Story By ฝากรักไว้ที่ปลายฟ้า
author-avatar

ฝากรักไว้ที่ปลายฟ้า

bc
เกิดใหม่ทั้งที จะมีสามีคนเดียวได้ไง
Updated at Jul 26, 2024, 07:57
บนโลกใบนี้มีเรื่องราวมากมายที่มันน่าเหลือเชื่อ แต่ทว่าในตอนนี้ ตอนที่ฉันคนนี้กำลังมองเห็นคฤหาสน์แสนหรูหราที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ล้วนแล้วแต่ไม่น่าเชื่อทั้งนั้นว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนขนาดใหญ่ ข้างๆ เตียงมีสาวใช้กำลังนั่งร้องไห้ด้วยท่าทางหมดแรง และเมื่อเธอคนนั้นมองเห็นฉันที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงบนแววตาที่เจือปนด้วยหยาดน้ำตาก็เบิกกว้างขึ้นมา “คุณหนู..” โรสรีบลุกขึ้นในทันทีพร้อมกับส่งแก้วน้ำให้กับคุณหนูของเธอ เมื่อวานมันมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นจนเธอและคุณหนูไม่ทันได้ตั้งตัว หรือว่า..ควรจะถามอะไรออกไปก่อนดีนะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เข้ามาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ “ขอโทษนะคะ คือว่าที่นี่ที่ไหนอย่างงั้นเหรอคะ?” คำถามนั้นแทบจะทำให้โรสรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ “โถ่ คุณหนูคะ..” โรสเล่าเรื่องต่างๆ ให้คุณหนูของเธอได้รับฟัง เมื่อวานทางพระราชวังประกาศราชโองการออกมาถึงพันธสัญญาสงบศึกกับชนเผ่านอลข่าน เพราะเมื่อครั้งอดีตทางจักรวรรดิได้ส่งทหาร ยารักษาโรคและอาหารมากมายให้ชนเผ่าเล็กๆ ในทะเลทราย ชนเผ่านอลข่านจึงทราบซึ้งในพระมหากรุณาขององค์จักรพรรดิ และสิบปีต่อมาจากชนเผ่าเล็กๆ ในทะเลทรายกลับร่ำรวยขึ้นมาเพราะแร่ทองคำและเหมืองเพชรที่ขุดพบในชนเผ่าของตัวเอง อีกทั้งพระราชาของนอลข่านก็ยังบ้าสงคราม ทรงเป็นทรราชผู้กระหายอำนาจและชัยชนะ นอลข่านทำสงครามมากมายแต่ไม่ทำสงครามกับจักรวรรดิเพราะยังนึกถึงบุญคุณกันตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน บัดนี้จากชนเผ่าเล็กๆ กลับกลายเป็นราชอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล และเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่มีมายาวนาน ราชาแห่งนอลข่านจึงส่งคำร้องขอเลดี้ชนชั้นสูงไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ องค์จักรพรรดิฮอร์ตันทรงไม่มีพระธิดาเพราะอย่างนั้นพระองค์ถึงได้เลือกเลดี้ชนชั้นสูงมาหนึ่งนาง และอามิตี้อยู่ในข้อเสนอที่ดีเยี่ยมพอดี เพราะไม่มีชนชั้นสูงตระกูลไหนยินยอมให้ลูกสาวผู้ล้ำค่าของตัวเองไปแต่งงานกับราชอาณาจักรนอลข่าน ถึงแม้ว่าในยามนี้นอลข่านจะมิได้เป็นชนเผ่าเล็กๆ เช่นเดิม แต่ทว่าความป่าเถื่อนของพวกเขานั้นฝังลึกอยู่ในสายเลือด ทำให้ไม่มีชนชั้นสูงตระกูลใดยินยอมส่งมอบบุตรสาวของตัวเองไปแต่งงานในครั้งนี้เลย แต่อามิตี้นั้นแตกต่าง เซอร์อามิตี้กำลังมีปัญหาเรื่องเรือสำเภาที่ส่งของล่มในทะเล ตระกูลที่มั่งคั่งกลับกลายเป็นตระกูลที่ถังแตกและรอวันล่มสลาย เพราะอย่างนั้นองค์จักรพรรดิจึงยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มอามิตี้ด้วยเงินทองจำนวนมากพร้อมกับเลื่อนขั้น จากเซอร์ให้เป็นท่านเคาน์ด้วย “......” นี่มัน..เนื้อหาตอนท้ายในนิยายเรื่อง “ฉันจะไม่เห็นแก่เงินอีกแล้วค่ะ” ไม่ใช่เรอะ!! ฉันในตอนนี้คือยัยตัวร้ายไกอาที่ชอบรังแกคนอื่นไปทั่วอย่างงั้นเรอะ!! อ่า..ให้ตายสิ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นตัวร้ายเลย หรือหากจะพูดกันจริงๆ ฉันอยากเป็นแค่ตัวประกอบธรรมดาๆ ที่ได้กรีดร้องเสียงดังๆ เมื่อท่านเจนนีสเดินผ่านก็เท่านั้นเอง แต่นี่กลับต้องเป็น..ไกอา แถมความซวยทั้งหมดที่ยัยตัวร้ายเป็นคนก่อ แต่ทำไมฉันจะต้องมารับกรรมไปด้วยละวะเนี่ย “เมื่อวานคุณหนูดื่มยาพิษเข้าไปพร้อมกับเขียนจดหมายฉบับนี้ทิ้งเอาไว้ค่ะ” ฉันยื่นมือไปรับจดหมายนั้นมาเปิดอ่าน “ข้ารู้ว่าท่านพี่จะขายข้าเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปแต่งงานกับเลดี้แอนเจลิก้า ข้าไม่มีวันทำให้ท่านพี่สมหวังอย่างแน่นอน” ฉันยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ เพราะเรื่องราวทั้งหมดที่มันย่ำแย่ขนาดนี้มันเป็นเพราะการกระทำของไกอาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ที่เรือสำเภาของพี่ชายนางล่มมันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นฝีมือของเพื่อนที่ไกอาสั่งให้น้องสาวของเพื่อนนางไปรังแกลิเวีย ทว่าองค์รัชทายาทมาช่วยทันทำให้น้องสาวของเพื่อนนางถูกเนรเทศออกไปจากที่นี่ ความคับแค้นทำให้สตรีผู้นั้นวางแผนล่มเรือสำเภาของอามิตี้ แถมข้าวของด้านในเรือมันคือรายการสินค้าปลอมที่ทำขึ้นมา ท่านพี่ของนางติดหนี้มหาศาลเพราะรายการสินค้าปลอมพวกนั้น แต่นางกลับโกรธเคืองพี่ชายแล้ว..กินยาพิษงั้นเหรอ ยัยโง่เอ้ย..ต่อให้ชีวิตมันจะเลวร้ายมากแค่ไหนก็ตายไม่ได้สิ เพราะการมีชีวิตอยู่และมีลมหายใจนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ฉันคิดแบบนั้นมาโดยตลอด จนรถม้าเคลื่อนตัวเข้ามาด้านในราชอาณาจักรนอลข่าน พระราชวังกลางทะเลทรายที่แสนสวยงาม มีเมืองน้อยใหญ่ติดต่อกัน ตึกรามที่ก่อสร้างออกมาอย่างแปลกตา ทะเลทรายที่นี่ไม่ได้เหมือนกับทะเลทรายในความคิดของฉันเพราะว่าที่นี่ยังมีต้นไม้ปกคลุมอยู่บ้างไม่ได้ร้อนมากอย่างที่ควรจะเป็น ผู้คนที่นี่สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นยิ่งนัก และฉันที่สวมชุดเดรสหนาสามชั้นถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ “จะต้องทำตัวให้สมกับเป็นเลดี้นะคะคุณหนู” ทำตัวให้สมกับเป็นเลดี้คือห้ามร้อนด้วยงั้นเรอะ เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปทนไหวกัน “เชิญเลดี้อามิตี้เข้าพบพระราชาแห่งนอลข่าน” ในตอนที่เธอขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางมาที่นี่ ท่านพี่อีธานนั้นร้องไห้ออกมา เขาไม่ได้เต็มใจที่จะขายไกอาให้แก่นอลข่าน แต่เพราะไม่มีใครสามารถขัดราชโองการได้ ทำให้เขาจะต้องก้มหน้ายอมรับและส่งตัวน้องสาว ซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของตัวเองมาด้วยน้ำตา แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกใจหายหรือว่าอะไรทั้งนั้น เพราะเธอพึ่งมาที่นี่ได้ไม่กี่วันเท่านั้น เธอได้เห็นท่านเจนนีสผู้งดงามด้วยสายตาของตัวเอง ได้เห็นว่าที่จักรพรรดินีลิเวียที่แสนน่ารัก ได้เห็นท่านดยุคมาทอส เห็นตัวละครที่เธอรักผ่านสายตาที่มองเห็นไม่ได้มองเห็นพวกเขาผ่านตัวหนังสืออย่างเคย แค่เท่านี้ชีวิตติ่งของเธอก็ประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่มาลุ้นกันว่าเธอจะได้แต่งงานกับใครกัน? “อามิตี้ ไกอา ขอถวายความเคารพแก่ดวงอาทิตย์ของนอลข่าน..” “ดูนางสิ ข้าได้ยินมาว่านางคือสตรีร้ายกาจแต่ทว่านางมีใบหน้าที่ไม่เลวเลยนะ แถมผิวขาวๆ นั่น..ยังหาได้น้อยมากในเมืองของเรา” “อย่าถูกรูปลักษณ์นั้นหลอกลวงเอาเชียว นางคือสตรีที่ถูกส่งมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพราะอย่างนั้นหากเจ้าอาสารับนางมาเป็นภรรยา แน่นอนว่าเจ้าจะไม่สามารถมีอนุได้เลย ชีวิตคงจืดชืดน่าดูที่ต้องแต่งงานกับสตรีเพียงนางเดียวทั้งชีวิต” เอ้า! อีชายแท้พวก
like
bc
พี่สาวครับ ไหนว่าจะรับผิดชอบไง
Updated at Jul 25, 2024, 19:25
เลดี้ทีเซียสมีนามว่าเฟรญ่า น้องสาวเพียงผู้เดียวของดยุคมาทอส ทีเซียส กิจการกว่าครึ่งในจักรวรรดิคือกิจการของตระกูลทีเซียส หากจะถามถึงความร่ำรวยแน่นอนว่าทีเซียสนั้นแทบจะร่ำรวยมากเสียยิ่งกว่าองค์จักรพรรดิ และตลาดสมรสในปีนั้น เหล่าบุรุษต่างจับจ้องมองมาที่สตรีเพียงผู้เดียวนั่นคือเลดี้ทีเซียสผู้มีเรือนผมสีเงินที่แสนจะโดดเด่น ใบหน้าของเฟรญ่านั้นถือเป็นสตรีผู้งดงามตามแบบฉบับของตระกูลทีเซียสที่ได้ชื่อว่างดงามหมดจดดุจพระเจ้าทรงปั้น ทว่าในวัยเด็กเฟรญ่าประสบอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง ทำให้ขาข้างซ้ายของเธอเดินเหินไม่สะดวกเท่าไหร่ เธอจะต้องใช้ไม้เท้าในการช่วยพยุง บาดแผลในวัยเด็กถึงแม้ว่าจะสาหัส แต่เพราะว่าเธอมีพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ดีมาก ทำให้เฟรญ่าไม่ได้สนใจเรื่องที่ตัวเองนั้นเหมือนสินค้าที่มีตำหนิ “เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าอับอายมากแค่ไหนเมื่อตระกูลจามินของเรามีงานเลี้ยง แล้วแกรนด์ดัชเชสเดินลงมาด้วยขาที่พิการเช่นนี้น่ะ..” เฟรญ่าคิดว่าความรักของเธอมันจะเหมือนกับในนิยายที่เคยได้อ่าน ความรักที่สวยเหมือนกับของพี่ชายและท่านพี่เจนนีส แกรนด์ดยุคจามินคือเครือญาติที่แสนเก่าแก่ของราชวงศ์ และท่านแอชตันคือคู่ครองที่เหมาะสม เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาชวนฝัน อีกทั้งเขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจกับขาที่เดินไม่ค่อยคล่องของเธอ เราคบหากันเป็นระยะเวลาสามปีก่อนที่เฟรญ่าจะตัดสินใจแต่งงานกับเขา เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลจามิน พร้อมกับสินสอดมหาศาลที่ท่านพี่มาทอสส่งมอบให้ ในช่วงแรกทั้งท่านแม่และน้องสาวของสามีดีกับเธอมากทีเดียว จนถึงช่วงที่แกรนด์ดยุคจะต้องเดินทางออกไปปราบพวกปีศาจเป็นระยะเวลากว่าสองปี หลังจากนั้นบ้านหลังนี้ก็เหมือนกับนรกในสายตาของเฟรญ่า เธอคิดว่าตัวเองนั้นจิตใจเข้มแข็งมากทีเดียว แต่ทว่าความเข้มแข็งของเธอมันจางหายไปเมื่อถูกทั้งแม่สามีและน้องสาวของเขาก่นด่าและทำร้ายร่างกายของเธอในทุกวัน “งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้พี่ไม่ต้องไปร่วมงานหรอกนะคะ ข้าไม่อยากเดินเข้าไปในงานพร้อมกันกับพี่..ในเมื่อพี่เดินไม่สะดวกก็ไม่ควรจะเข้าร่วมงานนี่ ข้าอายเป็นนะ อีกทั้งท่านแม่เองก็คงจะคิดเหมือนกัน” เพราะมาอยู่ต่างเมืองนั่นทำให้เฟรญ่าขาดการติดต่อกับพี่ชาย เธอพยายามจะส่งจดหมายไปหาท่านพี่แต่ทว่าก็ไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับมาเลย อีกทั้งในยามนี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในคฤหาสน์หลักด้วยซ้ำ “ขาเจ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าน่าจะขึ้นบันไดไม่สะดวกนี่ เพราะอย่างนั้นเจ้าย้ายไปอยู่ที่เรือนคนใช้เถอะ ที่นั่นน่าจะสะดวกสำหรับคนพิการเช่นเจ้ามากกว่าที่คฤหาสน์แห่งนี้” เฟรญ่ากลืนความเจ็บปวดลงคอพร้อมยินยอมไปพักที่เรือนคนใช้ เธอยังคงเชื่อมั่นในความรักและคิดว่าทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นเมื่อสามีของเธอกลับมาจากสนามรบ ในวันที่แอชตันกลับมา เขากลับมาที่นี่พร้อมกับสตรีผู้หนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์.. “เจ้าต้องเข้าใจข้านะเฟรญ่า ข้าห่างเจ้าไปขนาดนั้นในความต้องการของบุรุษมันก็จะต้องมีที่ระบายกันบ้างและดาเนียนางไม่ผิดสักหน่อย..” หากว่าสตรีผู้นั้นไม่ผิด..แล้วในคฤหาสน์หลังนี้ใครกันล่ะที่ผิด เธออย่างนั้นหรือที่ผิด เธอผิดที่เข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเขาหลอกใช้ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือ? เมื่อคิดได้ดังนั้นเฟรญ่าจึงตั้งใจว่าจะหย่า แต่หากนางเดินเข้าไปหาเขาเพื่อขอหย่าแน่นอนว่าแอชตันไม่น่าจะยินยอมเพราะเงินที่ท่านพี่ของเธอส่งมาที่นี่ในแต่ละเดือนไม่น่าจะน้อยนิด เพราะอย่างนั้นเฟรญ่าจึงตั้งใจว่าจะหนีไป! เธอขายเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายพร้อมกับหลบหนีออกไปจากที่นี่ แต่ด้วยขาที่ก้าวเดินไม่ค่อยถนัดของเธอมันทำให้การหลบหนีนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เธอจ่ายเงินให้กับทหารเพื่อให้เขายินยอมเปิดประตูของคฤหาสน์ให้เธอออกไป ในวินาทีที่เฟรญ่าสัมผัสได้ถึงอิสระ แอชตันก็ตามเธอมาในทันที เขาลากเธอไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ที่เป็นป่าทึบก่อนจะใช้ขอนไม้ทุบบริเวณขาข้างซ้ายของเธออย่างแรง “อะ..แอชตัน ได้โปรด!! ท่านเกลียดชังอะไรข้าหนักหนา..” “ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าเลยเฟรญ่า แต่ข้าจำเป็นที่จะต้องมีเงินเยอะๆ เพราะว่าลูกของข้ากำลังจะคลอดออกมา! และถ้าหากว่าข้าบอกว่านั่นคือลูกของเจ้า..ท่านดยุคคงจะมอบเงินมหาศาลให้กับจามิน ข้าไม่มีทางเลือกเฟรญ่า! ข้ารักดาเนีย นางคือสตรีที่ข้ารักและข้าจะต้องมีทีเซียส..ข้าสูญเสียบ่อเงินบ่อทองของข้าไปไม่ได้หรอกนะ..หากว่าข้า..ทะ..ทุบขาของเจ้าอีกข้างให้มันแหละละเอียด คราวนี้เจ้าก็คงจะหลบหนีไปไม่ได้แล้วสินะ เจ้าเคยรักข้านี่ ทำเพื่อข้าอีกสักครั้งไม่ได้อย่างนั้นหรือ!!” ....นี่มันอะไรกัน? ครั้งหนึ่งเธอเคยรักชายผู้นี้อย่างสุดหัวใจเพราะความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ครั้งหนึ่งเธอเคยเชื่อมั่นว่านี่แหละคือคนที่เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาจนกว่าจะหมดสิ้นลมหายใจ แต่ในยามนี้ชายผู้นั้นกลับเป็นคนเลือดเย็นที่กำลังพยายามจะสังหารเธอ.. “อ๊าก..แอชตัน ข้าเจ็บ!!” ข้อเท้าข้างขวาของเฟรญ่าแหลกละเอียดในทันทีที่แอชตันใช้ไม้กระหน่ำทุบลงไป เฟรญ่าถูกขังอยู่ในห้องมืดๆ ในทุกเดือนจะมีพ่อบ้านมาหาเธอเพื่อที่เขาจะใช้นิ้วของเธอในการพิมพ์ลงไปบนใบรับเงิน เธอมองไม่เห็นแสงสว่างเลย รอบกายมันมืดไปหมดและ..เมื่อไหร่ความตายจะเดินทางมาหาเธอสักที “เจ้าไม่กินงั้นเหรอ?” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาในความมืดของคุกใต้ดิน “.....” “หากเจ้าไม่ตอบข้าจะกินแล้วนะ” เฟรญ่าหลับตาลงเธอนอนบนกองฟางด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา “นี่..ข้าอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว และข้ากำลังจะหาทางหลบหนีล่ะ เจ้าอยากไปด้วยกันกับข้าไหม” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาในความมืดมิด เขาพูดความว่าหลบหนีออกมางั้นเหรอ? แต่เธอไม่มีขานี่ จะวิ่งหนีไปได้ยังไงกัน “ท่าน..จะแหกคุกออกไปงั้นเหรอคะ” “ใช่ เจ้าอยากไปด้วยกันไหม ไปจากที่นี่” เฟรญ่าพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด “หากว่าท่านสามารถทำลายกรงขังพวกนี้ได้ ท่านช่วยทิ้งดาบเอาไว้ให้ข้าสักเล่มก็พอ ข้าในยามนี้ต้องการมากกว่าการหลบหนี และสิ่งที่ข้าต้องการไม่มีใครให้ข้าได้นอกจากข้าจะส่งมอบสิ่งนั้นให้ตัวเอง” อีกฝั่งของห้องเงียบไปสักพัก “เอาเช่นนั้นก็ได้ ข้าจะทิ้งดาบของข้าเอาไว้” หลังจากนั้นการแหกคุกก็เร
like
bc
ภารกิจของนางร้ายในเกมจีบหนุ่มทำไมมันเฮงซวยขนาดนี้
Updated at Jul 25, 2024, 05:20
ฉันสามารถตกจากสวรรค์ได้นะคะ หากว่าท่านต้องการ หรือจะให้จมดิ่งลงไปสู่ขุมนรกที่มืดมิดที่สุดก็ย่อมได้ หากว่านั่นคือความปรารถนาของท่าน ฉันคิดว่าการทะลุมิติหรือกละบชาติมาเกิดมันน่าสนุกดี การเข้ามาเกิดใหม่ในนิยายที่ตนเองเคยอ่านแล้วยังไง..
like
bc
โปรดระวังหัวใจของคุณ
Updated at Jul 12, 2024, 23:36
คุณช่วยผม ผมช่วยคุณแบบนี้มันก็มีความสุขกันทั้งคู่ นี่คาดหวังอะไรกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกของเรางั้นเหรอครับ?
like
bc
รักไม่ได้ตั้งใจของยัยตัวแสบ
Updated at Jun 20, 2024, 01:07
"รอบนี้แม่เตรียมมาม่ากับปลากระป๋องให้เรียบร้อยแล้วนะเมอร์ลูกรักกกก" เธอถอนหายใจพร้อมกับเดินไปหาคุณแม่ที่กำลังใส่เสื้อลายดอกเพราะพวกท่านจะไปเที่ยวชะอำเพื่อฉลองวันครบรอบแต่งงานสามสิบปี "แม่กับพ่อจะไปเที่ยวกันอีกแล้วเหรอค่ะ!! เมอร์ไม่ยอมหรอกนะ จะไปโดยไม่มีเมอร์ได้ไงอ่า" "ถึงแม่ชวนเราก็ไม่ไปอยู่ดี แม่รู้นะว่าวันนี้วันเกิดแดนเนียลน่ะ รีบกลับคอนโดไปเตรียมตัวเถอะน่า!" "แม่ไล่เมอร์เพราะอยากอยู่กับพ่อสองคนใช่ไหมคะ?" "ใช่แล้ว!! อย่างมาขัดขวงพ่อกับแม่นะเมอร์!! ฮะ ฮ่า!!" "พ่อ อ่า!!" พ่อกับแม่ของเธอเป็นพวกโรแมนติกเข้าสายเลือด ถึงพวกท่านจะอยู่กันมาสามสิบปีแล้วก็ตามแต่รักของท่านนั้นไม่เก่าเลย  นั่นมันทำให้ชีวิตของซัมเมอร์ถูกหล่อหลอมมาด้วยความรักโรแมนติกของพ่อกับแม่ รักแท้มันสวยงามมากเลยนะ และแน่นอนว่าเธอจะต้องไขว่คว้าหามาจนเจอให้ได้เลย!! ซัมเมอร์ยกมือไหว้พ่อกับแม่พร้อมกับขนกล่องที่บรรจุไปด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ที่มีแต่อาหารแห้งนั่นก็เพราะว่าเธอทำกับข้าวได้ห่วยมากยังไงล่ะ ทอดไข่ยังไหม้เลย.. แต่ว่าในความโชคร้ายก็มีความโชคดี นั่นคือเธอมีเพื่อนที่ทำกับข้าวอร่อยสุดๆอย่างไอรีส!! ซัมเมอร์ขับรถไม่นานก็เดินทางถึงคอนโด เธอแบกข้าวสารและของต่างๆขึ้นคอนโด คอนโดทั้งชั้นมีสี่ห้อง เธอมีเพื่อนสนิทอีกสองคนที่อยู่ด้วยกัน เราสามคนช่วยกันเก็บเงินเพื่อซื้อห้องชั้นนี้เอาไว้ ห้องเหลืออีกหนึ่งห้องก็กำลังจะเปิดให้เช่า "มาม่างั้นเหรอวะ นี่ป้าแกไม่รู้เหรอว่าใต้คอนโดมีซุปเปอร์มาร์เก็ต!!" "เอาน่า เพื่อความสบายใจของแม่กู แบกมาก็ไม่เป็นไรหรอก มาช่วยกูยกเร็วๆเลยวิน!!" นี่คือวินสุดหล่อ เป็นผู้ชายที่ไม่น่ามาอยู่แก๊งเดียวกันได้ แต่มันก็มาอยู่ เมื่อก่อนสมัยเด็กๆบ้านเราเคยอยู่ติดกัน แต่พ่อมันย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศก็เลยขายบ้านไปทำให้เราห่างกันไปพักหนึ่ง พ่อขึ้นมอต้นก็กลับมาสนิทกันต่อเพราะเรียนโรงเรียนเดียวกัน "คุณไอรีสยังไม่มาเรอะ!! ช้าตลอด" พอพูดถึงประตูก็เปิดพร้อมใบไอรีสที่เดินหน้าเหี่ยวเข้ามา "...แกทำหน้าเหมือนกับจะไปฆ่าใครอย่างนั้นแหละ!!" "เมอร์ แกไม่มีความฝันแกไม่เข้าใจหรอกเว้ย!" ซัมเมอร์ถอนหายใจ นี่มันโดนแม่เลี้ยงดับฝันมาอีกแล้วเรอะ! "เอาจริงๆ ป่ะ ถ้าเรารวยแบบแก เราจะอยู่เฉยๆ ให้พ่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ จะไปทำงานให้เหนื่อยเพื่ออะไรวะ!!" "นั่นความคิดเหรอวะเมอร์ แกต้องชมไอรีสด้วยซ้ำ มันหาความฝันตัวเองเจอก่อนใครเลยนะเว้ย!!" อันที่จริงเธอก็มีความฝันนะเว้ย คือการมีความรักและแต่งงานสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับใครสักคน.. ความรักมันยิ่งใหญ่มากเด้อ "เออๆ แต่ตัวได้แล้ว วันนี้วันเกิดพี่แดน ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ!" เธอพูดพร้อมกับหยิบชุดชั้นในขึ้นมาเลือก  "เกรงใจกูบ้างเหอะเมอร์!!" ซัมเมอร์หัวเราะ ก่อนจะยกกางเกงในสีแดงตัวจิ๋วขึ้นมาแกล้งวิน "เราไม่ไปได้ไหม?" เธอขมวดคิ้วมองไอรีส "แน่นอนว่าไม่ได้ แกจะอยู่ครองโสดไปจนถึงเมื่อไหร่วะ ไปแต่งตัวเร็วๆ เลย!!" ซัมเมอร์ไม่เคยเข้าใจไอรีสเลย เพื่อนเธอคนนี้คือมันเป็นประหลาดมากๆ ไอรีสถือเป็นคนที่สวยขนาดมองแล้วสะดุดสายตามากๆ มันสวยแบบโดดเด่น ตานิดจมูกหน่อย ตัวเล็กๆ ขาวๆ แบบโคตรน่ารัก ในตอนแรกที่เธอเจอมันครั้งแรก เธอคิดว่าไอรีสมันจะต้องมีแฟนแล้วอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่ามันไม่มี ไม่มีใคร และตลอดสามปีที่รู้จักกันมา มันไม่สนใจผู้ชายหน้าไหนที่มาจีบเลย!! หากจะไม่สนใจใครขนาดนี้ ไปบวชชีดีกว่าไหม "มึงก็บังคับมันมากไปเว้ย ความรักอ่ะ จะมาในเวลาที่เราไม่ทันตั้งตัว" วินพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ซัมเมอร์ส่ายหน้า นี่ก็อีกคน ไอ้วิน มันก็ไม่เคยคบใคร เลือกเยอะฉิบ** เลือกมากจนคนมาจีบมันท้อ วินมันหน้าตาดีมากนะ สไตล์เกาหลีเลย บ้านรวย ขาวตี๋ แต่มันเจ้าระเบียบอีกทั้งรักความสะอาดมากเวอร์ มากขนาดที่ว่าไปผับพบแก้วไปเองเพราะไม่อยากใช้แก้วร่วมกับคนอื่น ไปร้านอาหารพกจาน ช้อนส้อมไปเอง บางทีซัมเมอร์ก็คิดนะ ทำไมเพื่อนเธอมันไม่มีใครปกติสักคนเลยวะ!! หรือว่าเป็นเธอที่แปลก แต่พวกมันสองคนปกติ ไอรีสเดินเข้ามาในห้องซัมเมอร์อีกครั้ง ด้วยเสื้อยืดสีชมพูและกระโปรงสั้นสีขาว "มานั่งนี่ เดี๋ยวพี่สาวจะแต่งหน้าให้เอง วันนี้แกต้องได้ผู้ชายกลับบ้านเว้ยเพื่อน" ไอรีสหัวเราะเบาๆ  "ไปที่ไหนเหรอเมอร์ พรุ่งนี้เรามีเรียนตอนเช้านะอย่าลืม!" "ไม่ไกลหรอกน่า แถวๆ บางแสน ริมทะเลเลย วิชาอาจารย์เชน โดดบ้างก็ได้โว้ย แกจะเรียนเอาเกียรตินิยมรึไง!" ไอรีสมองหน้าเพื่อนผ่านกระจก "ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก" "เออ งั้นก็ดูความสามารถในการขับรถของไอ้วิน ถ้ามันขับกลับไหวก็กลับ ถ้าไม่ไหวก็นอนที่นั่น" ไอรีสพยักหน้า "งั้นเราไปเตรียมเสื้อผ้าติดไปสักชุดสองชุดนะ" "เออ ตามใจ" "กูไม่นอนที่อื่นแน่นอนเมอร์ กูจะกลับมานอนที่นี่ มึงไม่รู้หรอกว่าตามโรงแรมที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมันมีเชื้อโรคขนาดไหน!!" ซัมเมอร์ยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ "มึงก็พกผ้าห่มไปซะ ให้มันจบๆ ไป!" "....เออ งั้นเดี๋ยวกูไปเตรียมแป๊บ" ซัมเมอร์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะมีเสียงเตือนไลน์ดังขึ้น แดนนี่ : ที่รักมายัง? ซัมเมอร์ : รอแป๊บน้าที่รักกำลังจะออกไป เพื่อนเค้าไปด้วยนะ ไอรีสกับวิน แดนนี่ : โอเค บอกวินขับรถดีๆ นะ จุฟ "ทำหน้าอะไรของมึงเนี่ยไอ้แดน!! น่าขนลุกชิบ!!" "เออ กูคุยกับแฟน น้องไอรีสมาด้วยเว้ย ใครเล็งอยู่ก็ลุยได้เลย น้องน่ารักกูคอนเฟิร์ม" แดนนี่เป็นเจ้าของผับชื่อดังแถวริมทะเล เขาเจอกับซัมเมอร์โดยบังเอิญตอนไปคุยงานที่กรุงเทพ ซัมเมอร์นั้นเป็นผู้หญิงที่สวยและลุคของซัมเมอร์คือเป็นผู้หญิงมั่นใจ กล้าพูดกล้าแสดงออก เรียกว่าเป็นรักแรกพบเลยก็ว่าได้ แบบเห็นแล้วตกหลุมรักเลย กิจการของแดนนี่ใหญ่โตพอสมควร มีผับที่ติดริมทะเล และมีร้านอาหารกับโรงแรมด้วย ซึ่งมันประสบความสำเร็จมากทีเดียวสำหรับคนอายุสามสิบต้นๆ แบบเขา เพราะความรวยทำให้มีผู้หญิงเข้าหาเขาเป็นจำนวนมาก แต่แดนนี่ก็ไม่ได้จริงจังกับใคร เขาแค่เล่นสนุกเท่านั้น เพราะเขาคิดว่าตัวเองจะจริงจังกับซัมเมอร์คนเดียว "พี่แดนนี่ สุขสันต์วันเกิดนะคะ" เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้
like
bc
พรสามประการของเทพจิ้งจอก
Updated at Jun 19, 2024, 22:20
เยว่เล่อคือเทพจิ้งจอกคนงามสำหรับนางนั้นบุรุษเป็นเพียงของหวานที่ทานได้ตลอดและผลัดเปลี่ยนได้เรื่อยๆอย่างไม่คิดจริงจังจนได้มาพบเจอกับชายซื่อบื้อคนหนึ่งที่ไม่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกของนาง
like
bc
ฉันจะไม่เห็นแก่เงินอีกแล้วค่ะ
Updated at Jun 17, 2024, 19:32
“นี่เจน งานเลี้ยงคืนนี้เจ้าจะเข้าร่วมด้วยรึเปล่า?” คำถามนั้นเอ่ยถามออกมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายของแอนเจลิก้าเพื่อนคนสนิทของฉัน และคำถามนั้นมันสามารถตอบได้ง่ายๆ เลยว่า “ไม่ล่ะแอน ข้าไม่ได้ว่างขนาดที่จะไปงานเลี้ยงของชนชั้นสูงอะไรพวกนั้น อีกอย่างคืนนี้ข้าจะต้องปักผ้าลูกไม้และชุดเดรสของท่านเคาน์เตสที่เป็นงานเร่งด่วนอีกต่างหาก” แอนเจลิก้าหน้ามุ่ยในทันทีที่เธอได้รับคำตอบที่ไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไหร่ของเจนนีส เราคือเพื่อนสนิทกันและเจนนีสก็งดงามมากๆ ในสายตาของแอนเจลิก้า อีกอย่างเราทั้งคู่ก็อายุยี่สิบปีแล้ว เรามีเวลาอีกราวสองปีในการหาสามีหรือว่าคนรักสำหรับการแต่งงาน แต่เพราะว่าเจนนีสเอาแต่หาเงิน..ทำให้เธอและเจนนีสไม่ได้ออกงานด้วยกันสักเท่าไหร่นัก “เจน หากว่าเจ้าเดือดร้อนเรื่องเงินเช่นนั้น..ยืมข้าไปก่อนดีไหม” เจนนีสมองหน้าของแอนเจลิก้า เธอรู้ดีว่าแอนนั้นหวังดีและเป็นห่วงเธอมากๆ แต่ทว่าเธอยืมเงินของเพื่อนมาไม่ได้หรอก! เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีใช้คืน เจนนีสคือลูกสาวคนโตของตระกูลแอชรีย์..ตระกูลเคาน์ผู้เก่าแก่ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีเงินทองมากมายจนเธอได้ใช้ชีวิตอย่างดีเลิศในฐานะของคุณหนูแอชรีย์ ทว่าวันที่ท่านแม่หนีไป เรื่องราวมันก็เริ่มแย่ลงเพราะว่าท่านพ่อใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับคนใจสลาย และเธอก็เข้ามาอยู่ในร่างของเจนนีสในวัยสิบสองที่บัดซบสุดๆ ไปเลย ท่านพ่อพาแม่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน พร้อมกับลูกสาวที่แสนนางรักของแม่เลี้ยง นั่นก็คือนางเอกของเรื่องนี้ ลิเวีย แอชรีย์ น้องสาวต่างแม่ของเธอ ตามเนื้อเรื่องบรรยากาศภายในบ้านของแอชรีย์ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เพราะว่าทั้งแม่เลี้ยงและน้องสาวค่อนข้างเคารพเจนนีสมากๆ ส่วนพ่อของเธอ..เขาคือตัวภาระที่นอกจากจะติดสุราอย่างหนักก็ยังเอาเงินไปลงกับการพนันจนหมด คฤหาสน์ที่แสนหรูหรามีเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เราไม่มีเงินจ้างคนใช้ หรือว่าคนสวน งานในบ้านมีเพียงแค่แม่เลี้ยงและน้องสาวของเธอเท่านั้นที่ทำ ส่วนเธอมีหน้าที่หาเงิน.. เด็กสาวที่จะต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุสิบสี่ปี แน่นอนว่าเจนนีสทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน ตั้งแต่รับจ้างล้างจาน รับสอนหนังสือ และตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของเธอจะดีขึ้นมาหน่อยเพราะว่าเธอได้เอาความสามารถเรื่องการตัดชุดจากชาติที่แล้วมาประยุคใช้.. ชาติที่แล้วเธอเป็นแม่บ้านที่ไม่ได้ทำงาน หน้าที่ของเธอคือการดูแลลูกสาวทั้งสองคนและทำความสะอาดบ้าน เป็นแม่บ้านที่รอสามีกลับมาจากทำงาน..วันไหนที่เขากดดันกับการทำงานเขาก็จะอารมณ์ไม่ดีจนพาลโกรธเธอและลูกสาว เพราะแบบนั้นเธอถึงป่วย งานบ้านและการเลี้ยงลูกไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ที่ลำบากใจคือความกดดันจากสามี เธอตายเพราะโรคร้าย..และจากมาอย่างหมดห่วงโดยการฝากลูกสาวทั้งสองเอาไว้กับแม่ของตัวเอง เธอทำประกันชีวิตเอาไว้เยอะพอสมควรก็เลยมีเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ทั้งแม่และลูกสาว ส่วนสามี..เราอยู่ด้วยกันทุกวัน นอนข้างกันทุกคืนแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าความรักของเรามันหมดลงวันไหน เมื่อไหร่ไม่รู้ที่การอยู่ด้วยกันกับเขามันคือความกดดันที่ไร้ทางออก เขามักจะดุด่าเธอและลูกอยู่เสมอว่าพวกเราคือภาระ แต่พอเธอจะออกไปทำงานเขากลับบอกการจ้างคนอื่นเลี้ยงลูกมันแพงเกินไป.. สำหรับเธอแล้ว ความรักมันดีแค่ตอนแรกเท่านั้นเอง..และเพราะว่าเธอมีลูกสาว เธอจึงเริ่มเรียนตัดเสื้อผ้า เพื่อให้ลูกสาวทั้งสองได้สวมใส่ ตัดไปตัดมาก็เลยถนัดและพอทำขายได้บ้างในชาติที่แล้ว แต่ชาตินี้ในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาแล้วพบเจอแม่เลี้ยงที่กำลังนั่งร้องไห้และน้องสาวที่จับมือเธอเอาไว้แน่น มันทำให้เธอไม่ได้รู้สึกกดดันเลยสักนิดที่ตัวเองจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะพวกเขาคือคนในครอบครัวต่างหากไม่ใช่ภาระ คนที่เป็นภาระจริงๆ คือพ่อของเธอ “ข้ายังไม่ได้บอกอย่างนั้นหรือว่าในงานนี้จะต้องมีผู้ติดตามด้วยถึงจะเข้าไปได้ และ..ข้าว่าจ้างเจ้าไปเป็นผู้ติดตามของข้าได้ไหม..” แอนเจลิก้ากะพริบตาถี่ๆ เพื่อมองหน้าของเจนนีส นางรู้ดีว่าถึงแม้ภายนอกเจนนีสจะดูเหมือนกับว่านางเป็นคนเข้าถึงยากแต่จริงๆ แล้วเพื่อนของเธอใจดีและเห็นใจคนอื่นๆ มากๆ ไม่มีใครที่ไหนที่จะทำใจยอมรับแม่เลี้ยงและน้องสาวนอกสมรสของพ่อตัวเองได้หรอก มีแค่เจนนีสคนเดียวนี่แหละ “แอน..เจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากใจ” แอนหัวเราะเสียงใส “ไม่ลำบากใจหรอกเพราะว่าข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องไปร่วมงานกับข้า เจน..ข้าอยากให้เจ้าออกมาจากที่นั่นนะ พาแม่เลี้ยงและน้องสาวของเจ้าไปหาเช่าบ้านอยู่สักหลังเป็นไง ข้าพึ่งได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินจากท่านพ่อมา เป็นบ้านเล็กๆ หนึ่งหลังที่อยู่ใจกลางเมืองเลยนะ และเรื่องเงินข้ามีเยอะมากแล้ว เพราะอย่างนั้นข้าจะรับค่าเช่าเป็นชุดเดรสที่ทำจากมือของเจ้าสามชุดต่อเดือนเป็นไง?” ในชีวิตที่มืดมนของเจนนีส คงจะมีแอนเจลิก้าที่เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวของเธอเลยล่ะ “เจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นชนชั้นสูงอยู่แล้วเพราะอย่างนั้นปล่อยมือออกจากแอชรีย์เถอะนะ ให้งานนี้เป็นงานสุดท้ายที่เจ้าจะออกงานในฐานะเลดี้แอชรีย์..” ที่จริงเธอคิดเรื่องนี้มานานพอสมควร เป็นชนชั้นสูงแล้วอย่างไรกัน เพราะว่าเธอไม่ได้ใช้ชีวิตในฐานะเลดี้เลยสักนิด “ตกลงแอน ข้าจะไปงานเลี้ยงกับเจ้าในคืนนี้ พร้อมกับ..ส่งชุดเดรสที่ทำสุดฝีมือไปให้เจ้าเดือนละสามชุด” “เช่นนั้นคืนนี้ไปเจอกันที่ทะเลสาบตอนหนึ่งทุ่ม ข้าจะให้คนขับรถม้าไปรับเจ้า” เจนนีสพยักหน้าก่อนที่เธอจะหอบข้าวของกลับมาที่บ้าน เธอเช่าร้านตัดชุดที่ในเมืองเอาไว้ และใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นั่นเพราะกลับไปที่บ้านแม่เลี้ยงและลิเวียจะต้องมาช่วยงานเธอ ซึ่งเจนนีสคิดว่าการที่ทั้งสองคนทำงานในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตเช่นนั้น ก็น่าจะเหนื่อยมากพอแล้ว เธอจึงไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้านเลยเพราะต้องการให้ทั้งสองคนได้พัก เจนนีสเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองผ่านทางประตูด้านหลัง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าหน้าบ้านของเธอมีรถม้าที่จอดเทียบอยู่ด้านหน้า บ้านที่ไม่เคยมีแขกมาเพราะว่าแอชรีย์มีแค่เปลือกนอกเท่านั้น การจะมีคนมาที่นี่ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือพ่อของเธอจะต้องสร้างเรื่องอะไรเอาไว้อีกเป็นแน่ เจนนิสปรา
like
bc
ฉันจะไม่รักคุณอีกแล้วค่ะ
Updated at Jun 8, 2024, 22:57
เธอก้มมองเหรียญทองสามเหรียญในมือพร้อมกับถอนหายใจ เพราะชีวิตของเวโรนิก้าไม่มีทางเลือกมากนัก เธอเกิดในตระกูลดยุคจาเมลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง ในอดีตตระกูลของเราเคยยิ่งใหญ่และร่ำรวยจากธุรกิจการขนส่งสินค้าผ่านเรือสำเภา หากพูดถึงเรือสำเภาก็ต้องนึกถึงตระกูลจาเมล  แต่ทุกอย่างเริ่มย่ำแย่ลงก็ต่อเมื่อมีรถไฟตัดผ่านเมืองหลวง ผู้คนต่างใช้รถไฟเป็นที่ขนส่งสินค้าและเดินทาง ธุรกิจของเราก็เลยซบเซาอย่างไม่น่าเชื่อ  สิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างคือท่านพ่อที่ยังคงยึดติด ท่านพ่อยึดติดกับธุรกิจเรือสำเภามากเพราะว่ามันเคยทำเงินให้ได้มหาศาล กาลเวลาเปลี่ยนแต่คนที่ไม่เปลี่ยนตามกาลเวลาย่อมต้องขาดทุน... "เวโรนิก้า หากว่าพี่กินยานี่แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น น้องช่วยส่งพี่ไปอยู่ที่อื่นได้หรือไม่" เวทย์ไหลย้อนกลับนั้นถ่ายทอดผ่านทางสายเลือดและการที่เขาอยู่ที่นี่ทุกคนจะตายไปด้วยกันหมด.. ถึงแม้ว่าความตายจะอยู่ตรงหน้าแต่ว่าวีไม่คิดเสียใจ เพราะเขาได้เงินมาให้ท่านพ่อทำตามความฝัน ถึงแม้การกระทำเปลี่ยนวิญญาณนั้นคือพิธีต้องห้าม และอาจทำให้ผู้ร่ายเวทย์มีอันตรายถึงชีวิต แต่ว่าเขานั้นไร้ทางเลือก มีแต่ต้องกระทำเช่นนี้จึงจะได้เงินมาจากสตรีผู้นั้น... "ข้าไม่เคยคิดว่าจะยินยอมให้ท่านพี่ตายหรอกนะคะ!!" เพียงแค่มีหินเวทมนตร์พี่ก็จะปลอดภัย และเธอจะต้องเดินทางไปหาองค์จักรพรรดิ...ถึงแม้ว่ารู้ว่าการเข้าพบองค์จักรพรรดิมิใช่เรื่องง่าย แต่เธอจะลองเสี่ยงดู! เพราะเวโรนิก้าคิดว่าเธอรู้ รู้ว่าจะต้องไปพบเจอใครถึงจะสำเร็จ ท่านหญิงดาฟเน่ มาเดลีน สตรีที่งดงามราวกับเทพีบนสรวงสวรรค์ งดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริง เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของท่านหญิงกับองค์จักรพรรดินั้นเกินกว่าคำว่าเพื่อน และเธอจะต้องเดินทางไปยื่นข้อเสนอที่ท่านหญิงดาฟเน่ไม่มีวันปฏิเสธเธอ!! พวกขุนนางและชนชั้นสูงต่างก็กดดันให้องค์จักรพรรดิอภิเษก แต่พระองค์ทำเช่นนั้นมิได้เพราะว่าพระองค์รักท่านหญิงดาฟเน่ แต่ว่าท่านหญิงดาฟเน่มีสามีอยู่แล้ว หากให้เธอเดา พวกเขาคงจะต้องรอวันที่ท่านหญิงหย่าแน่นอน!! เวโรนิก้ามิได้มองความรักของคนทั้งคู่ว่าผิดเลยเพราะว่าท่านหญิงดาฟเน่ถูกบังคับให้แต่งงานกับลอร์ดมาเดลีน แต่เธอมองเห็นถึงความอดทนขององค์จักรพรรดิที่หลงรักท่านหญิงจนหมดใจต่างหาก โรแมนติกชะมัดเลย!! เธอแอบเข้าไปที่พระราชวังพร้อมกับพี่วินทัส พี่ชายคนโตเพราะท่านพี่ต้องมาประชุมแทนท่านพ่อ และแน่นอนเธอแอบเข้าไปที่สวนดอกกุหลาบเพราะเธอได้ยินมาว่าท่านหญิงชอบดอกกุหลาบมากทีเดียว เธอยืนรอไม่นานก็มีสตรีเดินเข้ามา เธอตกใจมากเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะงดงามนั่น!! "ท่านเอง ก็เห็นความสวยของมันใช่ไหมคะ?" เวโรนิก้าเดินเข้าไปหาดาฟเน่ เธอส่งยิ้มให้ท่านหญิงดาฟเน่อย่างอ่อนโยน "ผู้คนมักจะถูกความงดงามของดอกไม้ดึงดูดเป็นธรรมดา โดยลืมไปว่าหนามของมันช่างแหลมคม" "ข้ามีชื่อว่าเวโรนิก้าค่ะ เวโรนิก้า จาเมล ท่านหญิงเองก็คงจะพอเดาออกว่าข้ามารอพบเจอท่าน" สีหน้าของท่านหญิงนั้นดูราวกับว่ากำลังประเมินเธออยู่ "ว่ามาสิ ตระกูลดยุคจาเมลมีปัญหาอะไรกับข้างั้นหรือ?" เวโรนิก้ารีบโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ใช่อย่างนั้น "ข้า..มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องแต่งงานกับองค์จักรพรรดิค่ะ!! ข้าทราบดีว่าการมากล่าวเช่นนี้มันน่าละอาย แต่ข้ารู้นะคะ ข้ารับรู้ว่าความสัมพันธ์ของท่านหญิงและองค์จักรพรรดินั้นเป็นมากกว่าเพื่อนในวัยเด็ก ที่ข้ามาขอร้องในวันนี้ก็เพราะว่าข้ายินดีที่จะหย่ากับองค์จักรพรรดิให้ท่านหญิงทุกเมื่อ ทันทีที่ท่านหญิงหย่ากับลอร์ดมาเดลีน ตอนนี้องค์จักรพรรดิเองก็ถูกกดดันอย่างหนักเพื่อให้แต่งงาน ข้ามิได้รักพระองค์ค่ะ ข้าสาบานได้เลย!!" ท่านหญิงดาฟเน่มิได้ปรายตามามองเธอเลย  นางใช้มีดที่วางอยู่ตัดดอกกุหลาบออกมาราวสามดอก ก่อนจะส่งให้เวโรนิก้า "..บอกความจำเป็นของเจ้ามาสิ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้ากับเขารักกัน เช่นนั้นข้าก็ขอฟังเหตุผลของเจ้าหน่อยเถิด" เวโรนิก้ายื่นมือไปรับดอกกุหลาบสีแดง ก่อนที่เธอจะนั่งคุกเข่าลง "เพราะว่าพี่ชายของข้ากำลังจะตายค่ะ ข้ามีพี่น้องสามคน พี่ชายสองคนและข้าคือลูกสาวคนสุดท้อง เมื่อปลายปีที่แล้วธุรกิจของจาเมลขาดทุนอย่างหนักจนเราประสบปัญหาทางการเงิน แต่เมื่อต้นปีท่านพี่คนที่สองที่เป็นนักเวทย์อยู่ที่หอคอย ก็นำเงินมาให้ครอบครัวของเราก้อนหนึ่งซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ทำให้ธุรกิจของจาเมลเดินหน้าต่อไปได้ แต่พอผ่านไปหนึ่งเดือนท่านพี่ก็ล้มป่วยลงอย่างหนัก พอข้าให้หมอที่หอคอยเวทย์มาตรวจดูก็พบว่าเป็นเพราะผลของเวทย์สะท้อนกลับ และการรักษาจะต้องใช้หินเวทมนตร์ ซึ่งหินเวทมนตร์นั้นมีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้นที่อนุญาตให้ใช้ได้ ข้าสิ้นไร้หนทางจริงๆ ค่ะเพราะตอนนี้ท่านพี่คนแรกก็ล้มป่วยไปตามๆ กัน คนที่จาเมลทุกคนจะต้องตายหากไม่ได้หินเวทมนตร์นั้นไปรักษา...." สีหน้าของท่านหญิงนั้นตกใจอย่างมากกับคำกล่าวของเธอ "เหตุใดถึงเสนอตัวจะแต่งงานล่ะ ทั้งๆ ที่แค่เจ้ามาขอหินเวทมนตร์กับองค์จักรพรรดิก็น่าจะเพียงพอ...?" "เพราะว่าข้าไม่รู้จักพระองค์มาก่อน อีกทั้งหินเวทมนตร์นั้นมีค่ามหาศาล ข้าไม่คิดว่าองค์จักรพรรดิที่ชั่....อ่ะ..เอ่อ องค์จักรพรรดิที่ดูใจร้ายจะมอบให้ค่ะ" "เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้างั้นหรือสาวน้อย? ข่าวลือเกี่ยวกับตัวข้า เจ้าน่าจะรู้ดี ข้าคือดาฟเน่สตรีชั่วช้าแห่งยุคนะ!!" เวโรนิก้ายกยิ้มขึ้นมา นางก้มมองดอกกุหลาบในมือพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่แสนจะงดงามของดาฟเน่ "ข้ารู้นะคะ ว่าท่านหญิงใจดีกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะข้าไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว อันที่จริงข้าคิดว่าข้าจะถูกด่าตั้งแต่ที่ข้าบอกว่าข้าจะแต่งงานกับองค์จักรพรรดิแล้ว แต่ท่านกลับไม่ต่อว่าสักคำแถมยังมอบดอกกุหลาบที่แสนงดงามนี้ให้ข้าอีกด้วย..." เวโรนิก้าสาบานได้เลยว่าเธอไม่เคยพบเจอสตรีใดที่มีเสน่ห์เย้ายวนเช่นนี้มาก่อน ขนาดสตรีด้วยกันยังอดประหม่ากับความงามนั้นไม่ได้แล้วบุรุษจะต้านทานไหวได้อย่างไรกัน!! "..น่าเสียดายที่ข้าต้องตอบว่าข้ามิอาจจะให้คำตอบแก่เจ้าได้ เจ้าต้องไปถามกับอีสเซเอาเอง อากาศเริ่มเย็นแล้วหากว่าเจ้ามีความกล้าพอก็เข้าไปรอเขาด้
like
bc
วายร้ายผู้นั้น พยายามจับฉันแต่งงานล่ะ
Updated at Jun 2, 2024, 19:03
“กฎของจักรวรรดิอีเทนข้อที่หนึ่ง เรื่องการทำการค้าและการเป็นเจ้าของกิจการ สตรีไม่สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ เป็นได้เพียงลูกจ้างในร้านเท่านั้น...” เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะของเหล่าบุรุษที่กำลังยืนมองข้าหลวงประกาศราชโองการ “ข้อที่สองสตรีต้องเสียภาษีมากกว่าบุรุษสองเท่า..” “สตรีไม่สามารถทำการค้าได้ จะต้องทำงานที่อยู่หลังร้านหรือไม่ก็ในครัว..” “สตรีไม่สามารถนำของในฟาร์มหรือว่าในไร่ของตัวเองมาขายได้ จะต้องมีบุรุษซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางไปซื้อมาจากหน้าไร่และมาขายในเมือง..” “สตรีหากมีสามีแล้ว ห้ามออกมาสังสรรค์หรือเข้ามาในสังคมหากว่าสามีไม่ยินยอม” “สตรีหากมีบุตรแล้วควรเลี้ยงดูบุตรให้ดี..” “สตรีที่ออกมานอกบ้านในยามวิกาลให้ถือว่าพวกนางคือนางระบำหรือว่าโสเภณี” “สตรีห้าม..” ฉันยืนมองข้าหลวงอ่านราชโองการที่ประกาศออกมาจากองค์จักรพรรดิ ด้วยสายตาแห่งความสิ้นหวัง คราแรกที่ฉันลืมตาขึ้นมาที่นี่ ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าฉันจะต้องทะลุมิติเข้ามาในนิยายสักเรื่อง ทว่าปกติแล้วจะต้องทะลุไปเป็นนางเอก หรือไม่ก็ตัวร้ายรวยๆ สิโว้ย นี่ฉันเป็นสาวชาวบ้านที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากใบหน้าที่นับว่าพอใช้ได้ ฉันไม่มีเงิน แถมบ้านก็เก่าและหลังเล็กมากพอสมควร อย่าพูดถึงเวลาในการตามหาความรักเลย แค่จะเอาเวลาไปกินข้าวยังแทบไม่มี เพราะว่าที่นี่คือโลกของนิยายที่จบแล้ว แถมตอนจบพระเอกและนางเอกดันตาย.. ผู้ที่มีชีวิตรอดคือตัวร้ายที่มีอำนาจมากกว่าองค์จักรพรรดิซะอีก! ตระกูลโอนิกซ์นั้นยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากกว่าองค์จักรพรรดิ เพราะอย่างนั้นราชโองการข่มเหงรังแกสตรีเช่นนี้ไม่ได้มาจากความต้องการขององค์จักรพรรดิหรอก แต่มันมาจากคำสั่งของท่านเคาน์อย่างแน่นอน เพราะผิดหวังในความรักก็เลยไม่ชอบสตรีสินะ แต่สตรีอื่นไม่ได้ผิดสักหน่อย อีกอย่างนายตัวร้าย นายไปชอบผู้หญิงมีเจ้าของก่อนโว้ย!! พอเขาไม่รักกลับมาโทษเขา แต่แกไม่ได้ดูเลยไงว่านางเอกของเรื่องเขารักพระเอกมาตั้งนานแล้ว ความซวยเลยมาตกอยู่ที่ประชาชนคนตาดำๆ อย่างพวกเรา ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้ว ไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ลำบากตรากตรำหาเงินมาก็ต้องจ่ายภาษีที่มากว่าค่าแรงรายวัน ไม่ต้องทำงานแล้วอดตายไปเลยดีไหม เผื่อตายไปแล้วจะได้เกิดใหม่เป็นนางเอกเรื่องอื่น.. “เพี๊ยะ!!” จิตใต้สำนึกกำลังตบหน้าฉันอย่างแรง ใช่แล้ว..ฉันไม่ควรคิดแบบนั้น ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นอะไรก็ตามฉันจะเอาชนะในทุกอุปสรรคให้ได้! และอย่างแรกที่ฉันจะทำคือการ..รวบรวมกำลังของชาวบ้านเพื่อประท้วง นี่คือวิธีที่สาธารณะชนเขาทำกัน เป็นการหาทางออกอย่างสันติเพราะในเมื่อเราไม่ชื่นชอบการทำงานของรัฐบาลก็จะต้องประท้วงสิ “ฟาเดล เจ้ามั่นใจว่าทางพระราชวังจะรับฟังเสียงของประชาชนอย่างเราๆ” “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่เราไม่ควรจะก้มหน้ายอมรับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับสตรีสิ! เราทุกคนควรจะเท่าเทียมกัน เป็นบุรุษแล้วอย่างไร มีอภิสิทธิ์อะไรมาทำตัวเหนือกว่า เราทุกคนคือคนที่เท่าเทียมกัน” “ปัง!!” เสียงปืนดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องเมื่อผู้คนที่อยู่แถวหน้าล้มลงจากการถูกยิง ฟาเดลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางแหงนหน้าขึ้นไปมองยังกำแพงที่สูงชันของพระราชวัง องค์จักรพรรดิทรงไม่เสด็จมาทอดพระเนตรถึงความเจ็บปวดของประชาชนทุกคนในจักรวรรดิของพระองค์ด้วยซ้ำ เพราะชายที่ยืนสั่งการทหารอยู่มันคือท่านเคาน์โอนิกซ์! โอเค..เลิกหวังได้เลย เพราะไม่ว่าจะประท้วงหรือทำยังไงองค์จักรพรรดิหุ่นเชิดผู้นั้นก็ไม่มีทางแยแสประชาชนหรอก “ทุกคน แยกย้ายกันหนีไปก่อน เขาไม่ฟังเสียงเล็กๆ ของพวกเราหรอก..” ผู้คนที่มาประท้วงต่างมีท่าทางสิ้นหวังไปตามๆ กัน หลังจากสิ้นเสียงของฟาเดล ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง การประท้วงเล็กๆ จึงสิ้นสุดเพียงเท่านั้น “ไปตามหามา..ว่าแกนนำการประท้วงในครั้งนี้คือใคร” เซอร์ลูอิสก้มหน้าลงเพื่อรับคำสั่งของนายท่าน “จะให้ข้าจัดการมันผู้นั้นเลยหรือไม่ครับนายท่าน” คิลเลียนยกมือขึ้นมาเพื่อเป็นการห้ามปราม “ยัง พาคนผู้นั้นมาหาข้า ข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง” คิลเลียน โอนิกซ์ เคาน์คนที่ห้าแห่งตระกูลมหาอำนาจที่มีประวัติอันยาวนานมาหลายชั่วอายุคน เขาเคยมอบความรักหมดดวงใจให้แก่สตรีผู้หนึ่ง ทว่านางกลับไม่เห็นค่า อีกทั้งยังทำร้ายจิตใจของเขา นางเลือกบารอนต่ำต้อยแทนที่จะเป็นท่านเคาน์ผู้ทรงอำนาจอย่างเขา สตรีทุกคน..โง่งมพอกัน เพราะอย่างนั้นไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็ตามพวกนางจะต้องทนอยู่ภายใต้การกดขี่ของบุรุษไปตลอดถึงจะดี พวกนางไม่ควรมีโอกาสเลือกใช้ชีวิตด้วยซ้ำ! “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างเคาน์โอนิกซ์” คิลเลียนเบนสายตามองหน้าของชายชราซึ่งอยู่ในชุดที่ถักทอด้วยด้ายสีทอง องค์จักรพรรดิวิชเชอร์แห่งราชวงศ์เฮกเตอร์ ราชวงศ์ที่พ่อของเขาสถาปนาขึ้นมา องค์จักรพรรดิที่มีสายเลือดของดวงอาทิตย์อยู่เล็กน้อย ที่ได้ขึ้นมาเป็นองค์จักรพรรดิเพราะว่าพ่อของเขาไม่ต้องการออกหน้าเองในยามที่สั่งการใดๆ ราชวงศ์เป็นเพียงหุ่นเชิดของโอนิกซ์เท่านั้น “ปกติดีพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีอันใดต้องเป็นห่วง” “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดียิ่งแล้ว” ชายชราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป เขาเหลือบมองเคาน์โอนิกซ์ด้วยหางตาและเมื่อองค์จักรพรรดิหันหลังเดินจากไปรอยยิ้มของพระองค์ก็ค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “คราวนี้เขาถึงกับสั่งทหารยิงสตรีที่มาประท้วง..ให้ตายเถอะประชาชนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” “ใจเย็นๆ ไอเดน เรื่องนี้เราจะต้องวางแผนให้รัดกุม การแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์กลับคืนมาไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งเราไม่มีโอกาสที่สองเป็นแน่หากเคาน์โอนิกซ์ล่วงรู้ว่าเราจะหักหลังเขา” องค์รัชทายาทไอเดนขบเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด “ลูกจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชนทุกคนของอีเทน จากเรื่องราวเลวร้ายที่เคาน์โอนิกซ์ก่อขึ้นมา..” องค์จักรพรรดิส่งยิ้มให้กับองค์รัชทายาทที่เขาเลี้ยงมากับมือ ลูกชายที่เป็นดั่งแสงของดวงตะวันในชีวิตที่แสนโศกเศร้าของเขา หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะเป็นองค์จักรพรรดิหุ่นเชิดเหมือนกัน เพียงแต่ตัวเขาในยามนั้นมิได้มีทางเลือกนะสิ ........
like
bc
หากว่าเจ้าต้องการ ข้าเป็นพระเอกให้ก็ได้นะ
Updated at May 24, 2024, 06:03
"ข้าไม่คิดเอาตัวเองไปเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของใครหรอกนะ โดยเฉพาะบุรุษที่มากรักเฉกเช่นอาร์ชดยุคแห่งโรแกน" น้ำเสียงของแคลร์นั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับแค่นหัวเราะออกมา "เจ้าไม่ใช่ของเล่นสักหน่อยแคลร์ แต่เจ้าคือของข้าต่างหาก!" แมดเดนกล่าวพร้อมกับจุมพิตลงที่หลังฝ่ามือของเธอเบาๆ
like
bc
ไม่เคยคิดจะตัดใจ
Updated at May 22, 2024, 19:44
"ทำไม? กลัวจะตกหลุมรักพี่อีกรอบงั้นเหรอ?"ราเชลส่งเสียงร้องเหอะออกมา"มันใกล้จะหมดเวลาพักแล้วค่ะผู้จัดการมิน ราเชลไม่สามารถพักได้ทั้งวันแบบท่านหรอกนะคะ"เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอ"ผู้จัดการดาครับ ช่วยลางานให้ราเชลสักครึ่งวันด้วยนะครับ บอกไปว่าผมให้เธอมาทำงานให้ชั่วคราว..หรือบางทีอาจจะมีค้างคืน"มือของเธอกำแน่น แต่ถึงจะโกรธแค้นมากแค่ไหนเธอก็ยังคงส่งยิ้มให้เขาอยู่ นี่มันไม่สมเป็นตัวเธอเลยราเชล จะไปมัวจมปลักอยู่กับความรักอะไรนั่นทำไมล่ะ เธอจะมองเขาเหมือนกับผู้ชายทุกคนที่ผ่านมาให้ได้เลยราเชลยกมือขึ้นมาไล้ไปตามจมูกที่โด่งเป็นสันของเขา เธอเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นมาเท้าคาง พร้อมกับปรายตามองหน้าเขาด้วยสายตาที่แสนเย้ายวน"พี่คะ ราเชลกำลังทำงานอยู่และหากว่าพี่ต้องการทำเรื่องอย่างอื่นที่นอกเหนือจากทำงาน พี่ก็ช่วยหาคนอื่นทำเถอะนะคะ เพราะของที่เคยกินแล้วราเชลจะไม่กลับไปกินอีกเพราะราเชลรู้ว่ามันไม่ได้อร่อยแถมยังรสชาติห่วยอีกต่างหาก.."มินจูงหัวเราะ สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าเธอจะกล่าวออกมาเช่นนั้นก็ตาม"ราเชล ในบางทีหนูอาจจะลืมก็ได้นะ เพราะว่ามันนานมากแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวและ..ความทรงจำบางอย่างของหนูมันอาจจะคลาดเคลื่อนเพราะว่าพี่จำได้ดีว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน.."เขาก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา"หนูร้องครางออกมาดังแค่ไหนตอนที่นอนอยู่ใต้ร่างพี่..เห็นทีว่าจะต้องย้ำเตือนความทรงจำกันสักหน่อยแล้ว"
like
bc
เทพบุปผาปรารถนาจะเป็นภรรยาท่านจอมมาร
Updated at May 7, 2024, 03:10
“หน้าที่ของเจ้าคือต้องตั้งครรภ์ลูกของจอมมาร! อย่าเสียใจไปเลยไป๋เฉียน นี่คือหน้าที่ของเจ้า ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำตาม” ฝ่ามือเรียวยาวยกมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่สุกใสราวกับไข่มุกซึ่งกำลังไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยของเทพบุปผานามว่าไป๋เฉียน ในใจเจ็บปวดราวเข็มนับพันพุ่งแทงเข้ามาในร่าง บนสรวงสวรรค์มีเทพและเทพีมากมายเหตุใดต้องเป็นนางที่มีคนรักอยู่แล้ว “ท่านเทพม่อเกวียน ข้ามิได้อยากฝ่าฝืนบัญชาเพียงแต่ข้าอยากจะร้องขอ ทั่วทั้งแดนสวรรค์นี้ต่างก็รับรู้ว่าข้าและเทพสงครามอันฉีรักกัน แล้วเหตุใดถึงยังมีคำสั่งเช่นนี้ออกมาอีก ท่านจะให้ข้าทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างไร..” ไป๋เฉียนคุกเข่าลงเพื่อวิงวอนต่อท่านเทพม่อเกวียน จะอย่างไรนางก็มิอาจไปที่ดินแดนเผ่ามารได้ หากมิได้ครองคู่รักกับท่านเทพสงครามอันฉี นางยอมกระโดดลงแท่นประหารเซียนแล้วตายตกไปเสียยังจะดีกว่า “ข้าจะไปแทนพี่ใหญ่เอง!” หากจะเปรียบความงามของไป๋เฉียนว่างดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็คงจะต้องเปรียบเปรยความงดงามของไป๋หมิงหลันว่างดงามเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน ดอกโบตั๋นที่ชูคออวดโฉมอยู่ในสระว่างามล้ำเลิศและวิจิตรแล้ว ยังมิสามารถเทียบเคียงใบหน้าของไป๋หมิงหลันได้เลย สองพี่น้องเทพบุปผาล้วนแล้วแต่งดงามหมดจด เป็นที่หมายปองของเหล่าทวยเทพบนสรวงสวรรค์ ทว่าพี่สาวมีสัญญาใจกับเทพสงครามอันฉีแล้ว จึงทำให้ความนิยมลดน้อยถอยลงไปบ้าง เทพบุปผาคนน้องหมิงหลันนั้นยังมิมีคู่ชะตา อีกทั้งใบหน้ายังงดงามล้ำเลิศจึงมีเทพมากมายหมายมั่นว่าจะมาขอผูกวาสนา แต่ทว่าหมิงหลันมิได้สนใจเทพองค์ใดบนสรวงสวรรค์นี้เลย นางรอคอย รอคอยวันนี้มาอย่างเนิ่นนานนับร้อยปี ชั่วอายุขัยของนาง หัวใจของหมิงหลันเต้นแรงด้วยความดีใจ เพราะว่านางจะได้พบพานกับบุรุษผู้ซึ่งยึดพื้นที่ในหัวใจของนางเอาไว้จนหมด หลี่เจ๋อเชี่ยน จอมมารร้ายที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมและไร้ปรานี เนื่องจากในโลกเบื้องล่างนั้นไร้ซึ่งสตรีที่จะให้กำเนิดทายาทของจอมมาร เขาจึงจำต้องมาขอสตรีแห่งแดนบุปผาไปกำเนิดองค์รัชทายาทให้เผ่ามาร พบพานเพียงครั้ง สลักลึกลงไปในจิตใจจนยากจะลืมเลือน  หมิงหลันได้พบหน้าท่านจอมมารเพียงครั้งเดียว เมื่อคราที่นางลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อเผชิญเคราะห์กรรม คำกล่าวถึงหลี่เจ๋อเชี่ยนนั้นคือจอมมารที่หน้าตาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ผิวกายเป็นสีดำ ร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งอสุรกาย มันมีที่ไหนกัน!! มีแต่บุรุษที่หน้าตางดงามจนสตรีเช่นนางยังรู้สึกกระดากอาย ใบหน้าที่หมดจดและเกลี้ยงเกลาของท่านจอมมารมันดึงดูดสายตาของนางไปจนหมด เขาเพียงผ่านเข้ามาช่วยหมิงหลันจากปีศาจงูที่กำลังมาแย่งปรานเซียนของนางไป… เรามิได้สบตาและหมิงหลันก็มั่นใจว่าท่านจอมมารมิได้มองหน้าของนางเลย แต่ทว่านางกลับจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของท่านจอมมารได้อย่างแม่นยำ หลังจากกลับขึ้นมาในดินแดนสวรรค์ดวงตาทั้งสองข้างนี้ก็สามารถมองเห็นอนาคตได้ และหมิงหลันมองเห็นและรอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน วันที่ท่านเทพม่อเกวียนจะมาที่นี่เพื่อตามหาเทพบุปผาที่จะลงไปยังเผ่ามาร ในบรรดาเทพบุปผาจะมีลักษณะเด่นคือเป็นสตรีที่งดงาม และมีพลังวิเศษติดตัว ท่านพี่ไป๋เฉียนมีพลังรักษา ส่วนหมิงหลันมีพลังที่สามารถมองเห็นอนาคตได้.. เพียงแต่พลังของหมิงหลันนั้นมีเพียงน้อยนิด นางพึ่งจะอายุหนึ่งพันปี ยังมิสามารถใช้พลังของที่มีได้อย่างเต็มที่ หากอยากจะมองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจนก็จะต้องใช้เวลาในการบำเพ็ญปราณเซียน พันปีหรือหมื่นไปตามเวลาของดินแดนสวรรค์ “ไม่ได้นะหมิงหลัน พี่จะยอมให้เจ้ามากระทำเรื่องเช่นนี้แทนพี่ได้อย่างไร” เพราะเรามีกันเพียงสองพี่น้อง ท่านพี่ไป๋เฉียนนั้นเป็นทั้งพี่สาวและท่านแม่ในเวลาเดียวกัน “ท่านพี่มิต้องเป็นกังวล ข้าอาสาไปก็เพราะข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับโลกด้านล่างว่าเป็นเช่นไร ท่านพี่ก็ทราบว่าข้าเป็นเทพที่ชอบเที่ยวไปยังที่ต่างๆ อีกอย่างข้ามิอยากให้ใบหน้าที่งดงามของท่านพี่ต้องมีน้ำตา ข้าอยากให้ท่านพี่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพี่เขย” “แต่ถึงอย่างนั้น….” “ไปกันเถิดท่านเทพม่อเกวียน ข้าพร้อมแล้ว” ข้าพร้อมมาตั้งแต่สองร้อยปีที่แล้ว แล้วล่ะ หมิงหลันเดินไปหาเทพม่อเกวียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และถึงแม้ว่าใบหน้าของหมิงหลันนั้นจะไม่มีอาการเจ็บปวดหรือเป็นทุกข์ใจใดๆเลย แต่ท่านเทพม่อเกวียนก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เจ้าควรจะล่วงรู้ว่าการลงไปในดินแดนมารครั้งนี้มิได้ไปเที่ยวอย่างที่เจ้าเคยไป..” “ข้ารู้แล้วน่า!! ข้าจะไปเป็นเจ้าสาวของท่านจอมมารหลี่เจ๋อเชี่ยน!!” ริมฝีปากของโฉมงามหยักยิ้มขึ้นมาโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามในริมฝีปากเล็กๆนั่น “ใช่ที่ไหนกัน คนเช่นท่านจอมมารมิได้คิดจะแต่งงานกับสตรีใดอยู่แล้ว เจ้าเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อให้กำเนิดลูกของเขาเท่านั้น!!” “แล้วมันไม่เหมือนกันตรงไหน? สุดท้ายข้ากับท่านจอมมารก็จะต้องร่วมเตียงกันอยู่ดี!” อ่า..เทพม่อเกวียนคิดว่าหัวของเขาในตอนนี้มันกำลังปวดอย่างรุนแรง เดิมทีเขาและหมิงหลันนั้นสนิทสนมกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และในยามนี้เขากำลังตักเตือนเพื่อให้นางเห็นถึงภัยอันตรายในภายภาคหน้า แต่ทว่าเหมือนกับเขาเสียแรงเปล่า “สวรรค์กับมารนั้นมิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไหร่ ข้าอยากให้เจ้าระวังตัวเอาไว้บ้างก็ดี” หมิงหลันส่งยิ้มที่แสนจะงดงามให้ท่านเทพม่อเกวียนอีกครั้ง “ขอบคุณท่านเทพที่ตักเตือน วางใจเถิดข้าจะอยู่ที่ดินแดนมารอย่างมีความสุขเอง!” นี่คือหนทางที่ข้าเลือกเอง ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรข้าล้วนแล้วแต่ยินยอมน้อมรับทั้งนั้น หมิงหลันปรายตาไปมองสวนดอกไม้ที่นางเป็นผู้ปลูกขึ้นมา ดอกโบตั๋นที่สวยงามและดอกเหมยฮวาที่กำลังผลิบาน ความสวยงามของดินแดนสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูและเบื้องหลังความสวยงามของที่นี่ก็มาจากสองพี่น้องเทพบุปผา หมิงหลันหวังในใจเพียงว่าพี่ไป๋เฉียนและท่านพี่เขยอันฉีจะครองคู่รักกันและช่วยกันดูแลดินแดนสวรรค์ในงดงามเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่มีนางก็ตาม หลังจากนี้ข้าจะใช้สองมือสร้างเผ่ามารและโลกเบื้องล่างให้งดงามเช่นดินแดนสวรรค์เอง
like
bc
นักต้มตุ๋นคนนี้ จะหลอกเอาหัวใจท่านมาให้ได้
Updated at May 7, 2024, 02:48
"ข้าว่ามันจะต้องออกต่ำแน่นอน...." ไดน่ากล่าวพร้อมทั้งชี้ไปที่ถ้วยแก้วสีทึบที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ อลิซเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด "เราเหลือเหรียญทองอีกกี่เหรียญ?" ไดน่าเปิดถุงเงินออก สตรีทั้งสองนางกำลังลุ้นว่าจะมีเหรียญทองเหลือกี่เหรียญ เหรียญเดียวและเหรียญสุดท้าย.... ใบหน้าของอลิซนั่นครุ่นคิด "ข้าว่าสูง เชื่อใจข้าเถอะไดน่า" "ก็เพราะข้าเชื่อเจ้า! เหรียญทองของเราถึงเหลืออยู่เหรียญเดียวนี่ไง!!" อลิซมองที่ไดน่าอย่างรู้สึกผิดเหตุใดวันนี้เธอถึงจะดวงซวยนัก!! ไดน่าวางเหรียญทองลงในช่องต่ำ "ข้าจะเปิดแล้วนะ วางเดิมพันกันครบรึยัง!!" "ได้เวลาภาวนาแล้วอลิซ วันนี้เราจะอดข้าว หรือจะได้ดื่มไวน์!!" อลิซจับมือกับไดน่าพร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์ "ต่ำสิ ต่ำมาเลยลูกแม่!!" เจ้าของโต๊ะพนันค่อยๆ เปิดถ้วยออกลูกเต๋าสามลูกในถ้วยออกมา ลูกเต๋าทั้งสามลูกล้วนแล้วแต่มีแต้มหกแต้มเหมือนทั้งสามลูก!!! อลิซและไดน่าเดินคอตกออกจากบ่อนพนัน "บางทีข้าก็คิดนะว่าทำไมเราไม่เอาเงินค่าจ้างของเราไปซื้อไวน์และเนื้อย่างกิน...." "พึ่งมาคิดได้อะไรตอนที่ไม่เหลือเงินสักบาทฮะอลิซ เจ้าควรจะคิดก่อนที่จะพาข้าไปที่บ่อนด้วยซ้ำ" อลิซถอนหายใจ "แล้วใครกันล่ะที่แทงต่ำ ข้าบอกแล้วว่ามันจะสูง!!" "เจ้าแทงผิดมาแล้วห้าตา ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าตาที่หกมันจะถูก!!" สตรีทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "ให้ตายเถอะ ข้าควรจะเลิกเป็นเพื่อนกับเจ้าซะ บางทีข้าอาจจะรวยกว่านี้" ไดน่าขมวดคิ้ว ทั้งสองพากันเดินมาจนถึงบ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะพากันเข้าบ้าน อลิซถอดวิกและล้างหน้าที่เธอทาถ่านและติดแผลเป็นปลอมๆ เอาไว้ จากหญิงสาววัยกลางคนกลายเป็นดรุณีน้อยผู้งดงาม ไดน่าก็เช่นกัน เธอถอดวิกผมออก พร้อมกับถอดฟันปลอมและไฝ "เจ้าได้อะไรมาบ้าง?" อลิซถามพร้อมทั้งล้มตัวนอนลงบนโซฟา "ถุงเงิน แหวนเพชร และสร้อยข้อมือที่น่าจะเป็นทอง" "อ่า ดีชะงัด ข้าได้ถุงเงินและสร้อยเพชร" อลิซชูสร้อยเพชรขึ้นมา เพชรสีชมพูเล่นแสงวาววับและงดงาม "อย่ามัวแต่นอนอยู่ เราควรจะย้ายบ้านได้แล้ว ป่านนี้คนที่บ่อนน่าจะรู้ตัวแล้วว่าของหาย" อลิซลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดหญิงสาวชาวบ้าน พวกเราเก็บของใส่กระเป๋าเอาไว้เรียบร้อย เพราะเตรียมการที่จะหนีเอาไว้อย่างดีแล้ว เธอคืออลิซ และเพื่อนของเธอคือไดน่า เราทั้งสองคนเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ที่นั่นเหมือนฝันร้ายเพราะผู้ดูแลที่นั่นชอบทรมานเด็กอย่างพวกเธอที่สุด ไดน่าอายุมากกว่าเธอสองปี เราช่วยกันวางแผนการหนีออกมา ในตอนนั้นไดน่าสิบขวบ ส่วนเธออายุแปดขวบ ที่จำเป็นต้องหนีเพราะว่าผู้ดูแลสถานกำพร้า เริ่มจะมองไดน่าแปลกๆ ในวันนั้นผู้ดูแลมาหาไดน่าแต่เช้าและใช้ให้นางไปหาเขาตอนเย็น วันนั้นทั้งสองคนจึงรู้ได้เลยว่าหากไม่หนีออกมาวันนั้นไดน่าจะต้องถูกทรมานแน่นอน ดรุณีน้อยทั้งสองหนีออกมาช่วงพลบค่ำ พวกเธอได้ความช่วยเหลือจากชาร์ลคนส่งอาหาร ชาล์าแอบพาพวกเราขึ้นรถม้าส่งอาหาร แล้วพาพวกเราออกมาข้างนอก ชีวิตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าลำบากแล้ว แต่พอออกมาใช้ชีวิตกันเองยิ่งลำบากกว่าเก่า ไดน่าต้องพาอลิซทาหน้าด้วยดินโคลนตลอดเวลาเพราะใบหน้าที่งดงามของพวกเรามันคืออันตราย แต่ทว่าไม่ใช่กับบ่อน งานแรกของไดน่าคือเป็นเด็กทำความสะอาด แต่ด้วยใบหน้าที่น่ารักและเป็นเด็กทำให้ผู้คนในบ่อนเอ็นดู และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นมิจฉาชีพครั้งแรกของไดน่า เธอใช้เวลายาวนานหลายปีสอดส่องพฤติกรรมของนักพนันทั้งหลาย ทุกคนจะสนใจเพียงแค่ไพ่บนโต๊ะเท่านั้น ไม่มีใครคอยระวังทรัพย์สินของตัวเองหรอก เธอพาอลิซเริ่มหลอกลวง ต้มตุ๋น ไปตามที่ต่างๆ จนความเป็นอยู่ของเราสองพี่น้องเริ่มดีขึ้นจึงจะพากันไปอยู่หมู่บ้านทางเหนือที่ไม่มีใครรู้จักเรา ไปเปิดร้านขายเนื้อย่างและไวน์เล็กๆ อยู่ด้วยกันสองพี่น้อง อลิสส่งยิ้มให้ไดน่า ก่อนจะเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อน ทว่าอยู่ๆ ก็มีชายชุดดำราวห้าคนปรากฏตัวขึ้นมา ดาบที่แหลมคมถูกจ่อไปที่คอของไดน่า เธอมองอลิซที่อยู่ในรถม้าอย่างตกใจ "ออกมาสิแม่สาวน้อย!!" อลิซกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอเดินออกมาจากรถม้าพร้อมกับมองที่ไดน่าอย่างเป็นห่วง "จะมาปล้นกันรึไง?" อลิซถามพร้อมมองไปที่ชายชุดดำอย่างประเมินสถานการณ์ "เจ้านายของข้าอยากเจอพวกเจ้า รีบตามมาดีๆ เถอะ ข้าไม่อยากทำร้ายสตรี" ทั้งสองเดินตามชายชุดดำมาไม่นานก็พบกับรถม้าที่หรูหราและใหญ่โต ชายชุดดำสั่งให้เธอเดินขึ้นไป ไดน่าเลือกจะเดินขึ้นไปก่อน ตามด้วยอลิซ ด้านในรถม้าประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มีสตรีชนชั้นสูงนั่งอยู่ ประเมินอายุด้วยสายตาสตรีผู้นี้น่าจะอายุราวสี่สิบถึงห้าสิบปี ใบหน้าที่มีเหี่ยวย่นนั้นยังคงความงดงามและดูน่าเกรงขาม "ไดน่า และอลิซใช่หรือไม่ รู้ไหมว่าข้าให้คนตามสืบเรื่องของเจ้าสองคนมาเนิ่นนาน จนในที่สุดก็ได้พบตัวพวกเจ้าสักที" ให้ตายเถอะนี่เธอเคยไปขโมยของยัยป้านี่มาอย่างนั้นเรอะ!! อลิซมองไปที่สตรีชนชั้นสูงอย่างประหม่า "ขอเข้าเรื่องเลยนะ ส่งสร้อยเพชรสีชมพูมาให้ข้า" อ่า ขโมยมาจริงๆ ด้วยสินะ อลิซเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอออกมาพร้อมกับส่งสร้อยเพชรพิงค์ไดม่อนให้สตรีตรงข้าม "วางใจเถอะข้าจะไม่ทำอันตรายกับเจ้าทั้งสอง และสร้อยนี้ก็มีใช่ของข้า ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ข้าจะให้เจ้าไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับสามีของข้า" อลิซและไดน่ามองหน้ากันอย่างตกใจ "พวกเราไม่คิดจะทำงานให้ท่านหรอกค่ะ ข้าและน้องสาวจะพากันไปอยู่ต่างเมือง" "ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถปฏิเสธหรือว่าต่อรองได้ อย่าลืมสิว่าข้าสามารถสั่งให้พวกทหารของข้าจัดการพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย" นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!! "อลิซเจ้าต้องปลอมตัวไปกับคณะนักบุญที่จะเดินทางไปยังเมืองนอห์ร่า เพื่อตามสืบข่าวของดยุคแอรอนส่งมาให้ข้า" "เหตุใดต้องเป็นข้าด้วย" "เพราะว่าเจ้างดงามยังไงล่ะ ใบหน้าของเจ้าน่ารักน่าเอ็นดู นั่นคือใบหน้าของสตรีในแบบที่สามีข้าชอบ ส่วนไดน่าเจ้าต้องกลับไปอยู่คฤหาสน์กับข้า เพื่อเป็นตัวประกัน" "นี่มันจะเกินไปแล้วนะ ข้าไม่มีทางยอมให้ไดน่าไปอยู่กับท่านแน่นอน" "นา
like
bc
ได้โปรดอย่าเห็นใจปีศาจ
Updated at Apr 11, 2024, 03:20
เท้าทั้งสองข้างกำลังก้าวเดินไปด้วยความสับสน ใบหน้าหวานรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแวววาวที่กำลังรินไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ต้นไม้ก็เริ่มหนาตาแน่นขนัดมากยิ่งขึ้น บางจังหวะก็เบียดกันรกชัฏจนต้องเดินอ้อมเลี่ยงไปอีกทาง สายลมหอบเอากลิ่นของใบไม้แห้งและกลิ่นอายของดินลอยฟุ้งขึ้นมาเตะจมูก.. ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นมาในดวงตา มือทั้งสองข้างขยำกระดาษในมือเอาไว้แน่น ข้อความในนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจราวกับว่า “เขาคนนั้น” พึ่งจะยื่นจดหมายให้เธอเมื่อวานนี้เอง ทั้งๆ ที่มันผ่านมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้ว แต่ทว่าเธอก็ยังคงวิ่งไล่ตามหาเบาะแสของเขาอยู่ “เพราะมีชีวิตอยู่มานานมากพอแล้ว ข้าจึงหวังว่ามันจะจบลงในสักวันหนึ่ง ความตายอาจทำให้มนุษย์ทุกคนมีจุดหมายในการดิ้นรน แต่ทว่าในชีวิตของข้า เจ้าคือผู้ที่ทำให้ชีวิตสีเทานี้มีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าข้าไม่อาจโลภมากกว่านี้เชอรีน..เมื่อจุดจบของข้าเดินทางมาถึง ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข” เชอรีนทรุดตัวลงปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร เธอไม่คิดหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำว่าในยามนี้ตัวเองกำลังนั่งอยู่คนเดียวในป่าลึก เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พอๆ กับฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคง “ยะ..อยู่ที่ไหนกันนะ! ออสตินคุณอยู่ที่ไหนกันคะ?” ในวันที่ฉันมีทุกอย่าง..ฉันกลับสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป .................. “ชุดนี้สวยมากเลยนะคะคุณหนู ยิ้มให้เยอะๆ เพราะว่าวันนี้คือวันเกิดของคุณท่าน..” ป้าเกลส่งยิ้มให้คุณหนูที่แสนงดงามของเธอ สาวใช้วัยชรารับใช้เชอรีนมาตั้งแต่เด็กสาวผู้นี้พึ่งจะลืมตาดูโลกจนในยามนี้เชอรีนอายุยี่สิบปีแล้ว และที่สำคัญคุณหนูของเธอยิ่งโตก็ยิ่งฉายแววงดงามเหมือนกับคุณผู้หญิง หากว่าคุณผู้หญิงไม่ด่วนจากไปก่อน สภาพความเป็นอยู่ของคุณหนูก็คงจะดีมากกว่านี้ “หนูไม่อยากไปที่นั่นเลยค่ะป้าเกล” เพราะว่าพ่อของเธอคือนายท่านแห่งเอลเลน่าผู้ร่ำรวย อาณาจักรความหรูหราและไฮโซ มีกิจการนับไม่ถ้วนภายใต้ชื่อของเอลเลน่ากรุ๊ป และเพราะความร่ำรวยนี้เองทำให้คุณพ่อมีภรรยาถึงสองคน ไม่รวมกับแม่ของเธอที่ตายไปแล้ว งานวันนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่ได้มีแต่ครอบครัวจอมปลอมของเธอเท่านั้น แต่ทว่ามีตระกูลดังๆ และเหล่ามหาเศรษฐีตบเท้าเข้าร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีแก่นายท่านคาเตอร์ในวันเกิดครบรอบอายุหกสิบปี “ไม่ได้นะคะคุณหนูจะอย่างไรก็ต้องเข้าร่วมงานในวันนี้” เชอรีนรู้ว่าเธออายุยี่สิบปีแล้ว เธอเรียนจบเร็วกว่าคนอื่นเพราะเริ่มเรียนก่อน และนี่คงถึงเวลาอันสมควรที่พ่ออาจจะส่งเธอไปแต่งงานกับตระกูลไหนสักตระกูลเพื่อการร่วมลงทุนที่ดีที่สุด ลูกสาวมีค่าเพียงเท่านั้น และเพราะว่าเธอไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายจึงไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการเอลเลน่ากรุ๊ปเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นภรรยาหลวงก็ตาม และเพราะป้าเกลขอร้องเชอรีนจึงเดินทางมาที่โรงแรมเอลเลน่าเพื่อมาร่วมงานวันเกิดของพ่อ “กล้ามาเหยียบที่นี่ด้วยงั้นเหรอ? นึกว่าจะหดหัวอยู่ในคอนโดเล็กๆ เท่ารูหนูนั่น..” ถึงแม้ว่าแม่ของเชอรีนจะเป็นภรรยาหลวงแต่ทว่าพ่อกลับมีลูกกับภรรยารองก่อนแม่ของเธอเสียอีก “หากพี่เห็นว่าหนูยืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าหนูมานั่นแหละค่ะ แล้วทำไมหนูจะมางานวันเกิดของพ่อตัวเองไม่ได้ล่ะคะ!!” เคนโซ่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบไหล่ของเชอรีน “นังโง่! พ่อไม่นับว่าแกเป็นลูกของด้วยซ้ำ อีกอย่างพ่อให้พี่จัดการเรื่องการหาคู่แต่งงานให้แกด้วย เอาเป็นลูกชายคนเล็กของตงฟางกรุ๊ปดีไหม ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะเจ้าชู้ไปหน่อยแต่หน้าตาก็พอใช้ได้..ไหนๆ แม่ของแกก็เป็นภรรยาคนแรกของพ่อ พี่ก็ควรจะให้แกแต่งไปเป็นเมียหลวงสิ!” มือของเชอรีนกำแน่น เปลวไฟแห่งโทสะกำลังแผดเผาในใจ เธออยากจะยกมือขึ้นมาฟาดลงไปบนใบหน้าของพี่เคนโซ่สักที ทว่า..เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เชอรีนไม่เคยโลภกับทรัพย์สมบัติที่มากมายของพ่อ เธอแค่ต้องการความสงบสุขที่ได้อยู่กับป้าเกลสองคนก็พอแล้ว เพราะแม่เสียตั้งแต่เชอรีนได้สิบขวบและในชีวิตของเชอรีนมีเพียงป้าเกลเท่านั้นที่เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว “ขอบคุณ..พี่เคนโซ่ด้วยนะคะที่เมตตาหนูขนาดนั้น” เคนโซ่ยักไหล่ “นี่ชักจะไม่สนุกแล้วสิ เพราะต่อให้พี่จะแกล้งแกยังไง แกก็ไม่รู้จักการตอบโต้พี่เลย ทำไมถึงเกิดมามีดีเพียงแค่หน้าตาแบบนี้ล่ะเชอรีน” เธอมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่พยายามเก็บซ่อนน้ำตาอย่างหนัก “อะไรกันพี่ใหญ่ นี่รังแกเชอรีนอีกแล้วงั้นเหรอ?” ดัชตินพี่ชายคนรองเดินเข้ามาก่อนจะส่งแก้วไวน์ให้กับเชอรีน “เชอรีนน้องรักอย่าไปใส่ใจการกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ของพี่ใหญ่เลยน่า ไหนๆ มาแล้วไปทักทายพ่อสิ” เชอรีนปรายตามองหน้าของพี่รองดัชติน ชายผู้นี้มีใบหน้าที่แสนอ่อนโยน แต่ทว่าเขาไม่ได้แตกต่างกับพี่ใหญ่สักเท่าไหร่นัก เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเกลียดชังอะไรเธอนักหนา ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยไปแสดงตัวหรือว่าร้องขอสิ่งใดจากพ่อเลย! เมื่อดัชตินเห็นเชอรีนยืนนิ่งเขาก็ดึงแขนของเธอให้เดินมายังห้องรับรอง พ่อกำลังพูดคุยเรื่องงานอยู่และนั่นคือสิ่งที่ดัชตินอยากจะเห็น “พ่อครับ น้องมาอวยพรให้พ่อครับ” ชายวัยกลางคนที่ยังคงสมบูรณ์แบบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อายุที่มากขึ้นไม่ได้ทำให้นายท่านแห่งเอลเลน่าดูชราลงเลย คาเตอร์ปรายตามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับชายเบื้องหน้าที่กำลังคุยเรื่องธุรกิจค้างเอาไว้เมื่อครู่ “คงจะต้องเสียมารยาทแล้วครับ พอดีลูกสาวที่แสนน่ารักจะมาอวยพรวันเกิดให้..” “ไม่เป็นไรเลยครับนายท่านคาเตอร์ เชิญใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวเถอะครับ งานนี้ก็จัดขึ้นมาเพื่อการนั้นอยู่แล้ว” คาเตอร์หัวเราะเบาๆ กับคำกล่าวของชายผู้นั้น เขาหันไปมองเชอรีนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ฝีมือของเกลก็นับว่ายังดีอยู่เรื่องการเลือกชุดที่ไม่ทำให้เขาขายขี้หน้า “พ่อไม่คิดว่าแกควรจะมางานนี้ รีบออกไปจากที่นี่ซะ!..” ดัชตินยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ ในขณะที่เชอรีนก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกไล่ออกไปจากงานเลี้ยงของเอลเลน่าที่จัดขึ้นมา ไม่ว่าเธอจะเข้าร่วมงานส
like
bc
ถ้าหากคุณต้องการ ฉันเป็นนางเอกให้ก็ได้ค่ะ
Updated at Apr 8, 2024, 01:26
อ่า..ฉันคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงตกหลุมรักล่ะ เวลาตกหลุมรักใครสักคนหัวใจก็จะเต้นแรง หน้าแดงทุกที ในตอนที่เจอเขาใช่ไหม? อาการมันเป็นแบบนั้นเลยในยามที่หันไปมองภาพวาดขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหัวเตียง “วันนี้ก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะมาไคล์ ถ้าได้ฝันถึงคุณก็ดีสิ” เธอรู้แล้วน่า..ว่าเขาเป็นตัวร้าย แต่เขาโตมาในครอบครัวประสาทแดกแบบนั้นมันเลยหล่อหลอมให้เขาต้องร้ายเพื่อมีชีวิตรอด ถึงแม้ว่าเขาจะสังหารผู้คนมากมาย แต่เพราะเขาเป็นแม่ทัพนี่ เขาต้องปกป้องจักรวรรดิ แถมยังต้องปกป้ององค์รัชทายาทที่ไม่ได้เรื่องนั่นอีก เป็นพระเอกประสาอะไรไม่ยอมออกไปรบ อยู่แต่ในพระราชวังเพื่อสั่งการ ผู้ที่ต้องออกไปจับดาบออกรบและปกป้องราชวงศ์มีแค่ตัวร้ายสุดหล่อของเธอเท่านั้นเอง.. ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่เขาลุกขึ้นมาก่อกบฏในตอนที่รู้ว่าอเดเรียกับองค์รัชทายาทฮาร์วีจะแต่งงานกันน่ะ ถึงแม้นิยายเรื่องเจ้าหญิงผู้ถูกรักจะเป็นนิยายฮาเร็มแต่ก็ไม่มีฉากรักของอเดเรียกับมาไคล์เลย ซึ่งมัน..ดีมากๆ เขาเป็นของฉันจ้า นางเอกของเรื่องมีผู้ชายที่รักเยอะแล้วอย่ามายุ่งกับเมนของฉันเลย ฉันค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เพราะทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน ฉันจึงเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย.. วันนี้ฉันอยากฝันถึงคุณนะคะมาไคล์ อยากเจอคุณสักครั้ง..ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากโอบกอดคุณจากทุกความเจ็บปวดทั้งปวด นางเอกของเรื่องไม่รักคุณก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะว่าฉันที่อยู่ตรงนี้จะรักคุณเอง!! “ลืมตาขึ้นมา อย่าแสร้งทำเป็นอ่อนแออยู่เลยทารีน่า รีบมาคุยเรื่องนี้ให้จบ เราจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน” น้ำเย็นจัดถูกสาดเข้ามาใส่ใบหน้าของเธอ และแน่นอนเธอลืมตาขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเพราะว่าน้ำที่สาดมามันเย็นราวกับน้ำแข็งเลย ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นใบหน้านี้มานับครั้งไม่ถ้วนจากรูปภาพบนหัวนอนแต่ในตอนนี้เขากำลัง กะพริบตา.. เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนจะกรีดร้องออกมาในใจ นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหม เธอฝันเห็นมาไคล์ แถมยังอยู่ใกล้กันในระยะประชิดอีกด้วย มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอบกุมใบหน้าของเขาเอาไว้ มันอบอุ่นเหมือนกับว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่เลย “มาไคล์...” “เหอะ! นี่เจ้ากล้าเรียกชื่อของข้าอย่างนั้นหรือ? ช่างไม่หวาดกลัวความตายหรืออย่างไร ถึงได้กล้าเรียกชื่อของผู้กุมความตายเช่นนี้?” ฉายาของเขาในสนามรบคือทารอนผู้กุมความตาย ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อของเขาออกมาเพราะทุกคนต่างหวาดกลัว “นี่คงเป็นความฝันที่เหมือนจริงที่สุดเลย ขะ..ขอจูบสักครั้งได้ไหมคะ จะไม่ลืมพระคุณเลย” หลังจากนั้นเธอก็เคลื่อนใบหน้าไปหาเขาแต่ทว่าทำไมริมฝีปากของมาไคล์ถึงได้เย็นเฉียบขนาดนี้กันนะ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังจูบบนดาบของเขา “หากกล้าทำเรื่องเช่นนี้อีก ดาบเล่มนี้จะแทงเข้าไปในปากเจ้าแทน” อ่า..โหดชะมัดเลยล่ะพ่อคุณ เธอรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองในทันทีเมื่อเขาขู่ออกมาเช่นนั้น “อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทารีน่า รีบบอกมาเถอะว่าอเดเรียอยู่ที่ไหน ความอดทนของข้ามันไม่ได้มีจำกัดอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” ทารีน่างั้นเหรอ? นี่นางร้ายคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย ว้าว..เป็นความฝันที่คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยได้เห็นใบหน้าสวยๆ ของนางร้ายอย่างทารีน่าด้วย เธอหันไปมองด้านหลังของตัวเองก็ไม่เจอใคร ไม่อยู่ข้างหลังแบบนี้ แสดงว่าอยู่ด้านหลังของท่านมาไคล์ใช่หรือไม่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็โยกใบหน้าไปด้านข้างเพื่อมองไปยังด้านหลังของท่านมาไคล์ ไม่มีใครอยู่เลยนี่นา..ในที่แห่งนี้มีแค่เธอและเขาเท่านั้นเอง มีแค่เราสองคนแต่เมื่อครู่เขาทำท่าทางเหมือนกับกำลังคุยกับทารีน่า ฮะ..ฮ่า!! ไม่ใช่หรอกมั้ง เธอคงไม่ได้ฝันว่าตัวเองเป็นทารีน่าหรอกใช่ไหม? เธอหันไปหาเงาน้ำที่สะท้อนอยู่บนพื้น สิ่งที่เด่นชัดไม่ใช่ใบหน้านี้แต่เป็นผมสีแดงแปร๊ดที่อยู่บนศีรษะของเธอต่างหาก..อย่างไม่ต้องสงสัยนี่เธอฝันว่าตัวเองเป็นทารีน่าจริงๆ ด้วยสินะ!! “อะ.เอ่อ ท่านดยุคกำลังเข้าใจผิด คือข้าไม่ได้..” “ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้ายังไม่เปิดปากบอกที่อยู่ของอเดเรีย ดาบนี่จะแทงทะลุร่างกายของเจ้าเป็นแน่..” ก็แทงมาสิโว้ย นี่มันในฝัน เพราะอย่างนั้นมันไม่เจ็บหรอก เธอน่ะไม่ยอมให้เขาไปหาอเดเรียหรอก ไหนๆก็ฝันว่าเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายแล้วก็จะร้ายซะให้สาแก่ใจเลย!! “ข้าไม่มีทางบอกที่อยู่ของอเดเรียให้ท่านหรอกค่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านหานางพบเจอเพราะว่าข้ารักท่าน...” “ฉึก!!..” ดาบในมือของเขาแทงลงไปที่สีข้างของเธอ เลือดสีแดงสดไหลรินออกมายังส่วนที่ถูกแทง พร้อมๆ กับ..ความเจ็บปวด... ห๊ะ!! ทำไมเจ็บเหมือนถูกแทงจริงเลยวะเนี่ย!! แถมกลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมายัง..อุ่นๆ เหมือนเป็นเลือดของเธอจริงๆ เลย หรือว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน แต่ถ้าไม่ใช่ความฝันแล้วเธอจะได้เจอเมนของตัวเองได้ยังไงกัน.. ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อคิดถึงเรื่องการทะลุมิติแบบในนิยายสามร้อยห้าสิบเรื่องที่เคยอ่านมา แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน เธอยังไม่ตายสักหน่อย.. เอ๊ะ..หรือว่าตัวเธอตายไปแล้ว นอนหลับไหลตายไปเลยงั้นเหรอ? “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับอเดเรีย ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่านางอยู่ที่ไหน?” เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา ก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลออกมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ออกมาทำไมกัน “ท่านดยุคแทงข้า อ่า..ให้ตายเถอะ ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดแต่มันก็มีความสุขมากจริงๆ ช่วยแทงข้าอีกสักครั้งจะได้ไหมคะ?” เสียสติไปแล้วรึไง? แต่แววตาของทารีน่านั้นเปลี่ยนไปเมื่อนางฟื้นขึ้นมา หลังจากล้มหัวกระแทกพื้น นางมองเขาราวกับว่าเขาคือความหวังเดียวของนาง มองเขาเหมือนกับว่านางกำลังตกหลุมรักเขายังไงอย่างนั้น นี่มัน..บ้าไปแล้วแน่ๆ “ท่านดยุคทารอน นี่ท่านทำร้ายคู่หมั้นของข้าอย่างนั้นหรือครับ” นี่ใช้คำว่าเกือบหลับแต่ยังกลับมาได้ ได้รึเปล่านะ เพราะเสียงที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วหันไปมองบุรุษที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ เขายกมือขึ้นมาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกดแผลที่พึ่งถูกแทงเอาไว้ “ไม่ต้องกลัวนะทารีน่า ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว”
like
bc
มาแต่งงานกับฉันอีกครั้งได้ไหมคะ
Updated at Apr 1, 2024, 20:48
มีคำกล่าวเล่าขานถึงเทพีอะโฟเดธี ว่าพระนางคือเทพีที่งดงามยากจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบ ความงามที่มิอาจเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ ความงดงามที่ผู้คนที่พบเห็นเป็นต้องตกตะลึง  ราชอาณาจักร อเดลไทม์  ในวันที่ราชวงศ์เคนเดน่าไม่มีอำนาจมากพอที่จะบริหารจัดการราชอาณาจักร ทางออกเดียวขององค์จักรพรรดิฟาริเค นั่นก็คือลูกสาวทั้งสองคนของเขา  งดงาม เย้ายวนจนมวลบุพผายังต้องหม่นหมอง เคเดน่า ริฮาน เซซิเลีย พี่สาวคนโตที่งดงามและเย้ายวนใจ เซซิเลียคือองค์หญิงที่ถึงพร้อมในทุกๆด้านเพราะเธอคือลูกสาวคนโต มีคำกล่าวว่านินทาจากชนชั้นสูงว่าที่ราชวงศ์จะล่มสลายนั่นก็เพราะว่า องค์ราชินีสเตฟานี่มิอาจให้กำเนิดองค์ชายได้  นั่นทำให้ความสัมพันธ์ขององค์จักรพรรดิและองค์ราชินีไม่ค่อยสู้ดีนัก เซซิเลียจึงจำเป็นอย่างมากที่นางจะต้องเรียนให้เก่งในทุกๆด้าน ความตั้งใจและจิตใจที่เข้มแข็งของเธอมันล้ำค่ามากกว่าใบหน้าที่แสนจะงดงามนั่นซะอีก... ทว่านั้นมิได้เพียงพอต่อความมั่นคงของราชวงศ์ กำลังทหารของพระราชวังมีน้อยเต็มที่ และสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการส่งองค์หญิงไปแต่งงานกับดยุคเอเดเรี่ยน  เซซิเลียคือลูกสาวที่เหมาะสมในการส่งไปแต่งงานครั้งนี้มากกว่า เซเวีย หากเปรียบเซซิเลียเป็นดอกกุหลาบ เซเวียก็คือดอกเดซีที่แสนจะอ่อนโยน เนื่องจากเธอคือองค์หญิงคนที่สองจึงมิต้องแบกรับความกดดันใดๆจากเสด็จพ่อ และความคิดของเซเวียก็แตกต่างจากพี่สาวโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าสตรีจะสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดินีได้ เรื่องการปกครองราชอาณาจักรนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นหน้าที่ของบุรุษ พระเจ้ามอบใบหน้าที่งดงามเช่นนี้มาให้ การใช้ใบหน้าที่งดงามนี้ยั่วยวนพวกมีอำนาจ น่าจะคุ้มค่ากว่าการลงแรงไปกับเรื่องไร้สาระที่พี่สาวของเธอกำลังทำมัน... เซซิเลียเปิดราชโองการออกมาดู เธอหลับตาลงช้าๆเพราะไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะตัดสินใจเช่นนี้ เธอมีคนรักอยู่แล้ว เคาน์คอนราด โมเรย์ คือบุรุษที่กำลังคบหาเธอ และ..เรารักกัน ทว่าการปฏิเสธคำสั่งของเสด็จพ่อมิอาจทำได้ง่าย หากจะพูดตรงๆเธอไม่มีทางที่จะทำมันได้เลย  ดยุคเอเดเรี่ยน เขามีชื่อเสียงด้านนิสัยที่ป่าเถื่อน เขามิได้เป็นชนชั้นสูงมาตั้งแต่กำเนิด แต่เขาได้รับยศดยุคมาในวันที่เขาสามารถรบชนะข้าศึกและสามารถยึดดินแดนกลับมาให้ราชอาณาจักรอเดลไทม์ได้สำเร็จ ความเก่งกาจของเขาทำให้มีผู้สนับสนุนเขาเป็นอย่างมาก เขาสามารถก่อตั้งเอเดเรี่ยนให้แข็งแกร่งในเวลาไม่กี่ปี ชนชั้นสูงจึงพากันเข้าหาเขา เพราะอยากจะได้รับอำนาจจากเขาบ้าง แต่ดยุคเอเดเรี่ยนเป็นคนที่ค่อนข้างจะภักดีต่อองค์จักรพรรดิ เขาเชื่อว่าที่เขาได้มีทุกวันนี้ ที่เอเดเรี่ยนยิ่งใหญ่เป็นเพราะว่าเขาได้รับโอกาสจากองค์จักรพรรดิ  และแน่นอนว่าเมื่อราชโองการมาถึงคฤหาสน์เอเดเรี่ยน เขาไม่คิดแม้แต่จะปฏิเสธเลย ไฮโนคิดเพียงว่าจะจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่มาก ให้สมเกียรติกับองค์หญิงผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในจักรวรรดิ "เรา..ยังสามารถรักกันได้เซซิเลีย เจ้าแค่ต้องทำให้อำนาจของเอเดเรี่ยนตกอยู่ในมือของเจ้า ทีนี้เจ้าก็จะสามารถกลับมาเป็นจักรพรรดินีอย่างที่เจ้าใฝ่ฝันเอาไว้..." อาจจะเป็นเพราะว่าเราพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนวัยเด็กมาเป็นคนรัก นั่นทำให้โมเรย์คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ  เขาเป็นมากกว่าเพื่อน และก็เป็นมากกว่าคนรัก  ความฉลาดของเซซิเลียถูกบดบังไปจนหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าโมเรย์ เธอฟังคำที่เขาพูดทุกคำ และทำตามทุกสิ่งที่เขาร้องขอ.. โมเรย์โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน เขาพรมจูบเบาๆที่เรือนผมของเธออย่างรักใคร่ ราชตระกูลคอนราดนั้นคือตระกลูที่เก่าแก่มากทีเดียว เขาร่ำรวยมหาศาลและการช่วยเหลือราชวงศ์ก็ทำได้ไม่ยาก  แต่ที่เขาไม่ทำ เพราะบางอย่างมันควรจะทำในเวลาที่สมควร  "พี่ไปแล้วเหรอคะ?" โมเรย์หันไปมองหน้าของเซเวีย เขาโอบกอดเธอเอาไว้ก่อนจะพากันเดินเข้าไปที่คฤหาสน์ด้านหลังพระราชวัง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าความบิดเบี้ยวในใจนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่  เขากับเซซิเลียเป็นเพื่อนกันมาก่อน และต่อให้ความสัมพันธ์ของเรามันพัฒนามาเป็นคนรักแต่เขาก็คิดว่าตัวเองนั้นมิอาจจะรักเธอได้สนิทใจ  เซซิเลียน่าเบื่อเกินไป เธอมีความคิดที่แสนจะโบราณและคร่ำครึ ผู้คนต่างอิจฉาที่เขาได้เพชรยอดมงกุฎที่แสนล้ำค่าเม็ดนี้ไปครอบครองแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า เซซิเลียนั้นน่ารำคาญแค่ไหน  สตรีที่วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ ฝึกวิชาดาบ และเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายมีอะไรน่าหลงใหลกัน สู้สตรีที่เก่งเรื่องการชงชา และการเอาใจเรื่องบนเตียงเก่งอย่างเซเวียก็ไม่ได้  เซเวียยกมือขึ้นมาโอบกอดโมเรย์เอาไว้... ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่เธอวางเอาไว้.. เซเวียนั้นน่ารักและงดงาม เพียงแต่ทุกสิ่งที่เธอพยายามทำแทบเป็นแทบตายกลับถูกพี่เซเลียกลบจนหมด ในงานสังคม งานเปิดตัว งานบรรลุนิติภาวะ คนที่เด่นที่สุดคือพี่สาวของเธอ  แทบจะไม่มีใครรู้จักองค์หญิงคนรองเช่นเธอด้วยซ้ำ แม้แต่ชื่อของเธอก็ประกอบไปด้วยตัวอักษรจากชื่อของพี่สาว เสด็จพ่อผิดหวังมากที่เธอเกิดมาเป็นองค์หญิงแทนที่จะเป็นองค์ชาย  ส่วนเสด็จแม่ไม่ต้องพูดถึงเลย เธอไม่อาจเข้าเฝ้าเสด็จแม่ได้ด้วยซ้ำ.. เพราะทุกคราที่เสด็จแม่เห็นหน้าเธอ ท่านจะร้องไห้พร้อมทั้งอาละวาดไม่หยุด... ราวกับพระราชวังที่กว้างใหญ่แห่งนี้ไม่มีที่ให้เธอยืนเลย มีเพียงพี่สาวของเธอที่เปล่งประกายและเจิดจ้าอยู่บนนั้น ความเจ็บปวดในใจก็บ่มเพาะออกมาเป็นความคับแค้นใจ และโมเรย์คือความหวังหนึ่งเดียวของเธอ เพราะเซเวียรู้ เธอรู้ว่าพี่รักเขาแค่ไหน รู้แม้กระทั่งว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันอย่างยิ่ง แผนการของเซเวีย เริ่มต้นจากการส่งเซซิเลียไปแต่งงานกับดยุคเอเดเรี่ยน ทีนี้เธอก็จะมีเวลาอยู่กับโมเนย์มากขึ้น  ความหวังเดียวของเซเวียคือทำลายพี่สาวของเธอ ในขณะที่เซซิเลียยื่นข้อเสนอให้โมเรย์เป็นคนรักเพราะเซซิเลียมีความหวังว่าตัวเองจะเป็นองค์จักรพรรดินีปกครองราชอาณาจักรแห่งนี้ นั่นหมายถึงว่าเซซิเลียจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในจักรวรรดิ ส่วนโมเรย์เป็นเพียงคนที่จะต้องรับคำสั่งของภรรยาอีกที แต่เธอยื่นข้อเสนอให้โมเรย์เป็นองค์จักรพรรดิ แล
like
bc
วีธีหนีเอาตัวรอดจากการตามล่าของท่านดยุค
Updated at Mar 27, 2024, 17:22
"ไหนเจ้ากล่าวโอ้อวดนักหนาว่าเจ้าคล่องแคล่วกับการทำเรื่องเช่นนี้แล้วทำไม..ไม่เริ่มทำมันสักทีล่ะ คงไม่ใช่ว่าเจ้าพูดไปเรื่อยหรอกใช่ไหมมารีแอนด์!! โทษฐานการหลอกลวงข้าคือความตาย จะทำหรือว่าจะตายดีเล่า?"....
like
bc
เป็นภรรยาทรราชมิใช่เรื่องง่าย
Updated at Mar 23, 2024, 19:12
ประกาศจากตระกูลโนอาห์ ทางคฤหาสน์โนอาห์ต้องการสตรีเพื่อแต่งงานกับท่านดยุค สตรีผู้ใดที่สนใจสามารถลงชื่อได้ที่หน้าคฤหาสน์ ฉันยืนมองแผ่นป้ายประกาศนั้นยาวนานหลายนาที ก่อนจะตัดสินใจดึงมันออกมาพับใส่กระเป๋ากลับบ้าน ที่หน้าบ้านของฉันเองก็มีป้ายประกาศเช่นกัน บ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด และกิจการทั้งหมดของตระกูลนีฟก็กำลังจะล้มละลาย บ้านของฉันในตอนนี้ถังแตกสุดๆไปเลย ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความทรงจำในชาติที่แล้ว แต่ทว่าไอ้ความทรงจำที่ว่านั่นมันมิได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าฉันดันอยู่ในช่วงที่นิยายจบแล้ว รู้แค่เพียงอดีตเท่านั้น ส่วนปัจจุบันและในอนาคตฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง "อ่า..ลีอาลูกรัก พ่อกับแม่กำลังจะไปดื่มน้ำชายามบ่ายที่ริมทะเลสาบ ลูกอยากจะไปด้วยกันไหมจ๊ะ" จะไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้ว แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ที่เป็นพวกโรแมนติกเข้าเส้นเลือด ยังมีอารมณ์พากันออกไปเที่ยวเล่น.. "ลีอา อย่ามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้นสิ ไม่มีบ้านนี่เราก็มิได้จะตายสักหน่อย แต่ถ้าไม่มีพ่อ แม่จะตายตรงนี้อย่างแน่นอน" ทั้งที่พยายามทำใจให้ชินกับความรักอันมากล้นของท่านพ่อและท่านแม่แต่มันจะทำใจให้ชินยังไหว!! ฉันกางกระดาษใบนั้นออกมาดูอีกครั้ง เอาวะ ท่านดยุคที่ใกล้ตายเพราะเป็นไข้ใจ เขาน่าจะทนได้อีกไม่นานหรอก และถ้าเขาตายละก็..สมบัติทุกอย่างของโนอาห์ก็จะเป็นของเธอที่เป็นภรรยาของเขา เธอจะสามารถมีเงินทองให้ท่านพ่อและท่านแม่ได้เที่ยวเล่น.. ไปลองดูสักครั้ง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกไม่เสียหายอะไร เพราะว่านี่คือตอนจบแสนสุขของนิยายเรื่อง รัชทายาทที่รัก ตามเนื้อเรื่องคือตระกูลโนอาห์นั้นร่ำรวยมาก แต่ท่านดยุคคือคนสารเลวผู้หนึ่ง เขารักพระชายาขององค์รัชทายาท ท่านพยายามอย่างยิ่งที่จะแย่งนางมาจนผู้คนทั่วทั้งจักรวรรดิสาปส่ง หนักสุดคือท่านดยุคถึงกับวางยาองค์รัชทายาท ทว่าองค์จักรพรรดิรักท่านดยุคราวกับบุตรแท้ๆ จึงทรงปกป้อง และบอกว่าเรื่องการวางยาเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง แต่ท่านดยุคก็ยังไม่ยอมแพ้ พระองค์บุกเข้าไปที่ห้องของพระชายาในยามวิกาลเพื่อบอกรักพระนาง.. รอบนี้องค์รัชทายาทไม่ยินยอมอีกต่อไปเพราะพระองค์ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์กับท่านดยุค เมื่อใดก็ตามที่ท่านดยุคคิดถึงพระชายาร่างกายจะร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา สภาพของท่านดยุคในตอนนี้ก็เลยทั้งเจ็บปวดจากวาจาศักดิ์สิทธิ์และเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวัง บางทีเขาอาจจะใกล้ตายในเร็ววัน อันที่จริงสมควรแล้วที่คนสารเลวผู้นั้นจะตายน่ะ "เชิญเขียนชื่อลงไปในช่องนี้ได้เลยครับ นี่คือทะเบียนสมรส.." คราแรก ฉันคิดว่าจะมีสตรีมากมายมากที่นี่เพื่อเป็นดัชเชสโนอาห์ แต่ทว่ากลับไม่มีใครสักคน..มีฉันเพียงคนเดียว และแน่นอนว่าฉันได้รับเลือก เป็นดัชเชสโนอาห์ ภริยาผู้ร่ำรวยของตัวร้ายที่กำลังจะมีจุดจบอันน่าเวทนา.. "ข้าเป็นพ่อบ้านดูแลที่นี่ครับ อาจจะเสียมารยาทนิดหน่อยแต่ทว่าทางเราจะไม่จัดงานแต่งงานครับ" "อ่า..เรื่องนั้นไม่เป็นไรค่ะ" ดีเสียอีกเธอเองก็ไม่อยากประกาศให้ใครรู้ว่าเธอเป็นดัชเชสโนอาห์ เดิมทีดยุคไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว เรื่องภรรยาของเขาไม่มีใครมานั่งสนใจหรอก "คงจะดีถ้าดัชเชสอยู่ที่นี่เลยนับจากนี้เป็นต้นไป" "คะ? ..พอดีมีเรื่องที่ข้าจะต้องกลับไปจัดการ.." "หากเป็นเรื่องหนี้สินของตระกูลนีฟ ดัชเชสคลายกังวลได้เลยครับ เพราะข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ตอนนี้สิ่งที่ท่านควรจะทำนั่นคือการไปหาท่านดยุค..." ไวกว่าความคิดฉันก็ถูกจับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วถูกสาวใช้พามาที่หน้าห้องนอนของท่านดยุค ไม่เป็นไรลีอา ใจเย็นไว้ สภาพของเขาอาจจะสยดสยองเพราะเขาถูกวาจาศักดิ์สิทธิ์ขององค์รัชทายาทไป อย่าแสดงท่าทีรังเกียจเขาเด็ดขาด เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเสแสร้งทำเป็นรักเขา ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเทียนหอมที่ถูกจุดเอาไว้ ลีอาถูกผลักเข้ามาก่อนที่ประตูจะปิดลง เธอหันไปมองหน้าของพ่อบ้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม "ฝากดูแลท่านดยุคด้วยครับ..ดัชเชสลีอา" เธอกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมกับเดินมาที่เตียง อย่างน้อยที่ข้างเตียงก็มีผ้าและอ่างน้ำ มันไม่ต่างจากที่คิดสักเท่าไหร่เพราะว่าหน้าที่ของเธอมันคือการดูแลคนป่วย.. เธอนั่งลงข้างเตียงก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเขา พระเจ้า...ความหล่อเหลานี่มันอะไรกัน!!! คนหน้าตาดีขนาดนี้ไปรักเมียคนอื่นทำไมกันวะเนี่ย! "ใคร?" จะบอกว่ายังไงดีล่ะเนี่ย "อะ..เอ่อ ฉันลีอาค่ะ เป็นผู้ดูแลท่านดยุค" "ข้าไม่ต้องการผู้ดูแล ถ้าเป็นคู่นอนก็ว่าไปอย่าง.." ใช่..นี่ล่ะดยุคโนอาห์ เลียม ความชั่วช้าที่ออกมาจากสายตา คำพูด การกระทำหรือมันอาจจะรวมไปถึงลมหายใจ ปฏิเสธความหล่อเหลาของเขาไม่ได้จริงๆแต่เธอไม่คิดหลงกลใบหน้านี้หรอกนะ เพราะว่าเมนของเธอคือองค์รัชทายาทเท่านั้น ต้องเป็นหนุ่มแสนดีสิถึงจะเหมาะสม..แบดบอยอะไรนั่นไม่เอาหรอก! "อ่า..ร่างกายของท่านดยุคก็ยังไม่แข็งแรง ยังไงท่านนอนพักผ่อน.." "ข้านอนมามากพอแล้ว อีกทั้งข้าแข็งและแรงมากด้วย แน่นอนว่าหากเจ้าอยากจะพิสูจน์ว่าพละกำลังของข้ามันมีมากแค่ไหน ก็แค่ถอดชุดเดรสนี่ออกมา.." ลีอาปั้นยิ้มที่หวานล้ำขึ้นมา พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่เป็นมิตร "ข้า..มิได้อยากรู้สักเท่าไหร่นักหรอกค่ะ ไม่ต้องแสดงให้ดูก็ได้" เขาหรี่ตามองหน้าเธอ "เมื่อครู่พ่อบ้านเรียกเจ้าว่าดัชเชส เจ้าคือสตรีที่จะมาเป็นภรรยาของข้าอย่างนั้นหรือ? กลิ่นเงินมันหอมหวานมากสินะถึงได้มาเป็นภรรยาของคนชั่วช้าอย่างข้า.." ใช่..เพราะเงินล้วนๆเลย แต่ในประกาศมันบอกว่าท่านใกล้จะตายนี่!! แล้วท่านดยุคที่ไม่เป็นอะไรสักนิดเบื้องหน้าข้านี้มันคืออะไรกัน!! "ไม่ใช่..แบบนั้นนะคะ ข้ารู้ว่าทุกคนมองท่านดยุคเช่นนั้นเพราะว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นมา..อันที่จริงแล้วข้าชอบท่าน ข้าเฝ้ามองท่านดยุคมาโดยตลอด โดยเฉพาะในมุมที่คนอื่นไม่เคยเห็นความเมตตาของท่าน.." ...คิด...ไม่ออก หรือว่ามันไม่มีเลยกันฟะ!! ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงข้อดีของชายผู้นี้เลย!! ไม่อ่อนโยนและไม่คิดช่วยเหลือใครทั้งนั้น!! "ความเมตตาของท่านที่มีต่อข้ารับใช้ในคฤห
like
bc
ไม่ได้อยากเป็นตัวเลือก
Updated at Mar 21, 2024, 21:37
“เทียร์ หลังจากที่จัดการงานหลังร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าช่วยไปดูด้านในหน่อยสิ วันนี้ลูกค้าเยอะริต้าต้องการผู้ช่วยในการรับลูกค้า” รอยยิ้มแสนหวานปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาววัยสิบแปดปี เทียร์เป็นเด็กสาวที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในบาร์แห่งนี้ ใบหน้านั้นสวยงามถอดแบบออกมาจากทีน่าผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี๊ยน เธอยกหลังมือขึ้นมาเพื่อเช็ดเหงื่อ งานเบื้องหน้าคือการล้างจานและแก้ว เป็นงานที่ไม่ได้เหมาะสมกับหญิงงามเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเทียร์กลับมีความสุขที่ได้ทำงานนี้ เพราะการที่ทำงานเหนื่อยนั่นหมายความว่าป้าจัสมินและพี่ริต้าจะจ่ายเงินเธอมากขึ้น อากาศด้านหลังร้านเริ่มเย็นลงเล็กน้อย เทียร์ล้างแก้วใบสุดท้ายหลังจากนั้นเธอก็เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่ผูกเอาไว้บนเอว เทียร์เดินอย่างคล่องแคล่วเข้ามาในร้านพร้อมกับจัดการมัดผมของตัวเองเสียใหม่ให้มันเข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิม เธอถอดผ้ากันเปื้อนพาดเอาไว้ที่ประตูทางออกด้านหลังแล้วตรงเข้าไปหาพี่ริต้าที่เคาน์เตอร์ “วันนี้มีแขกมาเยอะเพราะว่าที่ชายแดนสงครามพึ่งจะสิ้นสุดได้ไม่นาน เหล่าทหารรับจ้างและผู้ที่มีกำลังทรัพย์จะต้องการ..ความผ่อนคลาย นำเหล้ารัมพวกนี้ยกไปให้โต๊ะหกด้วย” เทียร์เช็ดมือของเธออีกครั้งกับกระโปรงเพื่อให้แน่ใจว่ามันสะอาด เธอสวมชุดเดรสเก่าๆ ที่เมื่อก่อนมันเคยเป็นสีขาวแต่ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ แล้ว เทียร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการกล่าวทักทายแขกที่กำลังเพลิดเพลินกับเหล่าสตรีของที่นี่ “เหล้ารัมสองถังค่ะ” “โอ้เทียร์ ข้าไม่ได้มาที่นี่นานมากเท่าไหร่แล้วนะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตถึงเพียงนี้” เทียร์จำท่านลุงคนหนึ่งที่กล่าวทักทายเธอไม่ได้ เขาอาจจะเป็นหนึ่งในแขกของท่านแม่ละมั้ง.. “ค่ะ ข้าไปก่อนนะคะพอดีว่าวันนี้ที่นี่มีแขกเยอะ ข้าจำเป็นต้อง..ทำงานอย่างรวดเร็ว” “อ่า..ไม่เป็นไรๆ เจ้าไปเถอะ” “สาวงามผู้นั้นคือใคร แม้แต่อยู่ในชุดซอมซ่อเช่นนั้นใบหน้านั่นก็สามารถฉายแววงดงามออกมาได้อย่างน่าตะลึงทีเดียว” มาลิคมองตามแผ่นหลังของเทียร์ไปจนลับสายตา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้มนั้นแสยะยิ้มออกมา “แม่ของนางคือโสเภณีชื่อดังของที่นี่ ทีน่ายังไงล่ะ..ไม่แปลกหรอกที่นางจะงดงามจับสายตาเช่นนั้นเพราะว่าในยุคหนึ่งแม่ของนางเป็นอันดับหนึ่งของที่นี่” สหายของมาลิคยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ “อ่า..เช่นนั้นสักวันหนึ่งพวกเราอาจจะได้มีโอกาสเชยชมร่างกายนั่นสินะ ในเมื่อนางอยู่ที่นี่อนาคตของนางก็จะต้องเป็นโสเภณีตามแม่ของนางเป็นแน่” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาในหมู่ทหารรับจ้าง เทียร์ที่กำลังวางเหล้ารัมให้โต๊ะข้างๆ ยังคงยิ้มอยู่ถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินคำกล่าวพวกนั้นอย่างชัดเจน.. แต่ทว่าก็ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าในใจของเธอมันจะชินชาซะแล้ว เธอเกิดขึ้นมาจากโสเภณีที่งดงามที่สุดของบาร์โลเบอร์โต้ ที่นี่คือบาร์ที่มีทั้งสุราและสตรีเอาไว้บริการ และแน่นอนว่าเธอไม่มีพ่อ..สตรีทุกคนในโลเบอร์โตจะต้องทำงานเพื่อรับแขก ตามคำสั่งของท่านดยุคแห่งยูนีก เจ้าของที่แท้จริงของที่นี่ ทว่าอีกนานเธอและแม่จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว ถึงแม้ว่าแม่จะคลอดเธอที่นี่แต่เทียร์ไม่ได้ต้องทำงานเหมือนคนอื่นๆ เธอไม่ได้ถือเป็นสตรีของโลเบอร์โต้เพราะแบบนั้นเทียร์ถึงได้ทำงานทุกอย่างทั้งกลางวันและกลางคืน เธอทำงานอย่างหนักเพื่อจะหาเงินมาไถ่ตัวแม่.. และพาแม่ออกไปจากที่นี่ ถึงแม้ว่างานของแม่จะไม่ได้ลำบาก แต่เธอไม่อยากให้แม่รับแขกอีกแล้ว.. “ขอบคุณเจ้ามากนะเทียร์ นี่เป็นค่าแรงความขยันของเจ้า ข้าเพิ่มให้เป็นสามเท่าของค่าแรงปกติเพราะว่าเจ้าทำทั้งล้างจาน ทำความสะอาดร้านและเก็บโต๊ะเองอีกต่างหาก” เทียร์ยื่นมือไปรับถุงเงินจากป้าจัสมินด้วยแววตาที่เปล่งประกาย เธอก้มหน้าลงพร้อมกับกล่าวขอบคุณเสียงดังฟังชัด “แม่ของหนูอยู่ที่ไหนคะป้า หนูไม่รู้ว่าแม่รับแขกเสร็จรึยัง” ป้าจัสมินมองหน้าริต้า ก่อนจะตบไหล่ของเทียร์เบาๆ “วันนี้แม่ของเจ้ามีแขกมาจองตัวเองไว้จนถึงคืนวันพรุ่งนี้ เจ้ากลับบ้านไปก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ของเจ้าหรอก” รอยยิ้มของเทียร์มันซีดเซียวเช่นเดียวกันกับใบหน้าของเธอ แต่ทว่าเธอก็ยังคงฝืนส่งยิ้มให้ป้าจัสมิน “ขอบคุณค่ะป้า พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน พรุ่งนี้เธอมีนัดกับจาเมลเอาไว้ว่าจะไปรับจ้างทำสวน ต้องรีบกลับไปนอนก่อน เทียร์เดินทางกลับบ้านหลังเล็กของเธอที่อยู่ไม่ไกลจากโลเบอร์โต้มากนัก บ้านหลังนี้เดิมที เป็นบ้านของพี่ริต้า แต่พอพี่ริต้าแต่งงานก็ย้ายไปอยู่บ้านของสามี พี่ริต้าก็เลยยกบ้านหลังนี้ให้เธอ เทียร์จัดการถอดชุดเดรสที่แสนเก่านั่นออก เธอมีชุดไม่มากนักเพราะว่าเทียร์ไม่ต้องการแต่งกายให้งดงามเหมือนท่านแม่ เธอไม่อยากเป็นจุดศูนย์รวมของสายตา เพราะแบบนั้นเทียร์จึงต้องทำตัวให้มอมแมมอยู่เสมอ เธอใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและร่างกายเพื่อทำความสะอาด หลังจากนั้นจึงดับไฟเพื่อเข้านอน .......... “ท่านลอร์ดย่อมล่วงรู้ถึงคดีฆ่าตกรรมที่โด่งดัง ดัชเชสแห่งยูนีกตายอย่างผิดธรรมชาติแท้ๆ แต่ท่านดยุคกลับไม่คิดตรวจสอบ..” แววตาสีนิลปรายตามองชายเบื้องหน้าที่กำลังคุกเข่าขอร้องอยู่ งานของเขามันล้นมือและเขาแทบจะไม่มีเวลาไปตามสืบเรื่องของสามีภรรยาที่มันดูจะสลับซับซ้อนอะไรแบบนั้นหรอกนะ “ข้า..มิได้มีอำนาจที่จะกระทำเช่นนั้นหรอกครับท่านบารอน” “แต่ลูกสาวเพียงคนเดียวของข้า..ตายไปด้วยความเจ็บปวดนะครับ นางจะโดดเดี่ยวมากแค่ไหนที่จะต้องตายในบ้านหลังนั้นแถมร่างของนางยังถูกฝังรวมอยู่ในสุสานของยูนีกอีกต่างหาก” ดีนยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ เรื่องที่เขาเกลียดชังมากที่สุดคือความยุติธรรมของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตอนนี้งานของเขามันมากมายจนเขาแทบกระดิกนิ้วไม่ได้แต่ทว่า..ชายชราผู้นี้ช่างน่าสงสารมากเหลือเกิน “ข้าดีใจมากที่ลูกสาวได้เป็นถึงดัชเชส ทว่านางกลับต้องมาตาย ข้าควรจะตายก่อนนางแท้ๆ” “ข้าไม่รับประกันนะครับว่าเรื่องนี้จะจบลงเมื่อไหร่..แต่ข้ารับปากท่านว่าจะช่วย” บารอนเงยหน้าขึ้นมามองท่านลอร์ดดาเรนด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตา “ขอบคุณท่านลอร์ดมากครับ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณใน
like
bc
ตัวร้ายก็ต้องคู่กับนางเอกสิ! (ฮาเร็ม)
Updated at Mar 21, 2024, 21:33
ฉันน่ะ..มีความฝัน  เป็นความฝันที่เรียบง่าย อย่างการมีใครสักคนมารัก..หรือว่าการได้รักใครสักคน อยู่กันสองคนที่บ้านหลังเล็กๆกลางป่าเขาโดยที่เราต่างก็รักกัน ใช่..เป็นความฝันที่ดูไม่ไกลเกินตัวสักเท่าไหร่  อันที่จริงเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ไม่ค่อยจะแตกต่างอะไรจากที่คาดหวังเอาไว้มาก ฉันนั่งอยู่ในบ้านที่ดูเหมือนบ้างร้างเก่าๆ โดยเบื้องหน้ามีชายหนุ่มรูปงามจนไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้เลย คล้ายๆกับว่านี่คือความฝันที่ฉันโหยหามาตลอด ต่างกันก็ตรงที่ฉันถูกมัดและ...เขากำลังถือปืนมาจ่อที่หัวฉัน "อย่าได้ส่งเสียงร้องเลยครับคุณวีนา..ไม่มีใครจะมาช่วยคุณหรอก..." เรื่องราวมัน..บ้าบอมากทีเดียว เมื่อครู่..เมื่อกี้ฉันยังยืนต่อแถวซื้อส้มตำตรงหน้าปากซอยอยู่เลย แล้วไหงตอนนี้มาอยู่ในบ้านร้างแบบนี้ได้ล่ะวะ!! อีกอย่างฉันไม่ได้ชื่อวีนาแต่ชื่อ วรรณาต่างหาก.. วีนานี่คือใครอีก และพอก้มมองที่เสื้อผ้าหน้าผมที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา ชุดเดรสกระโปรงยาวลากพื้นคล้ายๆผ้าปูโต๊ะนี่มันคือ...อะไรกัน? แถมพ่อหนุ่มหน้าหล่อที่ถือปืนอยู่...มองมาที่ฉันอย่างกดดันด้วยสายตาอีก เขาสวมชุดสูทลายตารางกับหมวกฮัมเบิร์ดที่ดู...เห่ยสุดๆไปเลย "นี่...จะบอกอะไรให้นะ ถ้านายเปลี่ยนเสื้อผ้ากับทรงผมรับรอง..นายจะหล่อขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าเลย" "...อย่าได้กล่าวเกี่ยวกับร่างกายของผมอีกเลยครับ เพราะคุณคงไม่อยากไปนอนเปลือยกายที่บนเตียงนั่นกับผมหรอกใช่ไหม?" อันที่จริงใบหน้าแบบนี้...ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนะ ได้อยู่.. "อ่า.ที่นี่ที่ไหนกันล่ะ สุดหล่อ" เธอกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้เขา แน่นอนว่าใบหน้านี้มัน..สวยมาก เรื่องนั้นเธอเห็นเต็มสองตาผ่านบานกระจกที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่อยากจะคิดแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่บางที..ในบางทีฉันอาจจะทะลุมิติมา เป็นตัวร้ายสายเชิดในนิยายเรื่องอะไรสักเรื่อง หรือว่าอาจจะเป็นตัวประกอบที่ร่ำรวย...อะ..เอ่อ เป็นตัวประกอบที่รู้พล็อตเรื่องทั้งหมดแล้วก็ไล่เปลี่ยนเนื้อเรื่อง แย่งผู้ชายหล่อๆดีๆมาจากนางเอกจนหมด!! "ปิ๊ง!!" มันคือเสียง..ไอเดียที่แสนบรรเจิดที่เกิดขึ้นมาในหัว.. "ที่นี่คือป่าเนเวอร์กรีน ตอนใต้ของเบอร์ลินครับ" โอเค...ป่าเนเวอร์กรีนนี่มันที่ไหนกันฟะ!! อ่านนิยายก็จำได้พระเอกนางเอกไม่เคยจำชื่อ อ่านการ์ตูนก็จำแต่หัวดำหัวขาวสีผม... ชื่อของพระเอกนางเอกยังไม่จำ นับภาษาอะไรกับชื่อป่าเขาลำเนาไพร.... ไม่ๆตั้งสติสิวรรณ... การแต่งกายของพ่อหนุ่มตรงหน้ามันดูไม่ได้ย้อนยุคอะไรขนาดนั้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งแปดเก้าศูนย์ถึงปีหนึ่งหนึ่งเก้าต้นๆ "ว่าแต่..คุณจับฉันมาทำไมเหรอคะ พอดีว่าฉันไม่ได้คิดหนีไปไหน ช่วยแก้เชือกแล้วเรามานั่งคุยกันดีๆได้รึเปล่า?" เขามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ...แต่ในที่สุดก็ยินยอมมาแก้เชือกที่มัดแขนให้  ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เธอล้มตัวนอนลงบนพื้นช้าๆพร้อมกับยกแขนขึ้นมาเพื่อบิดขี้เกียจ... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ ทั้งเธอแล้วก็เจ้าของร่างนี้เลย... เธอคงจะโดนรถชนสินะ เพราะเท่าที่จำได้เธอได้ยินเสียงบีบแตรลากยาว พร้อมกับเสียงกรีดร้องของใครสักคน... แทนที่จะตายแต่ดันมาอยู่ในร่างของใครไม่รู้.. "ผลัวะ!!" "ปล่อยเธอ!!" "...." เธอลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีผู้ชายพังประตูเข้ามาพร้อมกับถือท่อนไม้โง่ๆขึ้นมาชี้หน้าของพ่อหนุ่มรูปหล่อที่จับฉันมา "ครั้งนี้คุณไม่อาจปกป้องเธอได้อีกแล้วครับ ขออภัยที่ต้องกล่าวเช่นนี้นะครับคุณหมออันโด..อย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า" "แต่ว่า!! ผมรักเธอนะครับ ได้โปรดเถิด...เห็นแก่ความรักของเราสองคนปล่อยเธอไปแล้ว...ผมจะยินยอมทำทุกอย่าง...ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณร้องขอ!!" "...." คือ..มันไม่ได้ซาบซึ้งใจอะไรเลยตรงกันข้าม หมอนี่หน้าตาถือว่าพอไปวัดไปวาได้แต่ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้กันนะ.. ถ้าหากเป็นคนรัก ก่อนมาช่วยแกไม่คิดไปหาคนมาช่วยหรือวางแผนอะไรหน่อยเรอะ!! นี่บุกเดี่ยวมาช่วยพร้อมกับท่อนไม่โง่ๆอันหนึ่ง.. แต่เดี๋ยวนะ.. หมออันโด เลอันโด พอลลี่...พระเอกของเรื่องเมื่อรักเดินทางมาถึง นวนิยายรักโรแมนติกที่ผู้อ่านสามารถวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ได้เลย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมันคือความรักระหว่างวีนาที่เป็นสตรีผู้มีพลังวิเศษกับหมอผู้เสียสละ  พระเอกที่ยินยอมละทิ้งนางเอกเพื่อไปช่วยชาวบ้านที่กำลังป่วยหนัก นางเอกก็คือพลังวิเศษเริ่มกัดกินชีวิตเพราะว่าร่างกายมันรับไม่ไหว นางเอกแม่งก็ปกปิดไว้ เพราะกลัวพระเอกจะเป็นห่วง อีพระเอกก็วันๆไม่เคยมาอยู่ด้วยกัน อุทิศตนเป็นผู้เสียสละ ช่วยเหลือทุกคนจนเป็นที่รักของชาวบ้าน และพอใกล้ถึงตอนจบพอพระเอกรู้ความจริงว่านางเอกป่วย ก็ดันมีโรคระบาดมาอีก ต้องอาสาไปช่วยรักษาผู้คนที่ล้มป่วยจากโรคระบาด แฟนมึงน่ะ!! จะตายอยู่แล้วโว้ย!! สุดท้ายนางเอกตาย พระเอกกลับมาไม่ทัน...แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง เราได้แต่ถามตัวเองหลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้จบว่า...นี่ฉันอ่านอะไรอยู่งั้นเรอะ!! ฉันทำอะไรลงไป เอาเวลากว่าหนึ่งวันเต็มๆที่อ่านไปคืนมาเดี๋ยวนี้!! "คุณหมอเป็นคนดีครับ แต่ผมจำเป็นที่จะต้องพาคุณวีนาไปพบนายท่านจริงๆ อย่าได้ขักขวางการทำงานของผมเลยครับ แน่นอนว่านี่คือการเตือน..ถ้าหากว่าคุณยังไม่ฟังครั้งต่อไปปืนของผมจะเป็นสิ่งที่ใช้เตือนคุณ" "ผมยอมตายครับ หากจะเอาวีนาไปจากผมละก็ ผมยินยอมตายตรงนี้ดีกว่า!" "...." เพื่อ? จะว่าไปนี่พวกเขากำลังพูดถึงวีนานางเอกดวงซวยอยู่ใช่ไหม..ไหนล่ะวีนา ซ่อนอยู่ตรงประตูรึเปล่า หรือว่าไปแอบหลบอยู่ที่ไหนกันน้าาา เรือนผมสีบลอนด์ทอง ผิวกายที่ขาวเนียน ดวงหน้าที่งดงามสะกดสายตาของผู้พบเห็น สวยสมกับเป็นนางเอก สวยสมกับที่ตกผู้ชายได้ทั้งเรื่อง เจอแล้ว... วีนาอยู่นั่นไง อยู่ในกระจก... กระจกที่กำลังสะท้อนใบหน้าของฉันอยู่ "พรวด!!" ฉันลุกขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งไหนๆพร้อมกันเดินไปห้ามปรามคนที่คู่ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ หากว่าฉันคือวีนา หากว่าฉันคือนางเอกของเรื่องนี้จริงๆแล้วละก็!!! สิ่งแรกที่ต้องทำนั่นคือการ บอกเลิกกับอีพระเอกสุดแสนจะเฮงซวยนี่ซะ!! "อันโด...เราเลิกกันเถอะ ไม่ต้องมาช่วยไม่ต้องมายุ่งอะไรกับฉันอีกเพราะการมาที่นี่ อ
like
bc
ฉันไม่ใด้เลือกคุณ..มาเป็นสามีสักหน่อย
Updated at Mar 21, 2024, 21:32
จะมีใครบนโลกใบนี้ที่ได้พบเจอเจ้าบ่าวของตัวเองเป็นครั้งแรก ในงานแต่งบ้างไหมนะ.. พิมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ท่ามกลางงานแต่งที่แสนหรูหราที่จัดขึ้นมาในโรงแรม เธอไม่ได้เลือกเจ้าบ่าวเอง แถมทุกสิ่งทุกอย่างในงานแต่งก็ยังไม่ได้เลือกเองอีกต่างหาก ไม่มีงานแต่งเล็กๆ ในสวนเพราะว่าแม่ของเธอคือไฮโซชื่อดังตระกูลพร้อมพงศ์ที่มีหน้ามีตาในสังคม.. แต่ทว่าเธอไม่ได้ใช้นามสกุลพร้อมพงศ์เพราะว่าพ่อของเธอไม่ใช่คุณพร้อม ชายที่กำลังยืนรับแขกอยู่ด้านหน้างานในตอนนี้ แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเพราะแบบนั้นแม่ถึงมีผู้ชายมาชอบมากมาย แม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณพร้อม ซึ่งมีฐานะทางบ้านใกล้เคียงกัน ทว่าแม่ในตอนนั้นเหมือนอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่อยากมีชีวิตที่เต็มไปด้วยอิสระ แม่จึงคลอดพี่พราวและหลบหนีไปกับพ่อของเธอ ซึ่งเป็นคนสวน ความรักมันสวยงามเสมอเมื่ออยู่ในช่วงแรกๆ ทว่าเมื่อชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเช่นเคย มีหรือคุณหนูสูงศักดิ์จะทนความลำบากกับพ่อของเธอได้ เพราะแบบนั้นหลังจากที่แม่คลอดเธอออกมา แม่ก็กลับมาหาคุณพร้อมและพี่พราว พี่สาวต่างพ่อของเธอ พ่อเลี้ยงเธอมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะหามาได้ ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ร่ำรวยแต่ทว่าเราสองคนพ่อลูกก็อบอุ่นมากทีเดียว จนเมื่อเธออายุสิบสาม พ่อจากไปด้วยโรคร้าย เหมือนโลกทั้งใบของพิมพังทลายลงมาเพราะว่าเธอไม่ได้มีญาติที่ไหนเลย ในวันที่ไม่มีใคร แม่กลับมาหาเธอพร้อมกับพาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมพงศ์ บ้านที่เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์น่าจะเหมาะสมกว่าเพราะที่นี่ใหญ่โตและหรูหรามาก.. แต่มันกลับทรมานมากเหลือเกิน เธอเหมือนเป็นส่วนเกินตลอดเวลาเมื่ออยู่ในบ้านหลังนี้ ความสัมพันธ์กับคุณพร้อมก็ไม่ค่อยดี กับพี่พราวยิ่งแล้วใหญ่เลย พี่สาว..เกลียดชังเธอมากเหลือเกิน พิมจึงทนอยู่ที่นั่นสามปี เมื่ออายุสิบหกเธอเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นเพื่อมาทำงานหาเงินด้วยตัวเอง อยู่ห้องเช่าเล็กๆ เพียงคนเดียว ถึงจะอยู่คนเดียวแต่ทว่ามันมีความสุขมากกว่าการอยู่ในบ้านหลังใหญ่นั่นอีก ที่นั่นไม่ใช่ที่ของเธอจริงๆ เมื่อเรียนจบพิมเริ่มต้นการทำความฝันของตัวด้วยการเปิดแบรนด์เสื้อผ้า เธอเป็นคนชอบแต่งตัว ไม่ใช่ว่าชื่นชอบการสวมใส่ชุดหรูหราแต่เป็นการใส่ชุดที่มันเข้ากันกับรูปร่างของเรา ธุรกิจเล็กๆ ของพิมกำลังไปได้สวย เสื้อผ้าของเธอกำลังจะถูกวางขายในห้างสรรพสินค้า แต่แม่กลับมาบังคับให้เธอแต่งงาน มันน่าตลกที่เธอไม่สามารถหลบหนีการแต่งงานนี้ได้ เพราะว่าอำนาจของตระกูลพร้อมพงศ์นั้นยังคงใหญ่โตมากกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอเสมอ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศ ล้วนแล้วแต่มีพร้อมพงศ์เป็นหุ้นส่วนทั้งนั้น หากไม่ก้มหน้ายอมรับ ความพยายามที่ผ่านมาของเธอจะพังทลายลงมาอย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นวันนี้เธอจึงสวมชุดแต่งงานที่เหมือนกับเจ้าหญิง ถือดอกไม้ช่อใหญ่ที่เป็นสัญญาลักษณ์ของเจ้าสาวเอาไว้ และกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวที่ยังเดินทางมาไม่ถึง.. เธอดูเหมือนสินค้าที่แม่กำลังจะขายออกไป นั่งรอคอยคนที่ตกลงซื้อเธอแล้วหลังจากนั้นก็เดินตามเขาออกไปแบบไร้ทางเลือก พิมเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาของเธอมันไหลออกมาและเพื่อกร่นด่าโชคชะตาตัวเอง มีมือเล็กๆ ยื่นมาจับมือของเธอเอาไว้ พร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แกจะไม่เป็นไร แต่หากว่าแกเป็นโทรมาหาเรานะ เราจะรีบมาหาแกทันทีเลย..” นิดาพยักหน้าพร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้ไปร่วมงานแต่งของนิดามา และยินดีกับเพื่อนจากใจจริงที่มันพบเจอกับบอสหนุ่ม “รู้แล้วน่า แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกมีหลานให้เราไวๆ ก็พอ” “ห่วงสิ เรามีแค่แกที่เป็นเพื่อนนะ อย่าเกรงใจนะพิม ไม่ว่าแกจะเป็นยังไง..แกสามารถโทรหาเราได้ตลอดเลย” จะดึงเพื่อนมาตลอดได้ยังไงกัน นิดาเองก็มีครอบครัวแล้ว นี่คือปัญหาของเธอเพราะฉะนั้นเธอต้องแก้ไขเองถึงจะถูกต้อง “เข้าใจแล้ว” งานแต่งจัดขึ้นมาโดยไร้เงาของเจ้าบ่าว ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาสงสารเจ้าสาวคนสวยเหลือเกินที่จะต้องทำพิธีแต่งงานคนเดียว “แม่คะ แบบนี้ทางคุณอาเชอร์ไม่ได้ทำให้เราเสียหน้าเหรอคะ?” พราวยกมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับมองไปที่พิม ถึงเธอจะสมน้ำหน้าน้องสาว แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของพร้อมพงศ์ด้วย “จะสนใจทำไมกัน ในเมื่อเราได้เงินร้อยล้านและค่าจัดงานแต่งนี่มาแล้ว มาหรือไม่มาก็ช่างเขาเถอะ เราได้ใช้อำนาจจากคุณอาเชอร์ได้ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว” ....... พิมนั่งลงบนเตียงที่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่นี่คือห้องสวีตชั้นบนสุดของโรมแรมชื่อดัง และห้องนี้ก็ใหญ่มากเกินกว่าจะอยู่คนเดียวในคืนนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะ เธอคิดว่าการที่เขาไม่มาร่วมงานแต่ง มันก็ดีไปอีกแบบ ไม่ต้องมาเห็นหน้ากันตลอดไปเลยท่าจะดี เธอนำชื่อของเขาไปค้นในอินเตอร์เน็ตก็ไม่พบข้อมูลใดๆ ทั้งนั้น ไม่รู้แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตา อายุหรือว่าอะไรทั้งนั้น เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงนอนพร้อมกลับหลับตาเบาๆ กลีบดอกกุหลาบมากมายลอยฟุ้งขึ้นมาเมื่อเธอทิ้งตัวลงไป กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนอนอยู่บนทุ่งดอกไม้เลย ทั้งสดชื่นและสงบอย่างน่าประหลาด เธอเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าในห้อง.. แล้วนี่..เธอปิดไฟตอนไหนกันฟะ พิมยกมือขึ้นมาเพื่อเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเสียงฝีเท้าในห้องมันคือคนหรือว่า..ผีกันแน่! ไม่เอานะเธอไม่อยากจะโทรไปเล่าเรื่องผีในรายการหรอกนะ แต่ทว่าหากเป็นผีจะสามารถสบายใจได้มากกว่าเป็นคนรึเปล่า พิมไม่รอช้าเธอเอื้อมมือเปิดโคมไฟที่หัวเตียงในทันที และสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือชายคนหนึ่ง.. เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวราวกับชุดแต่งงาน ดวงตาของเขากำลังมองมาที่เธอ ส่วนใบหน้าของเขานั้น.. ทำให้เธอลืมเลือนเสียงของตัวเองไปจนหมดสิ้น ดวงตาของเขามันเฉียบคมเหมือนกับดวงตาของเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแสยะยิ้มออกมาราวกับว่าเขาพบเจอสิ่งที่กำลังตามหา ทุกอย่างมันจะเป็นช่วงเวลาชวนฝันมาก หากว่าเขาไม่ได้กำลังถือปืนและชุดสูทสีขาวของเขามันไม่ได้เปื้อนเลือดอยู่ สรุปว่านี่..คือผีใช่ไหมนะ เป็นผ
like
bc
เรื่องคืนนั้นของฉันกับท่านประธาน
Updated at Mar 13, 2024, 00:44
"ผู้จัดการคะ ขอร้องนะคะ เอมยื่นใบลาออกมารอบที่ร้อยแล้วช่วยเซ็นอนุมัติให้เอมเถอะนะคะ!!" ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังเลขาเอมอย่างเป็นมิตร "อีกไม่นานหรอกเอม จนกว่าเราจะรับสมัครเลขาคนใหม่มาทำหน้าที่แทนเอมได้ รับรองได้เลยว่าพี่จะจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้อย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน รบกวนช่วยดูแลท่านประธานให้อีกเดือนนะคนสวย.." เอมเม้มปากแน่น "เดือนที่แล้วพี่ดาก็พูดแบบนี้ เอมไม่ทนแล้ว เอมทนกับไอ้คนเอาแต่ใจแบบนั้นไม่ไหวแล้วนะคะ เอมอาจจะต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวชก็ได้หากเอมยังเป็นเลขาของท่านประธานอยู่!!" ดารินส่งยิ้มแห้งๆให้กับเลขาที่พึ่งเข้ามาทำงานได้เพียงสามเดือนเท่านั้น ที่นี่คือโรงแรมโซล เป็นโรงแรมห้าดาวที่เรียกได้ว่าใหญ่โตที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ สาเหตุที่ชื่อโรงแรมโซลก็เพราะว่าท่านประธานคนก่อนเป็นคนเกาหลี ท่านมาแต่งงานที่นี่และได้ก่อตั้งโรงแรมนี้ขึ้นมา โดยใช้คำโฆษณาว่า.. โรงแรมโซล มาที่นี่เหมือนนอนที่เกาหลี สัมผัสบรรยากาศที่แสนอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วงได้ที่โรงแรมโซลเท่านั้น!  หลังจากนั้นโรงแรมแห่งนี้ก็ดังเป็นพลุแตก ผู้คนแห่จองคิวห้องสวีทชั้นบนสุดนานข้ามปีเพื่อที่อยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เหมือนฤดูใบไม้ร่วงของเกาหลี.. การได้เดินเข้ามาทำงานที่นี่มันเหมือนกับความฝัน ไม่ใช่เพราะว่าที่นี่คือโรงแรมโซลแต่เพราะว่าที่นี่ให้ค่าตอบแทนที่เกินค่าแรงขั้นต่ำไปมาก และฉันสามารถเดินเข้ามานั่งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้สำเร็จในวันสามสิบปี แปดปีที่พยายามอดทนอยู่ที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโว้ย!! เนื่องจากค่าตอบแทนที่มหาศาลทำให้เราจะต้องรับกับอารมณ์ที่แสนแปรปรวนของแขกในระดับซูปเปอร์วีไอพีที่มาเข้าพัก เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อลูกชายที่สุดแสนจะเอาแต่ใจของท่านประธานคนก่อนได้นั่งในตำแหน่งท่านประธาน ชีวิตของดารินมันยิ่งลำบากยากเข็ญมากขึ้นทุกวัน เขามีความสามารถพิเศษเรื่องการเปลี่ยนเลขาภายในสามเดือน ต่อให้เธอจะประกาศรับสมัครเลขาคนใหม่ เพิ่มเงินเดือนไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีใครมาสมัคร.. ตอนนี้ดารินก็เลยจะต้องพยายามยื้อเลขาน้องเอมให้ทำหน้าที่นี้ไปก่อน เพราะหน้าที่เลขาของท่านประธานสุดเรื่องมากมันจะต้องมีคนคอยทำให้..คอยตามล้างตามเช็ดตามทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เขา.. "พี่ขออีกแค่เดือนเดียวนะคะน้องเอม เดือนนี้อีกเดือนเดียวแค่นั้น.." "ไม่เอา.." บรรยากาศในห้องทำงานของดารินเย็นเฉียบขึ้นมาในทันทีเมื่อท่านประธานที่เธอกำลังก่นด่าถึงความเรื่องมากของเขา เดินเข้ามาในห้องทำงานของเธอ ดารินลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อส่งยิ้มที่แสนจะเป็นมิตรให้กับท่านประธาน สาบานได้เลยว่าเธอยังจำตอนที่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ในครั้งแรกได้เลย สาวๆในโรงแรมทั้งแอบหวีดและแย่งชิงตำแหน่งเลขาของท่านประธานกันให้วุ่น เธอเองยังทนไม่ไหวต้องไปแอบมองหน้าเขาเช้าเย็น.. เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน..ใช่แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นหน้าหล่อๆของเขามันก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปเพราะไม่มีใครอดทนกับนิสัยที่สุดแสนเอาแต่ใจของเขาได้หรอก "คุณ..หาเลขาใหม่ได้รึยัง?" หาไปแล้วแต่มันไม่มีใครมาสมัครเลยโว้ย!! "ประกาศรับสมัครไปแล้วค่ะท่าน หากมีคนมาสมัคร ดาจะรีบสัมภาษณ์พร้อมกับพาไปฝึกงาน.." "ไม่ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนเลขาที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างเลขาเอมได้อีกต่อไปหรอกนะ" เลขาเอมที่ถูกท่านประธานกล่าวแบบนั้นใส่แทนที่เธอจะร้เองไห้แต่ไม่เลย เลขาเอมกำลังยกยิ้มด้วยความดีใจ "ค่ะท่านประธาน ในเมื่อเอมทำงานพลาดแบบนั้นเอมจะขอลาออกเพื่อรับผิดชอบค่ะ รบกวนท่านประธานรับใบลาออกของเอมไว้ด้วยค่ะ" ดารินหันมองหน้าเอมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความร้องขอ แต่เอมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขอแค่เธอได้ลาออกเรื่องอื่นเธอไม่ขอสนใจ!! "ได้สิ วางมันเอาไว้บนโต๊ะของผู้จัดการดาได้เลย" "ดะ..เดี๋ยวก่อนค่ะท่าน เลขาเอมลาออกไปแบบนี้แล้วใครจะดูแลงานของท่านประธานล่ะคะ งานของท่านจำเป็นที่จะต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้งตารางงานและ..ตารางการออกไปดูงานข้างนอก" ตะวันพยักหน้าเบาๆอย่างใช้ความคิด เขาชี้นิ้วไปที่ดารินที่กำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ "ก็คุณไง คุณผู้จัดการ..จนกว่าจะมีเลขาคนใหม่ คุณจะต้องมาดูแลผมก่อน.." ไม่มีทาง..เธอไม่ยอมเอาชีวิตหน้าที่การงานของตัวเองไปแขวนเอาไว้บนเส้นด้ายอีกครั้งหรอกนะ "อ่า..เรื่องนั้นไม่ได้หรอกค่ะท่าน เพราะตำแหน่งผู้จัดการจะต้องมีคนคอยดูแลในส่วนนี้ ดาไม่สามารถทำงานสองอย่างพร้อมกันได้หรอกค่ะ" ดารินกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มที่แสนจะเป็นมิตรให้กับท่านประธาน "เลขาเอม อย่างพึ่งไป! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอมารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลแทนคุณดารินไปก่อน จนกว่าจะหาเลขาคนใหม่ที่ถูกใจผมได้คุณดารินจะต้องมาดูแลผมเป็นการชั่วคราวไปก่อน" "แต่ว่า..ท่านคะ.." "ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ใกล้จะเริ่มประชุมแล้วและผมอยากได้กาแฟสักแก้วครับเลขาดาริน" หลังจากที่ท่านประธานกล่าวจบเขาก็เดินออกจากห้องทำงานของเธอไป เอมเดินเข้ามาหาดารินก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาตบไหล่ของดารินเบาๆ "สู้ๆนะคะพี่ดา สูตรการชงกาแฟพี่ดาน่าจะรู้เนอะเพราะว่าพี่ดาเป็นคนแปะรายละเอียดต่างๆเอาไว้เองเลยนี่นา ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเอมจะดูแลห้องทำงานของพี่ดาให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ!!" บ้าไปแล้ว..นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ เธอพยายามมาหลายปีกว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ แต่กลับมาโดยย้ายไปเป็นเลขาหน้าตาเฉยเนี่ยนะ ใครมันไปทนได้กันฟะ!! ดารินสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่จะทำยังไงได้ บ้าน รถ ก็กำลังผ่อนอยู่จะให้มาออกจากงานตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง..เธอจะอดทนเพื่อดูแลท่านประธานให้ดีที่สุด จนกว่าจะมีเลขาคนใหม่เข้ามาสมัคร.. ต้องทำได้สิวะดาริน!! คิดจะท้อคิดถึงภาระค่าใช้จ่ายเอาไว้นะโว้ย!!  "นี่เป็นรายงานสรุปการประชุมคร่าวๆค่ะ แล้วก็นี่คือตารางนัดทานข้าวเย็นนี้" เธอกล่าวพร้อมกับส่งกระดาษรายงานและไอแพดเกี่ยวกับตารางงานให้กับท่านประธานได้ดู "อืม ทำได้ดีนี่..ปฏิเสธการทานข้าวเย็นนี้ไปซะ ผมไม่ชอบประธานของโรงแรมดรีม เขามักจะยัดเยียดลูกสาวของเขามาให้ผมจนออกนอกหน้า หากมีการนัดทานข้าวกับโรงแรมนี้อีกใ
like
bc
เมื่อฉันได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
Updated at Mar 4, 2024, 03:26
“เรามีเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนที่รถม้าของตระกูลฟิโลเลนโซจะมารับคุณหนูอนิลาที่เรียนเก่งมากกว่าใครๆ..” อนิลากลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่ายกับท่าทางล้อเลียนของสหายคนสนิทอย่างโรซี่ เราทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเธอคิดว่าเรานั้นนิสัยเหมือนกัน จนกระทั่งเราทั้งสองเริ่มเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ โรซี่นั้นเป็นเลดี้ตระกูลเคาน์ นางน่ารัก สดใสอีกทั้งมีรอยยิ้มที่แสนงดงาม โรซี่สามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตในช่วงวัยอันเบ่งบานสะพรั่งได้ด้วยตัวเอง แตกต่างจากเธอที่จะต้องตั้งใจเรียนให้อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมอยู่เสมอ.. เธอได้จับปากกาขนนกและกระดาษมากกว่าแก้วน้ำชาและชุดเดรสที่แสนสวยงาม อนิลาเกิดในตระกูลพ่อค้า เรามิใช่ชนชั้นสูงมาตั้งแต่กำเนิดแต่ทว่าเพราะความร่ำรวยทำให้ท่านพ่อสามารถซื้อบรรดาศักดิ์ยศบารอนมาได้อย่างง่ายดาย เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลพ่อค้าซึ่งเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ในจักรวรรดิอาบีมิเอล สายตาของทุกคนมองมาที่เธอมันเหมือนกับว่าเธอคือคุณหนูที่น่าอิจฉา ทว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ชีวิตของอนิลามีตารางชีวิตที่กำหนดเวลาเอาไว้อย่างชัดเจน เธอใช้ชีวิตตามคำสั่งของบิดาที่เข้มงวดยิ่งกว่าผู้ใด ตื่นนอน ลงมาทานข้าว พูดคุยเล็กน้อยในครอบครัว ออกไปเรียน ตอนเย็นต้องรีบกลับมาเพื่อนั่งทำงานแทนท่านพ่อวัยชรา หรือบางวันอาจจะมีออกไปตรวจตราร้านค้าบ้าง ตกดึกทำการบ้านหลังจากนั้นก็เข้านอน…ชีวิตของอนิลามีเท่านี้ แน่นอนว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรักหรือว่าคนรักอะไรทั้งนั้นเพราะว่าท่านพ่อและท่านแม่นั้นอายุมากแล้ว ทั้งสองท่านมีทายาทช้ามากเกินไปทำให้พวกท่านไม่เข้าใจชีวิตของเด็กวัยสิบเจ็ดในยุคสมัยนี้ว่าพวกเขาจะต้องออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กันบ้าง “ข้ามีงานที่จะต้องเข้าไปตรวจร้านเครื่องประดับของฟิโลเลนโซ เสียใจด้วยโรซี่เพราะว่าข้าไม่สามารถไปงานเลี้ยงกับเจ้าได้หรอก..” ต้องดีที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่แค่ดีเพียงอย่างเดียว.. ท่านพ่อและท่านแม่ค่อนข้างจะคาดหวังในตัวเธอเอาไว้สูงมากเกินกว่าผู้คนทั่วไป “ให้ตายเถอะอนิลา เจ้าจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปถึงไหนกัน ปีหน้าเราจะเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะแล้วนะ ยังจะให้พ่อและแม่ของเจ้ามาจำกัดชีวิตเจ้าอีกงั้นเหรอ..?” “เพราะว่าข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวต่างหาก ถึงข้าจะไม่ได้อยากทำแต่ใช่ว่าจะมีทางเลือก เที่ยวให้สนุกนะโรซี่..” โรซี่ไม่ยินยอมปล่อยมือของอนิลา เด็กสาวตัวน้อยหันไปบอกกล่าวแก่ทหารที่เฝ้าประตูอคาเด็มมี่ “ฝากบอกรถม้าของตระกูลฟิโลเลนโซด้วยนะคะ ว่าอนิลาจะไปในเมืองเพื่อตรวจดูร้านค้าด้วยตัวเองให้พวกเขาไปรอที่จัตุรัสกลางเมือง..” เมื่อกล่าวจบโรซี่ก็ดึงมือของอนิลาให้เดินมาขึ้นรถม้าของตระกูลอาราเดีย เธอส่งยิ้มให้กับอนิลาพร้อมกับจับมือสหายเอาไว้แน่น รอยยิ้มที่แสนงดงามบนใบหน้าของอนิลานั้นเริ่มจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกที บนใบหน้าที่งดงามนั้นก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย เหมือนกับว่าสหายของเธอกำลังจมอยู่กับความทุกข์ที่แสนสาหัส แล้วเธอจะทนได้อย่างไรกัน เราเป็นเพื่อนกันนะ! “ฟังนะอนิลา เราทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าไม่ทำงาน แต่เมื่องานที่เจ้าได้รับมอบหมายมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าควรจะมีช่วงที่ได้ทำในสิ่งที่เจ้าอยากจะทำ” สิ่งที่อยากทำอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ออกเลยแฮะ อาจจะเป็นเพราะว่าเธอมีหน้าที่ทำงานทุกอย่างแทนท่านพ่อในวัยชรา เพราะแบบนั้นเธอถึงได้ไม่เคยคิดถึงจิตใจและความต้องการของตัวเองเลย “ข้า..” “ไม่แปลกหรอกที่เจ้าจะคิดไม่ออก ค่อยๆ คิดไปนะนิลา และที่ที่ข้าจะพาเจ้าไปมันคือสถานที่ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสตรีชนชั้นสูง..” อนิลาคิดว่าสถานที่ ที่โรซี่ว่านั้นมันคือร้านน้ำชาที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาและกลิ่นเนยหอมๆ ของขนมเค้ก ทว่าเมื่อเธอก้าวขาเดินเข้ามาด้านใน.. มันห่างไกลคำว่าร้านน้ำชาพอสมควรเลย ไม่มีน้ำชา เพราะที่นี่มีแต่ไวน์และบรั่นดีเท่านั้น ที่ตรงกลางห้องโถงที่บุรุษกำลังยืนกึ่งเปลือยอยู่ราวสามคน พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรูปร่างที่เหมือนกับภาพวาดอันแสนสมบูรณ์แบบของเทพเจ้าในวิหารยังไงอย่างนั้นเลย แต่นั่นมันใช่เวลามาตกใจกล้ามท้องของบุรุษอย่างนั้นหรือ!! เธอคือสตรีที่ยังไม่ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะมาเที่ยวในที่แบบนี้ได้เรอะ!! “โรซี่..” “ชู่ว ไม่มีสตรีใดจะไม่ชื่นชอบร่างกายอันแสนสวยงามของบุรุษหรอกนะนิลา เรามีเวลาไม่ถึงสามสิบนาทีในการอยู่ที่นี่เพราะฉะนั้นข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวลหรือว่าคิดมาก ช่วยวางงานที่เจ้าแบกเอาไว้ก่อนได้ไหม แล้วเดินตามข้ามาด้วยความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความกังวล” พระเจ้าช่วย…จะไม่ให้เธอกังวลได้อย่างไรในเมื่อหากท่านพ่อหรือว่าท่านแม่รู้เรื่องที่เธอเข้ามาที่นี่มีหวังขาเธอได้ลายจากการถูกตีอย่างแน่นอน “โอ้ท่านหญิงโรซี่ มาตามเวลานัดของเราเลยนะครับ วันนี้ท่านพาสหายผู้งดงามมาด้วยอย่างนั้นหรือครับ?” โรซี่หยิบเหรียญทองออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะส่งให้บุรุษเบื้องหน้า “สหายของข้าพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก เรามีเวลาไม่มากเพราะแบบนั้นช่วยหาบุรุษดีๆ สักคนพูดคุยเป็นเพื่อนนางหน่อยได้ไหมคะ” อนิลาส่ายหน้าในขณะที่บุรุษเบื้องหน้าของโรซี่ส่งยิ้มที่แสนหวานมาให้เธอ “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับเพราะว่าข้ามีบุรุษที่สามารถช่วยเรื่องการเยียวยาจิตใจ..รอยด์มาทางนี้หน่อยสิ!!” ที่นี่ค่อนข้างมืด มีเพียงไฟสลัวๆ จากข้างบนเท่านั้นที่ส่องสว่างขึ้นมา ผ้าม่านผืนบางถูกเปิดออกพร้อมกับบุรุษผู้หนึ่งที่เดินเข้ามา.. เขามีใบหน้าที่ชวนให้ดวงตาของทั้งอนิลาและโรซี่แข็งค้าง เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาเกินคำว่าสมบูรณ์แบบไปไกลมากทีเดียว ในอคาเด็มมี่นั่นมีบุรุษมากมาย อีกทั้งบุรุษพวกนั้นคือชนชั้นสูงที่มีใบหน้าในระดับความหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่ทว่าพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับบุรุษเบื้องหน้าของเธอ “สวัสดีครับท่านหญิงผู้แสนงดงาม ข้าได้ยินว่าเรามีเวลาไม่มาก เช่นนั้นก็เชิญเดินตามข้ามาด้านนี้ได้เลยครับ” เขาจับมือของเธอขึ้นมาอย่างถือวิสาสะก่อนจะจุมพิตลงไปอย่างแผ่วเบา กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีขาทั้งสองข้างก็กำลังเดินตามเขา
like
bc
คุณคะ มาแต่งงานกันฉันได้ไหม ??
Updated at Feb 18, 2024, 21:03
“ฟังนะลิสาหลานรักของยาย ครั้งหนึ่งยายเคยฝังไหทองเอาไว้ใต้ต้นองุ่นที่อายุกว่าหนึ่งร้อยปี...” ดวงตากลมโตของลิสานั้นค่อยๆ เบิกกว้างออกมาเมื่อเธอได้อ่านจดหมายนั้น มือเล็กๆ ที่ถือจดหมายอยู่พลันสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นและตกใจ “แต่ยายจำไม่ได้ว่ายายฝังทองเอาไว้ที่ใต้ต้นองุ่นเก่าแก่ของไร่เจริญรุ่งหรือว่าที่ไร่พูนสุข..เงินก้อนนั้นคือเงินสินสอดที่ตาของหลานหามาด้วยความยากลำบาก สมัยก่อนยายยังไม่รู้จักวิธีการฝากเงินสักเท่าไหร่ก็เลยเอาไว้ฝังดินเอาไว้..ตามหาเงินจำนวนนั้นให้เจอนะลิสาหลานรักของยาย” ให้ตายเถอะนี่มัน..เรื่องบ้าบออะไรกันฟะ? เมื่อก่อนยายกับตาคือเศรษฐีเลยก็ว่าได้ ที่ดินทำไร่องุ่นกว่าพันไร่เป็นของอุดมรักทั้งหมด แต่เมื่อตาล้มป่วยลง เงินทุนทั้งหมดก็ถูกนำไปรักษาตาจนเกือบหมด ยายก็เลยทยอยแบ่งขายที่ดินออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้จากพันไร่เหลืออยู่ราวๆ สองร้อยไร่เท่านั้น และเธอ อลิสา อุดมรัก หลานสาวเพียงคนเดียวของยาย.. “คุณลิสาคะ ทางบริษัทที่ผลิตแจ้งมาว่ายังไงก็ไม่ทันค่ะ เราจะเอายังไงกันดีคะ..” เธอมาอยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่เข้ามหาลัย และพอเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงชีวิตของอลิสาก็เปลี่ยนไป เธอมีความสุขกับการได้เฉิดฉายอยู่บนเส้นทางธุรกิจที่เธอสร้างมาและเกลียดชังการตากแดดทำสวนเป็นที่สุด เธอไม่ชอบทำสวนเลย แต่ตอนนี้เธอกำลัง..ถังแตกแบบสิ้นเนื้อประดาตัวเลยก็ว่าได้ ธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังทำอยู่คงถึงคราวต้องโบกมือลาเมื่อเธอไม่สามารถทำให้ราคาส่ง ถูกเท่ากับการนำเข้ามาจากต่างประเทศ เศรษฐกิจแบบนี้คนเลือกใช้ของถูกมากกว่าที่จะสนใจคุณภาพอยู่แล้ว เธอเองก็ยื้อมานานนับปีเพราะคิดว่ามันจะสามารถไปต่อไป แต่ลิสาก็พบว่าเธอถูกโกงจากโรงงานเก่า พอสั่งโรงงานใหม่ก็ปรากฏว่าที่ใหม่ไม่สามารถผลิตให้ทันตามที่ตกลงกันไว้ได้ ปัญหาต่างๆ มันรุมเร้าจนเธอเองก็แทบจะดิ้นไม่หลุดเหมือนกัน คงถึงคราวต้องปล่อยมือจากเส้นทางความฝันที่เคยเดินมาแล้วเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเพื่อกลับไปทำไร่แล้วสินะ.. อลิสาตัดสิ้นใจขายของทั้งหมด คอนโด รถ และบริษัทที่เธอทำมาเพื่อเดินทางกลับไปอยู่กับคุณยาย “ใจหายชะมัดเลย แกไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ นี่” สกายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอและตอนนี้เธอมากินเลี้ยงที่ผับของแฟนมันเพื่อแสดงความยินดีที่มันสามารถทำบริษัททัวร์ได้ และถือโอกาสมาบอกลาด้วย “ครั้งนี้ฝืนไม่ไหวว่ะ เราไม่อยากฝืนด้วย อยากจะกลับไปอยู่กับยาย ลองไปใช้ชีวิตเงียบๆ ดู” อีกหนึ่งเหตุผลที่อลิสาเลือกที่จะยอมแพ้ง่ายดายขนาดนี้มันเป็นเพราะ..คนที่เธอรักกำลังจะแต่งงาน พี่จอมทัพกำลังจะแต่งงาน ความสัมพันธ์ของเขาและเธอมันเป็นเพียงแค่พี่น้องมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว และเธอแม่งก็ดันไม่กล้าบอกรักเขา เก็บเงียบมาคนเดียวจนเขาแต่งงาน.. ในตอนนี้เขาก็มองว่าเธอคือน้องสาวคนหนึ่ง เป็นแบบนั้นมาตลอด จนเธอไม่กล้าที่จะเดินข้ามเส้นนั้นไป “แกจะต้องกลับมายิ้มให้ได้ไวๆ นะ มีอะไรก็โทรมา..” “รู้แล้วน่า ยินดีด้วยนะสกาย..ขอให้แกประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่แกเลือกด้วย” หลังจากนั้นอลิสาก็จำไม่ได้ว่าเธอดื่มไปกี่แก้ว พอรู้สึกตัวอีกทีตาก็จะลืมไม่ขึ้นแล้ว “ไม่น่าขับรถมาเลยว่ะ ทำไงทีนี้” สกายเองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน “ขึ้นไปข้างบนก่อนดิ ไปนอนกับเราก่อน พรุ่งนี้ค่อยไป” ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ที่นี่คือผับของแฟนสกาย โชคดีที่มาเมาที่นี่ อลิสายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ กว่าจะจูงมือและพาตัวเองขึ้นมาชั้นบนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เธอนั่งลงบนพื้นพร้อมๆ กับสกายที่ล้มลงมาทับเธอเช่นกัน “ดื่มกันหนักแค่ไหนเนี่ยสาวๆ ..” พี่อาร์มแฟนของสกายเดินเข้ามาหาเราก่อนที่เขาจะอุ้มสกายขึ้นไปแล้วลูบผมเธอเบาๆ เราค่อนข้างสนิทกันเพราะว่าพี่อาร์มคบกับสกายมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว “ตัดใจได้แล้ว สวยขนาดนี้จะไปรอผู้ชายคนเดียวทำไมกันวะ” “เออ กำลังทำอยู่ พี่อาร์มพาสกายไปเหอะ หนูจะไปนอนแล้ว” อาร์มยกยิ้มขึ้นมาก่อนที่เขาจะปรายตามองไปยังประตูห้องพักที่กำลังเปิดอยู่ “ไอ้เตมาช่วยพาน้องไปนอนหน่อย” ถึงแม้ว่าเธอจะเมาแต่ลิสาไม่ได้ไม่รู้ตัวขนาดนั้น เธอรีบลุกขึ้นในทันทีเมื่อพี่อาร์มทำท่าเรียกเพื่อนเขา “หนูนอนคนเดียวได้พี่ ไม่เป็นไรเลย” “ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าไอ้เตเป็นเด็กเอ็นคนใหม่..” อาร์มยกมือขึ้นมาปิดปากที่กำลังขำออกมา “เด็กเอ็นอะไรของมึงไอ้อาร์ม..” อลิสาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเด็กเอ็นที่พี่อาร์มว่า..โห หล่ออะไรขนาดนั้นเนี่ย ขนาดเธอเมาแบบไม่ค่อยมีสติเขายังหล่อขนาดนี้แล้วถ้าเธอมีสติจริงๆ เขาจะหล่อขนาดไหนกันนะ อาร์มตบไหล่ของลิสาเบาๆ “หากว่ามันดูแลก็ให้ทิปหนักๆ หน่อยนะ” อลิสากำลังจะหันไปเพื่อปฏิเสธพี่อาร์มแต่ขาที่ไม่มั่นคงของเธอกำลังจะล้มลง ทว่าในจังหวะนั้นมือของเขายื่นออกมาในทันทีเพื่อรอรับตัวเธอ “....กลิ่นหอมจังเลยค่ะ หอมเหมือนข้าวมันไก่” เขาถึงกับขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคำที่กล่าวออกมาจากปากของเธอมันคือคำชมหรือว่าอะไร แต่เธอกำลังบอกว่ากลิ่นตัวของเขาเหมือนข้าวมันไก่เหรอวะเนี่ย! “เมาก็ไปนอน” เตลองซ์อุ้มเธอขึ้นก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องนอน เดิมทีนี่เป็นห้องที่เขาจะนอนในคืนนี้แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เขาจะเสียสละห้องนี้ให้ยัยเด็กขี้เมานี่ แล้วไปนอนกับเพื่อนอีกห้อง ทว่าเมื่อเขาวางเธอลงบนเตียงและกำลังจะลุกขึ้นไปนั้น มือของเธอกลับดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น “ค่าตัวเท่าไหร่คะ..” เตลองซ์กลอกตามองบน “ไม่ได้ขาย แต่ถ้าอยากก็จะสนองให้แบบไม่คิดเงิน” “ไม่ได้อยากทำแบบนั้น..แต่อยากให้อยู่เป็นเพื่อน เอ็นนี่ไม่ได้ย่อมาจากเอ็นเตอร์เทนเหรอคะ นึกว่าพี่จะทำให้หนูหัวเราะซะอีก” อะไรของยัยนี่วะเนี่ย มาอยู่ในห้องสองต่อสองแบบนี้ใครมันจะไปทำให้หัวเราะ หากทำให้ร้องครางก็ว่าไปอย่าง “เอ็นย่อมาจากเอ็นที่มันแข็งๆ อ่ะ” “....” อสิลากะพริบตามองหน้าเขาปริบๆ เธอไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง “พี่ดูอดยากนะคะ ผู้หญิงคนก่อนหน้าหนูเขาไม่ได้...อุ๊บ..” ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมาในแบบที่เธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย นี่คงเป็นจุมพิตที่มึนงงมากที่สุดเพราะว่าเอไม่เข้า
like
bc
ท่านแม่ได้โปรด อย่าหนีไปจากท่านพ่อเลยนะคะ
Updated at Feb 5, 2024, 22:28
ริโอนา..เจ้ากำลังทำให้ข้าไม่เป็นตัวของตัวเองเลย อย่าเอาเปรียบกันสิ..ช่วยทำให้ข้ารู้สึกดีเหมือนที่เจ้ากำลังรู้สึกบ้างได้ไหมที่รัก?
like
bc
ร้านน้ำชาของมาดามจูเลีย (ฮาเร็ม)
Updated at Feb 5, 2024, 15:52
"ลูกสาวของข้านั้นว่านอนสอนง่าย และแน่นอนเราจะจ่ายค่าสินสอดให้ฝ่ายชายอย่างสมน้ำสมเนื้อ มาดามมีรายชื่อบุรุษที่ดีพร้อมอยู่ในใจบ้างไหมคะ?" แสงแดดอ่อนๆยามสายทำให้จูเลียรู้สึกสงบ เธอยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับหลับตาลงช้าๆเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนงดงามนี้ "บุตรชายของกะลาสีนีลน่าสนใจนะคะ เขามีเรือเป็นของตัวเองตั้งหลายลำ อีกทั้งยังไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสีย..." หญิงวัยกลางคนส่งถุงเงินให้จูเลียพร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกว่านางพึงพอใจมากๆกับคำกล่าวของเธอ จูเลียส่งยิ้มกลับไปเพื่อเป็นมารยาทในการบอกลา เธอวางแก้วน้ำชาลงก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างที่เป็นวิวของทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา "จะพักก่อนไหมคะมาดาม กว่าคนที่จองคิวไว้จะมาคงอีกนานเลย" โรสเป็นเด็กสาวที่น่ารักผู้หนึ่ง หน้าที่ของเธอคือดูแลมาดาม ทำความสะอาดร้านและคอยจัดคิวลูกค้าที่จองเข้ามา ครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าของมาดาม สารภาพได้เลยว่าเหมือนเธอกำลังมองท่านแม่อยู่ ไม่ใช่เพราะมาดามอายุเยอะแต่เพราะว่าดวงตาของมาดามนั้นอบอุ่นบวกกับรอยยิ้มที่ทำให้ผู้มองสบายใจ นั่นทำให้สาวใช้เช่นเธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านน้ำชาแห่งนี้ถึงมีคนต่อคิวกันเข้ามาจนแน่นไปถึงเดือนหน้า มาดามจะรับลูกค้าแค่วันละสามคน ทั้งที่แต่ละคนพูดคุยนิดเดียวเท่านั้นเอง... โรสก็เลยคิดว่านี่อาจจะเป็นกลยุทธ์การขายที่ทำให้ร้านน้ำชาของมาดามจูเลียเป็นที่นิยมของผู้คนในท่าเรือฮอตมิส "ไม่ล่ะ ข้าจะนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ" โรสก้มหน้าลงก่อนจะเดินไปเก็บแก้วน้ำชาบนโต๊ะใส่ถาดเพื่อเปลี่ยนน้ำชาชุดใหม่ มาดามถือเป็นคนที่เข้าใจยากพอสมควร ใบหน้าที่งดงามนั่นจะเศร้าหมองทุกครั้งที่มาดามเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หรือจะเรียกให้ถูกคือทุกครั้งที่มาดามมองทะเล เธอทำงานรับใช้มานานจึงล่วงรู้ว่ามาดามรักความเป็นส่วนตัวมากทีเดียว "ขออภัยที่ข้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้าคิดว่าข้ามีเรื่องด่วนจริงๆค่ะ!!" จูเลียปรายตามองดรุณีน้อยผู้หนึ่งที่วิ่งเข้ามาในร้านน้ำชา ใบหน้าของสาวน้อยผู้นั้นรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา "ร้านน้ำชาของข้ายินดีต้อนรับเลดี้เสมอค่ะ โรสไปเตรียมน้ำชามาใหม่หน่อยเถิด" เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้ดรุณีน้อยผู้นั้นด้วยท่าทีสบายๆ "คนรักของข้า...ไม่ใช่สิ มาดามก็รู้ใช่ไหมคะว่ามีท่านดยุคมาประจำการที่นี่ คือว่าข้าได้ใช้ค่ำคืนร่วมกับท่านดยุคแต่ทว่าพอตื่นเช้ามาท่านดยุคกลับแปรเปลี่ยนไป" นั่นล่ะ นิสัยของผู้ชาย...ที่เขาเปลี่ยนไปก็เพราะว่าเขาได้สิ่งที่เขาอยากได้ในตัวเลดี้แล้วยังไงล่ะ "ดวงตะวันยังลาลับขอบฟ้าทุกวัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ใจของบุรุษจะแปรเปลี่ยน เลดี้เสียครั้งแรกให้คนเช่นนั้นแล้วอย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เลดี้เสียเป็นเพียงแค่ครั้งแรกไม่ใช่ทั้งชีวิตสักหน่อย" ดรุณีน้อยผู้นั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะร้องไห้ออกมา "ข้าควรจะทำเช่นไรดีคะมาดาม ข้าทั้งโมโหตัวเองที่ไปหลงคารมคนเจ้าชู้เช่นนั้นและโมโหท่านดยุคที่มาหลอกลวงข้าด้วย!" จูเลียยกยิ้ม  "ไม่มีสิ่งใดจะดับความแค้นได้เท่ากับการแก้แค้นหรอกค่ะ ดยุคเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมการจะแก้แค้นเขามีตั้งหลายทาง แต่หลังจากที่ร่วมหลับนอนด้วยกันแล้วเลดี้ดื่มยาห้ามตั้งครรภ์แล้วใช่ไหมคะ?" ดรุณีน้อยผู้นั้นพยักหน้าเบาๆ อืม อย่างน้อยเลดี้ผู้นี้ก็ไม่ได้โง่ไปเสียทุกเรื่อง "เริ่มจาก...การปล่อยข่าวลือที่ทำลายความมั่นใจของดยุคเป็นไงคะ" ดวงตาของดรุณีน้อยนั้นเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอส่งถุงเหรียญทองให้จูเลียพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมาราวกับคิดแผนการได้ "ข้าชื่อเจลินค่ะ เป็นบุตรสาวของวาณิชแซคตัน ยินดีที่ได้พูดคุยและรู้จักกับมาดามนะคะ" "ร้านน้ำชาของข้ายินดีต้อนรับเลดี้เจลินเสมอค่ะ" จูเลียใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด ที่ท่าเรือฮอตมิสมีดยุคมาประจำการใหม่งั้นหรือ? ทว่าพอเหลือบมองจดหมายบนโต๊ะทำงานก็พบกับบัตรเชิญร่วมงานพิธีแต่งตั้งท่านดยุคที่จะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า เห็นทีจะต้องไปแสดงความยินดีกับท่านดยุคคนใหม่แล้วล่ะสิ ....... "ข่าวลือก็เป็นเพียงข่าวลือครับ คนที่นี่ก็เป็นเช่นนี้หากเราปล่อยให้ข่าวเงียบไปเองเดี๋ยวทุกคนก็จะลืม" เซอร์เดลต้ายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผากเบาๆ เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาลที่เจ้านายของเขากำลังแผ่ออกมา "....ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่สนใจในข่าวลืออะไรขนาดนั้น เพียงแต่ข่าวลือมันถูกปล่อยออกมาก่อนพิธีแต่งตั้งหนึ่งวัน ผู้ที่ปล่อยข่าวลือจงใจทำลายชื่อเสียงของข้าชัดๆเลย" ดยุคแคชตัน อาเบล มองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เขามาที่นี่ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เขานอนกับสตรีทั้งหมดห้าคน สตรีสามคนเป็นโสเภณีและสตรีอีกสองคนเป็นเลดี้ที่เขารู้จักจากงานเลี้ยงฉลองก่อนพิธีแต่งตั้ง พอนึกย้อนดูเขาก็ทำมันได้ดีทุกครั้งนี่นา สตรีทั้งสองคนนั้นดูจะชอบและถูกใจในลีลาท่าทางของเขาด้วยซ้ำ... เหตุใดถึงต้องปล่อยข่าวลือว่าความเป็นชายของเขามีขนาดเล็กอีกทั้งยังล่มปากอ่าวด้วยนะ แต่พอนึกย้อนดูดีๆมีสตรีหนึ่งในสองที่ดูท่าทางว่าจะไร้เดียงสาและเป็นครั้งแรกของนาง อ่า...ดรุณีที่ไร้เดียงสาผู้นั้นร้ายกาจและสามารถคิดแผนการปล่อยข่าวลือมาแก้แค้นเขาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ประมาทสตรีในฮอตมิสไม่ได้เสียแล้ว... "ไปสือมาทีว่าบุตรีของวาณิชแซคตันไปพบใครหรือว่าทำอะไรบ้างในสองวันที่ผ่านมา" "ครับท่านดยุค ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วขอเชิญท่านดยุคลงไปด้านล่างเพื่อเริ่มพิธีได้เลยครับ" อาเบลสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท เขาถอนใจหายเบาๆ พิธีแต่งตั้งไม่ได้ทำให้เขาประหม่าหรือว่ากังวลอะไร  ใบหน้าที่หล่อเหลาของอาเบลในตอนนี้กำลังหงุดหงิดเมื่อเขากวาดสายตามองไปรอบๆงาน เพราะมีสตรีจับกลุ่มซุบซิบพร้อมกับมองมาที่เขาด้วยใบหน้าเอียงอาย แน่นอนว่าเสียงนินทาพวกนั้นไม่ได้ทำให้อาเบลรู้สึกอะไร แต่ที่เขากำลังหงุดหงิดนั่นก็คือ เขากำลังหวาดกลัวว่าคืนนี้จะไม่มีสตรีใดมาร่วมเตียงกับเขา... หรือจะเปิดโชว์ตรงนี้ไปเลยนะ ว่าของเขามันทั้งใหญ่และแข็งแรงมากแค่ไหน!
like
bc
พลังวิเศษของฉันคือการอ่านใจ
Updated at Feb 1, 2024, 23:43
“จีน เรื่องที่ลูกมีพลังวิเศษ จะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด เข้าใจรึเปล่า?” น้ำเสียงของท่านแม่ที่เปล่งออกมานั้นมันทั้งสั่นเครือและแหบพร่า นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านแม่ที่จากไปตั้งแต่ที่เธออายุเพียงสิบขวบเท่านั้น ท่านแม่คือนักบุญหญิงและเธอคือลูกนอกสมรสของตระกูลเคนโนช่า ตระกูลเคาน์ผู้โด่งดังและมีประวัติอันยาวนาน เธอเดินเข้ามาในฐานะลูกสาวคนเล็กของท่านเคาน์ เป็นลูกนอกสมรสที่ไม่มีใครต้อนรับแม้แต่ตัวของท่านพ่อเอง “จินนี่การที่พ่อรับลูกเข้ามาเพราะว่าเห็นแก่ที่เจ้าทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยด้วยตัวคนเดียว อย่างน้อยเลือดกว่าครึ่งในตัวของเจ้าก็คือสายเลือดที่สูงส่งของตระกูลเคนโนชา..” “ช่างน่าประทับใจเพราะว่าใบหน้านั้นอย่างน้อยก็งดงามถอดแบบนักบุญหญิงไอรีสมา แบบนี้ต่อให้ส่งนางไปแต่งงานแทนเจนก็ย่อมไม่มีใครเคลือบแคลงใจหรอก..” จินนี่ก้มหน้านิ่งๆ เมื่อเธอได้ยินความในใจที่แท้จริงจากท่านเคาน์ ก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆ ที่คนเช่นนี้มาตามหาตัวเธอ ทั้งที่ท่านแม่ตายไปตั้งนานแล้ว แต่ทว่าท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจ เธอจะต้องทำงานเป็นเด็กล้างจานและซักผ้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง ในช่วงเวลาที่ทำงาน จินนี่มักจะคลุมใบหน้านี้ด้วยผ้าเสมอ เพราะว่าความงดงามสำหรับเธอนั้นมันคือภัยร้าย เธอเก็บซ่อนความงดงามเอาไว้เหมือนกับเสือที่เก็บซ่อนเคี้ยวเล็บ ทั้งที่ดีใจแทบตายที่พ่อแท้ๆ ตามหาเธอ จินนี่คิดว่าเธอคงจะได้รับความรักจากพ่อแท้ๆ สักครั้งแต่ทว่าไม่เลย.. ที่ท่านเคาน์เคนโนชาเรียกเธอมาที่นี่เป็นเพราะว่าต้องการให้เธอแต่งงานแทนเจน แต่งงานกับดยุคเดอเรก แล้วย้ายไปอยู่ดินแดนทางเหนือที่แสนเหน็บหนาว มีข่าวลือเรื่องของดยุคมากมายจากนักเดินทาง บ้างก็ว่าเขาคือบุรุษที่ชื่นชอบการร่วมรักที่แปลกประหลาดเพราะว่าเจ้าสาวทุกคนที่ถูกส่งตัวไปจะตายในคืนวันเข้าหอ และถึงแม้ในใจของผู้คนจะล่วงรู้ว่าการเข่นฆ่าสตรีมันเป็นฝีมือของท่านดยุค แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าปริปากออกมาเพราะว่าพวกเขาหวาดกลัวอำนาจมืดของเดอเรก องค์จักรพรรดิอามานี่ทรงมีรับสั่งเรื่องการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี เพราะในใจขององค์จักรพรรดินั้นทรงหวาดกลัวท่านดยุคจะก่อกบฏ เนื่องจากความสนิทสนมของดยุคแห่งเดอเรกและองค์ชายของจักรวรรดิแบรกตันซ์ พระองค์จึงเลือกสตรีชนชั้นสูงสักนางเพื่อส่งไปแต่งงานกับท่านดยุคเดอเรก ความซวยมาเยือนตระกูลเคาน์เคนโนชา เมื่อองค์จักรพรรดิเลือกบุตรีผู้งดงามของตระกูลเคาน์ให้ไปแต่งงานกับเจ้าแห่งความตายอย่างดยุคเดอเรก บุตรีนั้นคือแก้วตาดวงใจ เจนคือทุกสิ่งทุกอย่างของผู้เป็นพ่ออย่างท่านเคาน์ เรื่องนั้นทำให้ท่านเคาน์และเคาน์เตสคิดหาทางช่วยลูกสาวอย่างหนัก จนชื่อของนักบุญหญิงไอรีสปรากฏขึ้นมา พวกเขาตามหาบุตรสาวนอกสมรสกันอย่างหนัก และมาพบนางที่ลานซักล้างของโรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อมองเห็นใบหน้าที่งดงามของจินนี่ ทั้งท่านเคาน์และเคาน์เตสต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขามีตัวแทนไปแต่งงานแทนเจนแล้ว! “นี่! เจ้าพูดเป็นรึเปล่า?” จินนี่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของพี่สาวต่างมารดา เจนนั้นคือสตรีที่งดงามจับสายตาผู้หนึ่ง แต่ทว่าเพราะนางถูกเลี้ยงดูมาด้วยความตามใจ ทำให้นิสัยของเจนตรงข้ามกับหน้าตาเป็นอย่างมาก “….ค่ะ” “เราไม่อาจสอนมารยาทชนชั้นสูงทั้งหมดให้เจ้าได้ภายในสองสัปดาห์ เพราะฉะนั้นเจ้าจงเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านเองเถอะนะ” เจนได้รับมอบหมายจากท่านพ่อให้สร้างจินนี่ขึ้นมาให้เป็นชนชั้นสูง แต่ทว่าในสายตาของเจนเธอมองว่ามันไม่จำเป็นเพราะต่อให้สร้างจินนี่ให้สมบูรณ์แบบมากแค่ไหน จุดหมายปลายทางของนังเด็กนี่ก็คือความตายอยู่ดี “ค่ะ” “ไปเถอะแมด ข้าจะต้องเข้าไปในเมืองเพื่อตัดชุด เรื่องของเด็กนี่ฝากให้สาวใช้ดูแลต่อด้วยก็แล้วกัน..” มือของจินนี่กำหนังสือพวกนั้นเอาไว้แน่น ทั้งที่เธอสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ หนีงานแต่งเพื่อกลับไปทำงานพวกนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าในใจกลับหวาดกลัว เพราะว่าก่อนมาที่นี่พวกทหารของเคนโนชาได้เปิดหน้าเธอต่อหน้าเถ้าแก่และแขกที่เข้าพักในโรงแรม พวกเขามองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยตัณหาและราคะ หากว่าเธอกลับไปทำงานอีกครั้ง ชีวิตคงจะไร้ซึ่งความสงบสุข ทั้งที่เธอสามารถเก็บซ่อนใบหน้านี้มาได้นานขนาดนั้น..ทำไมจะต้องมาตามหาเธอด้วยนะ หรือว่าบางทีการเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีทางเหนือมันจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ท่านแม่กล่าวไว้ว่าพระเจ้ามิได้ใจร้ายกับเรามากขนาดนั้น พระองค์มักจะเหลือทางเลือกเอาไว้ให้เราเสมอ..และนี่คงจะเป็นทางเลือกของเธอ การเป็นอยู่ของจินนี่ในคฤหาสน์เคนโนชามิได้รับการปฏิบัติที่ดีสักเท่าไหร่ แม้กับคนรับใช้ต่างก็ดูถูกดูแคลนเธอ เรื่องนั้นจินนี่ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว เวลาสองสัปดาห์ในคฤหาสน์เคนโนชาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันนี้คือวันแต่งงานของเธอ.. งานแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของเลดี้ตระกูลเคนโนชา และท่านดยุคแห่งเดอเรก “ไม่ยักรู้ว่าเคาน์มีลูกสาวสองคน..” เคาน์เคนโนชาหัวเราะร่า “จินนี่นางเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในคฤหาสน์พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แต่ทว่านางนั้นปลาบปลื้มท่านดยุคมานานแล้ว พอมีราชโองการไปที่เคนโนชา จินนี่ก็รีบอาสาเพื่อแต่งงานกับท่านดยุคเลย..” เคาน์เคนโนชากล่าวพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมาแล้วเหลือบมองใบหน้าที่หล่อเหลาปานรูปสลักของดยุคแห่งเดอเรก ครั้งหนึ่งเคยมีสตรีมากมายหมายปองใบหน้านี้กันทั่วทั้งจักรวรรดิ แต่เมื่อเริ่มมีสตรีล้มตายจากการแต่งงานกับท่านดยุค ความนิยมของเขาก็ถูกลดทอนลง เสียงเล่าขานถึงบุรุษหล่อเหลาผู้นี้ก็แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นดยุคแห่งความตายผู้พรากทั้งชีวิตและความรักจากสตรีที่เต็มใจเป็นภรรยาของเขา ท่านเคาน์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาสามารถช่วยเหลือเจนเอาไว้จากคมดาบแห่งความตายของท่านดยุคเอาไว้ได้ กับจินนี่แค่นางได้สวมชุดแต่งงานราคาแพงและได้เดินเข้ามาในห้องโถงของพระราชวัง เรื่องนั้นก็ดูเหมือนจะเกินเอื้อมกับลูกสาวของนักบุญหญิงแล้วล่ะนะ ใครใช้ให้แม่ของนางเป็นเพียงสามัญชนเล่า สตรีที่มีดีแค่ใบหน้างดงาม มีค่าแค่เป็นเพียงของเล่นเพียงครั้งคราวของเคาน์เช่นเขาเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นเคาน์เคนโนชาก็กล่าวขอบคุณไ
like
bc
ท่านอ๋องขา...มาเป็นของข้าเถอะ
Updated at Jan 31, 2024, 18:22
ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นมานวดที่ขมับเบาๆ สิ่งแรกที่สายตาคู่นี้มองเห็นนั่นคือผ้าคลุมหน้าสีแดงสด ฉันกำลังพยุงตัวเองเพื่อที่จะลุกขึ้น ก้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องล้มตัวนอนลงอีกครั้ง "คุณหนู!!" มีเด็กสาวที่ดูอายุราวสิบสามสิบสี่ปีรีบวิ่งมาทางฉัน ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบรรยากาศในห้องนี้ช่างแตกต่างจากโลกที่ฉันเคยอยู่ ฉันชื่อถิงถิงเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับท่านนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของจีน เมื่อวานในขณะปฏิบัติหน้าที่ขับรถนำขบวน รถของฉันดันไปเหยียบกับระเบิดเข้า สิ่งสุดท้ายที่รู้สึก คือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสพร้อมกับกลิ่นเนื้อตัวเองที่กำลังไหม้เกรียม ไม่ต้องสืบก็พอจะเดาได้ว่าฉันคงจะตายไปแล้วอย่างแน่นอน หลังจากนั่งคุยกับอิงเถาสาวใช้ที่มีรูปร่างเหมือนชื่อ ก็ได้ความว่า ร่างนี้เป็นของคุณหนูจื่อเหว่ย สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง เป็นบุตรีคนที่สองของเสนาบดีกรมการคลัง เมื่ออายุได้สิบห้าพ้นวัยปักปิ่น นางได้ไปหลงรัก ท่านอ๋องหลี่จวิ๋น พบพานเพียงครั้งเดียว ได้พบใบหน้าเขาเพียงครั้งเดียวเมื่อวันไหว้พระจันทร์ นางก็หลงรักท่านอ๋องจวิ๋นจนหมดดวงใจ นางทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านอ๋องทราบถึงความในใจ จื่อเหว่ยเป็นบุตรีเพียงคนเดียวในตระกลูจื่อผู้มั่งคั่งและร่ำรวย มีพี่ชายหนึ่งคนเป็นรองเจ้ากรมเสนาบดี น้องชายอีกหนึ่งคนอายุเพียงสิบหกปีได้เป็นถึงราชทูตไปประจำอยู่ต่างแคว้น ส่วนนางที่ปีนี้วัยสิบเจ็ดปี ดรุณีน้อยที่ถึงเวลาออกเรือน บ่มเพาะความรักปักใจที่มีต่อท่านอ๋องจวิ๋นนานถึงสองปี ได้แจ้งแก่บิดาว่านางนั้นต้องการแต่งกับท่านอ๋องจวิ๋นผู้เดียวเท่านั้น จื่อหัว ผู้เป็นบิดามีบุตรสาวที่รักปานดวงใจอยู่ผู้เดียว หากบุตรสาวร้องจะเอาดาวเดือน เขายังจะไปสืบเสาะหามาให้ นับประสาอะไรกับการขออภิเษกกับท่านอ๋ององค์หนึ่ง ในเวลาไม่ช้าฮ่องเต้ก็ออกราชโองการ การอภิเษกระหว่าง ท่านอ๋องจวิ๋นและจื่อเหว่ย เมื่อราชโองการประการออกไป บรรดาชายหนุ่มที่หมายปองจื่อเหว่ยไว้ก็ออกมาร่ำไห้ ร้านเหล้าแน่นขนัดตา ต่างจากสตรีที่ดู ดีอกดีใจ มีทั้งสตรีที่หมายปองบุรุษอื่น ที่ชอบจื่อเหว่ย และสตรีที่เตรียมตัวขอเป็นอนุท่านอ๋องจวิ๋น และแล้วก็ถึงกำหนดวันงานอภิเษก ชาวบ้านสองข้างทางต่างมาชมความหล่อเหลาของเจ้าบ่าว และความงดงามของเจ้าสาว ซึ่งชาวบ้านต่างขนานนามว่าเป็นคู่ยวนยาง คู่สวรรค์สร้าง คู่กิ่งทองใบหยก ทั้งหน้าตาและฐานะ ล้วนแล้วแต่เหมาะสมทั้งสิ้น แต่แล้วทางเดินที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ของสตรีงามนามจื่อเหว่ยก็สะดุด เมื่อขบวนที่มารับเจ้าสาวไร้เงาเจ้าบ่าว มีเพียงราชองครักษ์ขี่ม้ามารับแทน ใบหน้างามซีดเผือดภายใต้ผ้าคลุมสีแดง ราชองครักษ์ยื่นจดหมายให้นางฉบับหนึ่ง นิ้วมือเรียวยาวค่อยๆ เปิดจดหมายอ่านด้วยใจระส่ำระสาย นางรีบดึงผ้าคลุมหน้าออกแล้วอ่านจดหมายที่ว่าที่สามีส่งให้ "ข้ามิสามารถปฏิเสธงานแต่งนี้ได้ และในใจของข้ามีคนที่หมายปองไว้แล้ว วันนี้ข้าจะไปรับนางมาแต่งเป็นสนมเอก มิสะดวกไปรับไปเจ้า ขออภัยด้วย" ดวงตาคู่งามเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา จดหมายในมือถูกขยำด้วยโทสะในใจ เหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้.... แต่งอนุเข้าจวนพร้อมนางแล้วยังไปรับอนุผู้นั้นแทนที่จะมารับนางที่เป็นพระชายาเอก!! ริมฝีปากบางเม้มด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นางไม่ดีหรือ นางไม่คู่ควรกับเขาตรงไหนกัน ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีสตรีใดงดงามกว่านางอีกหรืออย่างไร สองปีที่นางเดินตามเขา เพียงทราบว่าเขาไปที่ใดนางจะแกล้งบังเอิญไปพบเจอ รู้ว่าเขาชอบสิ่งใดไม่ว่าจะหายากเพียงไหน นางก็สืบเสาะหามาให้ ถุงเครื่องหอมที่ปักส่งให้เขาใหม่แทบทุกเดือน.... ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเพียรพยายามทำ เขามิได้มีใจให้นางแม้แต่เสี้ยวเดียวของหัวใจเลยหรือ.... โลกของจื่อเหว่ยในวันนั้นเหมือนพังทลายลง นางไล่ทุกคนออกจากห้องด้วยใบหน้างามที่อาบไปด้วยน้ำตา นางค้นหายาพิษที่นางซื้อมา...ซื้อมาเพื่อขู่ท่านพ่อ เวลานางต้องการสิ่งใดเพียงหยิบยาพิษขวดนี้ ขู่ว่าจะกินมันเข้าไป ท่านพ่อก็จะรีบไปหาของสิ่งนั้นมาให้ ไม่คิดเลย...ว่าในวันนี้จะได้กินจริงๆ ในใจนางราวกับโดนเข็มเป็นพันๆ เล่มทิ่มแทงหัวใจ เจ้าบ่าวไม่มารับเจ้าสาวเข้าจวนแถมไปแต่งอนุในวันเดียวกันอีก หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน!! ไม่เหลือทางใดให้นางเลือกแล้ว นางมิอาจแบกรับความเจ็บปวดจากรักไม่สมหวังนี้ได้ นางรับไม่ไหว ให้นางตายตกไปเสียดีกว่าต้องทนเห็นบุรุษที่นางรัก ไปรักผู้อื่น นางกรอกยาพิษใส่ปาก พลันแสบร้อนไปทั่วคอหลังจากกลืนไป ทรมานยิ่งนัก แต่ข้า.....จะได้หลุดพ้นแล้ว “หลังจากนั้นคุณหนูก็สลบไปสองชั่วยาม นายท่านพยายามตามหาหมอมาช่วยคุณหนูแต่หมอทุกท่านต่างก็บอกว่าคุณหนูสิ้นลมแล้วเจ้าค่ะ” ฉันหลับตาลงพร้อมยกมือมานวดที่หัวคิ้วเบาๆ จื่อเหว่ยสตรีที่โง่ที่สุดในโลก!!! เพียงผู้ชายคนเดียวก็ฆ่าตัวตาย บัดซบ!!! หน้าตาก็สวย เป็นที่รักใคร่ของบิดา ชีวิตใครจะเลอเลิศเท่าเจ้า อ๋องหลี่จวิ๋น....จื่อเหว่ยคนก่อนอาจจะรักท่านเท่าชีวิต แต่กับจื่อเหว่ยคนใหม่นี้มิใช่ สิ่งที่ทำกับนางไว้ข้าคนนี้จะคืนให้ท่านเอง!!! "จื่อเหว่ย!!!” ฉันมองไปที่ประตูพบชายวัยกลางคนที่หน้าตายังคงฉายแววความหล่อเหลาอยู่ “ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูกพ่อ” ฉันมองไปทางชายวัยกลางคนที่กำลังคำนับขอบคุณสวรรค์อยู่ รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด พร้อมยิ้มขึ้นมาจางๆ ที่มุมปาก ฉันจะเป็นจื่อเหว่ยให้ดีที่สุด ตอบแทนหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของชายวัยกลางคนผู้นั้น “ท่านพ่อ...ลูกรู้สึกดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” “อย่าทำแบบนี้อีกนะลูกพ่อ เจ้าต้องการสิ่งใดพ่อคนนี้จะไปหามาให้เอง ท่านอ๋องจวิ๋นกล้าทอดทิ้งเจ้าในงานแต่งเช่นนี้ พ่อจะไปเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด!!” ฉันยื่นมือไปจับมือท่านพ่อ พร้อมส่ายหน้า “ลูกมิต้องการแต่งงานกับเขาเเล้ว ท่านพ่อช่วยลูกได้ไหมเจ้าคะ” ท่านพ่อดูตกใจในการกระทำของฉัน ถ้าเป็นจื่อเหว่ยคนก่อนฉันไม่รู้ว่านางจะขอร้องท่านพ่อแบบไหน แต่จื่อเหว่ยคนนี้ไม่อยากเสียเวลากับท่านอ๋องคนนี้อีกแม้แต่นิดเดียว ท่านพ่อยกมือขึ้นมาเเกะเชือกที่มัดมงกุฎหงส์บนหัว พร้อมถอดมงกุฎออกแล้
like
bc
ลูกสาวบุญธรรมของแกรนด์ดยุคปีศาจ (SS3)
Updated at Jan 15, 2024, 05:27
มีอะไรหลายอย่างที่ปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตของเอลิซ่าไป เธอในตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป เธอมีท่านพ่อที่คอยปกป้องและคุ้มครองในทุกอันตรายที่จะเดินทางเข้ามาเธอยังมีท่านอีวานที่ไม่ว่าจะมองเขาสักกี่ครั้ง ใบหน้าที่งดงามของเขาก็เป็นของเธอ...เขาคือคนรักคือ..ทุกสิ่งทุกอย่างมีท่านพี่บาร์ตันผู้เฉลียวฉลาดและเอาแต่ใจที่คอยให้ต้องปวดหัวอยู่ตลอดมีเลเซนผู้เป็นทั้งเพื่อนและเป็นคนรักอีกคนที่ดูเหมือนกับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเอลิซ่าจะมองข้ามเขาไปนั่นก็คือคาเมล องครักษ์ประจำตัวเธอ เธอเกือบลืมไปแล้วว่าชีวิตของเธอมีคาเมลอยู่ด้วย เกือบลืมไปแล้วว่า...เขาอยู่กับเธอในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเสียใจหรือว่ามีความสุข คาเมลจะคอยมองและอยู่เคียงข้างเธอเสมอนี่คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องเอาใจใส่คาเมลผู้แสนดีของเธอบ้างแล้ว...นี่คือบทส่งท้ายที่เดินทางมาพร้อมกับคำอำลาขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
like
bc
นักเขียนอีโรติกคนนั้น ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะบอส
Updated at Jan 11, 2024, 23:25
ฉันมีความฝัน...แน่นอนว่าทุกคนคงเคยมีความฝันในวัยเด็ก ความฝันว่าเติบโตขึ้นมาแล้วจะทำอาชีพอะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว นิดาขบเม้มริมฝีปาก เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เพราะว่าต้นฉบับที่ถูกส่งไปออดิชั่นกับสำนักพิมพ์มัน..ผ่านแล้ว นิยายของเธอจะถูกตีพิมพ์ในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ และมันเหมือนกับว่าเธอได้เดินตามความฝันที่ฝ่าฟันมานานได้สำเร็จเสียที “นิดา ฝากออกไปดูโลเคชั่นที่จะถ่ายพรีให้ลูกค้าด้วยนะ” ถึงแม้ว่าฉันจะมีความฝันแต่ฉันก็จะต้องเดินตามความจริงด้วย.. “ได้ค่ะพี่เอื้อ เดี๋ยวหนูแวะไปดูให้ก่อนกลับนะคะ” พี่เอื้อส่งยิ้มมาให้นิดาก่อนจะส่งกระดาษในมือมาให้ “แกต้องไปตอนนี้เลยเพราะว่าลูกค้าอยากถ่ายพรีที่ริมทะเล ขับรถไปตั้งแต่ตอนนี้น่าจะกลับมาทันวันพรุ่งนี้พอดี หรือไม่แกก็ค้างที่นั่นเลย” นิดาส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับพี่เอื้อผู้จัดการของเธอ “พี่คะ หนูต้องขับรถไปคนเดียวเหรอคะ คือหนูขับรถออกต่างจังหวัดไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่” พี่เอื้อใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งพร้อมกับกวาดสายตามองคนอื่นๆ ในออฟฟิต ไม่มีใครที่พอจะว่างและมีสายตาเฉียบคมแบบนิดาเลย ทว่าจะให้น้องมันขับรถไปคนเดียวก็ยังไงๆ อยู่ ในขณะที่เอื้อกำลังใช้ความคิดคุณหนุ่มก็เดินผ่านมาพอดี “บอสคะ ไม่ทราบว่าวันนี้บอสมีประชุมที่ไหนไหมคะ” ดวงตาสีนิลที่ฉายแววลึกล้ำมองหน้าของผู้จัดการที่กำลังร้องขอเขาอยู่ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน เพียงแต่เขาแค่อยากจะพักผ่อนสักหน่อย “หากว่าไม่มี นั่งรถไปเป็นเพื่อนนิดาหน่อยได้ไหมคะ น้องมันขับรถได้ แค่คุณหนุ่มนั่งไปเป็นเพื่อนก็พอ” ดะ..เดี๋ยวก่อน นิดาคิดว่าเธอไม่ได้บอกพี่เอื้อสักหน่อยว่าเธอขับรถได้ดีแบบนั้น ถึงจะมีใบขับขี่แต่เธอขับแค่จากคอนโดมาที่ทำงานเท่านั้นเอง.. นี่พี่เอื้อกำลังเอาชีวิตบอสมาฝากเอาไว้กับเธอเนี่ยนะ “พี่เอื้อคะ คือว่า..” “อื้อ เอาสิ หากให้นั่งไปเป็นเพื่อนเพื่อดูโลเคชั่นที่จะถ่ายพรุ่งนี้ผมไปด้วยได้อยู่ ครั้งนี้เป็นงานของลูกสาวท่านเจ้าสัว อันที่จริงผมไม่อยากให้มีเรื่องผิดพลาดไปดูด้วยสายตาน่าจะทำให้ผมสบายใจกับเรื่องนี้ ไปกันเลยไหมนิดา” นิดาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เธอมองหน้าพี่เอื้ออีกครั้ง ซึ่งพี่ผู้จัดการของเธอไม่คิดจะมองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย “คุณหนุ่มรอหนูสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูไปเก็บของที่โต๊ะก่อน” เธอกำลังดีใจที่นิยายของตัวเองผ่านการ ออดิชั่น แต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเสียนี่ เธอทำงานที่นี่มาสามปี ตั้งแต่เรียนจบก็เข้ามาทำงานที่นี่เลยเพราะว่าเธอชื่นชอบเวลาที่มองเห็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดของผู้หญิงในวันแต่งงาน แถมได้ยืนอยู่ใกล้ๆ กับชุดแต่งงานตลอด เป็นที่ที่ชวนให้มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง หากมองข้ามงานที่ทำสี่สิบแปดชั่วโมงติดต่อกันไปน่ะนะ เพราะว่ากับบางที ต้องรีบจัดเตรียมสถานที่ จัดดอกไม้และจัดงานตามแบบที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าววางเอาไว้ให้เสร็จทันกับเวลา เพราะแบบนั้นเธอก็เลยชินกับการอดหลับอดนอนบ่อยๆ นิดาหอบกระเป๋าเอกสารของเธอเพื่อเดินนำคุณหนุ่มมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังเพื่อให้เขานั่ง แต่ทว่า..เธอลืมไปว่าสภาพรถของเธอ มัน..รกไปหน่อย “อ๊ะ..ฮะ..ฮ่า! บอสนั่งข้างหน้าได้ไหมคะ” เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถของเธอแล้วนั่งลง นิดารีบนำเอกสารที่เธอหอบมาไปวางเอาไว้ที่ด้านหลังรถ ก่อนจะอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ปกติแล้วเธอเดินทางคนเดียว ขับรถไปไหนมาไหนคนเดียว และเพราะแบบนั้นเธอก็เลยไม่ค่อยชินเวลาที่มีคนอื่น..ซึ่งเป็นเจ้านายมานั่งอยู่ในรถคันเดียวกันระยะประชิดแบบนี้ เขา..มีใบหน้าในแบบที่ผู้หญิงคนไหนเห็นต่างก็จะต้องหวั่นไหวไปกับเขา ความหล่อเหลาที่มองราวกับภาพวาด ดวงตาเย็นชาและริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ ด้วยใบหน้าแบบนั้นมันทำให้ตอนที่เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารต่อจากท่สนเจ้าของคนเก่า พนักงานที่นี่อยู่ไม่เป็นสุขเลย ทุกคนต่างเกร็งกับบอสสุดหล่อ แต่ทว่าเป็นแบบนั้นได้ราวหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น เมื่อเห็นด้านการทำงานที่เข้มงวดและใช้แรงงานพนักงานเยี่ยงทาสแล้ว สาวๆ ในบริษัทต่างก็ถอดใจไปตามๆ กัน พร้อมกับคิดไปในทางเดียวกันว่าใครก็ตามที่ได้คุณหนุ่มเป็นแฟนคือคนซวยแห่งยุค.. เขาใช้ดวงตาสีนิลนั่นจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ “ดูเหมือนว่าเธอจะขับรถไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่..” “อ่า..มะ..ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เห็นแบบนี้แต่หนูก็มีใบขับขี่นะคะ” เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “งั้นเหรอ แบบนั้นผมจะขอพักสายตาสักครู่นะ หวังว่าเราจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยการขับรถของเธอ” ดี..ดีมากเลย หลับไปซะเถอะ มาคอยจ้องแบบนี้มีแต่จะทำให้เธอเกร็งเปล่าๆ ช่วยหลับไปตลอดทางและพอถึงที่หมายค่อยตื่นขึ้นมาเถอะ นิดาขับรถมาสักระยะ เธอก็ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของเขา เมื่อหันมามองก็พบว่าเขากำลังหลับอยู่ หลับง่ายแบบนั้นเชียว..หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนกันนะ ดูแพรขนตานั่นสิ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังไม่มีขนตาที่งอนขนาดนั้นเลย นิดาเปิดไฟเลี้ยวก่อนที่เธอจะจอดรถข้างทาง เธอเอื้อมมือไปปรับเบาะเพื่อให้เอนไปด้านหลัง พร้อมกับหยิบผ้าห่มบนเบาะหลังมาห่มให้เขา อันที่จริงเธอมีผ้าปิดตาด้วย..หากว่าปิดให้เขาจะทำให้เขานอนสบายๆ มากกว่านี้ไหมนะ เมื่อคิดได้แบบนั้นนิดาก็หยิบผ้าปิดตาขึ้นมาแล้วใส่ให้เขาอย่างเบามือเพราะว่าเธอกลัวว่าเขาจะตื่น หลังจากนั้นเมื่อมองว่าเขาน่าจะนอนสบายแล้วเธอก็เริ่มขับรถออกมาอีกครั้ง ปลายทางอีกหนึ่งร้อยกิโลนิดๆ หวังว่ากาแฟที่เธอกินไปเมื่อเช้าจะช่วยกันผลักดันให้เธอขับรถถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ทว่าพอขับรถมาอีกหน่อยนิดาก็เปิดไฟเลี้ยวอีกครั้ง เธอเดินลงจากรถก่อนจะไปเปิดประตูหลังเพื่อหยิบหมอนรองคอมา หลังจากนั้นนิดาก็ค่อยๆ ประคองใบหน้าของเขาขึ้นมาแล้วใส่หมอนรองคอให้เขา อ่า..แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย เพราะหากเขาตื่นมาแล้วคอเคล็ดละก็ เขาอาจจะมาอารมณ์เสียได้ เธอเคยเป็นบ่อยๆ ทำให้ต้องพกอุปกรณ์การนอนเอาไว้อย่างครบถ้วนในรถ นิดาเริ่มขับรถออกไปอีกครั้ง และเพราะว่าเธอเอาแต่มองด้านหน้ารถทำให
like
bc
มาเฟียคนนี้เป็นของหนู
Updated at Jan 3, 2024, 19:33
หากไม่ยอม ก็แค่..ทำให้ยัยเด็กนั่นรักเขาก็ได้นี่ ไม่เห็นจะยากเลย! "แค่ส่งข้าวใช่ไหมคะ? หนูไปส่งแทนป้าก็ได้นะ" "ขอบคุณมากนะหนูไอรีส ห้องสี่ศูนย์หนึ่งนะจ๊ะ" ไอรีสส่งยิ้มให้ป้าใจ พร้อมกับรับถาดอาหารมาจากมือของป้า เธอเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างคุ้นเคย ก่อนจะกดลิฟต์เพื่อเดินทางขึ้นไปชั้นสี่ สี่ศูนย์หนึ่ง "ก๊อก!! ก๊อก!!" "อาหารมาส่งค่ะ!" "...เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อก" เธอดันประตูเข้าไป มีเสียงราวกับว่าเจ้าของห้องกำลังอาบน้ำอยู่ เธอวางถาดอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป "เท่าไหร่!" "คะ?" เขาเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันส่วนล่างเอาไว้ บนตัวของเขามันมีรอยสักมากมาย อีกทั้งบนใบหน้าตรงช่วงแก้มยังมีรอยแผลถูกฟันเป็นทางยาวถึงจมูก ถึงจะดูน่ากลัวแต่ปฏิเสธเสน่ห์ที่มากมายของเขาไม่ได้เลย.. รอยแผลเป็นนี้มิได้ดูเป็นตำหนิ แต่มันช่วยเสริมให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นมาต่างหาก "...ค่าอาหารนี่ เท่าไหร่?" อ่า.. เหมือนกับว่าเธอจะไม่ได้ถามป้าใจเลยว่าค่าอาหารนี่มันกี่บาท "ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าหนูลืมหยิบบิลค่าอาหารมาด้วย เดี๋ยวจะรีบเอามาให้ใหม่นะคะ!" ไอรีสหมุนตัวเพื่อที่จะเดินออกไป แต่เขาเดินเข้ามาคว้าแขนเธอเอาไว้ พร้อมกับหยิบเงินแบงก์พันให้เธอสองใบ "ไม่ต้องมาอีก..." "อ่า.. ขะ.. ขอบคุณค่ะ" เธอรับเงินนั่นมาพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ แต่พอเธอจะเดินจากไปก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับแขนเธอ "เป็นเด็กเสิร์ฟงั้นเหรอ?" "ไม่ใช่ค่ะ แค่มาช่วยเฉยๆ บางทีคุณควรจะปล่อย..มือหนู" เขาปล่อยมือเธอออก ไอรีสถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอก้มหน้าให้เขาอีกครั้ง พร้อมกับเดินไปที่ประตู "กริ๊ก!" ในขณะที่เธอจับลูกบิดประตูเขากลับเดินมาด้านหลังแล้วล็อกกลอน เขายืนอยู่ด้านหลังโดยที่ช่องว่างระหว่างเรามันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ! และ..ตอนนี้เธอกำลังหวาดกลัว "อ่า..มันแย่นิดหน่อย ตรงที่เธอปลุกมันให้ตื่นขึ้นมา..." ปลุกอะไรกัน ปลุกอารมณ์โมโหของเขางั้นเหรอ? เธอพูดอะไรผิดกันนะ เธอก็แค่เอาข้าวมาส่งตามปกติ "และ..เธออาจจะต้องเป็นคนช่วย ให้มันสงบลง" ไอรีสหมุนตัวมามองหน้าของเขา "บางที.. หากว่าคุณกินข้าว คุณอาจจะสงบลงก็ได้นะคะ" เธอคิดว่าเธอเป็นบ่อยๆ ในตอนที่หิวมากๆ เธอจะโมโห และนั่นเรียกว่าโมโหหิว เขาคงจะโกรธที่เธอเอาข้าวมาส่งช้าสินะ! ไอรีสถอนหายใจอย่างโล่งอก "ไม่เป็นไร หนูเข้าใจคุณดี มานี่สิคะ" "ห๊ะ!?" เธอกล่าวพร้อมกับจูงมือเขาไปนั่งบนโซฟา "แกงส้มไข่ปลานี่อร่อยมากเลยค่ะ คุณต้องลองชิมฝีมือป้าใจอร่อยไม่แพ้ใครแน่นอน!" ยัยเด็กนี่คิดว่าคำพูดของเขาเป็นคำพูดที่เธอสามารถล้อเล่นได้งั้นเหรอวะ!! "อ้าปากสิคะ" เธอยกช้อนมาจ่อที่ปากของเขา พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่คาดหวัง ให้ตายเถอะ! เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับสายตาที่ไร้เดียงสานั่น เขาอ้าปากเพื่อให้เธอตักข้าวป้อนเขา "ชื่ออะไร?" "ไอรีสค่ะ คุณดู..ใจดีกว่าที่คิดนะคะ" "หึ ด่วนสรุปไปรึเปล่าสาวน้อย เธอเห็นบนที่นอนนั่นไหม มันมีปืนและมีดวางอยู่ ฉันอาจจะทำร้ายร่างกายเธอก็ได้.." เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะพูดเพื่อตอกย้ำให้เธอกลัวเขาทำไมกัน!! "อร่อมไหมคะ?" "อืม ก็พอกินได้" "อย่างนั้นอารมณ์ของคุณ สงบลงแล้วใช่ไหมคะ พอดีหนูนัดเพื่อเอาไว้ที่ร้านอาหาร หนูคงจะต้องไปแล้ว" "แล้วถ้าไม่ให้ไปล่ะ?" เธอพึ่งจะเคยเจอคนเช่นนี้เป็นครั้งแรก... "แล้วคุณจะให้หนูอยู่กับคุณทำไมคะ ถ้าคุณเบื่อที่จะอยู่คนเดียว คุณลงไปด้านล่างพร้อมกับหนูไหม ที่นี่มีผับติดริมทะเลด้วยนะคะ" ฟาริคมองหน้าของไอรีสอย่างถูกใจ ยัยเด็กนี่ช่างพูดดีจริงๆ "ไม่ไป และก็ไม่ให้เธอลงไปด้วย!" วิ่งหนีไปเลยดีไหมนะ... ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่พื้นหากว่าวิ่งไปที่ประตู เขาอาจจะวิ่งตามไม่ทันเพราะเขานั่งอยู่บนโซฟา ฟาริคเอื้อมมือมาจับมือของไอรีสเอาไว้ "คิดว่าจะวิ่งหนีทันงั้นเหรอ? มานั่งตรงนี้สิ" เขาออกแรงดึงเบาๆ ให้เธอเดินมานั่งลงข้างเขา "กินสิ บอกว่าอร่อยไม่ใช่รึไง?" อ่า บางทีเขาอาจจะไม่ได้เลวร้าย อย่างที่เธอคิดก็ได้นะ ไอรีสหยิบจานขึ้นมาก่อนเธอจะตักข้าวใส่จานและนั่งกินข้าวหน้าตาเฉย "ไม่กลัวแล้วงั้นเหรอ?" เธอส่ายหน้าเบาๆ "หนูหิวมากกว่าค่ะ และก็คิดว่าคุณคงจะเหงา มาเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนแบบนี้ ไม่มีใครคบงั้นเหรอคะ?" ฟาริคหัวเราะ เขาหัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัว วันนี้เขามาเที่ยวงานวันเกิดลูกน้องของเขา แดนเนียล เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ พร้อมกับเป็นคนคุมพื้นที่แถวนี้ทั้งหมด ฟาริค คือมาเฟียที่ปกคลุมคนจำนวนมาก มีธุรกิจที่เป็นทั้งสีขาว สีเทา และสีดำ ที่วันนี้เขาไม่มีบอดี้การ์ดเพราะเขาสั่งให้เจ้าพวกนั้นลงไปสนุกที่ผับ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุดเขาก็เลย ใจดีกับลูกน้องสักวัน ยัยเด็กนี่กล้าว่าเขาไม่มีคนคบงั้นเหรอ? "อายุเท่าไหร่แล้ว" "หนูไม่คิดว่าเราสนิทกันจนขนาดที่หนูจะต้องบอกเรื่องส่วนตัวกับคุณนะคะ อีกอย่างคุณไม่ควรชวนหนูคุยเวลาที่หนูกำลังกินข้าว มันเสียมารยาทนะคะ!" . . .
like
bc
องค์หญิงตัวปลอมคนนี้ ถึงทีต้องหาทางรอด
Updated at Dec 19, 2023, 20:25
"มะ..ไม่นะเพคะเสด็จพ่อ ได้โปรด..ได้โปรดเมตตาลูกด้วย!!!" เธอร้องขอและอ้อนวอนด้วยทุกอย่างที่มี ดาเนียนั่งลงบนพื้นที่เย็นเฉียบของห้องโถงรับรองในพระราชวัง เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับขาขององค์จักรพรรดิผู้เกรียงไกรแห่งจักรวรรดิฮาญา บุรุษสูงศักดิ์ที่เธอเรียกขานเขาว่าเสด็จพ่อ องค์จักรพรรดิปรายตามองใบหน้างดงาม แววตาของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาหรี่ตาจ้องมองดรุณีน้อยที่เรียกเขาว่าพ่อด้วยสายตาดูแคลนและแค้นเคือง สายตาที่ไม่มีเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น "นำนางไปแขวนคอซะ!! เอาศพของนางไปทิ้งให้ไกลจากพระราชวัง อย่าให้เลือดที่ต่ำช้าของนางเปรอะเปื้อนพื้นดินของจักรวรรดิฮาญา" "เสด็จพ่อ!! ทรงทำเช่นนี้มิได้นะเพคะ!!" หวาดกลัว เจ็บปวดและไร้ทางเลือก ร่างกายของดาเนียสั่นเทาไปด้วยความกลัวและความเสียใจ มือทั้งสองของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ยังอุ่นอยู่ของท่านแม่ซึ่งเป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดินี้ เธอคือองค์หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาพี่ชายสองคนของจักรวรรดิ ดาเนียคือองค์หญิงผู้ที่มีแต่ขุนนางและเลดี้ชนชั้นสูงมาคอยเอาใจเพราะเธอคือแก้วตาดวงใจขององค์จักรพรรดิ เธอควรจะมีความสุขและยืนอยู่สูงส่งบนบัลลังก์สีทองนั่นสิ! มันควรจะเป็นเช่นนั้นถ้าหากความจริงไม่ถูกเปิดเผยออกมา... เธอมิได้มีสายเลือดของราชวงศ์เลย ท่านแม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์จักรพรรดิ ท่านแม่อภิเษกเข้ามาทั้งที่ตั้งครรภ์เธออยู่ แต่แล้วเธอผิด..ตรงไหนกัน? มีเหตุผลอะไรที่เธอสมควรตายในวันนี้ เรื่องของผู้ใหญ่ในอดีตเธอรู้เรื่องซะที่ไหนกันเล่า!! "พาสามีของข้ามาที!! ไปตามเคาน์เวสตินมาพบข้าเดี๋ยวนี้!" เธอนั่งอยู่บนแท่นประหารที่อยู่ใจกลางเมือง มีชาวบ้านมามุงดูการตายของเธอกันมากมาย บางคนก็โกรธแค้นด่าทอ ทว่าบางคนก็จ้องมองมาด้วยความเห็นใจ ดาเนียเลือกที่จะก้มหน้าลงเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมองเห็นสายตาเหล่านั้น มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเชือก ใบหน้าที่เคยงดงามเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เธอกำลังอยู่ในสภาพที่น่าเวทนามากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นในใจของดาเนียยังคงมีความหวัง เธอหวังว่าท่านพ่อจะมีเมตตายกเลิกคำสั่งประหาร หรือไม่สามีของเธอก็น่าจะมาช่วยเธอสิ นาธานน่ะรักเธอที่สุดเลย เขาจะต้องยินยอมช่วยเหลือเธอเป็นแน่! "ให้ข้าสั่งเสียภรรยาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด" หยาดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของดาเนียอีกครั้งเมื่อสามีโอบกอดเธอเอาไว้ "นาธาน ช่วยข้าด้วยเถอะ พาข้าหนีออกไปจากที่นี่ เจ้าทำได้ใช่ไหมที่รัก ข้ายังไม่อยากตาย.." เขาก้มหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา "ช่วยงั้นหรือดาเนีย เจ้าทำให้ตระกูลของข้าเดือดร้อนมากแค่ไหนยังไม่รู้ตัวอีกงั้นหรือ ข้าอุตส่าห์คาดหวังว่าจะได้เป็นองค์จักรพรรดิ ถึงได้แต่งงานกับสตรีที่มีดีแค่ความงามเช่นเจ้า" "...นาธาน นี่มัน..หมายความว่ายังไง?" "หมายความว่าข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าเด็ดขาด ชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าเอาชื่อเสียงของตระกูลเวสตินไปเสี่ยงหรอกนะ" นี่คือสามีที่เธอรักสุดหัวใจงั้นหรือ? อะไรกัน..เขากล้าทอดทิ้งเธอในยามที่ลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร! "ทำตามหน้าที่ของพวกเจ้าเถิด ข้าสั่งเสียกับภรรยาเสร็จแล้ว!" เขาแสร้งยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา ท่าทางเสียใจปลอมๆ ของเขาทำเอาเธออยากจะลุกขึ้นไปตบหน้าเขาสักที! เหตุใดตัวเองถึงได้โง่งมเลือกเขามาเป็นสามีกันนะ! แต่ทว่าในยามนี้ดาเนียถูกเชือกที่เย็นเฉียบถูกสวมเข้ามาที่คอ นักบุญเป็นผู้ที่เดินเข้ามาหาเธอ บนใบหน้าของบุรุษที่สวมชุดสีขาวเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา เขาหยิบกระสอบผ้ามากระสอบคลุมศีรษะเธอเอาไว้ ก่อนจะจับจูงมือของเธอเพื่อพาเธอมายืนตรงแท่นประหาร หากทหารดึงคันโยก พื้นกระดานด้านล่างก็จะเปิดออก ร่างกายของเธอก็จะหล่นลงไปแล้วเชือกก็จะรัดคอเธอแน่นทำให้เธอขาดอากาศหายใจไปในที่สุด... ความตายอยู่ใกล้กว่าที่คิดเอาไว้ เธอมีความสุขมากซะจนคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ เรื่องราวมันเริ่มต้นตรงไหนกันนะ มันผิดพลาดมาตั้งแต่ตรงไหนกัน เสด็จแม่ตายในคมดาบของเสด็จพ่อ พระองค์กล้าที่จะฆ่าเสด็จแม่ต่อหน้าเธอ ดาเนียพยายามทำความเข้าใจเสด็จพ่อว่าที่ท่านทำลงไปทั้งหมดมันเป็นเพราะความรักที่มากมายในใจของท่าน.. เพราะรักมากจึงมิอาจทำใจได้เมื่อถูกทรยศ แต่กับเธอเล่า ถึงเธอจะไม่ใช่สายเลือดแต่ว่าท่านเป็นคนเลี้ยงเธอมา อีกทั้งเธอยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย!! ระหว่างเธอกับเสด็จพ่อมันไม่มีความผูกพันใดๆ เลยงั้นหรือ? ดาเนียหลับตาลง เธอกำลังตั้งใจฟังเสียงของบทสวดเพื่อภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้อีก หากว่าความตายคือจุดจบ เช่นนั้นเธอก็เดินทางมาถึงมันแล้ว... แต่ทว่าเธอตายโดยที่ตัวเองมิได้กระทำความผิด เธอตายเพียงเพราะว่าเธอคือองค์หญิงตัวปลอม... แล้วใครกันนะที่เป็นคนเปิดโปงเรื่องนี้ เสด็จพ่อทรงทราบเรื่องที่เสด็จแม่ปกปิดเอาไว้ได้อย่างไร ในหัวพลันนึกถึงนักการทูตที่เดินทางมาจากเมืองแอชตัน เธอคิดว่าเธอรู้แล้วว่าเพราะอะไร สตรีที่เดินทางเข้ามาพร้อมกับทูตมีเส้นผมสีเงินเหมือนกับท่านพี่ไคแลน นางคงจะเป็นสายเลือดที่แท้จริงของท่านพ่อสินะ แต่ทว่ารู้แล้วอย่างไร รู้ความจริงแล้วอย่างไรเล่าในเมื่อชีวิตของเธอเดินทางมาถึงจุดจบแล้ว ลมหายใจสุดท้ายถูกพรากไปจากดาเนีย สิ่งต่อมาที่เธอเห็นนั่นคือความว่างเปล่าที่มืดมิด.... "เฮือก!" ดาเนียสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียง เธอกำลังหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อหอบเอาอากาศเข้าปอด แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่ยืนเรียงรายกันเต็มข้างเตียง เธอปรายตามองหน้าสาวใช้ทุกคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "น่าแปลกที่วันนี้องค์หญิงตื่นจากบรรทมไวกว่าทุกวันนะเพคะ" คาริวางอ่างล้างหน้าเอาไว้ข้างเตียงก่อนจะส่งผ้าขนหนูให้องค์หญิงของเธอได้เช็ดหน้า "นี่มัน...อะไรกัน?" ดาเนียยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ เพราะเธอปวดหัวจนแทบบ้า! "ไม่สบายหรือเพคะ รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!" ไม่สบายงั้นหรือ เธอตายไปแล้วจะมาป่วยอะไรกัน? "ดาเนียลูกรักของพ่อ!! เจ้าไม่สบายงั้นหรือ!!" ดาเนียปรายตามองใบหน้าของชายชราที่วิ่งมาหาเธอด้วยท่าทีเร่งรีบ มีหมอหลวงหลายคนวิ่งตามพระองค์เข้ามาอย
like
bc
เป้าหมายของฉันคือใด้เป็นภรรยาเจ้าป่า (ฮาเร็ม)
Updated at Nov 28, 2023, 02:21
สิงโตมันไม่มีฤดูผสมพันธ์ุที่แน่นอนหรอกนะ เพราะฉะนั้นมันจึงสามารถผสมพันธ์ุได้ทุกที่ทุกเวลา เจ้าแน่ใจไหมเซียร่าว่าร่างกายเล็กๆของเจ้าจะรับความต้องการของข้าไหว? “หลังจากนั้นเจ้าชายและเจ้าหญิงก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข..” แววตาของเซียร่าวัยเก้าขวบเป็นประกายเจิดจ้าในทุกครั้งที่แม่นมเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กหญิงฟัง “ว้าว ฟังดูสวยงามจังเลยนะคะแม่นม” หญิงชรายกมือขึ้นมาลูบผมเด็กน้อยเบาๆ ด้วยความเอ็นดู “คุณหนูเองก็จะมีเจ้าชายมารับออกไปจากที่นี่เช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องตอบรับการขอแต่งงานที่แสนโรแมนติกนั้นเอาไว้ให้ได้นะคะ” เซียร่าคือลูกสาวของวีรบุรุษสงคราม เด็กน้อยแสนงดงามถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์แลนด์ เธอเรียนรู้เรื่องมารยาทตามคำสั่งของบิดา และร่ำเรียนอย่างหนักเพื่อให้ยืนอยู่ในจุดเดียวกับชั้นสูงพวกนั้นเพราะว่าเดิมทีพ่อของเธอเป็นเพียงแค่สามัญชนเท่านั้น เธอรู้ดีว่าที่ท่านพ่อสั่งให้เธอเรียนเรื่องของชนชั้นสูงมากมายขนาดนั้นเพราะว่าท่านพ่อไม่อยากให้เธออับอายเมื่อเปิดตัวเข้าสู่สังคม โลกที่เซียร่ามองเห็นมันคือโลกที่มองผ่านทางหนังสือเท่านั้น เธอไม่สามารถก้าวเท้าออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ได้ กำแพงที่สูงชันพวกนั้นคือสิ่งกักขังหญิงสาวให้อยู่ในโลกที่พ่อของเธอสร้างขึ้นมา สิ่งที่พอเยียวยาหัวใจของเซียร่าคือนิทานก่อนนอนของแม่นมและหนังสือนิยายที่ฝากสาวใช้ซื้อมาให้เท่านั้น การได้ออกไปจากที่นี่มันคือความหวังที่เซียร่าเลิกหวังไปแล้ว ทว่าเมื่อเธออายุได้ยี่สิบปี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงอายุที่เลยวัยแต่งงานมานานมากแล้ว ด้วยความดีความชอบของแม่ทัพแลนด์องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้พาบุตรีของผู้กล้าเข้าไปในพระราชวัง เพื่อแต่งงานกับองค์รัชทายาท ทั้งที่จะได้ออกจากคฤหาสน์แลนด์อย่างที่หวัง แต่ข่าวลือเรื่องความเจ้าชู้ขององค์รัชทายาทมันคอยตอกย้ำว่าชีวิตของเธอมันคงไม่ได้แตกต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ เธอแค่เปลี่ยนไปอยู่ในพระราชวัง ไปอยู่ในกรงขังที่ใหญ่มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากอยากจะตามหาความรักและอยากเป็นอิสระเธอจะต้องหนีไปในระหว่างที่เดินทางไปยังพระราชวัง ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าการหลบหนีในครั้งนี้จะทำให้เธอได้พบเจอกับสิงโตที่แสนอบอุ่น เสือที่แสนเอาแต่ใจและงูพิษที่แสนเจ้าเล่ห์ "ยังไม่ตายใช่ไหม?" นี่คือรักแรกพบที่อยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่านใช่ไหมนะ ปกติแล้วตัวเอกก็อาจจะไม่ได้รักกันตั้งแต่ต้นเรื่องอยู่แล้วนี่ เขาคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเธอ และเซียร่าคิดว่าเธอกำลังตกหลุมรักชายเบื้องหน้าเข้าให้แล้ว "หากไม่อยากอยู่กับเขา ก็แค่มาหาข้า.." เขาคือพี่ชายของเพื่อนคนแรกที่เธอได้รู้จัก เป็นเสือจอมกะล่อนที่มีใบหน้าชวนเพ้อฝัน เธอไม่มีทางหลงกลเขาอย่างเด็ดขาด "มัวทำอะไรอยู่ ถอดเสื้อของเจ้าออกได้แล้วเซียร่า" หากจะนับว่าเสือเป็นจอมกะล่อน เช่นนั้นเจ้างูพิษตัวนี้ก็คงจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่แสนเอาแต่ใจสินะ "ข้าไม่คิดถอดเสื้อผ้าออกในยามที่อยู่ตามลำพังกับเจ้าอย่างแน่นอน!" ในบางทีคนรักที่เธอเพ้อฝันมาเนิ่นนาน อาจจะมาพร้อมกันทีเดียวสามคนเลยก็เป็นได้!  . . . ฝากกดติดตาม กดหัวใจ❤️ กดเข้าชั้นให้ด้วยนะคะ  ​  คำเตือน เรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็มที่นางเอกมีคนรักมากกว่าหนึ่งคน ใครที่ไม่ชอบหรือว่าไม่โอเคกับแนวนี้ผ่านได้เลยนะคะ มีฉากการร่วมเพศกับตัวเอกที่เป็นงูที่มีสององคชาตด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ เป้าหมายของฉันคือการเป็นภรรยาเจ้าป่า ❌ เป้าหมายของฉันคือการเหมาคนหล่อหมดป่า✅
like
bc
เมื่อฉันหลงรักตัวร้ายในนิยายสยองขวัญ
Updated at Nov 10, 2023, 00:59
นิ้วมือเรียวยาวไล้ไปตามกระจกเงาที่สะท้อนใบหน้าอันแสนงดงามชวนตะลึง ในขณะที่เธอกำลังพยายามตั้งสติประตูไม้พังๆนั่นก็ถูกถีบออกจนไม้ที่ผุพังกระจายไปทั่วพื้น เธอช้อนสายตามองหน้าผู้ชายสุดหล่อในชุดเกราะเหล็กแวววาวที่พึ่งเข้ามาใหม่ด้วยแววตาที่ตื่นตระหนกและตกใจ  ให้ตายเถอะ! เมื่อครู่เธอคิดว่าแสงสว่างจ้าเบื้องหน้ามันคือสัญญาณว่าเธอตายไปแล้ว และเธอตายไปแล้วแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เธอกำลังตกใจกับใบหน้าของเจ้าของร่างนี้โดยที่สติของเธอยังไม่ได้ได้เข้าที่เข้าทางเลย เธอจะต้องตกใจกับความหล่อเหลาของชายที่เข้ามาใหม่อีก นี่พระเจ้าจะให้เธอตกใจตายไปอีกครั้งหรืออย่างไร ถึงได้ทรงปั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของมนุษย์ออกมาได้สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ เขาตรงเข้ามาหาเธอและ..แน่นอนว่านี่มันคงจะเป็นนิยายโรแมนติกสักเรื่องที่เธอและเขาอาจจะเป็นพระเอกและนางเอก หรือว่าตัวประกอบในนิยายที่ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ.. หัวใจพลันเต้นแรงพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เขาสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอพร้อมกับโอบกอด.... "อย่าส่งเสียงร้องถ้าไม่อยากให้ดาบนี่แทงทะลุหน้าสวยๆของเจ้า" อะ..เอ่อ มันเกินเลยคำว่าโอบกอดไปมากเพราะว่าตอนนี้เขากำลังดึงผมเธอเพื่อให้เธอเงยหน้าไปด้านหลังพร้อมกับมีดสั้นที่สะท้อนแสงแวววาวจนเธอรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบเมื่อมันสัมผัสกับผิวหนังบริเวณคอของเธอ "อ่า..คือข้าคิดว่านี่จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอนค่ะ" เขามองหน้าเธอก่อนจะลดมีดที่กำลังทาบลงบนต้นคอเธอลง "มีทางเลือกให้เจ้าสองทางคือหนึ่งตายตรงนี้.." เธอไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์เบื้องหน้ามากนักแต่เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่านี่จะต้องไม่ใช่ฉากโรแมนติกในนิยายอย่างแน่นอน เพราะว่าเขาไม่ได้มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เจือปนด้วยความชื่นชอบแม้แต่นิดเดียว "เช่นนั้นข้าขอฟังทางเลือกที่สองหน่อยค่ะ" "ไปเป็นโสเภณีเพื่อต้อนรับแขกชนชั้นสูง" เธอกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อที่จะหาทางหนี ในใจกำลังคิดอย่างหนักว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เธอไม่ได้รู้เรื่องเหตุการณ์ตรงหน้าเลย แถมยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของตัวเอง "ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวข้าถึงเหลือทางเลือกเพียงแค่สองทางในเมื่อท่านสามารถเพิ่มทางเลือกที่สาม..อย่างเช่นการปล่อยข้าไปจากที่นี่" "แกล้งโง่รึไงเลดี้เชอรีน เจ้าเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น เพราะฉะนั้นเจ้าจึงไม่สมควรมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ" เธอขมวดคิ้วมองคนหล่อที่พร่ำอยู่คนเดียว โดยที่เธอไม่รู้เรื่องเลย "ขอโทษนะคะคือข้าจำอะไรไม่ได้เลย พอตื่นขึ้นมาข้าก็เดินไปที่กระจกแล้วท่านก็ถีบประตูเข้ามาทำท่าจะปาดคอข้า แล้ว..เชอรีนคือชื่อของข้าอย่างนั้นหรือคะ?" เขาเงียบไปสักพักก่อนจะดึงผมเธอเพื่อให้เธอก้มหน้าลง ด้านหลังตรงท้ายทอยของเธอมันมีเลือดไหลซึมออกมาแห้งเกรอะกรังไปหมด เขาถอนหายใจก่อนจะแสยะยิ้มออกมา "ความงดงามของเจ้านั้นหายากยิ่งนักเชอรีน บอกข้ามาหน่อยว่าเจ้าอยากมีชีวิตรอดหรือไม่?" เธอพยักหน้าเร็วๆ "เช่นนั้นเจ้าก็บอกกล่าวแก่พ่อของเจ้าว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับแกรนด์ดยุคโอนิกซ์ เขากำลังต้องการเจ้าสาวที่พร้อมจะแต่งงานกับเขาอยู่พอดี เจ้าก็แค่แต่งงานกับเขาแล้วสืบเรื่องของเขามารายงานให้แก่ข้า.." หมอนี่มัน..ตัวร้ายชัดๆเลย เป็นคนหล่อที่สารเลวสุดๆเอาชีวิตของเธอไปแขวนบนเส้นด้ายแล้วก็แกว่งไปแกว่งมาเพื่อล้อเล่นกับชีวิตของเธอ คอยดูเถอะเธอจะต้องหาทางเอาคืนอย่างแน่นอน "ได้ค่ะ ขอแค่ท่านให้โอกาสข้า ข้ายินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อที่จะทำตามความปรารถนาของท่านเลย..ว่าแต่ท่านชื่ออะไรอย่างนั้นเหรอคะ" เขามองหน้าเธอนิ่งๆก่อนจะลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอเบาๆ ริมฝีปากที่กำลังแสยะยิ้มของเขาบดขยี้ลงมาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เธอกัดฟันเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ลิ้นที่น่ารังเกียจของเขาลุกล้ำเข้ามาด้านใน "เป็นจูบที่รสชาติห่วยชะมัด" เขากล่าวพร้อมกับลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป "เจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นใครก็ต่อเมื่อเจ้าเห็นข้าอีกครั้ง..อย่าลืมหน้าที่ของเจ้านะเชอรีนเพราะว่าข้าจะส่งคนไปจับตาดูเจ้าจนกว่าเจ้าจะสามารถแต่งงานกับแกรนด์ดยุคได้" เธอมองหน้าเขานิ่งๆพร้อมกับกำมือแน่น เชอรีนอย่างงั้นเหรอ? เจ้าของร่างนี้ชื่อเชอรีนสินะ ขนาดเธอสวยขนาดนี้เขายังไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้มีความหลงใหลหรือว่าจังหวะตกหลุมรักอะไรเลย ที่นี่มันยังไงกันนะ..  เชอรีนยกมือขึ้นมาเช็ดปากตัวเองเธอถูไปมาจนริมฝีปากบวมเป่งด้วยความรังเกียจ และในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากบ้านไม้พังๆหลังนี้ทหารจำนวนหนึ่งก็กรูกันเข้ามาหาเธอ "พบตัวคุณหนูแล้วครับ!!" เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับความง่วงนอนที่ถาโถมเข้ามา เธอพยายามลืมตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย สิ่งสุดท้ายที่เชอรีนมองเห็นคือสาวใช้ผู้หนึ่งที่วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม นี่เธอปลอดภัยแล้วใช่ไหมนะ? เชอรีนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นมาจนอดจะรู้สึกหนวกหูไม่ได้ พอเธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็มีหญิงชราตรงดิ่งเข้ามาโผกอดเธอเอาไว้ "เชอรีนลูกรัก ลูกปลอดภัยดีใช่ไหม พ่อกับแม่ตามหาลูกซะทั่วเลย.." เธอมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า แน่นอนว่าเธอในตอนนี้ไม่ใช่เชอรีนตัวจริงและหมอก็บอกกล่าวแก่ทุกคนเอาไว้แล้วว่าเธอถูกตีที่ศีรษะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ความทรงจำของเธอจะขาดหายไปกับในบางเรื่อง  "เชอรีน? อย่าบอกนะว่าลูกจำอะไรไม่ได้เลย พระเจ้าช่วย!" หญิงสาววัยกลางคนเป็นลมล้มลงในทันทีจนสาวใช้ต้องรีบวิ่งเข้าไปรับร่างกายที่กำลังไร้สติของบารอนเนส ส่วนท่านบารอนไมเลสเขากำลังพูดคุยกับหมอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "คุณหนูคะ จำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ นี่เพนนีเองค่ะเป็นคนรับใช้คุณหนูตั้งแต่ที่คุณหนูยังเด็ก" เธอได้แต่ส่งยิ้มจางๆให้กับสาวใช้และผู้คนในห้อง "ขอโทษนะแต่ว่าข้าจำอะไรไม่ได้จริงๆ.." ...... "ลูกจะต้องแต่งงานอย่างเร่งด่วนที่สุดที่รัก เพราะว่าข่าวเรื่องที่เชอรีนหายตัวไปสองวันจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก" ในชนชั้นสูงถือว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากทีเดียว "จะให้ลูกแต่งงานทั้งที่ยังจำเรื่องอะไรไม่ได้แบบนี้เนี่ยนะคะ คุณยังมีความเป็นพ่ออยู่รึเปล่า?" "ก็เพราะว่าผมรักลูก
like
bc
พระเอกหลบไป ฉันจะรักท่านจอมมาร
Updated at Sep 26, 2023, 19:48
เกิดสงครามขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เป็นสงครามระหว่างมนุษย์และจอมมาร และแน่นอนว่ามนุษย์จะไปสู้พวกปีศาจได้ยังไง ในเมื่อมนุษย์เป็นฝ่ายแพ้ในทุกสิบปีทางฝั่งมนุษย์จะต้องส่งมอบหญิงสาวชนชั้นสูงที่ถือครองพรหมจรรย์ไปให้ท่านจอมมารเพื่อแสดงความจงรักภักดีใช่..สตรีที่กำลังเดินทางไปที่นั่นมันคือฉันเองมิลลา นิมฉันจดจำชาติที่แล้วของตัวเองได้อย่างคร่าวๆถึงเรื่องราวของที่นี่ว่ามันคือนิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งนิลลาคือตัวประกอบคนหนึ่งซึ่งไม่มีบทบาทใดๆในเรื่องนี้เลย ส่วนพระเอกคือนักบุญศักดิ์สิทธิ์ นางเอกคืออัศวินที่จะไปปราบจอมมาร เรื่องพระเอกนางเอกฉันไม่สนใจหรอกที่สนใจตอนนี้ก็คือฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน?นิลลาคือสตรีผู้งดงามที่แต่งงานกับเคาน์อินคา มอแอธ ชายที่อายุห่างจากฉันสามปีแต่ว่าหมอนั่นคือคนสารเลวผู้หนึ่ง เขาแต่งงานกับฉันเพียงเพราะว่าแอสลาสพี่ชายของเขาชอบฉัน ชีวิตที่ต้องเป็นเคาน์เตสมอแอธมันเลวร้ายสุดๆ ห้าปีเต็มที่ฉันอดทนและในที่สุดฉันก็ได้หย่ากับเขา ทว่าในชนชั้นสูงการถูกหย่านั้นถือว่าเป็นการเสื่อมเสียเกียรติและมันยิ่งเสียเกียรติมากที่สุดเมื่อไอ้เวรอินคาประกาศออกไปว่าในระยะเวลาห้าปีเขาไม่เคยร่วมเตียงกับฉันเลยเพราะฉันมันไม่มีอะไรดีให้เขามามัวเสียเวลาด้วยแน่นอนว่าชีวิตเส้นทางรักของฉันจบสิ้นลงตรงนั้นเพราะต่อให้งดงามมากแค่ไหนแต่หากมีข่าวลือแบบนั้นก็ไม่มีใครมาชายตามองฉันหรอก นี่ฉันจะต้องตายโดยที่ยังไม่ได้มีค่ำคืนสุดเร่าร้อนกับใครสักคนเลยอย่างงั้นเรอะ! ชีวิตมันจะเฮงซวยมากไปแล้วและไม่นานก็มีราชโองการประกาศออกมาจากองค์จักรพรรดิว่าฉัน เลดี้มิลลา นิม ถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทนของจักรวรรดิเพื่อส่งเครื่องบรรณาการไปให้จอมมาร...โอเค อย่างน้อยก่อนตายก็ได้มีค่ำคืนสุดเร่าร้อนกับจอมมารไม่ใช่รึไงกัน แล้วสตรีมีเยอะแยะทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยนะ หวังอย่างยิ่งว่านี่คงจะไม่ใช่ฝีมือของอินคาหรอกใช่ไหมรถม้าจอดที่ประตูชายแดนระหว่างมนุษย์และปีศาจ ทหารพวกนั้นใช้ให้ฉันเดินเข้าไปข้างในนั้น ด้วยตัวเองและด้วยตัวคนเดียว ไม่มีใครตามมาและไม่มีใครคิดจะเดินมาส่งเลยช่วยไม่ได้เพราะหากฉันหนีไปท่านพ่อท่านแม่จะต้องเดือดร้อน สาบานเลยว่าฉันจะทำตัวดีๆรับใช่ท่านจอมมารเพื่อให้เขาเมตตาและสงสารให้ข้าวให้ที่ซุกหัวนอน.."ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองปีศาจค่ะ..""..."ฉันกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ก้าวเท้าเพื่อวิ่งหนีเมื่อพบกับ..ปีศาจรูปร่างคล้ายปลาหมึกตัวสีชมพูที่มายืนต้อนรับ กว่าจะหาสติตัวเองเจอก็พบว่าฉันกำลังยื่นมือไปจับหนวดหมึกเส้นหนึ่งเพื่อกล่าวทักทาย"สวัสดีค่ะ ข้าชื่อมิลลา""อ่า ท่านมิลลาคงจะดีหากว่าท่านปล่อยมือออกจากดวงตาของข้า ตามมาสิคะข้าจะพาท่านเดินเข้าไปด้านใน"ดวงตาอย่างนั้นรึ ก็เห็นว่ามันคือหนวดปลาหมึกชัดๆ!"ท่านจอมมารเป็นคนยังไงอย่างนั้นหรือคะ คือข้าอาจจะต้องเตรียมตัว.."ปีศาจหมึกหัวเราะเบาๆ"ท่านจอมมารเป็นลูกครึ่งค่ะ ครึ่งปีศาจครึ่งมนุษย์ ข้าไม่อยากจะกล่าวเช่นนี้เลยแต่ว่าท่านจอมมารนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์มาก ท่านเองก็จะต้องทำใจในส่วนนี้"ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อัปลักษณ์อย่างนั้นหรือ..เรื่องนั้นมิได้เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะหากว่าเขาหล่อเหลาแต่นิสัยเหมือนอินคานั่นมันคงจะแย่มากๆ หวังว่าเขาจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่าปีศาจก็แล้วกัน"นี่คือแมดเดนค่ะ เขาคือหัวหน้าทหารของที่นี่ แน่นอนว่าเขาคือปีศาจที่หล่อเหลาที่สุดในดินแดนแห่งนี้ ท่านมิลลาห้ามหวั่นไหวไปกับเขานะคะ เพราะว่าท่านคือเจ้าสาวของท่านจอมมาร อีกอย่างเหล่าปีศาจสาวที่นี่คลั่งเขามากท่านคงไม่อยากจะมีเรื่องกับปีศาจพวกนั้นหรอกใช่ไหมคะ"เบื้องหน้าของมิลลามันคือโทรลล์หินตัวใหญ่ ที่สวมชุดเกราะในแบบพิลึกๆ นี่คือหล่อที่สุดแล้วอย่างนั้นเรอะ!! สาบานได้เลยว่าฉันจินตนาการใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ของท่านจอมมารไม่ออกเลยจริงๆ"โอ้..ข้าไม่มีทางเข้าแถวต่อคิวแย่งเขาจากปีศาจสาวที่นี่อย่างแน่นอนค่ะ มะ..ไม่มีทางอย่างแน่นอนเชื่อใจได้เลย"มันแย่เล็กน้อยตรงที่เธอไม่รู้ว่าปีศาจปลาหมึกเบื้องหน้ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ นางพาฉันเดินเข้ามาด้านในปราสาท ก็พบกับภาพวาดจำนวนมากที่ถูกแขวนเอาไว้ที่ผนัง"ข้าคิดว่าท่านมิลลาอาจจะต้องการ การปรับตัวเพื่ออยู่ที่นี่วันไหนที่ท่านพร้อมจะมอบร่างกายของท่านให้ท่านจอมมาร ท่านสามารถแจ้งข้ามาได้เลยนะคะ"เท้าของฉันหยุดอยู่ตรงภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนัง ใบหน้านี้มันอะไรกัน..ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครที่หล่อเหลาขนาดนี้มาก่อนเลย คนวาดนี่คือขายวิญญาณเพื่อวาดภาพนี้ไปแล้วแน่เลย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่สามารถสร้างสรรค์รูปวาดของคนที่หล่อเหลาขนาดนี้ออกมาได้หรอก"ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ ว่าแต่ในรูปนี้คือใครกันเหรอคะ?"ปีศาจหมึกเดินเข้ามาใกล้ๆมิลลา"อ๋อ นี่ก็คือท่านจอมมารยังไงล่ะคะ ถึงท่านจอมมารจะอัปลักษณ์แต่ข้ารับรองได้เลยว่าท่านจอมมารนั้นทั้งใจดีและมีเมตตา.."อัปลักษณ์อย่างงั้นเรอะ!! เจ้าหมึกชุบสีตัวนี้กล้าบอกว่าคนที่หล่อเหลาเช่นนี้อัปลักษณ์ได้ยังไงกัน!!"วันนี้..วันนี้เลยค่ะ"ปีศาจหมึกมองใบหน้าที่งดงามของมิลลาอย่างไม่เข้าใจ"วันที่ข้าจะมอบร่างกายให้ท่านจอมมารไงคะ ช่วยเลื่อนมาเป็นวันนี้ได้เลยค่ะ!!""เอ๋?"....ไม่ได้เขียนในแนวนางเอกขายขำมานานมากๆแล้ว เรื่องนี้เป็นแนวเบาสมองที่ดราม่าน้อยๆพอกรุบกริบ(ดราม่าน้อย = )ฝากกดติดตาม กดหัวใจ❤️ให้ด้วยนะคะ​
like
bc
พันธสัญญารักลวงใจ
Updated at Sep 23, 2023, 21:26
เลลีอากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในร่างใหม่ของอีกคน ชาติที่แล้วเธอตายเพราะสามีใจร้าย และชาตินี้เธอตั้งใจว่าจะหนีให้ไกลจากเขา เธอจะไม่รักเขาอีกเด็ดขาด
like
bc
ฉันเป็นชู้กับพระเอกนิยายเรื่องนี้ (ฮาเร็ม) 1
Updated at Sep 8, 2023, 04:22
ข้าชื่นชอบการเข่นฆ่านักเวทมากเลยนะแต่ว่าการจะฝังคมดาบลงไปบนร่างกายของเจ้ามันน่าเสียดายเกินไป ข้ารู้วิธีมากมายที่จะทรมานร่างกายของเจ้าจนริมฝีปากคู่นี้จะต้องร้องขอชีวิตจากข้าเลยล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีไหม
like
bc
ลูกสาวบุญธรรมของแกรนด์ดยุคปีศาจ (SS2)
Updated at Sep 2, 2023, 21:30
หุบปากซะบาร์ตัน หากท่านพี่อยากให้ข้าอยู่ด้วยในคืนนี้ สิ่งที่พี่ควรจะทำนั่นคือการสงบปากสงบคำ ข้าอารมณ์ไม่ดีและบางทีข้าอาจจะถาโถมในทุกความโกรธเกรี้ยวลงไปบนร่างกายของท่าน!!
like
bc
ลูกสาวบุญธรรมของแกรนด์ดยุคปีศาจ
Updated at Aug 6, 2023, 02:48
“เอลิซ่าไม่บ่อยนักที่จะมีสายตาเช่นนี้มองมาที่ข้าอย่าปฏิเสธเพราะรับรองได้เลยว่าเมื่อมันเริ่มต้นเจ้าจะไม่มีทางร้องขอให้ข้าหยุด”รูปลักษณ์ภายนอกที่ราวกับเทพเจ้ามันหลอกลวงเพราะที่จริงแล้วเขาคือปีศาจชัดๆ
like
bc
ต้องทำยังไงสามีตัวร้ายถึงจะหย่ากับฉัน
Updated at Jun 30, 2023, 21:09
เจ้าเอาชนะได้ทุกอย่างอยู่แล้วมาเรีย ทุกอย่างนั้นมันรวมไปถึงเอาชนะข้าด้วย แต่สิ่งที่เจ้าไม่อาจเอาชนะมันได้ นั่นคือความต้องการในใจของเจ้า…ที่มีต่อข้า ฟังเสียงหัวใจ..แล้วเดินมาหาข้าสิ "นี่คือจดหมายหย่าค่ะท่านดยุค รบกวนประทับตราลงไป...." ใช่แล้ว...ถ้าชายเบื้องหน้าของฉัน ประทับตราลงไปบนจดหมายหย่าฉบับนี้แล้วละก็ นั่นหมายความว่าชีวิตของฉันมันก็จะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น... ฉันดันตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของ มาเรีย เดอ อินโทเนีย...ตัวประกอบของนวนิยายดราม่าที่เป็นต้นเหตุแห่งความฉิบหายวายป่วงทั้งหมด ฉันตาย...อ่า..ๆไม่สิๆ มาเรียตายเพราะเธอนอกใจท่านดยุคเดอ อินโทเนีย เป็นการนอกใจในระหว่างที่ท่านดยุคไปออกรบยาวนานถึงสามปี และชายหนุ่มที่เธอไปเผลอมีอะไรด้วยนั่นก็คือ มาเดล ลาโม อีเทอนี่...พี่ชายของนางเอก เขาเป็นหนึ่งในองค์ชายที่ถูกบรรยายความหล่อเหลาถึงสามหน้ากระดาษเต็มๆ... นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดยุคเดออินโทเนียก่อกบฏเพราะเขาเคียดแค้นราชวงศ์ที่มาแย่งชิงภรรยาที่รักของเขา แต่...ถ้าคุยกันดีๆ  นี่อาจจะเรียกว่ามันคือความโชคดีหนึ่งเดียวของฉันก็ว่าได้เพราะว่าฉันย้อนเวลามาก่อนที่ท่านดยุคจะออกรบ ตอนนี้เรื่องราวมันยังไม่เกิด ถ้าหากว่าเราคุยดีๆ... พูดคุยด้วยความเข้าใจและ...หย่ากับท่านดยุคก่อนที่เรื่องราวมันจะเกิด นั่นน่าจะเป็นหนทางรอดเลยไม่ใช่รึไง!! "เอียลอส!! ขังดัชเชสเอาไว้ที่ห้องนอนอย่าให้ออกมาพบเจอผู้ใด...มาเรียต้องให้ข้าเตือนสติเจ้าสักกี่ครั้งว่าตระกูลเดออินโทเนีย เราจะไม่มีการประทับตราลงไปบนหนังสือหย่า ข้าจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและอย่าหวังเลยที่รัก..." เขาใช้จมูกโด่งเป็นสันของเขามาคลอเคลียที่พวงแก้มของมาเรียอย่างแผ่วเบา... "อย่าหวังว่าดวงตาคู่นี้ของเจ้าจะได้จ้องมองใครนอกจากข้าและคืนนี้หลังจากที่ข้ากลับมาจากพระราชวังแล้ว ข้าจะมาเตือนสติเจ้าด้วยร่างกายนี้อีกครั้ง...ว่าร่างกายของเจ้ามันชื่นชอบยามที่อยู่ภายใต้ร่างของข้ามากแค่ไหน..." สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธนั่นคือ...ดยุคเดออินโทเนียแซ่บมากจริงๆให้ตายเถอะ!!! เขาคือชายนักรบที่มีดวงตาสีฟ้าที่สามารถสะกดสายตาของเธอเอาไว้ได้ ผิวที่ถูกแดดแผดเผานั่นกลับดูเข้ากันอย่างน่าประหลาดกับใบหน้าที่คมเข้ม ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม...และในยามที่เขาครอบครองเธอ มันดี....อะ..เอ่อ ตั้งสติหน่อยสิมาเรีย!!! เธอจะตายแน่นอนถ้ายังไม่ยอมหย่ากับเขานะ... อ่า...นะ..นั่นมันอะไรกัน ความหล่อเหลาที่เจิดจ้าจนแสบตานี้... ในตอนที่คุณนักเขียนบรรยายความหล่อขององค์ชายมาเดล เธอยังคิดว่านักเขียนนี่ขี้อวยจริงๆ...และพอเธอมาเห็นใบหน้าของเขา ความหล่อเหลาสามหน้ากระดาษนั่นคือเรื่องที่ไม่เกินจริง หากจะเปรียบท่านดยุคเป็นหนุ่มคมเข้มที่มีกลิ่นอายของความดิบเถื่อน องค์ชายมาเดลนี่ก็คงจะเป็นคนที่หล่อแนวสะอาดสะอ้าน หล่อสะอาดเหมือนอาบน้ำทุกชั่วโมง... อย่าว่าแต่มาเรียคนเก่าเลยที่ทนไม่ไหว เธอเองก็ไม่มีความสามารถที่จะต้านทานคนที่หล่อขนาดนี้ได้เช่นกัน... "หากดัชเชสยังไม่มีคู่เต้นรำในค่ำคืนนี้ ได้โปรดส่งมือของดัชเชสมาให้ข้าได้หรือไม่?" ต้องปฏิเสธ เธอมีสามีแล้วอีกทั้งนี่มันยังเป็นหนทางที่นำไปสู่ความตายนะมาเรีย ต้องปฏิเสธเขา!! ใช่เธอควรจะกล่าวปฏิเสธ และเธอคิดว่าตัวเองปฏิเสธเขาไปแล้วอย่างชัดเจน แล้วทำไม... เธอถึงได้ตื่นมาในสภาพเปลือยล่อนจ้อนบนเตียงของเขาได้ล่ะมาเรีย!!! "เมื่อคืนการตอบรับของเจ้ามันช่างน่ารักน่าชังจังเลยนะมาเรีย..." "ลืม..มันเถอะเพคะ ลืมให้หมดและเราอย่ามาพบเจอกันอีกเลย!!" "คงจะทำเช่นนั้นไม่ได้ เจ้าน่าจะรู้ถึงการทำสัญญาของราชวงศ์ เจ้าเป็นคู่พรหมลิขิตของข้าแล้วมาเรีย เมื่อคืนข้าและเจ้ากล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าหินเวทมนตร์แล้ว...แน่นอนว่าเจ้าไม่อาจปฏิเสธข้าได้และข้า...จะไปคุยเรื่องนี้ในทันทีที่ดยุคกลับมาจากชายแดน" โอเค...ตอนนี้ก็นับถอยหลังวันที่เธอจะถูกดยุคเดออินโทเนียกะซวกท้องได้เลย . . . . คำเตือน เรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็ม นางเอกของเรื่องมีคู่นอนหรือว่าคนรักมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ใครที่ไม่ชอบแนวนี้ผ่านได้เลยนะคะ เป็นแนวสุขนิยม ดราม่ากรุบกริบ แต่จบดีแน่นอนจ้า  มาเป็นกำลังใจให้มาเรียได้นะคะว่าน้องจะสามารถหย่ากับท่านดยุคได้รึเปล่า? ขอบคุณทุกการติดตาม ขอบคุณที่ผ่านมาพบเจอผลงานของไรท์
like
bc
เมื่อฉันเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของนางเอก
Updated at Jun 30, 2023, 20:48
ตอบแทนที่ฉันดูแลตระกูลลู่ได้ดีขนาดนี้…ด้วยการนอนกับฉันสักครั้งสิคะ ชื่อซูเจินนั้นถูกตั้งขึ้นมาเพราะดวงตาที่สุกสว่างใสของทารกน้อย ความหมายของชื่อนี้ประจักษ์อยู่ใบหน้าของเด็กหญิงแล้ว ความสวยงามที่แท้จริง "อาเจิน...ลูกรู้ใช่รึเปล่าว่าตระกูลหนิงคือคู่ครองที่ดีที่สุด เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในยามนี้..." ไม่ใช่ตัวเลือกแต่คือทว่าเขาคือคนที่เธอจะต้องเลือกต่างหาก ตระกูลซูเกิดปัญหานิดหน่อย และปัญหาที่ว่านั่นก็คือเรื่องที่ซูเจินพึ่งจะทรมานบ่าวรับใช้ของเธอจนตายเป็นคนที่สามของเดือนนี้... นี่คือ...ปีศาจน้อยที่มีใบหน้างดงามเย้ายวนใจ ใครจะคาดคิดว่าแขนเล็กๆนั่นจะสามารถใช้จับแซ่ฟาดร่างกายของสาวใช้ซ้ำๆจนตายตกไปด้วยความอำมหิต ความรักที่มารดามีให้หล่อน นั่นคือพรจากสรวงสวรรค์ ซูเจินเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดจากบิดาที่พา...สตรีมากหน้าหลายตาเข้าบ้านทุกวัน "ทำไม...เราไม่ฆ่าคุณพ่อล่ะคะแม่ ทำไมถึงยังยินยอมให้ผู้ชายคนนั้น...อยู่ในบ้านหลังนี้อีก" นี่คือคำถามที่บุตรสาวตัวน้อยเฝ้าถาม...ผู้เป็นแม่ และที่น่าตลกนั่นคือ คนเป็นแม่เช่นเธอไม่รู้จะบอกกล่าวบุตรสาวว่าอย่างไรดี? ซูเจินเริ่มฆ่าสาวใช้คนแรก...ที่นอนกับพ่อของเธอ และแน่นอนเพราะว่าเธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซู นั่นทำให้ไม่มีใครกล้าจะปริปากบอกเกี่ยวกับสาเหตุการตายของสาวใช้ที่กล้าปีนเตียงนายท่านซู ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่พอเห็นเลือดค่อยๆกระจายตามพื้นแล้วมันทำให้ซูเจินรู้สึกดี ความหลงใหลเกิดขึ้นมาในใจอย่างห้ามไม่อยู่ หลงใหลใบหน้าที่บิดเบี้ยวของสาวใช้ตรงหน้าเมื่อถึงช่วงเวลาที่ลมหายใจสุดท้ายเดินทางมาถึง... อ่า...นี่มัน นางร้ายสุดๆไปเลยไม่ใช้รึไง การฆ่าคนต้องติดคุกและซูเจินคือผู้หญิงที่ถือได้ว่าชั่วช้า นางฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาและไม่สนใจเสียงร้องขอชีวิตจากพวกสาวใช้เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย... นี่มัน...บ้าบอมากทีเดียว  นิยายแนวเกิดใหม่เธอคนนี้อ่านมาไม่รู้จักกี่เรื่อง และแน่นอนรวมถึงเรื่องนี้ด้วย ค่ำคืนเมื่อวสันต์ผลิบาน นิยายอิโรติกดราม่าที่มียอดดาวน์โหลดกว่าสองล้านดาวน์โหลด นางเอกชื่อว่าลู่หลิน...เป็นเด็กสาวที่ถูกแม่เลี้ยงทรมานสารพัด พอพบเจอกับพระเอกที่เป็นทหารยศนายพล แน่นอนว่าพระเอกก็ฆ่าแม่เลี้ยงใจร้ายของลู่หลินที่มีชื่อว่าซูเจินในทันที "คุณหนู นายหญิงให้มาเรียนเชิญไปตัดชุดแต่งงานค่ะ" เธอพึ่งลืมตาขึ้นมาก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ชวนปวดหัวไม่น้อย และแน่นอนหากเธอจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่าความตาย สิ่งที่ง่ายดายที่สุดคือการปฏิเสธการงานแต่งในครั้งนี้ลงเสีย..... เนื้อเรื่องมันอาจจะเปลี่ยนไป และเธอก็จะได้ไม่ตายไปเหมือนเนื้อเรื่องเดิม แต่ทว่าเธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้...นั่นก็เพราะว่าเมนของเธอคือลู่ชิง พ่อของนางเอกเรื่องนี้!! เธอเฝ้าเขียนคอมเมนท์ด่าซูเจินมานับไม่ถ้วนที่หญิงชั่วผู้นั้นกล้าหักหาญน้ำใจเมนของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!! ต่อให้เลือกเส้นทางนี้ ปลายทางมันจะเป็นความตายก็ไม่เป็นไร เพียงขอให้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณลู่ก็เพียงพอแล้ว... ถึงตายก็ยินยอม!! . . . . .
like
bc
ภรรยาที่คุณไม่รัก
Updated at Jun 26, 2023, 23:12
ข้อแม้ในการหย่ามีข้อเดียวนั่นคือภายในเวลาหนึ่งปีหากว่าเธอไม่มีทายาทให้จวนไป๋ฟางหรงจะได้รับใบหย่าและได้ออกไปจากที่นี่เรื่องราวมันควรจะเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้หากว่าเขาไม่มารู้ทันแผนการของเธอเสียก่อน!! มีปัญหาขึ้นนิดหน่อย และปัญหาที่ว่ามันคือปัญหาที่ฟางหรงจะต้องแต่งงานเข้าจวนตระกูลไป๋แทนพี่สาว งานมงคลที่ไร้ความสุข ใบหน้าของคนในจวนต่างเต็มไปด้วยน้ำตา... ฟางหรงมีคนรักอยู่แล้ว  ความรักที่เลื่อนมาจากการเป็นสหายมาเป็นคนรัก...หนิงหลงเขาคือชายที่อยู่ในใจมาโดยตลอด  ทางตระกูลหนิงส่งของหมั้นมาที่จวนตระกูลฝูเรียบร้อยแล้ว เราจะได้แต่งงานกันถ้าหากว่านางไม่ต้องไปแต่งงานแทนพี่สาวซะก่อน มันเหมือนกับ...ความหวังของฟางหรงถูกทำลายลง นางจำต้องทนอยู่ในจวนท่านอ๋องไป๋ เป็นพระชายาที่ไม่เคยได้คุยกับท่านอ๋องแม้แต่ครึ่งคำ และแล้วความหวังของฟางหรงก็ได้เกิดขึ้นมา...เมื่อฮูหยินเฒ่าหยิบยื่นข้อเสนอให้กับนาง "เมื่อใดที่มีหลานให้ข้าเมื่อนั้นเจ้าจึงจะถือเป็นคนตระกูลไป๋โดยสมบูรณ์!!!" ใจจริงก็ไม่ได้...อยากเป็นคนตระกูลไป๋แม้แต่น้อย "รับทราบเพคะท่านย่า" ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงจะต้องยิ้มแย้มให้หญิงชรา นี่คือหญิงชราที่ฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ แล้วเธอเป็นใครจะกล้าไปเถียงหญิงชราผู้นี้กันเล่า!! "ดี ดูจากเมื่อคืนที่เฟยเทียนไปหาเจ้าแล้ว เรื่องหลานตัวน้อยก็คงไม่น่าจะยากเย็นอันใดหรอก ข้ามิใช่สตรีที่บ้าในยศศักดิ์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมายกน้ำชาไหว้ข้าทุกเช้า เอาเวลาไปทำเรื่องที่สมควรจะทำเถิด" อ่า...ดูๆ ไปแล้วที่นี่ก็มิได้เลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่ต้องมีพิธีรีตองสิดี นี่มันเรื่องถนัดเลยไม่ใช่รึไงกัน "ขอบคุณท่านย่าที่เมตตาเพคะ" "หนึ่งปี นับจากนี้อีกหนึ่งปีหากว่าเจ้าไม่อาจมีหลานให้ข้าได้ ข้าจะให้เฟยเทียนหย่ากับเจ้า!!! นี่ไม่ใช่คำขู่หรอกนะฟางหรง ทว่านี่คือโอกาส ตำแหน่งพระชายาจวนไป๋อ๋อง เจ้าจะรักษามันได้หรือไม่ก็อยู่ที่ความสามารถของเจ้าแล้ว" หนึ่งปี... นั่นหมายความว่าในหนึ่งปีนี้ถ้าหากเธอไม่ท้อง เธอก็จะได้หย่ากับท่านอ๋อง...ดีอะไรเช่นนี้กันนะ จากที่ไร้ซึ่งโอกาส บัดนี้เธอได้มองเห็นโอกาสแล้ว!!! มองเห็นเต็มสองตาเลย!! "ขอบคุณท่านย่าที่เมตตา" หญิงชราและสนมไป๋มองหน้ากันก่อนที่จะยกยิ้มขึ้นมา นางรู้ดีว่านี่คือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทางอำนาจ รู้ดีว่าหลานทั้งสองมิได้รักกัน แต่ทว่าสำหรับราชวงศ์แล้วเราไม่นิยมหย่ากันเพราะจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หญิงชราเองก็ไม่คิดจะให้เด็กสาวที่น่าสนใจผู้นี้หย่ากับหลานสุดที่รักของนางเช่นกัน แต่การบีบบังคับนั่นคือหนทางแห่งการทรมาน สู้เอาความหวังที่แสนริบหรี่นั่นมาทำให้ตัวของฟางหรงคาดหวังถึงทางรอดนั่นอาจจะดีกว่า เพราะฟางหรงจะอยู่ที่นี่นับจากนี้อย่างมีความสุข ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ขอให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์ก็แล้วกัน ฟางหรงเอ๋ย เจ้าก้าวข้ามประตูของจวนไป๋เข้ามาแล้ว อย่าหวังว่าจะได้ออกไปเลย!! . . . . . ฝากติดตาม กดหัวใจ กดเข้าชั้นให้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน อาจจะไม่ได้ตอบทุกคอมเมนท์แต่อ่านทุกคอมเมนท์แน่นอนจ้า
like
bc
เมื่อสามีของฉัน เป็นตัวร้าย (ฮาเร็ม)
Updated at Apr 26, 2023, 22:46
เวด้าตายด้วยน้ำมือของสตรีที่ชั่วช้านามว่าดาฟเน่ ก่อนตายเธอได้ร่ำร้องและอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้เธอมีโอกาสอีกครั้งเพื่อจะแก้แค้นสตรีผู้นี้เมื่อลมหายใจสุดท้ายหมดลงเธอได้ลืมตาฟื้นขึ้นมาในร่างของดาฟเน่แทน!!....
like
bc
ตัวประกอบเช่นข้าจะรักท่านเอง(ฮาเร็ม)
Updated at Apr 15, 2023, 18:40
ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีสิมิเกล โอบกอดข้าเอาไว้ให้แน่นเท่าที่แขนเล็กๆของเจ้าจะมีแรง พันธสัญญาผูกวิญญาณคือการผูกจิตชนิดหนึ่ง นี่คือเวทย์ขั้นสูงที่องค์จักรพรรดินิยมใช้กับองครักษ์หรือแม้แต่ขุนนางใต้บังคับบัญชา ผู้ถูกผูกวิญญาณจะทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างไม่มีทางปฏิเสธได้ นิยมใช้ควบคู่กันไปกับวาจาศักดิ์สิทธิ์และผู้ที่สามารถทำการผูกวิญญาณได้ คือคนในตระกูลไฮริชน์เท่านั้น! เขามิได้ใช้มันกับองครักษ์คู่ใจอย่างที่ควรจะเป็นแต่เขาใช้มันกับ\'เธอ\' นั่นเป็นเพราะชีวิตที่เหลืออยู่มิอาจขาดเธอได้.. รักข้าให้มากขึ้นอีกสิ ให้ความรักที่มีให้ข้านั้นซึมลึกลงไปจนถึงชั้นกระดูก ฝังลึกหยั่งรากลงไปในจิตวิญญาณที่เศร้าหมองนั่น ชีวิตของข้านั้นไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ข้าต้องการเพียงแค่ความรักของเจ้ามาหล่อเลี้ยงจิตใจที่แหลกสลายดวงนี้ก็เท่านั้น . . มันผิด สิ่งที่ท่านเคาน์ไฮริชน์กำลังกระทำนั่นช่างเลวร้ายเหลือเกิน \'เธอ\'กำลังถูกกลืนกินไปช้าๆและเขาที่เป็นนักบุญศักดิ์สิทธิ์จะเพิกเฉยต่อการกระทำเช่นนี้มิได้!!! ต้องหาทางช่วยเธอออกมา ช่วยเธอออกมาจากความเจ็บปวดเหล่านั้น... ธีโอดอร์เก็บคัมภีร์บทสวดเอาไว้ในลิ้นชัก เขาตั้งมั่นในใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะช่วยมิเกลออกมาจากท่านเคาน์ผู้มืดมิด . . ความรักงั้นหรือ? เหตุใดต้องมีความรักในเมื่อความสุขในชีวิตมันสร้างขึ้นมาได้จากกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียง หากเรามีความรักเราจะนอนกับสตรีได้เพียงคนเดียวแต่หากว่าเราไม่มีคนรัก แน่นอนว่าเราจะสามารถนอนกับใครก็ได้ มากเท่าที่ใจต้องการ สิ่งที่เปลี่ยนความคิดของบุรุษที่บูชาเรื่องบนเตียงเช่นเขา นั่นก็คือเสียงด่าที่แสนจะแสบแก้วหูของเธอ  บัดซบชะมัด!!! ทำไมเขาจะต้องติดโรคที่น่ารังเกียจนี่มาด้วยนะ และคนที่มาคอยรักษาเขาคือสตรีที่งดงามยากจะละสายตาเช่นมิเกลเนี่ยนะ!! เธอต้องมาคอยเช็ดและทำความสะอาดความเป็นชายของเขา ที่ตอนนี้มันบวมเบ่งจนน่าสงสาร...แล้วเขาจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก!!!" . . . ฝากกด❤️+กดเข้าชั้นให้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ทั้งคนเก่าที่ติดตามกันมาและคนใหม่ที่ผ่านมาเห็น❤️
like
bc
ตัวร้ายที่จับฉลากใด้บทพระเอก
Updated at Mar 28, 2023, 17:42
ปกติแล้วนางเอกจะต้องร่วมมือกับพระเอกเพื่อกำจัดตัวร้าย แต่นี่เธอต้องร่วมมือกับตัวประกอบเพื่อเอาชนะสามีของเธอ!!! เธอตายไปแล้วครั้งหนึ่ง…ทว่าก่อนตายเธอได้วิงวอนต่อพระเจ้าขอให้ท่านคุ้มครองลูกสาวที่เป็นดั่งดวงใจของเธอ… แต่พระเจ้าดันส่งเธอย้อนเวลากลับมาตอนที่เธอยังไม่แต่งงาน…. ซึ่งนั่นมันก็ดี…เธอจะจัดการแก้ไขทุกเรื่องที่ผิดพลาดในอดีตรวมทั้งเธอจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูล “คำถามละสามเหรียญทอง…..” คามิเลียขมวดคิ้ว.. “ท่านเป็นนักเวทย์หรือว่านักต้มตุ๋นกันแน่!” “เจ้าไม่รู้หรอกคามิเลียว่าการทำนายแต่ละครั้งนั้นสูญเสียพลังเวทย์มากมายแค่ไหน!!” คามิเลียลอบมองแอสรันก่อนที่เธอจะวางเหรียญทองบนโต๊ะ “คำถามเดียวเท่านั้นค่ะ…ข้าจะได้เจอกับคาร่าลูกสาวของข้าอีกไหม..สมมุติว่า…ข้าแต่งงานใหม่แล้วข้ามีลูกเด็กคนนั้นจะใช่คาร่าไหมคะ?” “อืม..รอแปบ!” แอสรันเริ่มต้นร่ายเวทย์…ล้อมรอบตัวของคามิเลีย “ฟังนะคามิเลีย…หากเจ้าอยากเจอคาร่าลูกสาวของเจ้าอีก…เจ้าก็จะต้องมีอะไรกับท่านดยุคไคโรเท่านั้น….” คามิเลียสลดลงทันที….เธอคิดถึงลูกสาวของเธอแทบขาดใจแต่เธอไม่อยาก…กลับไปใช้ชีวิตในฐานะภรรยาของชายผู้นั้นอีกแล้ว “ข้า..คงจะหมดหนทางได้เจอลูกสาวแล้วสินะ….” “นี่เหตุใดถึงทำหน้าราวกับจะตายเช่นนั้นเล่า!!!” “ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของข้า…เมื่อรู้ว่าจะไม่ได้เจอนางแล้ว…ข้าก็รู้สึกราวกับโลกของข้านั้นพังทลายลง….” “นี่ฟังนะคามิเลีย…คนเรามีอะไรกันไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งงานกันเลย…เจ้าก็แค่ปลอมตัวนิดหน่อย…ข้าได้ยินมาว่าที่คฤหาสน์ไคโรจะจัดงานเลี้ยงเพื่อหาว่าที่ดัชเชส…เจ้าก็ปลอมตัวเข้าไป…..ซะก็สิ้นเรื่อง” “เจ้ากล่าวเหมือนกับว่าการเข้าไปในคฤหาสน์ไคโรเป็นเรื่องง่าย…” “คามิเลียเจ้าอย่าลืมสิว่าสหายของเจ้าเป็นใคร!!…ข้าคือจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่นะ!!!…แค่พาผู้ติดตามเข้าไปเหตุใดจะทำไมได้” คามิเลียถอนหายใจ….การเสี่ยงในครั้งนี้อาจจะทำให้เธอได้เจอลูกสาวอีกครั้ง…. เอาวะ!!..เป็นไงเป็นกัน…เธอยอมเสี่ยงไปขืนใจอดีตสามีสักครั้ง! ​​​​​
like
bc
ฉันคือแอปเปิ้ลในสวนเอเดน
Updated at Feb 28, 2023, 03:10
กฏข้อเดียวของการมีชีวิตรอดก็คือห้ามหลงรักซาตาน!!
like
bc
ทางเลือกของนักบุญหญิง
Updated at Feb 17, 2023, 04:11
เรือนผมสีบลอนด์ทองของเอวาสยายไปบนที่นอน ที่หลังเปลือยเปล่าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ผ้าคลุมผมและชุดนักบุญของเธอถูกกระชากออกไปกองที่พื้น เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงที่น่าอายออกมา ดวงตาทั้งสองข้างของเธอรื้นไปด้วยน้ำตา เขาก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้เธอ สัมผัสที่อ่อนโยนของเขาทำให้เอวารู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย เขายังคงส่งมอบความหฤหรรษ์ให้เธอจากจุดที่เชื่อมต่อกัน เอวาพยายามลืมตาขึ้นมามองใบหน้าเขา แต่ทว่าฤทธิ์ของไวน์องุ่นที่เธอดื่มฉลองในวันขอพรพระเจ้านั้นทำให้ดวงตาของเอวาพร่ามัว เขาโอบกอดเธอแน่น ทุกสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างอ่อนหวานและอ่อนโยนจนเอวาแทบจะหลอมละลายภายใต้ร่างของเขา “…เอวา” เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ เพื่อจะบอกกล่าวแก่เธอว่าเขารู้สึกดีเพียงใด เอวายื่นมือขึ้นไปโน้มใบหน้าเขาลงมาก่อนจะจุมพิตเขาเบาๆ เขายังคงตามใจเธออย่างว่าง่าย เธออยากทำเช่นใดกับร่างกายเขาก็ย่อมได้ เขาไม่แม้แต่จะขัดใจเธอ เอวากอดรับความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ…ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้เธอจะมองเห็นใบหน้าเขาเลือนรางทว่าสัมผัสที่เขามอบให้เธอ…เอวาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ค่ำคืนที่หวานล้ำขอเอวาผ่านไปอย่างช้าๆ จวนเจียนจะขาดใจ “พรึบ!!!” เอวาเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เธอก้มมองภายใต้ผ้าห่มสีขาว ไม่ได้….ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น…. เอวาเหลือบมองไปข้างเตียง เธอเอาผ้าห่มห่อตัวเพื่อเดินลงมาหยิบเสื้อผ้าไปใส่ เอวายกชุดนักบุญของเธอขึ้นมา ด้านหลังขาดวิ่นจนผ้าที่เย็บไว้แทบจะแยกออกจากกัน…. ส่วนกระโปรงด้านในของเธอถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทบจะไม่เหลือซาก “…..” เอวายกมือขึ้นตบที่หน้าผากตัวเอง ความรู้สึกปวดเอวและส่วนล่างนั้น…มันแสนจะชัดเจน เมื่อคืนเธอคงเสียตัวให้ใครสักคน….. รอบๆ ห้องนี้ไม่มีใครอยู่ เอววามองไปที่นาฬิกา ใช่แล้วตอนนี้เวลาสิบโมงกว่า เธอหายไปทั้งคืนเช่นนี้ ป้ามาธ่าน่าจะบิดหูเธอขาดทันทีที่เอวากลับไปที่โบสถ์ ใจเย็นๆ เอวา ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ….เธอจะใส่ชุดอะไรออกไปจากห้องนี้กัน เอวาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้ สถานที่นี้เธอมาค่อนข้างบ่อย ที่นี่คือโรงแรมเอเลฟีน่า…โรงแรมที่หรูหราที่สุดในจักรวรรดิ เอวามาปราสาทพรให้ผู้จัดการโรมแรมบ่อยๆ เขาให้ค่าตอบแทนเอวาในราคาที่สูง เพราะที่พักที่นี่ราคาแพงลิบลิ่ว เอวาชะงัก! เธอหวังลึกๆ ว่าชายคนเมื่อคืน….เขาคงจะจ่ายค่าโรงแรมแล้วใช่ไหมนะ…..เธอคงไม่ซวยถึงขนาดที่เสียตัวแล้วยังต้องมาออกค่าโรงแรมอีก เอวาเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ เอวาคว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงมาใส่ เธอพับขากางเกงขึ้นเพื่อให้สะดวกกับการก้าวเดิน หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเอวาก็เปิดประตูออกไปด้านนอก ก่อนออกไปเธอไม่ลืมหยิบเศษซากชุดนักบุญของเธอออกมาด้วย ที่นี่เป็นชั้นบนสุด..ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาพักเพราะค่าห้องชั้นบนจะแพงที่สุด เอวารีบวิ่งลงบันไดของพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอผู้คนด้านล่างด้วย “อ้าว!..เอวา?” เธอหันไปมองเสียงเรียกก็พบกับเจน “สภาพเช่นนั้นคืออะไรกัน…ท่านนักบุญ” เจนอมยิ้มให้เอวา เอวาหลับตาพร้อมทั้งหมวดคิ้ว “….อย่าบอกใคร” เจนหัวเราะ เจนและเอวาเติบโตด้วยกันมาในบ้านเด็กกำพร้า เอวาคือเพื่อนสาวคนเดียวของเธอ อีกทั้งเมื่อคืนคนที่ชวนเอวาไปกินไวน์องุ่นจนเมาก็คือเจนเอง “เอวา…เดินออกมาจากห้องไหน?” เอวาเม้มปาก “ช่างมันเถอะ” เจนยกมือขึ้นท้าวเอว เธอเริ่มมองเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์โมโหนิดๆ “จะช่างมันได้ยังไงเอวา!…ดูสภาพเจ้าก่อน คอแดงเถือกเช่นนี้…คงไม่ได้ทำไปแค่รอบเดียวหรอกนะ!!!” เอวายกมือขึ้นปิดปากเจน “เจน…เมื่อคืนข้าเมา..เลยมองหน้าเขาไม่ชัด” “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาว่าเจ้าออกมาจากห้องไหน…ข้าสามารถตรวจชื่อของแขกที่เข้าพักให้ได้” เอวาเม้มปาก “เจนตรวจชื่อแล้วยังไง…เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าก็จำไม่ค่อยได้ จะไปบังคับให้เขามารับผิดชอบข้าเหรอ เกิดเจ้าโวยวายให้เขามารับผิดชอบข้าแล้วเขาเป็นคนที่มีภรรยาอยู่แล้วล่ะ ชีวิตข้าจะไม่ยิ่งเลวร้ายไปกว่านี้เหรอ?” เจนถอนหายใจ พอเธอนึกตามที่เอวาพูดมานั้นก็มีเหตุผล “เช่นนั้นเจ้ารีบไปก่อนป้ามาธ่าจะฆ่าเจ้า” เอวารีบวิ่งทันทีที่เจนกล่าวจบ เธอปีนกำแพงเข้าทางข้างโบสถ์ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนักบุญหญิง โชคดีที่ชุดนี้ปิดขึ้นไปถึงคอ ไม่งั้นถ้าคนอื่นเห็นคงตอบคำถามกันไม่หวาดไม่ไหวแน่ เอวาเดินไปยังห้องสวดภาวนา…ทว่าไม่มีคนอยู่สักคน เธอรับวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ นักบุญส่วนใหญ่อยู่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เอวาใช้ถังน้ำมารองก่อนที่เธอจะปีนไปแอบดูที่หน้าต่าง ท่านนักบุญริกเกอร์ผู้ดูแลโบสถ์กำลังกล่าวกับนักบุญที่อยู่ในห้องโถง “เพราะฉะนั้นทางพระราชวังจึงให้เราส่งนักบุญที่มีพลังรักษาเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อไปออกรบในครั้งนี้” เอวาขมวดคิ้ว ออกรบงั้นเรอะ!! ให้ตายเถอะ เธอหวังอย่างยิ่งว่าท่านนักบุญริกเกอร์คงจะไม่ส่งผู้หญิงไปหรอก ใช่ไหม? “คนแรกที่จะเป็นหัวหน้าของนักบุญที่เดินทางไปครั้งนี้ คือ เอวา” “…..” “เอวา…รีบออกมา!!” เอวาคิดว่าเธอยังคงไม่สร่างเมา ไม่สร่างเมาแน่ๆ เหล้าองุ่นของเจนฤทธิ์ช่างแรงข้ามวันข้ามคืน “เอวา!!!” เอวาที่มองท่านนักบุญริกเกอร์ที่หน้าต่าง เธอรู้สึกเสียวๆ ที่สันหลัง เอวาหันหลังไปมองด้านหลังก็พบกับ ป้ามาธ่า ที่ยืนถือไม้เรียวมองเธออยู่ “…เอวา…ยังไม่รีบเข้าไปอีก!!!” เสียงของป้ามาธ่าที่เรียกเธอทำให้ทั้งห้องโถงใหญ่มองมาที่หน้าต่างที่เอวายืนอยู่ นี่มัน….วันซวยอะไรของเธอกัน!! เอวาเดินคอตกไปหาท่านนักบุญริกเกอร์ “คนต่อไป……” เอวารู้สึกว่าหูของเธออื้อจนไม่ได้ยินเสียงของท่านริกเกอร์ที่เรียกชื่อนักบุญคนอื่นเลย
like
bc
ค่ำคืนที่ร้อนแรงของ โอลิเวีย
Updated at Feb 16, 2023, 19:35
เธอตื่นมาพร้อมกับมีรอยสักรูปหัวใจที่หน้าอกคำสาปร้ายกำลังกลืนกินเธอวันที่พระจันทร์เต็มดวงร่างกายของเธอจะร้อนราวกับถูกไฟแผดเผาหนทางที่จะมีชีวิตต่อนั้นมีเพียงหนทางเดียวคือเธอต้องร่วมรักกับบุรษเท่านั้น!!..
like
bc
ฉันจะเป็นตัวประกอบที่ร่ำรวย
Updated at Dec 14, 2022, 20:11
เธอคือคนที่ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายดราม่าน้ำตาท่วมจอ เบลล่าไม่ได้ชอบพระเอก เธอไม่ได้ชอบตัวร้ายและเธอก็ไม่ชอบพ่อของนางเอกด้วย เธอชอบอย่างเดียวก็คือเงิน ใช่แล้วเธอจะเป็นตัวประกอบที่ร่ำรวยที่สุดในเรื่องนี้!
like
bc
มาแต่งงานกันไหม นายตัวร้าย
Updated at Dec 1, 2022, 19:31
มาแต่งงานกันเถอะค่ะ ข้าจะเลี้ยงดูปูเสื่อท่านอย่างดี ไม่ให้เดินไปในเส้นทางของตัวร้ายที่มีจุดจบคือความตาย ข้าจะรักท่านเองขอเพียงท่านมองมาที่ข้าคนเดียวก็พอ ตระกูลอาฟเฟอร์รวยมากนะคะ หากท่านไม่สนใจในตัวข้าสนใจเงินของข้าก็ได้
like
bc
ฉันจะตามจีบ พ่อของนางเอกเอง
Updated at Nov 10, 2022, 21:15
คำโปรย ฉันทะลุมิติมาในหนังสือที่เคยอ่าน หนังสืออิโรติกที่มียอดดาวน์โหลดกว่าสองล้านดาวน์โหลด “ค่ำคืนที่ร้อนแรงของโอลีเวีย” ใช่ไหม…แต่ชื่อก็ทำเอาเลือดกำดาวจะพุ่ง ส่วนเนื้อหาข้างนะไม่ต้องพูดถึง..หื้มมม นางเอกชื่อโอลีเวีย เป็นสาวน้อยสุดน่ารักที่เกิดในตระกลูอีเมอร์สัน เธอถือสตรีที่ร้อยปีจะกำเนิดขึ้นสักครั้ง เป็นสตรีที่มีพลังรักษาและพลังศักดิ์สิทธิในตัว ….แต่วิธีการรักษานี่สิ….ไม่ใช่การร่ายเวทย์แต่คือการร่วมรัก…./อ๊ายยยย ขอพักเช็ดเลือดกำเดาแปบ เรื่องนี้เป็นแนวๆกึ่งฮาเร็ม นางเอกก็รักษาชายหนุ่มไปเรื่อยๆจนได้พบกับ ดยุคฮาเกน เขานั้นหลงรักโอลีเวียตั้งแต่แรกพบ แต่ทว่าเมดิสันนั้นหลงรักดยุคฮาเกนมาเนิ่นนาน แผนการฆ่าล้างโครตนางเอกจึงเริ่มขึ้น สุดท้ายเธอก็ทำไม่สำเร็จเพราะดยุคฮาเกนมาปกป้องครอบครัวของโอลีเวียไว้ เมดิสันถูกดยุคฮาเกนแทงที่หัวใจจนตาย ตอนจบคือดยุคฮาเกนกับโอลีเวียได้ครองรักกันอย่างมีความสุขยังไงล่ะ…… มันจะดีกว่านี้ไหมหากว่า….ฉันเข้ามาเป็นตัวประกอบโง่ๆสักคน เข้ามาเป็นนางร้ายเนี่ยนะ!!!! แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่ พระเอกหรือบรรดาผู้ชายที่มาชอบนางเอกนั้น ไม่ใช่เมนฉันเลย เรื่องทุบตีแย่งผู้ชายกับนางเอกตัดออกไปได้เลย …เมนของฉันคนเดียวในเรื่องนี้คือ’ท่านอลาโน่ อีเมอร์สัน ‘…..พ่อของโอลีเวีย…. ฉันลืมตามามองกระจกอีกครั้ง ใบหน้าของเมดิสันนั้น โครตจะสวย!!! ฉันจะยกพระเอกให้นางเอกไปซะ…ให้มันจบเรื่องจบราว แบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ส่วนฉันจะเดินหน้าตามจีบ ท่านพ่ออลาโน่เองค่ะ!!!! “เจ้า…รู้สึกยังไงในตอนนี้….” อลาโน่เดินมาประชิดหลังของเธอ เขายกเส้นผมของเธอขึ้นไปจูบเบาๆ เมดิสันรู้สึกว่าตาของเธอกำลังพร่ามัว กลิ่นกายของเขาลอยเข้าจมูกของเธอ กลิ่นเหงื่อที่พึ่งผ่านสมรภูมิรักมากับสตรีอื่น….. “อะ…เอ่อ…ข้าสบายดีค่ะ” “เจ้ากำลัง….โกหก….” อลาโน่ยกนิ้วขึ้นมากดที่สะโพกของเมดิสัน “จะเป็นเกียรติมากหากข้าได้มีค่ำคืนที่งดงามกับสตรีที่ร้อนแรงที่สุดในจักรวรรดิ….” เมดิสันกัดปากเธอหันมามองหน้าอลาโน่ “…..ข้าจะมีค่ำคืนที่งดงามกับคนที่ข้ารักเท่านั้นค่ะ!!” อลาโน่เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะแสยะยิ้ม “ดยุคฮาเกนงั้นหรือ?” เมดิสันจับมือของอลาโน่มากุมไว้ “ไม่ใช่ค่ะ!!…คนที่ข้าชอบตอนนี้คือท่านดยุคอลาโน่ค่ะ!!!!” ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้อง อลาโน่มองเมดิสันอย่างตกใจก่อนที่เขาจะหัวเราะเยาะเธอ “นี่เป็น…วิธีเรียกร้องความสนใจแบบใหม่หรือเมดิสัน” “ข้าไม่ได้เรียนร้องความสนใจ…ข้าแค่ชอบท่าน ชอบท่านมานานแสนนาน” นานมาก…ก่อนจะทะลุมิติมาเข้าร่างนี้ด้วยซ้ำ “หากเจ้าหวังจะมีค่ำคืนที่งดงามและเร่าร้อน…ข้ายังพอจะให้เจ้าได้ ทว่าหากเลดี้จะหวังความรักจากข้านั้น…สิ่งนั้นข้าคงจะให้เลดี้ไม่ได้และไม่มีวันให้ใครได้อีกแล้ว….” อนาโน่ดึงมือเขาออกจากการเกาะกุมของเมดิสัน ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องรับรอง พระเจ้า….วันนี้เธอตกหลุมรัก สารภาพรักแล้วก็อกหักในวันเดียวกันเลยเหรอเนี่ย!!!! #ฉันจะจีบพ่อของนางเอกเองค่ะ
like