมาเล่นละครตบตาฉันอีกเหรอฮะ เพลงพิณ!!"

‘ตึ้ง!!’

“เฮือก!!"

เจ้าของโรงแรมกระแทกมือของตนกับโต๊ะอาหารจนจานและแก้วน้ำซึ่งตั้งอยู่ด้านบนได้รับแรงสั่นสะเทือน ไม่ต่างอะไรกับร่างบอบบางที่ตื่นตระหนกสะดุ้งตัวโหยงกับอากัปกิริยาโมโหร้ายดังกล่าว

ร่างสูงปรี่เข้าหาหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าแล้วรวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยมือเดียว ก่อนจะออกแรงผลักให้แผ่นหลังบอบบางชิดกับผนัง

“คุณรู้อะไรไหม...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมจำคุณได้แม่นมาก เพราะคุณถือได้ว่าตรงสเปกผมทุกอย่าง”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกกดต่ำข้างใบหูฝั่งขวาทำเอาเจ้าหล่อนซึ่งเดิมทีก็หวาดผวาอยู่แล้วต้องเกิดอาการสั่นกลัวมากขึ้นไปอีก

“ในตอนที่ผมเก็บกระเป๋าของคุณได้ก็ดีใจมากคิดว่าจะได้เจอคุณอีก แต่แล้วจู่ ๆ มันก็เหมือนกับสวรรค์ต้องการแจ้งให้ผมรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับคุณ มีคนส่งคลิปนี้มาให้ผมแล้วเขาก็ยังบอกอีกว่าคนในคลิปที่เซ่อซ่าวิ่งออกไปกลางถนนก็คือคุณ!"

พูดจบเจ้าของคำพูดจึงยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระพร้อมกับกระแทกคอของเธอเข้ากับผนังอย่างแรงจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย!"

ร่างสูงผ่อนลมหายใจเพื่อบรรเทาแรงอารมณ์ของตนให้ได้มากที่สุด เขามองไปยังนักแสดงสาวที่ทรุดกายลงบนพื้นทันทีหลังจากได้รับอิสรภาพ

“ว่ายังไง..คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม! ว่าไงคุณ...ฆาตกร!!"

“คือว่าฉัน..." รติรศพยายามหยัดกายลุกขึ้นยืนตามแรงเท่าที่จะทำได้ก่อนอธิบายต่อ

“วันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะออกไปยืนขวางถนนเลยนะคะ ฮึก! ฉันถููกคนลวนลามก็เลยจะวิ่งหนีเอาตัวรอดเท่านั้น!"

“โกหก ตอแหล!"

‘ปัง! เพล้ง!’

มือหนาคว้าแจกันบนโต๊ะทำงานของตนโยนใสกำแพงหวังจะขู่ให้อีกฝ่ายยอมพูดความจริงโดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รติรศบอกคือความจริงทั้งหมด จนเศษแจกันที่แตกกระเด็นบาดผิวหน้าของเธอ เพราะระยะห่างที่ยืนอยู่กับบริเวณที่แจกันกระแทกกับกำแพงนั้นห่างกันไม่กี่เซนติเมตร

“จนถึงขนาดนี้แล้วคุณก็ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอฮะ รติรศ!!" คนโมโหร้ายไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป เขาตรงเข้าไปหาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มบีบไหล่มนทั้งสองข้างของหญิงสาวจนเธอต้องนิ่วใบหน้าเหยเก พลางเอ่ยบอกขอร้องให้เขาหยุดการกระทำ

“โอ๊ย!! คุณสยมภู ฉันเจ็บค่ะ ปล่อยฉันเถอะนะคะ" ร่างบางพยายามใช้มืออันบอบบางแกะมือของอีกฝ่ายเพื่อลดระดับความเจ็บปวดที่กำลังได้รับ หากแต่ไม่คิดว่าเขาจะยิ่งเพิ่มแรงบีบขึ้นอีกเป็นสองเท่า

“หึ!..เจ็บงั้นเหรอ.." สายตาคมเหลือบมองบาดแผลซึ่งเกิดจากฝีมือของตนก่อนสลับมายังหญิงสาว ใบหน้านวลนางเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตาและบูดเบี้ยว

“แค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่น้องสาวของผมต้องเจอด้วยซ้ำ รติรศ!” เจ้าของโรงแรมกดเสียงต่ำ เพ่งมองคนตรงหน้าด้วยแววตาไร้ความเห็นใจ

“แล้ว..คุณจะให้ฉันชดใช้ยังไงคะ!” เธอถามเสียงสั่นเครือ

“หึ!" ร่างสูงแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยต่อ

“คิดว่าผู้หญิงไร้ค่าอย่างคุณทำอะไรได้บ้างล่ะ! " เขากวาดตามองร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้ไม่ปิดบังความปรารถนาในดวงตาได้เลย ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำแหบพร่า

"นอนอ้าขากว้าง ๆ อย่างเดียวได้ไหมล่ะ!"

โปรดติดตาม....

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1.1 ทำไมเธอต้องฆ่าฉัน
“ฮึก!..ฉันทำอะไรผิด ทำไม? ทำไมเธอต้องฆ่าฉัน...?” “คุณ..คุณแขไข..” เพลงพิณนักศึกษาสาวว่างงานถอยกรูไปด้านหลังเมื่อพบว่าตนยืนอยู่ในสถานที่ที่เปลี่ยวและแปลกตาแถมยังมีหญิงสาวอีกคนซึ่งยืนตัวโชกเลือดร่ำไห้พร่ำถามว่าทำไมเธอต้องพรากชีวิตอันแสนมีค่าของหล่อนไปด้วย “มะ..ไม่นะคะ ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจ" เจ้าของร่างบอบบางในชุดเดรสสีชมพูอ่อนส่ายหน้าปฏิเสธพลางบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ" เธอยังคงพยายามถอยหนี คราวนี้เพลงพิณคิดจะหันหลังวิ่งไปอีกทาง แต่ทว่าแขไขก็โผล่มาดักหน้าในระยะประชิดพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงยานครางน่ากลัว ฟังหลอนหูพร้อมทั้งยังยื่นมือมาตรงหน้าหญิงสาว “จะหนีไปไหนนนน..” แขนที่ค่อย ๆ ยาวมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกือบจะถึงลำคอขาวทำให้หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะสะดุ้งเฮือก "ม่ายยย....กรี๊ดดดด...!!" “เฮือก!" ดวงตาเล็กเบิกโพลงด้วยความตกใจพร้อมกับหอบหายใจราวกับว่าขาดอากาศไปนานหลายนาทีก่อนจะใช้ฝ่ามือยันกายให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง ริมฝีปากบางเล็กพูดกับตนเองอย่างโล่งใจ “เฮ้อ! ฝันไปหรอกเหรอเนี่ย!" ‘เพลงพิณ' หรือชื่อใหม่ ‘รติรศ' นักแสดงและนางแบบสาววัยยี่สิบสี่ปีเพิ่งตื่นขึ้นจากฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนทุกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันครบรอบการจากไปของแขไข อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังรายหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นญาติกันแต่อย่างใด หากแต่เธอคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หล่อนจำต้องเสียชีวิตลง ซึ่งระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาเธอก็เฝ้าโทษตัวเองมาโดยตลอด แม้การที่หญิงสาววิ่งหนีเพื่อนใจทรามที่คิดจะขายเธอให้กับแขกชาวต่างชาติอย่างไม่เต็มใจเป็นเหตุให้ต้องวิ่งออกจากร้านอาหารมายืนอยู่กลางถนนและรถของแขไขต้องหักหลบจนเกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้าข้างทางนั้น จะเป็นเหตุการณ์ที่เธอไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเลยก็ตาม ก๊อก ก๊อก ก๊อก "คุณรศคะ คุณแพรพรรณให้มาตามไปทานอาหารเช้าค่ะ” ‘ลูกน้ำ' แม่บ้านสาววัยยี่สิบห้าปีเคาะประตูเรียกก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้ามาแจ้งให้ทราบว่าผู้เป็นมารดาต้องการให้เธอลงไปรับประทานมื้อเช้าด้วยกัน คนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแล้วตอบกลับด้วยประโยคที่ทำเอาสาวใช้ถึงกับต้องหน้าเสีย “พี่ลูกน้ำ...รศบอกกี่ครั้งแล้วว่าแม่รศชื่อเรญาไม่ใช่แพรพรรณแล้ว" "อุ้ย! พี่ลูกน้ำขอโทษค่ะคุณรศพอดีมันชินปากน่ะค่ะ" หลังจากอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ครอบครัวของรติรศก็ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมด ทั้งเธอ แม่ของเธอ และผู้เป็นพ่อที่มีชื่อเดิมว่า ‘ธีระวัฒน์’ ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘พงษ์นรินทร์’ “ช่างเถอะคราวหลังก็อย่าลืมอีกแล้วกัน" “ค่ะคุณรศ" ไม่ใช่อยากเปลี่ยนชื่อเพราะความเป็นสิริมงคล แต่ว่าเธอจำต้องเปลี่ยนเพราะครอบครัวของผู้ตายนั้นตามหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวแทบจะพลิกแผ่นดิน ยิ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดของผับใกล้เคียง ยิ่งทำให้ครอบครัวของผู้ตายสามารถตามหาได้ไวมากขึ้นเท่านั้น แม้ในใจจะรู้สึกผิดตลอดเวลาก็ตาม หากแต่เธอก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกไปบอกว่าเธอนั่นแหละที่วิ่งออกไปกลางถนนจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น นักแสดงสาวก้าวลงจากเตียงอย่างเนือย ๆ มองปฏิทินหัวเตียงที่ปากกาสีแดงวงวันที่สิบสี่ตุลาคมเอาไว้อย่างชัดเจน เธอหยิบมันขึ้นมาดูให้แน่ใจก่อนเอ่ยว่า “พรุ่งนี้แล้วสินะ” ในน้ำเสียงราบเรียบมั่นคงหากแต่แววตากลับเผลไผลไหวระริกอย่างไม่รู้ตัว “น้องรศของพี่!!" หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจัดการธุระด้านบนเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบลงมาทานอาหารเช้ากับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่แล้วก็... “พี่เดซี่!" หญิงสาวอุทานเสียงดังก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยความดีใจ เดซี่คือผู้จัดการดาราและแมวมองชื่อดังที่พาหญิงสาวเข้าวงการ ในตอนนี้อีกฝ่ายเลือกที่จะมีเธอเป็นดาราในความดูแลเพียงคนเดียว เพื่อให้ตนเองมีเวลาพักผ่อนจากงานมากขึ้น “เอ้า ๆ ดูสิคะคุณเดชา ยัยรศนี่โตแล้วยังวิ่งเหมือนเด็ก ๆ ระวังล้มนะลูก" เรยา สตรีวัยห้าสิบเจ็ดปีเอ่ยบอกกับผู้จัดการของบุตรสาว แต่ทว่าไม่ได้ทันระวังคำพูดของตนหลังเอ่ยจบก็เผลอตบปากตนเองเบา ๆ ขณะที่ผู้จัดการทรงแต๋วแตกได้ยินประโยคเมื่อครู่ รอยยิ้มเต็มใบหน้าก็พลันสลายหายไปในทันที “อะ..เอ่อแม่ขอโทษค่ะคุณเดซี่พอดีแม่ลืมตัวไปหน่อยค่ะ" คนตรงหน้ายิ้มเจื่อน ๆ ในขณะที่ผละกอดออกจากหญิงสาวในความดูแล “ฮ่า ๆ..ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ขา แต่ว่าครั้งต่อไปไม่เอาแล้วนะคะแบบเนี้ยรอบเดียวครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะคะ” คนฟังพยักหน้ารับรัว ๆ รติรศยิ้มแย้มจนแก้มแทบปริ ปกติเดซี่ไม่ค่อยมาหาเธอที่นี่เพราะเป็นบ้านสวนซึ่งอยู่ที่ปราจีนบุรี เพราะระยะทางค่อนข้างไกลและร้างราผู้คน แต่วันนี้เธอขอให้อีกฝ่ายมาเพราะต้องการให้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับแขไข “ทานอะไรมาหรือยังคะเนี่ย" รติรศเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใกล้ ๆ กัน “เรียบร้อยแล้วค่ะ แหม..น้องรศก็รู้ว่าพี่เป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว ถ้าไม่ทานข้าวเดี๋ยวเกิดกำเริบขึ้นมาไปวัดเป็นเพื่อนน้องไม่ได้ทำยังไงละคะ" “ค่ะ ๆ" คนอ่อนวัยกว่าตอบกลับ “เอ้อ! จริงสิรศพรุ่งนี้ก็วันครบรอบของ...” เรญาเอ่ยขึ้น เธอลากเสียงคำท้ายประโยคยาว ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องนี้ออกมาหรือเปล่า “นั่นแหละจ้ะ รศถึงเรียกพี่เดซี่ให้มาหาที่นี่ เพราะว่าวันนี้รศจะไปทำบุญก่อนกลับไปถ่ายละครที่กรุงเทพ" บุตรสาวกล่าวต่อแทน สีหน้าของผู้เป็นแม่จึงเริ่มดีขึ้น “แล้วพ่อละจ๊ะอยากไปกับรศด้วยหรือเปล่า?" คนถูกเอ่ยถามเป็นชายวัยหกสิบปีที่ถึงแม้ว่าอายุจะย่างเข้าเลขหกและ แต่ร่างกายและหน้าตากลับหยุดอยู่เพียงสี่สิบปลาย ๆ ผ่านมานานหลายปีก็ยังหล่อเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง “คงไม่ได้ไป วันนี้พ่อจะอยู่ช่วยแม่ขายของ รศไปกับผู้จัดการเถอะ ปีนี้พ่อขอลา" เจ้าของน้ำเสียงเข้มบอกยิ้ม ๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ดังกล่าว หากแต่วันนี้ท่าทางคล้ายฝนฟ้าจะตก เลยขออยู่บ้านเพื่อช่วยภรรยาทำงานเพราะอย่างไรเสียตั้งแต่เกิดเหตุเขาก็ไปทำบุญระลึกถึงผู้ตายอยู่ทุกปี หากไม่ไปปีนี้ก็เห็นจะไม่เป็นไร “โอเคจ้ะ งั้นเรารีบทานกันดีกว่าค่ะพี่เดซี่ จะได้รีบไป รศยังไม่เก็บข้าวเก็บของเลยเผื่อเวลาตอนบ่ายซะหน่อยก็ดี” “จ้า ๆ” รถหรูแบรนด์วอลโล่สีขาวสะอาดตาแล่นตามถนนมาเอื่อยๆ ด้วยความใจเย็น อาจเป็นเพราะวันนี้เจ้าของรถซึ่งนั่งทอดสายตาอยู่เบาะหลังคนขับไม่ได้มีงานใหม่หรือว่าต้องรีบร้อนอะไร เพราะการประชุมสำคัญถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้แทนแล้ว “บอสอยากทานอะไรก่อนถึงวัดไหมครับ" ชวิท เลขาส่วนตัวอายุอานามยี่สิบปลาย ๆ เอ่ยถามขณะปรายตามองเจ้านายของตนผ่านกระจกมองหลังแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในอาการเหม่อลอย “ขับรถไป..ฉันยังไม่หิว” น้ำเสียงทุ้มลึกตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่ชวิทเลยสักนิดจนเขาต้องถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา เพราะตั้งแต่เจ้านายหนุ่มสูญเสียน้องสาวจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าไปเมื่อห้าปีก่อน จากหนุ่มหน้าใส ใจดี ร่าเริง เป็นมิตร ก็กลายเป็นคนเก็บตัวพูดน้อย วันๆ เอาแต่คุดคู้อยู่ในห้องทำงาน และเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ชวิทจึงตัดสินใจเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “ทำไมปีนี้บอสมาไกลจังเลยละครับ ปกติต้องไปทำที่วัดในกรุงเทพไม่ใช่เหรอ!?" ถามจบก็หลับตาปี๋เกรงว่าเจ้านายจะสาดซัดคำพูดน่ากลัวกลับมาเหมือนทุก ๆ ครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไปจากที่เขาคิด “ตอนแขยังไม่ตายเขาชอบมาให้อาหารหมาแมวจรจัดที่นี่ทุกปี พอใกล้วันครบรอบการจากไปของเขา ฉันก็เลยอยากมา” “อ้อ..ครับ" คนขับหนุ่มตอบกลับเสียงแผ่วอย่างโล่งอก คิดว่าจะโดนสาธยายธรรมแต่เช้าเสียแล้ว ชวิทตั้งใจขับรถต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุดก่อนเจ้านายจะเกิดอารมณ์เสียขึ้นมา เพราะความไม่สงบปากสงบคำของเขา

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

ร่านรัก จักรพรรดินี

read
1.8K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
48.0K
bc

หัวใจที่โหยหา

read
1.0K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
18.7K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
82.7K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
33.8K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
55.4K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook