รัตติกาลแห่งตราบาปUpdated at Jan 10, 2025, 17:16
กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดไป ก็คือวันที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว
ฉันทำได้เพียงมองร่างของตัวเองที่กำลังถูกหมอปั๊มหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกคืนลมหายใจที่หายไปกลับคืนมา แต่ทว่าหมอท่านนั้นถึงแม้ว่าจะทำสุดความสามารถแต่พวกเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพให้กับคนตายได้..
ฉันตาย..แม่งเอ๊ย!!
ถ้ารู้ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ฉันคงจะใช้ชีวิตที่อยากใช้ไปแล้ว เพราะเติบโตขึ้นมาในสถานสงเคราะห์ เมื่อโตขึ้นมาฉันถึงได้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลับไปในสถานที่เช่นนั้นอีก
ฉันตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อวิ่งหนีความจนที่ตามติดเป็นเงา ฉันตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังที่เป็นของตัวเอง จะได้ทำงานน้อยลงเผื่ออายุมากขึ้นจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวและมีความรักกับเขาดูบ้าง
แต่ฉันดันตายก่อน..ตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย
“เจ้ามนุษย์ที่แสนโง่เขลาเอ๋ย ข้ามีชีวิตที่ยาวนานนับนิรันดรแต่กลับไม่เคยเห็นใครมีชีวิตที่จืดชืดและไร้สีสันเช่นเจ้ามาก่อนเลย”
พอกะพริบตาอีกครั้งจากที่เมื่อครู่ฉันยืนอยู่ในโรงพยาบาลแต่ทว่าในยามนี้ฉันกลับกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ว่างเปล่าไปหมด รอบข้างเป็นสีรัตติกาลที่แทบมองอะไรไม่เห็นนอกจากตัวเอง
“หรือว่าที่นี่คือปรโลกอย่างนั้นหรือคะ หนูไม่เคยทำร้ายหรือว่าคิดไม่ดีกับใครเลย เพราะแบบนั้นหนูจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหมคะ?”
ฉันเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปด้วยความไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขนลุกไม่น้อย
“ก็เพราะแบบนั้นข้าถึงได้บอกว่าเจ้าคือมนุษย์ที่ใช้ชีวิตได้จืดชืดและไร้สีสันยังไงล่ะ เจ้าไม่เคยรู้จักกับ..ความสัมพันธ์แสนหวานในเรื่องของความรัก ไม่เคยคิดเกลียดชังหรือว่าริษยาผู้ใด อีกทั้งเจ้ายังตายโดยที่ตัวเองยังคงถือครองพรหมจรรย์อีกด้วย..เพราะฉะนั้นข้าจะส่งให้เจ้าไปใช้ชีวิตที่มีสีสันอีกครั้งหนึ่ง”
เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบร่างกายของฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงในทันที มีปีกงอกขึ้นมาที่กลางหลังพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
มีปีกงั้นเหรอ?
“นี่ท่าน..จะให้หนูเป็นนางฟ้าใช่ไหมคะ ท่านคือพระเจ้าใช่หรือไม่ ไม่เสียแรงที่หนูอุตส่าห์ทำความดีมาตลอดชีวิต”
มีปีกแบบนี้ต้องเป็นนางฟ้าอย่างแน่นอน ให้ตายสิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเป็นนางฟ้า
“ฮะ..ฮ่า! พระเจ้าอย่างนั้นหรือเด็กน้อย ข้ามิใช่พระเจ้าแต่อยู่ตรงข้ามกันต่างหาก อีกทั้งเจ้าก็มิใช่นางฟ้าด้วย..จงใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณอันแรงกล้าในใจของเจ้า ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องถูกผิด แต่จงคำนึงถึงความต้องการของตัวเองก็พอ”
จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน จะให้ใช้ชีวิตโดยเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งเนี่ยนะ นั่นมันคือการกระทำที่เห็นแก่ตัวสุดๆไปเลยไม่ใช่เรอะ...ตาลุงเจ้าของเสียงนี่..คือใครกันนะ
“ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตใหม่ จากนี้ไปชื่อของเจ้าคือโรแอนด์..จงกลืนกินความฝันอันแสนเร่าร้อนของบุรุษมาให้มากพอโรแอนด์ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย..”
“ตู้ม!”
เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมาก่อนที่เบื้องหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นบ้านเมืองที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไหร่นัก ปีกที่หลังของฉันหายไปแล้ว แต่ทว่าที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ฉันทอดสายตามองออกไปก็พบเจอกับทหารในชุดแปลกประหลาดที่กำลังสู้รบกัน นี่ฉัน..ย้อนเวลามางั้นเรอะ แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย
“วิ่งเร็ว!!”
นั่นสินะ ต้องวิ่งก่อนอย่างอื่นค่อยคิดทีหลัง ฉันพึ่งจะรอดตายเพราะแบบนั้นจะมาตายอีกครั้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“!!!”
เท้าทั้งสองข้างพลันชะงัก เมื่อฉันได้กลิ่นหอมหวานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน กลิ่นนั้นไม่ใช่กลิ่นของอาหารแต่มันคือกลิ่นอะไรฉันก็ไม่แน่ใจ รู้เพียงแต่ว่าร่างกายนี้ตอบสนองต่อกลิ่นนั้นจนมือทั้งสองข้างสั่นเทาไปหมด
ฝีเท้าทั้งสองข้างหยุดลงที่หน้าโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่นี่มีทั้งผู้บาดเจ็บที่กำลังนั่งรอการรักษา และบาทหลวงที่กำลังช่วยเหลือชาวบ้านอยู่
ถึงแม้ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่ตาลุงเจ้าของเสียงนั้นบอกให้ฉัน..กลืนกินความฝันอันเร่าร้อนของบุรุษมา..
หัวใจของฉันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเอาเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน กินฝัน มีปีก..เหลืออีกแค่อย่างเดียวเท่านั้น ฉันต้องการเปิดชุดเดรสที่สวมอยู่นี่ออกไป เพราะต้องการดูตรงหน้าท้องว่ามีตราในแบบที่ฉันคิดเอาไว้รึเปล่า
“......”
ในขณะที่ฉันกำลังจะถกกระโปรงขึ้นก็มีบาทหลวงผู้หนึ่งเดินเข้ามาจับมือของฉันเอาไว้ในทันที
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยนะครับเลดี้ หากท่านต้องการจะเปลี่ยนชุด..เข้าไปด้านใน..”
กลิ่นนี้อีกแล้ว มันเป็นกลิ่นหอมหวานที่เหมือนกับไวน์เบลเดนที่ถูกบ่มอย่างได้ที่ เป็นกลิ่นที่ทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากด้วยความรู้สึกกระหายอยาก
แล้วใบหน้านี้มันคืออะไรกัน เป็นบาทหลวงจำเป็นจะต้องหล่อเหลาถึงเพียงนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
“อะ..เอ่อ..ข้ารู้สึก เหมือนจะไม่สบายเลยค่ะ เพราะแบบนั้นกะ..ก็เลยอยากจะ.."
เพราะสกิลในการเข้าหาผู้ชายเป็น0 ฉันถึงได้แสดงท่าทีที่น่าตลกเช่นนั้นออกไป
“ตามมาสิครับ หากว่าท่านต้องการที่พัก โบสถ์ของเราพอจะมีห้องว่างอยู่”
ฉันมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยดวงตาละห้อย ความรู้สึกบ้าบอนี่มันคืออะไรกันนะ รู้สึกอยากจะกัด..ลงไปบนต้นคอนั้นจังเลย แล้วกลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายออกมานี่มันคือกลิ่นของน้ำหอมหรืออย่างไรกัน
ฉันเอื้อมมือไปจับชายเสื้อคลุมของเขาขึ้นมาดมเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันกลับมาในทันที
“...เลดี้ครับ?”
ฉันรีบปล่อยมือออกจากชายเสื้อนั้นในทันทีด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนยิ่งกว่าเก่า
“...คะ? มีอะไรรึเปล่า”
เอสวาคิดว่าสตรีผู้นี้อาจจะพบเจอกับเรื่องกระทบกระเทือนในจิตใจมากพอสมควร นางถึงแสดงท่าทีที่แปลกประหลาดออกมาไม่หยุดหย่อน สตรีที่สติดีที่ไหนจะถลกกระโปรงของตัวเองขึ้นมาท่ามกลางสายตาของผู้อื่นเล่า..
เขาเอื้อมมือไปแตะลงบนหน้าผากของนาง และเอสวาก็ได้เห็นแผลบนนั้นพร้อมกับรอยเลือดที่แห้งกรัง นี่ก็บ่งบอกได้แล้วว่านางจะต้องได้รับการกระทบกระเทือนทั้งทางศีรษะและจิตใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ว่าท่านจะพบเจอเรื่อ