bc

Sweet Bomb! เหตุเกิดจากความหวาน

book_age18+
125
FOLLOW
1K
READ
HE
lighthearted
office/work place
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

อีกคนเด๋อด๋าส่วนอีกคนก็เย็นชา หน้านิ่ง...ถ้าความหวานระเบิดใส่ทั้งคู่ขึ้นมามันจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย?จะละมุนอบอุ่นหัวใจ หรือจะโบ๊ะบ๊ะไม่เป็นท่ากันนะ!

chap-preview
Free preview
CHAPTER 1 (1/2)
คุณเคยมีความฝันไหม? ความฝันที่อยากทำในสิ่งที่ชอบ หรือตามหาในสิ่งที่รัก และอยากจะทำมันให้สำเร็จในสักวันหนึ่ง ถึงแม้อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์เลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เคยล้มเลิกไปแล้วกี่ครั้ง ก็ยังอยากจะทำมันให้สำเร็จอยู่ดี… ตอนเด็กๆ เธอก็มีเคยความฝันเหมือนกับใครหลายๆ คน ความฝันที่บางครั้งก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นชอบหรืออยากทำอะไรกันแน่ จนมาวันหนึ่ง…วันที่เธอได้ก้าวเข้าไปในคาเฟ่ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นของวานิลลาที่หอมหวาน ดูเผินๆ อาจจะเป็นเพียงคาเฟ่ธรรมดาที่พบได้ทั่วไป แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจ และจุดประกายความฝันของเธอให้ชัดเจนขึ้นคือรสชาติของขนมที่ละลายในปาก วานิลลาที่เป็นเอกลักษณ์ และบรรยากาศของร้านที่แสนอบอุ่น…ทุกสิ่งทุกอย่างในคาเฟ่แห่งนั้นยังอยู่ในความทรงจำของเธอไม่เคยเลือนหายไปไหน มันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝันในวัยเด็กต่อไป…จนถึงขั้นต้องดั้นด้นออกตามหาร้านคาเฟ่นั้นอีกครั้ง และไม่ว่าจะเจอขวากหนามยากเย็นแสนเข็นสักแค่ไหน…เธอก็ต้องตามหาคาเฟ่นั้นให้พบ และแม้ว่าความร้อนกำลังเผาไหม้ผิวหนังจนแสบไปหมด เหงื่อจะไหลลงตามขมับจนต้องยกหลังฝ่ามือขึ้นมาเช็ดลวกๆ ก็ต้องเดินหน้าลากกระเป๋าที่หอบเสื้อผ้ากับสัมภาระต่างๆ จากแดนกิมจิมายังดินแดนแห่งรอยยิ้ม ใช่…เพื่อความฝันที่จะเปิดร้านคาเฟ่จึงต้องเงยหน้าฉีกยิ้มกว้างท้าแดดของประเทศไทย ถ้าใจเราเย็น อากาศร้อนก็ไม่สะทกสะท้าน… หมับ! “ทอวอซอชุกเก็ตซอ! (ร้อนจะตายอยู่แล้ว!)” ร้อนจะตายอยู่แล้วโว้ยยย! ร่างบอบบางที่ยืนฉีกยิ้มกว้างให้ดวงอาทิตย์อุทานออกมาเสียงดังก่อนจะจับหมวกและกระเป๋าเดินทางวิ่งเข้าไปยืนหลบแสงแดดใต้ต้นไม้ใหญ่ทันที อิมนาบีถอนหายใจ ทำไมมันถึงได้ร้อนแบบนี้ พยายามทำใจเย็นเป็นน้ำแข็งก็ไม่สามารถทำได้หรอก ถ้าจะร้อนอย่างกับซ้อมอยู่ในนรกขนาดนี้น่ะ! อิมนาบีนั่งลงที่เก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม วางกระเป๋าไว้ข้างตัวแล้วมือบางก็ล้วงสมุดเล่มเล็กที่จดภาษาไทยเอาไว้ขึ้นมาดู ตัวอักษรภาษาเกาหลีและภาษาไทยที่ขยุกขยิกอยู่บนหน้ากระดาษทำให้อิมนาบีขมวดคิ้ว ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ จ้องมองมันอย่างตั้งอกตั้งใจมากกว่าเดิม “ยูตรงไน อา…อยู่ตรงไหน” ริมฝีปากชมพูอิ่มเอ่ยตามตัวหนังสือที่จดเอาไว้บนสมุดเล่มเล็ก การเรียนภาษาไทยด้วยตัวเองเป็นเวลาสองปีดูเหมือนจะได้ผลอยู่บ้าง อิมนาบีฟังภาษาไทยออกนิดหน่อย ถ้าหากจะพูดก็ต้องใช้สติและรู้สึกเกร็งปากหน่อยๆ ไม่รู้จะเกร็งทำไมเหมือนกัน ภาษาไทยดูออกเสียงยากเพราะอยู่ที่เกาหลีไม่ค่อยได้พูดกับใครเท่าไหร่ แต่ใช้การดูหนังเป็นภาษาไทยช่วยเอา อิมนาบีเอนหลังพิงเก้าอี้ ถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้ามองใบไม้เขียวขจีที่ปลิวไปตามสายลม ถ้าจู่ๆ จะมีไฟลุกพรึบขึ้นมาที่ใบไม้เธอจะไม่แปลกใจเลย ก็ร้อนระอุไปทุกอณูรูขุมขนขนาดนี้ แต่คิดในแง่ดีเธออาจจะแค่ยังไม่ชินกับอากาศร้อนๆ ก็ได้ อยู่ที่นี่ไปสักพักก็คงดีขึ้น ดูอย่างคุณป้าคนนั้นสิ ยังเดินจูงหมามาเดินเล่นแถวนี้อย่างสบายๆ เลย… “โฮ่ง!” เสียงเห่าจากหมายักษ์ที่คุณป้าจูงอยู่ไกลๆ ดังขึ้น อิมนาบีสะดุ้งเฮือก สมุดจดในมือลอยกระเด็นไปอยู่ที่พื้นตรงเท้าอย่างตกใจ “ไอ้เบิ้ม เอ็งเห่าใบไม้ทำไมไอ้นี่หนิ รีบเดินเร็ว โอ๊ย! ร้อนๆๆ” คุณป้าเจ้าของหมายักษ์รีบจับสายจูงและเดินเข้าบ้านตัวเองไปด้วยความรวดเร็ว อิมนาบีพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เธอไม่ถูกกับหมาเท่าไหร่ ตกใจหมดเลยไอ้หมายักษ์! พอหายตกใจมือบางก็เอื้อมไปเก็บสมุดจดของตัวเองขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋า และหยิบกระดาษเอสี่แผ่นบางที่ปริ้นที่อยู่ห้องเช่าที่จองเอาไว้ขึ้นมาดู เท่าที่ดูจากระยะทางแล้วน่าจะอยู่แถวนี้ แต่ทำไมทางมันดูเหมือนเขาวงกตจนงงแบบนี้กันนะ…เอาน่า แค่นี้สบายมาก ขนาดอากาศร้อนยังทนได้เลย “ไฟติ้ง!” อิมนาบีสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ลุกขึ้นยืน เธอคว้ากระเป๋าเดินทางแล้วตะโกนให้กำลังใจตัวเองเสียงดัง จนลุงสองคนที่นั่งท้าแดดสี่สิบองศาตกปลาอยู่ข้างๆ สระน้ำหันมามองสีหน้ามึนงง “อิหยังวะ” นังหนูคนนั้นตะโกนอะไรน่ะ ร้อนจนเป็นบ้าไปแล้วเรอะ “อันยอง โอ๊ะ…ซาหวัดดีข่า” ถึงจะไม่เข้าใจว่าลุงแกพูดอะไร แต่นาบีก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรและยกมือไหว้แนบอก ก่อนจะลากกระเป๋าและเดินไปตามแผนที่ในมือเพื่อหาห้องเช่าที่จองไว้ มันน่าจะไปซอยนั้นแน่ๆ เลย ตอนแรกจะใช้โทรศัพท์มือถือและเปิดGPS แต่แบตฯ ก็ดันใกล้หมดอีก… “แฮ่กๆ โฮ่ง!” เอี๊ยดดด เสียงสองเท้าเรียวเบรกกะทันหันเกือบหน้าทิ่มทันทีที่เดินเข้ามาในซอย ร่างบางเหลือบไปเจอหมายักษ์พันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดสองตัวกำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยสายตาแวววาว ลิ้นยาวที่ห้อยลงมาพร้อมน้ำลายยืดหน่อยๆ ทำให้นาบียื่นนิ่งอยู่กับที่ มือคว้าหมับจับกระเป๋าเอาไว้แน่น เธอยืนจ้องตากับหมาโดยเนื้อตัวก็สั่นเทาด้วยความกลัว เหงื่อตกและใจสั่นอย่างทำตัวไม่ถูกไปหมด อิมนาบีกัดริมฝีปากก่อนจะสูดหายใจลึกๆ เพื่อตั้งสติและลองค่อยๆ กระดึ๊บๆ ไปข้างหน้าทีละน้อย ทั้งๆ ที่ขาก็สั่นงั่กๆ ไม่เลิก เธอเหมือนจะเป็นลมล้มพับลงตรงนี้ แต่จะมานอนตายอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ด้วยสิ ใจเย็นๆ นะเจ้าหมาน้อย เอ่อ…จะเรียกว่าน้อยได้ไหมนะ ตัวมันสูงเกือบถึงเอวขนาดนี้ “ชองชินชารยอ (ตั้งสติ) …ว้ากกก!” พรึ่บ! กรุ๊งกริ๊ง~ “โฮ่ง! แฮ่กๆ โฮ่ง!” อุตส่าห์ฉีกยิ้มหวานและบอกให้มันใจเย็น แต่มันไม่เย็น หมายักษ์สองตัวมันวิ่งมาทางนี้แล้ววว! อิมนาบีรีบคว้ากระเป๋าเดินทาง จับหมวกที่สวมไว้บังแสงแดดแน่นก่อนจะเร่งสปีดวิ่งหนีหมายักษ์สองตัวที่แยกเขี้ยวยาวๆ ไล่งับอยู่ทางด้านหลังด้วยความรวดเร็ว อากาศร้อนเหมือนซ้อมอยู่ในนรกไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ตอนนี้อุปสรรคอันใหญ่หลวงคือหมาโหดสองตัวที่ไล่ตามมาติดๆ วิ่งสี่คูณร้อยงานกีฬาโรงเรียนตอนประถมยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย อย่ามางับนะ ร้านคาเฟ่ที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตามหาก็ยังไม่เจอ คาเฟ่ที่ใฝ่ฝันก็ยังไม่ได้เปิด! “อะ…อันดเว๊! ม่ายย” อิมนาบีวิ่งหน้าตั้ง ใจสั่นด้วยความวิตกกังวลและหวาดกลัว เธอวิ่งต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่คิดชีวิต มือที่จับประเป๋าลากตามมาด้วยก็เย็นเฉียบ อิมนาบีไม่คิดว่าจะต้องมาเจอหมาไล่แบบนี้ เธอไม่ถูกกับหมาแถมยังกลัวกว่าผีสางซะอีก ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอหน่วยเมื่อยังได้ยินเสียงหมาสองตัวนั้นวิ่งตามไล่งับมาอย่างไม่ลดละ เธอเหมือนจะหายใจไม่ทัน และวิ่งจนเหนื่อยหอบแฮ่กไปพร้อมกับพวกมันสองตัว แต่ไม่ว่ายังไงอิมนาบีก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาจับกระเป๋าเดินทางแล้ววิ่งหนีต่อไปอยู่ดี มือบางหยิบหมวกบนหัวออกมาหนีบไว้ใต้รักแร้ แล้วล้วงสมุดจดที่พกไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาหาคำศัพท์ภาษาไทยที่ใช้ไล่หมา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ…ก็เพราะว่าเธอดันไม่ได้จดไว้น่ะสิ! เธอพยายามรวบรวมสติ พี่โฮยอนพี่สาวของเธอเคยบอกให้ลองทำใจกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวดูสักครั้ง เธอก็อยากจะลองดูสักตั้งเหมือนกัน อิมนาบีสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ถ้าลองพูดกับมันเป็นภาษาเกาหลีพวกมันจะฟังรู้เรื่องไหมนะ? ร่างบางเหลือบไปมองทางด้านหลังอีกครั้งและยังคงเห็นหมายักษ์ไล่ตามเธอมาติดๆ ไม่…พวกมันฟังไม่รู้เรื่องแน่ๆ แต่ตอนนี้เธอพูดเกาหลีผสมไทยมั่วไปหมดแล้ว แบบนี้จะอยู่รอดจนได้ทำคาเฟ่ของตัวเองไหมเนี่ยอิมนาบี! “โฮ่ง! แฮ่กๆ โฮ่งๆ” หมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นหมาที่กระตือรือร้นและตื่นตัวตลอดเวลา ยิ่งพอพวกมันสองตัวได้ยินเสียงกระดิ่งมาจากร่างบางที่วิ่งหนีก็ยิ่งเร่งสปีดตามเธอเร็วขึ้นกว่าเดิมซะอีก อิมนาบีเบิกตาโพลงเมื่อเห็นหมายักษ์เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่คลอเบ้าเริ่มหยดแหมะๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้หมาสองตัวนี้ไม่เหนื่อยกันรึงายยย มันจะวิ่งตามไปถึงไหน! “โอ๊ะ…” มือบางเก็บสมุดจดใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง แต่ดันจับโดนพวงกุญแจหมีคริสต์มาสที่พกเอาไว้ เสียงกระดิ่งจากพวงกุญแจดังไปตามจังหวะการวิ่งของเธอ อิมนาบีขมวดคิ้ว หันไปมองหมายักษ์สองตัวด้านหลังอีกครั้ง อย่าบอกนะว่าที่มันวิ่งไล่งับเธอไม่เลิกเพราะเสียงจากพวงกุญแจหมีน่ะ แถมมันยังทำจมูกฟุดฟิดๆ ตลอดอีกต่างหาก สงสัยได้กลิ่นขนมจากพวงกุญแจนี้แน่ๆ ร่างบางกำพวงกุญแจหมีคริสต์มาสเอาไว้แน่น ของชิ้นนี้คือแรงบันดาลใจในการทำคาเฟ่เลยนะ ถึงจะวิ่งจนขาเปลี้ยไปข้างก็ไม่ให้หรอกไอ้หมายักษ์น้ำลายย้อย! แต่ตอนนี้เหมือนขาเริ่มจะหมดแรงจนสั่นพั่บๆ กระเป๋าเดินทางที่เธอลากตามมาด้วยก็ไม่ใช่ใบเล็ก ใหญ่เกือบเท่าหมาที่ไล่งับสองตัวรวมกัน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับมาเรียนต่อไทยด้วยตัวเองครั้งแรกที่น่าประทับใจนะไอ้หมายักษ์ ฮือออ ตุบๆ ฟุ่บ! เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังไปทั่วสนาม ร่างสูงใหญ่ชู้ตบาสลงห่วงอย่างสวยงามด้วยท่าทางสบายๆ ภูผาดึงชายเสื้อยืดขึ้นมาเช็ดหยาดเหงื่อที่ไหลลงตามขมับ สาวๆ มหาวิทยาลัยที่นั่งดูอยู่ข้างสนามต่างหันขวับมามองซิกซ์แพ็กของเขาแล้วหวีดเบาๆ กับเพื่อนของพวกเธอ ภูผาไม่ได้ใส่ใจ เขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจใครอยู่แล้ว ถึงแม้ที่มหาวิทยาลัยภูผาเป็นที่รู้จักและมีคนชอบเยอะ แต่เพราะเขาดูเป็นคนเข้าถึงยาก และนิ่งเกินไปจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย ซึ่งมันก็ดีแล้ว ภูผาไม่ชอบเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญแบบนั้นสักเท่าไหร่ ขนาดมีรุ่นพี่เคยมาตื๊อสองสามครั้งให้เขาไปประกวดเดือนคณะตอนปีหนึ่ง แค่เขาขมวดคิ้วมุ่นและปฏิเสธเสียงเข้มต่ำติดจะหงุดหงิดใส่ แค่นั้นพวกรุ่นพี่ก็รู้สึกเสียวสันหลังกันหมด และเพราะเขามีนิสัยแบบนี้ผู้คนเลยได้แต่แอบหวีดกันเบาๆ แทน แต่ขนาดหวีดเบาๆ ภูผายังได้ยินเลย… ร่างสูงเดินไปหยิบขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่ข้างกระเป๋าของเขาขึ้นดื่มอึกๆ สายตาคมเหลือบมองไปทางหน้าสนามบาสตรงสระน้ำใหญ่แถวสวนสาธารณะนิ่งๆ “ไอ้ภูผา มึงจะกลับยัง” แชมป์ที่เดินมานั่งพักหันไปถามเพื่อนของเขา วันนี้มันร้อนจังเลยวะ ยังดีหน่อยที่สนามบาสมีโดมไว้บังแดด ไม่งั้นกูกลายเป็นเนื้อตากแห้งกันพอดี “สักพัก มึงล่ะ” “รอไอ้มาร์สเล่นเสร็จ กูให้มันไปส่ง” “อือ” เสียงเข้มต่ำเอ่ยบอกในลำคอเพียงสั้นๆ แล้วร่างสูงใหญ่ที่กำลังกระดกน้ำแก้กระหายก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อหันไปเห็นร่างบอบบางวิ่งลากกระเป๋าเดินทางเกือบจะใหญ่กว่าตัวเธอหนีหมาสองตัวที่ไล่งับตามหลัง ผมยาวสลวยถึงกลางหลังของเธอตอนนี้ดูยุ่งเหยิง คิ้วเรียวขมวดมุ่น แก้มใสทั้งสองข้างบนใบหน้าสวยหวานเลือดสูบฉีดขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มก็ขยุบขมิบบ่นหมายักษ์ทั้งๆ ที่หอบเหนื่อยแทบตาย แถมเธอยังเหมือนร้องไห้น้ำตาคลอเบ้าอีกต่างหาก ภูผาเลิกคิ้วเข้มทันทีที่ร่างบางกระโดดขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ยาวข้างสระน้ำตรงสวนสาธารณะ เธอชี้นิ้วขู่หมายักษ์สองตัว แต่กลับทำท่าทางกลัวมันแบบนั้นได้ยังไง หมาที่ไหนมันจะไปกลัววะ “ไอ้แชมป์กลับยัง” มาร์สเดินปาดเหงื่อแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แชมป์พยักหน้ารับแล้วหันไปบอกภูผาที่ยืนจ้องอะไรอยู่ไม่รู้ “ไอ้ผา งั้นพวกกูไปก่อนนะ” หมับ! “กูยืมบาสก่อน” ฝ่ามือหนาคว้าลูกบาสจากมาร์สมาถือไว้ เพื่อนทั้งสองคนของเขามองกันเลิ่กลั่กด้วยความสงสัยปนงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาเพราะเหนื่อยและอยากกลับไปอาบน้ำจะตายชัก แชมป์กับมาร์สเลยทำเพียงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากสนามบาสแทน ภูผามองไปทางร่างบางที่สะอื้นหน่อยๆ แต่ยังคงยืนชี้หน้าพึมพำใส่หมายักษ์สองตัวไม่เลิก เขาเลิกคิ้วเมื่อเธอทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้หนักกว่าเดิม นิ้วเรียวก็สั่นระริกอย่างกลัวๆ ใบหน้าหวานดูจิ้มลิ้มน่ารักดี แต่ตอนนี้ท่าทางอารมณ์ของเธอคงกังวลและหวาดกลัวจนขอบตาแดงหมดแล้ว ร่างสูงใหญ่อมยิ้มเอ็นดู แล้วเดินไปทางคนที่โดนหมายักษ์ไล่งับทันที หมามันตัวใหญ่และดูน่ากลัวก็จริง แต่เท่าที่เขาเห็นมันคงไม่ได้จะกัดเธอหรอกน่า… ฟิ้ว…พรึ่บ! ปั่ก! “ฮึก…ว้ากกก” “แฮ่กๆ เอ๋งๆ” อิมนาบีที่กลัวจนเกือบร้องไห้ และกำลังชี้หน้าหมาสองตัวด้วยมือที่สั่นระริกสะดุ้งโหยง เธอร้องอุทานออกมาพร้อมกับหมายักษ์ที่จู่ๆ ก็ทำท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมทันทีที่มีลูกบาสปริศนาลอยมากระทบพนักเก้าอี้ที่เธอยืนอยู่ ขาเรียวที่สั่นพั่บๆ เล็กน้อยยกขึ้นข้างหนึ่งด้วยความตกใจ ลูกบาสเมื่อกี้เกือบทำให้นาบีร้องเอ๋งไปพร้อมกับหมาซะแล้ว! หมับ “ไปได้แล้ว” “เอ๋ง แฮ่กๆๆ” โอ้…ชี้หน้าด่าแทบตายหมาไม่ไป เขาพูดแค่สามคำหมายักษ์ทำหน้าหงอยสะบัดตูดกลับไปทางเดิมง่ายๆ อย่างงี้เลยเรอะ อิมนาบีเบิกตาโตหันขวับไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนถือลูกบาสเก็ตบอลอยู่ข้างเก้าอี้ที่เธอยืนอยู่ด้วยความทึ่งเล็กน้อย แล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดๆ อุหวา! นอกจากจะสูงแล้วยังดูเท่อีก นี่คนหรือเทพบุตร แอบตาลายเห็นปีกโผล่ด้านหลังของเขาด้วยแน่ะ “ยืนขาสั่นมือสั่นแบบนั้นหมาที่ไหนมันจะไปกลัว” พรึ่บ! และปีกที่หลังของเขาเมื่อกี้ก็หายลับไปทันที กลายเป็นปีกสีดำอึมครึมแทนเมื่อเขาขมวดคิ้วเข้มมุ่นหันมามองเธอนิ่งๆ เหมือนกำลังดุเด็กซนวัยสามขวบ หน้าเขาหล่อมาก ผิวสีแทนหน่อยๆ ก็ทำให้เขาดูเท่ขึ้นไปอีก แต่พอเขาขมวดคิ้วแบบนี้ทำไมดูน่ากลัวก็ไม่รู้สิ ภูผางุนงงเล็กน้อย เขาไม่ได้หงุดหงิดหรืออะไรสักหน่อย ทำไมเธอต้องทำหน้าตาเหมือนหมาหงอยสองตัวนั้นเลยวะ “ตะ…แต๊งกิ้ว” อิมนาบีฟังที่เขาพูดทันเป็นบางคำ และคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ไม่งั้นเขาไม่มาช่วยเธอจากหมายักษ์สองตัวนั้นหรอก แถมท่าโยนบาสของเขาก็เท่จนลืมไม่ลงเลย พออิมนาบีลงมายืนที่พื้นข้างร่างสูงใหญ่เธอเลยเอ่ยขอบคุณเบาๆ รู้สึกโล่งอกที่หมาสองตัวนั้นหายไปแล้ว วิ่งสู้ฟัดกับมันตั้งนาน แข้งขาอ่อนเปลี้ยไปหมด “Where are you going?” ภูผาเลิกคิ้วเข้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านาบีคงเป็นชาวต่างชาติ เขาเลยถามเป็นภาษาอังกฤษแทน สายตาคมเหลือบมองร่างบอบบางที่ยืนหอบเหนื่อย แถมยังขอบตาแดงก่ำอยู่ข้างๆ แล้วอดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้ สงสัยจะโดนหมาไล่มาไกลพอสมควรถึงได้ดูเหนื่อยขนาดนี้ “เอ่อ…” อิมนาบีกระแอมเบาๆ กับตัวเอง หัวสมองก็คิดคำศัพท์ต่างๆ ไปด้วย ภาษาไทยของเธอไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าฟังรู้เรื่องและพูดได้นิดหน่อย ส่วนภาษาอังกฤษของเธอนั้น…เรียกว่าง่อยเลยก็ว่าได้ ตอนเรียนเกรดวิชานี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากจนน่าหดหู่ใจ เอายังไงดี เขาถามเป็นภาษาอังกฤษเราก็ควรจะตอบเป็นภาษาอังกฤษสินะ ว่าแต่ เขาถามว่าเธอกำลังไปที่ไหนใช่หรือเปล่า… “ดินแดนชิแอ่มอะพาร์ตเมนต์” “ดินแดนชิแอม?” “อื้ม ชิแอ่ม” อิมนาบีพยักหน้าหงึกหงักอย่างมั่นใจ เธอมั่นใจว่าจำชื่ออะพาร์ตเมนต์ที่จองเอาไว้ไม่ผิดแน่ หาทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้นใครจะจำไม่ได้กัน แต่ทำไมเขาถึงเลิกคิ้วเข้มด้วยความงุนงงแบบนั้นกันล่ะ ชะอำเหรอวะ…แต่ไม่น่าใช่ หาดชะอำอะไรจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ภูผาขมวดคิ้วแล้วพิมพ์ยิกๆ ที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง เขาลองค้นหาชื่ออะพาร์ตเมนต์ดินแดนชิแอ่มตามที่เธอบอก แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ถ้าแถวนี้ก็เห็นจะมีแต่ดินแดนสยามอะพาร์ตเมนต์ ร่างสูงใหญ่หันไปมองนาบีที่ยืนจ้องเขาตาปริบๆ อีกครั้ง ยื่นหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปให้เธอดูเพื่อความแน่ใจ “อันนี้รึเปล่า ใช่ดินแดนสยามมั้ย” เพล้ง! เสียงหน้าแตกละเอียดร่วงลงพื้นทันทีที่นาบีได้ยิน ความมั่นใจเกินร้อยของเธอได้มลายหายไปกับอากาศร้อนแล้วเรียบร้อย นาบีอยากซุกหน้าหนีไปที่หลุมบนฟุตพาต หรือไม่ก็โดดน้ำหายไปเลยก็ยังดี มือบางจับกระเป๋าลากใบเท่าหมายักษ์สองตัวรวมกันแน่นอย่างประหม่า เหงื่อแตกพลั่กมากกว่าเดิม… แต่พอตั้งสติและมาคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้น่าอายสักหน่อย เธอปลงกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของตัวเองตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะชิแอ่มหรือสยาม แค่รู้เรื่องก็เป็นพอ! “เยสๆ อยู่ตรงไหนคะ” ภูผาแปลกใจเล็กน้อยที่นาบีพูดไทย และมันฟังดูชัดกว่าภาษาอังกฤษซะอีก เขายิ้มบาง มองใบหน้าสวยหวานที่แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อจากอากาศร้อนๆ อีกครั้ง “ให้พาไปมั้ย บ้านอยู่แถวนั้นพอดี” “จะพาไปเหรอคะ?” “อือ เธอจะให้พาไปรึเปล่า” ร่างบางพยักหน้าหงึกหงักรัวๆ เธอคิดว่าถ้ายังคงเดินหาแบบนี้อาจจะเจอหมายักษ์ไล่งับอีกก็เป็นได้ ภูผาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเด๋อด๋าและอ่านง่ายของอิมนาบี เธอเป็นคนแสดงอารมณ์ทุกอย่างผ่านทางสีหน้าหวานๆ ของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะพยายามเก็บเอาไว้ยังไงก็ห้ามไม่ค่อยได้ทุกที “งั้นฉันไปเอากระเป๋าก่อน เธอนั่งรอตรงนี้แล้วกัน” ภูผาบอกเสียงเข้มต่ำช้าๆ แล้วเดินกลับไปที่สนามบาสเพื่อไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง อิมนาบีนั่งลงที่เก้าอี้ยาวรอเขา มือบางล้วงไปหยิบพวงกุญแจหมีคริสต์มาสขึ้นมาดู เธอยิ้มกว้างอย่างโล่งใจที่มันไม่โดนหมายักษ์สองตัวนั้นกลืนลงท้องไปซะก่อน เจ้าหมีแสนน่ารักเป็นสิ่งเตือนใจให้เธอไม่ลืมความฝันที่จะเปิดร้านคาเฟ่ของตัวเอง ประมาณสิบปีที่แล้วเด็กน้อยอิมนาบีได้เข้าไปในร้านคาเฟ่ร้านหนึ่ง วันคริสต์มาสปีนั้นแม่ของเธอไม่ว่าง นาบีเลยเดินหาร้านเค้กเพื่อซื้อไปกินกับแม่ และพี่สาวที่บ้าน พวงกุญแจหมีคริสต์มาสที่มีกลิ่นหอมของขนมอันนี้เธอได้มาจากร้านคาเฟ่ร้านนั้นที่แจกเฉพาะในวันและเทศกาลพิเศษ คาเฟ่ในฝันที่ทำให้เด็กน้อยอิมนาบีต้องดั้นด้นสอบชิงทุนมาเรียนต่อที่ไทย บินข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนกิมจิบ้านเกิดมายังไทยแลนด์แดนมหัศจรรย์ที่ร้อนโคตรๆ เพื่อมาตามหาร้านคาเฟ่และเรียนทำเค้ก แถมยังมาไม่ทันไรก็ถูกหมายักษ์ไล่งับต้องวิ่งสู้ฟัดจนหอบแฮ่กแบบนี้ยังไงล่ะ! “ไปยัง” “อะ…โอเคๆ” อิมนาบีเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเข้มต่ำยิ้มๆ พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเก็บพวงกุญแจหมีใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตามเดิม สายตาคมเหลือบมองร่างบอบบางที่ลุกไปหยิบกระเป๋าเดินทางด้วยท่าทางทุลักทุเล ภูผาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางใบเท่าควายของนาบีมาถือเอาไว้ซะเอง หมับ! “เดี๋ยวถือให้ ถ้าเธอถือคงอีกสามชั่วโมงกว่าจะถึง” ร่างสูงใหญ่เอ่ยบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง อิมนาบีตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ภูผาก็คว้ากระเป๋าเดินทางของเธอไปถือไว้ เธอก็นึกว่าเขาจะขโมยกระเป๋าของเธอไปขาย และพอฟังจากคำพูดของเขาเมื่อกี้แล้ว เขาว่าเธอขาสั้น…หรือรู้ว่าเธอเหนื่อยจากการวิ่งหนีหมาเลยจะช่วยกันแน่น่ะ “ขอบคุณค่ะ” แต่อิมนาบีไม่อยากคิดอะไรมาก เลยได้แต่กล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทยเบาๆ พร้อมยิ้มบางแล้วปล่อยให้ภูผาลากกระเป๋าเดินทางของเธอไปอย่างนั้น ก่อนจะเดินตามเขาไป

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.7K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.5K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.0K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
31.4K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
4.5K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook